ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 415 ใจไม่สงบ



บทที่ 415 ใจไม่สงบ

เพียงพริบตาก็ผ่านไปแล้วเดือนหนึ่ง

มีข่าวส่งมาจากชายแดนว่าหยุนจิ่นได้เดินทางไปถึง

แล้ว

อันหลิงหยุนอ่านจดหมายที่หยุนจิ่นใช้พิราบส่งมาแล้วก็ พลันถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

ยามนี้เสบียงจัดเตรียมไว้พร้อมสรรพแล้ว ทว่ายังไม่ได้ จัดการขนส่ง หยุนจิ่นกำลังรออยู่

กงชิงวี่เองก็ได้ข่าวท่านแม่ทัพอันแล้วเช่นกัน ยามนี้ทัพ ใหญ่ได้เดินทางไปถึงด่านชายแดนแล้ว ทว่าสถานการณ์ ไม่ใคร่ดีนัก ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันยาวนานเป็นเดือนแล้ว และทัพเราเสียหายย่อยยับ

กงชิงวี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อันหลิงหยุนจึง ได้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง

ยามนี้ร่างกายของอันหลิงหยุนหนักอึ้งขึ้นทุกที หลาย วันนี้ล้วนไม่ได้ออกจากห้อง

ประการแรกเป็นเพราะท้องของนางใหญ่โตจนน่ากลัว ราวกับถูกเป่าลม ประการที่สองเป็นเพราะช่วงนี้มือเท้า ของนางเริ่มบวมแล้ว แค่ขยับเขยื้อนไม่กี่ก้าวก็ล้วนเป็น เรื่องเปลืองแรง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเดินเหิน ฉะนั้น นาง จึงไม่ออกไปเสียเลยดีกว่า
แต่ตอนนี้เพิ่งได้รับข่าวจากหยุนจั่น อันหลิงหยุนจึงยัง ดีใจไม่หายและคิดจะบอกข่าวแก่กงชิงวี่ ทว่าเห็นสีหน้า เขาเคร่งเครียดปานนั้นจึงนั่งลงตามเดิม

“ท่านอ๋อง”

“หลิงหยุนเจ้านั่งลงเถิด” กงชิงวี่นั่งลงพยุงอันหลิงหยุน ให้นั่งดีๆ ก่อนจะหยิบหมอนมารองหลังไว้ให้นาง เพื่อไม่ ให้ร่างกายนางต้องทรมานนัก

อันหลิงหยุนอ่านจดหมายจากแม่ทัพอันจบไปรอบหนึ่ง “ท่านอ๋องเพคะ หากบอกว่าทั้งสองฝ่ายเริ่มรบกันแล้วเช่น นี้ ทัพเรายังบาดเจ็บล้มตายกันมหาศาล แต่แม่ทัพจุนก็ยัง ถ่วงเวลามาจนถึงตอนนี้งั้นหรือ”

“เรื่องถ่วงเวลานั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่เหตุใดถึงได้ถ่วง เอาไว้นั่นยังไม่แน่ ยามนี้ข้าทำได้เพียงรอข่าวจากท่าน พ่อตา และหวังว่าสงครามครั้งนี้จะจบลงโดยเร็ว”

“ท่านอ๋อง ยังทรงสงสัยว่าจุนเจิ้นตงจะคิดไม่ซื่อหรือ เพคะ”

“จะอย่างไรเสียจุนเจิ้นตงก็อยู่ข้างนอกนั่นมาหลาย ปี เขาอยู่ห่างไกลจากพระเนตรพระกรรณของฝ่าบาท เหลือเพียงบุตรสาวทั้งสองเท่านั้นที่ยังวางใจไม่ลง ทว่า บัดนี้บุตรสาวคนโตก็ตายอย่างอนาถไปแล้ว คนรองอยู่ ในวังก็ไม่ได้รับความโปรดปราน เขาไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว พอเสียใจเข้าจะไม่คิดเอาชนะก็เห็นจะยากเต็มที

หากว่าราชครูจุนยังเห็นเขาสำคัญก็ยังดีไป ทว่าราชครูจุนนั้นแต่ไหนแต่ไรมาก็ลงมือโหดเหี้ยมนัก ฮูหยินใหญ่ ตระกูลจุนแม่แท้ๆ ของเขาก็ยังถูกทำร้ายอีก นี่ไม่ใช่เรื่อง ที่คนปกติธรรมดาจะทำได้ ต่อให้ครั้งนี้เขาจะไม่คิดกบฏ ฝ่าบาทก็ต้องบีบให้เขาทำอยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าจะอย่างไร สุดท้ายแล้วก็ล้วนต้องทำเรื่องชั่วช้า”

อันหลิงหยุนถอนหายใจ “ตระกูลจุนเป็นที่แบบไหนกัน แน่ เหตุใดตระกูลเขาถึงได้มีแต่คนเช่นนี้ หากก็ไม่โทษจุน เจิ้นตงที่คิดกบฏหรอก หากเป็นข้าข้าก็คงคิดกบฏเช่นกัน บุตรสาวข้าใครก็อย่าหวังจะได้รังแก ต่อให้เป็นฝ่าบาทก็ เถิด”

อันหลิงหยุนเป็นทายาทของแม่ทัพอันโดยแท้ ไม่ว่า เรื่องอะไรล้วนทนได้ทั้งสิ้น ที่ทนไม่ได้มีเพียงอย่างเดียว คือลูกไม่อาจถูกรังแก

ช่วงนี้ร่างกายนางไม่ค่อยสู้ดีนัก นางจึงมักจะลูบท้อง ท้องด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยวพลางคิดเป็นห่วงลูกๆ

กงชิงวี่วางมือลงบนท้องอันหลิงหยุน “ข้าก็เช่นกัน ฉะนั้นข้าถึงได้ยิ่งเข้าใจจุนเจิ้นตงนัก

หากข้าก็ยังรู้สึกว่าจุนเจิ้นตงจะก่อกบฏนี้คงไม่ได้เป็น แค่เพราะบุตรสาวทั้งสองของเขาเท่านั้น ที่จริงแล้วยังมี เหล่าราชวงศ์อีกมากที่ไร้หัวใจ

หากฝ่าบาททรงคิดจะเข้าใจเขาจริง ก็คงไม่ทำให้บุตร สาวทั้งสองของเขาต้องลำบาก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ช้าเร็ว ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี”
“คงจะเป็นเช่นนั้นกระมัง”

อันหลิงหยุนนั่งไม่ได้ จึงเอนกายลง

กงชิง สงสารจับใจ ไม่อาจตัดใจปล่อยมือ จึงนั่งลง ข้างๆ เป็นเพื่อนนาง

เมื่อแม่ทัพอันดินทางมาถึงค่ายทหารแล้ว จุนเจิ้นตงจึง ได้ส่งคนออกมาต้อนรับ และก่อนจะคุกเข่ารับบัญชา

“แม่ทัพอันไม่ต้องเกรงใจ ข้าเพียงมาสนับสนุนเท่านั้น และแวะมาดูว่าสุขภาพร่างกายท่านเป็นอย่างไรบ้าง” แม่ทัพอันพยุงจุนเจิ้นตงขึ้นด้วยตนเองอย่างเกรงอก เกรงใจ

ทว่าจุนเจิ้นตงเพียงยิ้มออกมาเท่านั้น เมื่อเห็นยิ้มของ เขาแม่ทัพอันก็เข้าใจแล้วว่าจุนเจิ้นตงมีจิตคิดแปรพรรค ไปแล้ว ย่อมต้องระแวดระวังเป็นธรรมดา

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในคืนนั้นระหว่างที่แม่ทัพอัน กำลังหลับสนิทอยู่นั้นเอง

เสบียงในค่ายถูกเผากลางดึก ในค่ายพลันโกลาหลกัน ยกใหญ่ คนส่วนใหญ่ล้วนไปช่วยกันดับไฟ ข้างหน้ามีคน จะเข้ามาตีเมือง ในเมืองก็วุ่นวายกันจ้าละหวั่น มีคนก่อ ความสงบไปทั่วทุกที่

จุนเจิ้นตงพาทหารใต้บังคับบัญชาเข้าไปในกระโจม ที่พักของแม่ทัพอัน และหนึ่งในนั้นพลันเอ่ยขึ้นว่า “ท่าน แม่ทัพ เรื่องนี้ไม่อาจลังเลได้อีกแล้ว เราต้องรีบลงมือแล้ว”

จุนเจิ้นตงลังเลอยู่เล็กน้อย “แม่ทัพอันรบทัพจับศึกมา ทั้งชีวิต เดิมทีไม่ควรเป็นเช่นนี้ ให้ข้าคำนับเขาสามครั้ง ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ว่าแล้วจุนเจิ้นตงก็คำนับแม่ทัพอันสามครั้ง “แม่ทัพอัน จุนเจิ้นตงมีความจำเป็นเร่งด่วน ขอส่งท่านเท่านี้แล้ว”

พูดจบจุนเจิ้นตงก็หันมีดเล่มใหญ่เข้าหาแม่ทัพอัน เขา

ต้องเอาหัวแม่ทัพอันมาให้ได้

เพียงกวัดแกว่งมืดเล่มนั้นฟันลง โลหิตก็พลันสาด กระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง

“ท่านพ่อ!”

อันหลิงหยุนสะดุ้งตื่นกลางดึก ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งอยู่ บนเตียง นางตกใจจนเหงื่อไหลซึมออกมาทั่วทั้งร่าง

กงชิงวี่เพียงสะบัดมือเล็กน้อยใช้กำลังภายในจุดไฟใน ตะเกียงน้ำมันภายในห้อง ขณะที่อันหลิงหยุนนั้นมองกง ชิงวี่น้ำตาคลอ

“ท่านอ๋อง ข้าฝันว่าท่านพ่อถูกคนสังหารบนหลังม้า”

อันหลิงหยุนรู้สึกปวดใจนัก ปวดจนแทบเจียนตาย

นางเอามือทาบหน้าอกแล้วลุกขึ้นลงจากเตียง ทว่านาง เดินไม่ไหว ร่างกายนางนี้ช่างไม่เอาไหนเสียจริงๆ
กงชิง รีบลงจากเตียงมาพยุงนางไว้ อันหลิงหยุนเดิน ไปเปิดหน้าต่าง เจ้ากาก๋ายังคงยืนอยู่บนหลังคารอคอย ข่าวสารของวันนี้ ทว่าข่าวของคืนนี้มาถึงล่าช้า จนตอนนี้ ก็ยังมาไม่ถึง จึงเป็นเหตุให้อันหลิงหยุนไม่สบายใจ

“ท่านอ๋อง คืนนี้ยังไม่มีข่าวคราวเลยเพคะ”

“หลิงหยุนเจ้าวางใจเถิด ไม่มีเรื่องอันใดหรอก หากมี ข้าย่อมต้องรู้ก่อน” กงชิงวี่กลัวว่านางจะเป็นอะไรไปจึง ปลอบใจ

อันหลิงหยุนเองก็รู้สึกว่าคงไม่มีเรื่องอันใด ทว่านางไม่รู้ ว่าเป็นอย่างไร ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี

นางยืนได้เพียงครู่หนึ่งก็กลับไปพักผ่อน แต่ก็ยังนอนไม่ หลับ

เพียงหลับตาก็เห็นแต่ภาพเลือดของแม่ทัพอันสาด

กระเซ็นสนามรบ

จนถึงฟ้าสางอันหลิงหยุนได้หลับไปเพียงครู่เดียว เท่านั้น

ทว่าพอตกกลางคืน อันหลิงหยุนก็ลงจากเตียงมาขยับ ร่างกายเล็กน้อย หากจนตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ นางจึงกลุ้มใจนัก อ๋องตวนก็เอาแต่มาที่นี่อยู่อย่างนั้น นาง เห็นเท่าไรก็ยิ่งรำคาญใจ จึงได้เอ่ยวาจาไม่น่าฟังออกไป

“อ๋องตวนท่านเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว หากจะกล่าวถึงเรื่อง อายุอานามก็ยังมากกว่าอ๋องเสียนเสียอีก เหตุใดจึงไม่มีความก้าวหน้าเอาเสียเลย ยังมาตามพระชายาที่จวนนี้อีก หากท่านยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าพระชายาจะหนีไปก็ สมควรอยู่”

อันหลิงหยุนลุกขึ้นเดินจากไป ขณะที่อ่องตวนนั้นลุก ขึ้นชี้หน้านางพร้อมกับตวาดลั่น “ข้ามาหาคนก็ล่วงเกิน เจ้าด้วยหรือ ข้าจะให้เจ้าสามปลดเจ้าซะ!”

อันหลิงหยุนหันมาแล้วมองเขาพลางเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้ม อย่างนึกขันเจือแววเหยียดหยาม “ก็ลองดู”

“เจ้า….ถึงกลับกล้าโอหังเช่นนี้ต่อหน้าข้า!” อ๋องตวน แค้นสุมจุกอกจึงพลันระเบิดขึ้น

อันหลิงหยุนมองเขาอย่างเหยียดหยามเพียงแวบหนึ่ง แล้วหันกายเดินจากไป

อีกด้านหนึ่งนั้นกงชิงวี่ยังคงเอามือไพล่หลัง เห็นได้ชัด

ว่าไม่สบอารมณ์นัก เอะอะก็คิดจะให้เขาปลดชายา พวก

เขาใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาเกี่ยวกับเขาที่ตรงไหนกัน

“เจ้าสาม เจ้าปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจถึงเพียงนี้ เชียวหรือ” อ๋องตวนไม่อาจทนเห็นท่าทางจองหองไม่เห็น เขาอยู่ในสายตาของอันหลิงหยุนได้อีกแล้ว

กงชิงวี่ย่อมต้องปกป้องภรรยาเขาเป็นธรรมดา “พี่ รอง ท่านไปตามพระชายากลับมาจะดีกว่า พระชายาไป คราวนี้ต้องเกี่ยวกับการที่ถูกขังอยู่ในวังแน่ ท่านเอาแต่ ขังนางไว้ในวังไม่ใช่วิธีที่ดีนัก มิสู้ถามพระชายาว่าจะเอา อย่างไร แล้วก็ปรับเปลี่ยนแก้ไข เช่นนี้ถึงจะมีโอกาสรักใคร่ปรองดองกัน”

กงชิงวี่เอ่ยเกลี้ยกล่อม

อ๋องตวนมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ “แม้แต่เจ้าก็กล้า

ต่อว่าข้างั้นหรือ ข้าลาล่ะ!” อ๋องตวนหันกายออกจากจวนอ๋องเสียนไปอย่าง

เดือดดาล

เมื่อกงชิงวี่เห็นอ๋องตวนไปแล้วจึงได้กลับไปหาอันหลิง

หยุน

“เขาร้อนใจจะตามหาคนหรอก” กงชิงวี่พยุงอันหลิงหยุ นพลางอธิบาย

อันหลิงหยุนพยักหน้า “ข้ารู้ ข้าก็แค่หงุดหงิด จนถึงตอน นี้ยังมีข่าวคราวอันใดเลย แต่ที่หงุดหงิดก็คือหากเขาช่วย แบ่งเบาภาระท่านได้ ในเมืองหลวงก็คงไม่ต้องให้ท่านยุ่ง ยากไปเสียทุกเรื่องเช่นนี้”

“ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย เขาเองก็มีความสามารถของ เขา หลิงหยุนเพียงไม่รู้เท่านั้น”

“เช่นนั้นกระมัง”

สองสามีภรรยาสนทนากันจบอันหลิงหยุนก็พักผ่อนไป ครู่หนึ่ง แต่กลับฝันถึงแม่ทัพอันจนสะดุ้งตื่นอีกจนได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ