ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 453 ท่านอ๋องปลดตำแหน่งอีกครั้ง



บทที่ 453 ท่านอ๋องปลดตำแหน่งอีกครั้ง

ทั้งสองได้เข้าพบเบื้องพระพักตร์แล้ว ฮ่องเต้ชิงหยู่ ทรงแสร้งทำเป็นกำลังตรวจอ่านสาส์นฎีกากราบทูล ไม่ ได้เงยพระพักตร์ขึ้นมองทั้งสองคน เพียงตรัสถามด้วย สุรเสียงที่ไม่มีความสุขว่า: “ดึกดื่นเช่นนี้ยังเข้าวังมาอีก มี เรื่องอันใดถึงต้องร้อนใจเพียงนี้ ข้าไม่ได้พักผ่อน พวก เจ้าไม่กลัวต้องวิ่งกันจนขาหักหรืออย่างไร?

กงชิงวี่หยิบหนังสือฎีกาออกมา โยนอย่างไม่ใส่ใจ เข้าไปในอ้อมแขนของกั๋วจิ๋วน้อย กั๋วจิ๋วน้อยไม่เป็นวร ยุทธ เขาจึงต้องอาศัยสัญชาตญาณคว้าจับเอาไว้

ฮ่องเต้ชิงหยู่รู้สึกว่า มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทอด พระเนตรไปที่พวกเขาสองคนอย่างเย็นชา สีพระพักตร์ ดำคล้ำหนักอึ้ง!

“ช่างขวัญกล้าบังอาจนัก อยู่ต่อหน้าข้ายังกล้าบุ่มบ่าม กระทำเยี่ยงนี้ พวกเจ้าช่างไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแล้ว จริงๆ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่กวาดเอาฎีกาทั้งหมดบนโต๊ะทิ้งลงพื้นไปใน ทีเดียว

ขันทีน้อยตกใจจนตัวสั่นงันงก คุกเข่าลงบนพื้น พลาง ร้องขอความเมตตาไม่หยุด เมื่อมองไปที่ กงชิงวี่และกั่วจิ้ วน้อย ทั้งสองทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงวางตัว เฉยเมย ไม่แยแสดังเดิม

กั๋วจิ๋วน้อยประคองฎีกาเอาไว้ในมือทั้งสองข้าง:”กราบทูลฝ่าบาท หม่อมฉันได้รวบรวมข้อมูลบางอย่าง ที่ไม่เป็นผลดีต่อประเทศต้าเหลียง รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่อาจ ล่าช้าได้ ด้วยเหตุนี้ จึงได้เชิญผู้สำเร็จราชการแทน พระองค์ อ่องชื่อเจิ้น ให้ติดตามหม่อมฉันเข้ามายัง พระราชวังด้วยกัน เพื่อเข้าเฝ้าเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท ขอพระองค์เป็นผู้ตัดสินพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ค่อยสงบพระทัยอย่างช้าๆ ไม่ใช่อ่องเสียน พระองค์ก็รู้สึกโล่งพระทัยลงได้

“นำขึ้นมา”

ขันทีน้อยตัวสั่นด้วยความตกใจ ฮ่องเต้ชิงหยู่จึงต้อง ตรัสกับเขาว่า: “ลงไปนำขึ้นมา”

ขันทีน้อยได้ฟังสุรเสียงยามที่ฮ่องเต้ชิงหยู่ตรัสออกมา เสมือนดั่งพยัคฆ์กลางป่าเขาที่จู่ๆ ก็คำราม จึงตกใจตัว สั่นเทิ้ม รีบลุกขึ้นไปรับฎีกามาถวายให้ฮ่องเต้ชิงหยู่

ฮ่องเต้ชิงหยู่เปิดฎีกาออก ทอดพระเนตรเพียงครู่ สีพระ พักตร์หนักอึ้งจมดิ่ง: “ฟ้องร้องฮองเฮา?”

ฮ่องเต้ชิงหยู่โยนสมุดบันทึกลงพื้นอย่างรวดเร็ว เกิด เสียงดังพลั่กหนักๆ ขึ้นเสียงหนึ่ง กั๋วจิ๋วน้อยสูดลมหายใจ เฮือกใหญ่ ชำเลืองตามองไปที่กงชิงวี่ที่จนบัดนี้ ก็ยังไม่ หลุดเสียงอะไรออกมาสักแอะทำเอาเขาโกรธแทบตาย แล้ว

“ฝ่าบาท ในเวลานี้หากมองผ่านๆ เรื่องนี้อาจไม่มีอะไร แต่พอคิดให้ถ้วนถี่เท่านั้น หม่อมฉันก็รู้สึกกลัวอย่างยิ่งหากไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ในทันที เกรงว่าวังหลังอาจจะ มีการเปลี่ยนแปลงได้พ่ะย่ะค่ะ” กั่วจิ๋วน้อยกัดฟันพูดต่อ อย่างจําใจ

ฮ่องเต้ชิงหยู่ทอดพระเนตรกงชิงวี่: “เรื่องนี้เป็นความ ตั้งใจของเจ้าใช่หรือไม่”

“หม่อมฉันไม่กล้า!” กงชิง เอ่ยขณะลดศีรษะลง

ฮ่องเต้ชิงหยู่ตรัสอย่างเย็นชา: “นอกจากข้าแล้ว ไม่ว่า ใครก็ไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องฮองเฮาทั้งสิ้น นางเป็นผู้หญิง ของข้า ถึงตาให้เจ้ามาฟ้องร้องได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

ฮ่องเต้ชิงหยู่บันดาลโทสะ จนกวาดทุกสิ่งบนโต๊ะเบื้อง หน้าทิ้งลงพื้นไปจนหมด หยัดพระวรกายขึ้นตรัสถามว่า “เจ้าไม่ใช่เป็นเพราะ เรื่องที่ฮองเฮาตบหน้าพระชายาเสีย นสองครั้งหรอกหรือ?

เจ้าเข้ามาเถอะ ข้าจะให้เจ้าตีคืน มาดูกันว่าเจ้าจะกล้า ไหม เจ้ามีความกล้าหาญนี้หรือไม่

ข้ายังไม่ตายด้วยซ้ำ เจ้ายังคิดจะฟ้องร้องฮองเฮา หาก ข้าตายไป นางไร้บุตรไร้ธิดา เจ้าต้องหาทางตายให้นาง จนได้ใช่หรือไม่

เดิมที ข้าคิดว่าให้นางคอยอบรมเลี้ยงดูเจ้าจนเติบใหญ่ ให้เจ้าเห็นว่าข้าดีต่อเจ้าไม่น้อย เจ้าจะสามารถปฏิบัติต่อ นางด้วยใจที่มีเมตตาบ้าง

คิดไม่ถึงว่าเพียงตบสองฝ่ามือ ก็ทำให้ข้าได้เห็นหัวใจดำมืดของเจ้าแล้ว!

พี่สะใภ้ใหญ่ก็เหมือนดั่งมารดา นางตบหน้าพระชายา ของเจ้า หรือเจ้าคิดว่าจะไม่มีเหตุผลใดแม้แต่น้อยนิดเลย หรือ?

ข้าเป็นจ้าวผู้ปกครองประเทศ นางเป็นฮองเฮาของ ข้า เป็นมารดาของแผ่นดิน เจ้าเก็บจำไว้ในใจไม่คลาย ถึงเพียงนี้ เจ้ายังมีข้าอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่ ยังมีกฎ เกณฑ์ของราชาอยู่หรือไม่? ”

กงชิงวี่เอ่ยขึ้นว่า: “เรื่องนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ฐานันดรใดๆทั้งสิ้น เรื่องที่กั๋วจิ๋วน้อยตรวจสอบพบ มี ความสำคัญเกี่ยวโยงกับความเจริญรุ่งเรืองของประเท ศต้าเหลียงพระทัยฝ่าบาทหม่อมฉันสามารถเข้าใจได้ เช่นเดียวกับที่ฝ่าบาทตรงตรัสแล้ว ฮองเฮาตบหยินหยุน สองฝ่ามือ ก็เท่ากับตบลงบนหัวใจของหม่อมฉัน หม่อม ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจ เจ็บจน เสมือนร่างกายนี้ได้รับบาดเจ็บไปด้วย ”

“ กงชิงวี่ … นี่เจ้าหาญกล้าบีบบังคับให้สละราชบัลลังก์ อย่างนั้นหรือ?”

ฮ่องเต้ชิงหยู่กริ้วโกรธกระทั่งคำราม กงชิงวี่เงยหน้า ขึ้น: “ฝ่าบาท เรื่องการฟ้องร้องฮองเฮา หาใช่เรื่องของ หม่อมฉันเพียงผู้เดียวไม่ ท่านจะชี้หน้ากล่าวหาข้าให้มัน ได้ประโยชน์อันใด?”

“เป็นข้าชี้หน้ากล่าวหาเจ้า? หรือว่าเป็นเจ้ากันแน่ที่ กล่าวหาข้า เจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของข้าหรือว่าพระชายาเจ้ากันแน่ ที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทน พระองค?”

“ฝ่าบาทตรัสเช่นนี้ ความหมายคือ พระองค์ไม่ทรงคิด จะติดตามเรื่องของฮองเฮาแล้ว?”

“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”

“ฝ่าบาทไม่ต้องการแผ่นดิน ต้องการเพียงรอยยิ้มหญิง งาม หม่อมฉันเข้าใจแล้ว แต่หม่อมฉันยังคงมีบางอย่าง ที่จะพูด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วังหลังของฝ่าบาทมัน ช่างไร้ประโยชน์ ตั้งมาได้เสียเปล่ายิ่งนัก ไร้บุตร ธิดา สืบสายเลือด ราชนิกุลไม่ถูกทำลายจนสูญสิ้น ทั้งหมดก็ นับว่าเป็นผลงานของฮองเฮาแล้ว หม่อมฉันเป็นผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ไม่อาจสอดเท้าเข้าไปยุ่งในเรื่องนี้ อีกทั้งจะไม่เข้าไปยุ่งอีกต่อไป

ฝ่าบาท … หม่อมฉันขอลาออก!

กงชิงวี่ยกเสื้อคลุมขึ้น คุกเข่าทั้งสองข้างลง กระแทก ศีรษะคำนับสามครั้ง ลุกขึ้นและเดินจากไปทันที

กั๋วจิ๋วน้อยหันกลับไปมอง เห็นว่าคนจากไปแล้ว

กั๋วจิ๋วน้อยจึงรีบกล่าวว่า: “หม่อมฉันทูลลาพ่ะย่ะค่ะ!”

กั๋วจิ๋วน้อยหมุนกายจะจากไปอีกคน ฮ่องเต้ชิงหยู่จึง เรียกเขาไว้: “กลับไปเกลี้ยกล่อมเขาให้เขากลับมา ทำงานให้ข้า อย่าก่อเรื่อง
บอกเขาว่าเรื่องที่ฮองเฮาทำร้ายพระชายาเสียน ข้าได้ สั่งกักบริเวณฮองเฮาแล้ว ”

ก๋วจิ๋วน้อยหันกลับมา: “ฝ่าบาท หม่อมฉันมีบางอย่าง อยากทูลถาม แต่มิบังอาจถามพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องในฎีกานั้น ข้ารู้ดี”

“หม่อมฉันเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

กั๋วจิ๋วน้อยเก็บฎีกาที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วหันกาย เดินจากไป

เมื่อออกไป กั๋วจิ๋วน้อยได้เห็นกงชิงวี่ที่เดินไปไกลโข แล้ว จึงทอดถอนใจแล้วชี้ไม้ชี้มือเรียก: “หยุดก่อน!”

กงชิงวี่ถูกกลุ่มขันทีน้อย และกองทัพวี่หลินรั้งตัวเอาไว้ เขาหันมองกั๋วจิ๋วน้อย กั๋วจิ๋วน้อยเดินมาถึงตรงหน้าเขา อย่างไม่เชื่องช้า แต่ก็ไม่ได้รีบร้อน

“เรื่องนี้ คงไม่มีความเป็นไปได้ที่ใคร จะเป็นฝ่ายถอยให้ ก้าวหนึ่งแน่แล้ว พระองค์เป็นฮ่องเต้ การรับฟังคำบัญชา จากฝ่าบาท เป็นหน้าที่ของเจ้านะ เจ้าถึงกับละเลยหน้าที่ ของตัวเองเช่นนี้ นับว่าเจ้าไม่ให้ความเคารพเกินไปแล้ว จริงๆ!”

“อะไรที่เป็นของเขา ข้าล้วนให้เขาไปหมดแล้ว เกี่ยว อันใดกับข้าด้วย?” กงชิงวี่เย็นชาไม่แยแส

กั๋วจิ๋วน้อยสีหน้าจนใจทำอะไรไม่ถูก
“ พูดไปก็เหมือนว่าข้าจะหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ เป็นหนี้เจ้า แล้ว

แต่เพื่อการตบสองฝ่ามือ มันเพื่อ?

เรื่องของฮองเฮา ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดในวันสองวัน ใน เวลาเช่นนี้เจ้าหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เจ้ามีเจตนาร้าย แอบแฝงอยู่

หากเจ้าสามารถตรวจสอบค้นพบสิ่งอื่นใดออกมา จะ เป็นเรื่องอื่นใดก็ได้ มันก็คงไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ

แต่ทว่า ตอนนี้เจ้ามาพร้อมกับเรื่องนี้ เจ้าก็เท่ากับว่าไป

แตะเกล็ดย้อนของพระองค์เข้าแล้ว

เจ้าก็รู้ว่านี่เป็นข้อห้ามของพระองค์ข้อแรก ทำไมต้อง ยึดมั่น คว้าไม่ปล่อยถึงเพียงนี้ด้วย? ”

“ข้ายังมีเรื่องบางอย่างต้องกลับไปทำ อย่ามาคุยกับข้า ” กงชิงวี่สืบเท้าก้าวเดินออกไป แต่ถูกกั๋วจิ๋วน้อยหยุดเอา ไว้

“ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ข้ามาบอกเจ้าว่า พระองค์กักบริเวณ ฮองเฮาแล้ว มีพระประสงค์ให้เจ้ากลับไปทำงาน และ อย่าก่อเรื่องสร้างความยุ่งยากอะไรอีก ” กั๋วจิ๋วน้อยไม่มี ทางเลือกอื่น นอกจาก ถ่ายทอดสิ่งที่เขาต้องการจะพูด ออกมาทั้งหมด

พระองค์กักบริเวณ มันก็เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่สิ่ง ที่พระองค์รู้เห็นเป็นใจ สมยอมมาตลอดนั่น มันเป็นเรื่องของทั้งชีวิตนะ ฝ่าบาทรู้จักเจ็บปวด แล้วข้าคนนี้ไม่รู้จัก เจ็บปวดหรืออย่างไร?

สายสืบที่เป็นหูเป็นตาอย่างลับๆให้เจ้า มีอยู่ทั่วทุกหน แห่ง หรือเจ้าไม่รู้ว่าฮองเฮาทำร้ายนางไปกี่ครั้งกี่หน แล้ว?” กงชิงวี่ยิ่งรู้สึกโกรธเกรี้ยวมากขึ้นทุกที ไม่อยาก พูดอะไรมาก จึงไม่พูดอะไรออกมาอีกแม้เพียงคำเดียว

กั๋วจิ๋วน้อยรีบวิ่งไล่ตามออกไปอยู่ข้างหลัง: “นี่ไม่ใช่ครั้ง แรกเสียหน่อย ในอดีตเจ้ายังทนได้ ทำไมคราวนี้เจ้าถึง ทนไม่ได้แล้วเล่า?”

กงชิงวี่หมุนกายกลับมา ยกมือขึ้นตบกั่วจิ๋วน้อยไปหนึ่ง ฝ่ามือ เป็นหนึ่งฝ่ามือที่แทบตบกั่วจิ๋วน้อยตายได้เลยที เดียว

“ข้าล่ะจะใช้ฝ่ามือเดียว ตบเจ้าให้ตายไปเสียเลย จริงๆ รอให้วันไหนที่เจ้ามีผู้หญิงของตัวเองขึ้นมาก่อน เถอะ เจ้าก็จะได้รู้เอง ” กงชิงวี่ปล่อยมือลง ไม่ต้องการสื ซอให้กระบือฟัง

กั๋วจิ๋วน้อยกลับพูดอย่างสวนทางขึ้นว่า : “พวกเจ้าสอง คนมีอะไรต่างกันล่ะ? เขาปกป้องผู้หญิงของเขา เจ้าก็ ปกป้องผู้หญิงของเจ้า

อย่าบอกนะว่าเจ้านั้นแตกต่าง ไม่มีอะไรที่แตกต่าง แม้แต่น้อย เจ้ารู้ได้อย่างไรว่า ผู้หญิงของเจ้าคนนี้ ไม่ใช่ ผู้หญิงคนเดียวกันกับผู้หญิงของเขาในหลายปีที่ผ่านมา และเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผู้หญิงคนนี้ของเขาในตอนนี้ไม่ใช่ ผู้หญิงของเจ้าที่เป็นอยู่ตอนนี้? ”
“อย่าคิดมาเล่นเกมคำศัพท์พรรค์นี้กับข้า หากข้าเล่น กับเจ้าขึ้นมาจริงๆ เจ้าย่อมไม่ใช่คู่มือของข้า”

อารมณ์ของกงชิงวี่แย่ลงเรื่อยๆ เขาหันหลังแล้วเดิน จากไปทันที กั๋วจิ๋วน้อยเห็นเขาอยู่ในอารมณ์ต่อให้เอาม้า สิบตัวมาลากดึง ก็รั้งให้กลับมาไม่ได้ จึงไม่ได้พูดอะไร ออกมาอีก เพียงขึ้นรถม้าแล้วกลับไปก่อน

อันหลิงหยุนได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว จึงตื่นขึ้นมา สวมเสื้อผ้า จ้องมองคนที่กำลังเดินเข้ามา

“ไปไหนมาหรือเพคะ ไอพิฆาตคลุ้งไปหมดทั้งเนื้อทั้ง ตัวเชียว” อันหลิงหยุนขยับเข้าพิงเตียงด้านในอย่างนึก แปลกใจ

กงชิงวี่อยู่ที่ประตู ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก แขวนไว้ ที่ประตูซักทำความสะอาด จึงค่อยเข้าไปหาอันหลิงหยุน และเหล่าลูกน้อยสุดที่รักทั้งหลาย

อันหลิงหยุนไม่ได้รับรู้ผิดพลาดถึง ไอสังหารที่รุนแรง บนร่างกายของกงชิง เขาไม่ตอบ ยิ่งจะมีปัญหามาก ขึ้นกว่าเดิม

“ท่านอ๋อง ท่านคงไม่ได้วางแผนว่า จะไม่พูดแล้วใช่หรือ ไม่เพคะ?” อันหลิงหยุนจับยึดเรื่องนี้ไว้ไม่ปล่อย กงชิงวี่ แสดงออกชัดเจนว่าร้อนตัวจนอยู่ไม่เป็นสุข

“ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ไม่มีอะไรต้องพูด เวลาก็ไม่เช้าแล้ว พักผ่อนเถอะ”
กงชิงวี่ขึ้นไปบนเตียงและกอดอันหลิงหยุน อันหลังหยุ นถือโอกาสใช้ท่านี้ กอดคอของกงชิงวี่ไว้ และพูดว่า “ท่านอ๋อง ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ตราบเท่าที่มันไม่ใช่เรื่อง ที่ทำร้าย ทำลายโลกใบนี้ ข้าจะยืนอยู่ข้างเดียวกับท่าน แต่ถ้าท่านปฏิเสธที่จะบอกข้า ในอนาคตก็จงอย่าได้สืบ สาวราวเรื่อง ตามซักถาม หรือซักไซ้ไล่เลี้ยงอะไรข้าอีก เด็ดขาด”

“นั่นไม่ตกลง” กงชิงวี่นอนลงด้วยความไม่สบายใจ อย่างมาก

“ท่านอ๋องเพคะ สุดท้ายแล้ว มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน แน่?” อันหลิงหยุนพลิกตัว และกอดกงชิงวี่ไว้ กงชิงจ้อง มองเรือนร่างหอมกรุ่นในอ้อมแขน ยากที่จะควบคุมตัว เองได้แล้วจริงๆ ในที่สุดจึงเอ่ยปากบอกความจริง

อันหลิงหยุนครุ่นคิด: “เช่นนั้น ท่านอ๋องก็ปลดตำแหน่ง อีกแล้วหรือเพคะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ