ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 383ตรวจสอบจนไม่อาจตรวจสอบได้



บทที่ 383ตรวจสอบจนไม่อาจตรวจสอบได้

อันหลิงหยุนประหลาดใจ นางคิดไม่ถึงว่าจะยังมีโลก ใบใหม่ที่นางไม่รู้จักอีก รีบถามว่า ” พ่อ ท่านเล่าให้ข้าฟัง หน่อยได้หรือไม่ ว่าแม่เป็นคนเช่นไร?

“มีอะไรให้พูดกัน ไม่พูดแล้ว เรื่องผ่านไปนมนานแล้ว เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีต่างหาก จึงจะสำคัญกว่า” แม่ทัพ อันปิดปากแน่นไม่พูดอะไรอีก อันหลิงหยุนรู้ว่าถ้าพ่อ ของนางไม่พูด ไม่ว่าจะถามอย่างไรเขาก็ไม่พูด ที่ผ่าน มานางจึงไม่เซ้าซี้ถามให้มากความ

“พ่อ เช่นนั้นคนของจวนอ๋องเจ็ดล้วนตายหมด ทั้งยัง ตายในต้าจงเจิ้งย่วน พวกเขาตายได้อย่างไร” อันหลิงหยุ นถามเกี่ยวกับเรื่องจวนอ๋องเจ็ด สีหน้ามืดครึ้มดำทะมึน ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง

“การตายก็แปลกประหลาดเช่นกัน พวกเขาล้วนตาย จากการแขวนคอ ขุนนางผู้ชันสูตรศพล้วนไปตรวจสอบ แล้ว แต่ตรวจสอบไม่พบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“แขวนคอตัวเอง?”

อันหลิงหยุนยิ่งตกตะลึงมากยิ่งขึ้น

“คนหลายร้อยคนในจวนอ๋องเจ็ด ล้วนแขวนคอตัวเอง กันทั้งหมดเลย?”

แม่ทัพอันเลิกคิ้วมอง: “เรื่องนี้หากจะพูดไปแล้ว คน หลายร้อยคนใช่ว่าจะใช้แซ่กงชิงทั้งหมดเสียเมื่อไหร่คนที่แซ่กงชิงมีไม่มาก ราวๆหกสิบถึงเจ็ดสิบคนได้ ที่ เหลือเป็นคนรับใช้ระดับล่าง คนเหล่านั้นถูกทำให้ กระจัดกระจายไปหมดแล้ว ย่อมไม่อาจเข้าไปในต้าจง เจิ้งย่วนได้ มีเพียงคนจากจวนอ่องเจ็ดเองเท่านั้น ที่จะ สามารถเข้าไปได้

คนเหล่านี้ ยังมีบางคนที่มีลูกอายุระหว่าง สี่ถึงห้าขวบ ไปจนถึงสิบเอ็ดถึงสิบสองอยู่ด้วย ล้วนแขวนคอตาย ทั้งหมดไม่มีเหลือแม้แต่คนเดียว

เรื่องเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการโยนความผิดให้คน อื่น หากว่าเป็นฝ่าบาทจริง เหตุใดพระองค์จะต้องทรงทำ สิ่งที่เสียเวลาเช่นนั้น ”

อันหลิงหยุนนิ่งงัน ลงมือโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ สุดท้าย แล้วต้องการจะทำอะไรกันแน่?

เป็นไปได้ไหมว่า ฆาตกรอาจไม่สามารถออกไปฆ่าด้าน นอก มาลงมือตอนนี้ จุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร กันแน่?

อันหลิงหยุนมาถึงต้าจงเจิ้งย่วน ผู้ที่มารับนางคือเว่ย หลิงชวน

“คารวะพระชายาเสียน ” เว่ยหลิงชวนก้าวไปข้างหน้า

โค้งคำนับ

“โจ่จงเจิ้นไม่ต้องมากพิธี”

“พระชายาเสียนขอเชิญด้านใน จงลิ่งกำลังรอพระชายาเสียนอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

อันหลิงหยุนเดินเข้าประตู ไปพบองค์หญิงใหญ่โดยตรง องค์หญิงใหญ่ในเวลานั้น กำลังประทับนั่งด้วยพระ อาการเหม่อลอยอยู่ด้านใน

อันหลิงหยุนเข้ามาค้อมกายคำนับ: “หม่อมฉันถวาย บังคมท่านป้าเพคะ”

องค์หญิงใหญ่หันพระวรกายมา ทอดพระเนตรอันหลิง หยุน สีพระพักตร์ซีดเซียวปรากฏอารมณ์เจ็บปวดโศก เศร้า ถอนพระปัสสาสะพลางประทับยืน

“ลุกขึ้นเถอะ”

องค์หญิงใหญ่ประทับยืนขึ้น อันหลิงหยุนจึงเดินเข้าไป ประคอง องค์หญิงใหญ่ทรงรู้สึกขบขัน: “ร่างกายเจ้าเป็น เช่นนี้ยังมาประคองข้า ช่างเป็นโชควาสนาของข้ายิ่งนัก”

“ แน่นอนว่าท่านป้า ย่อมเป็นผู้ที่มีโชควาสนาอันยิ่ง ใหญ่เพคะ”

“เฮ้อ”

“ท่านป้า มีใครที่ท่านกำลังคิดถึงเช่นนั้นหรือเพคะ?”

“แม้ว่าอายุของอ๋องเจ็ดจะไม่ได้น้อยที่สุด แต่เขาก็ นับได้ว่า เป็นคนที่ไม่เลวคนหนึ่งทีเดียว เขาไม่ใช่คน ชั่วร้าย” องค์หญิงใหญ่ตรัสไปพลางเสด็จออกประตูไป พลาง อันหลิงหยุนฟังด้วยความตั้งอกตั้งใจ
“พวกเขา ล้วนเป็นคนที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ฮ่องเต้องค์ก่อน ว่ากันตามข้อเท็จจริงก็ค่อนข้างดีกับ พวกเขาอยู่ไม่น้อย เพียงแต่พวกเขาปกป้องคนอื่น คิด เอาเองว่าฮ่องเต้องค์ก่อนไม่ใช่ฮ่องเต้ที่ดี เป็นเหตุให้พวก เขาต้องการยืดอานาจและเข้าแทนที่ บวกกับพวกเขาไม่ ได้เกิดจากมารดาคนเดียวกัน จึงมีข้ออ้างให้ทำเช่นนั้น

เสด็จพ่อก็ทรงมีพระทัยล่าเอียงรักพวกเรากว่าด้วย พวกเขาอิจฉาขึ้นมา จึงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเช่นนี้ อ๋องเจ็ดไม่มีความ ทะเยอทะยาน เขานั้นเป็นเพราะคนทั้งตระกูล ไม่ว่าเด็ก จนถึงชราล้วนติดร่างแห จึงต้องมีแต่ถูกมัด ถูกจองจำ ไปพร้อมกับพวกเขาด้วย

ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ข้าไม่มีหนทางปกป้องพวกเขา ได้เลย ”

องค์หญิงใหญ่พระอัสสุชลหลั่งไหลไม่หยุด อันหลิงหยุ นรีบหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาให้กับองค์ใหญ่ จนมือไม้ยุ่งเป็นพัลวัน

องค์หญิงใหญ่ทอดพระเนตรอันหลิงหยุนอย่างเมินเฉย ตรัสถามนางว่า “เจ้าเห็นว่าข้าเป็นผู้สูงศักดิ์ จึงคิดจะ ประจบประแจงข้าใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้วเพคะ!” อันหลิงหยุนรู้สึกขบขัน

องค์หญิงใหญ่ตรัสถามอีกว่า: “ได้ยินมาว่า จิ้งจอกหาง สั้นของเจ้านั้นไม่เลวเลย มีพลังวิญญาณสูงยิ่งนัก ข้าอยากได้นางมาคอยปกป้องดูแลรอบๆ เรือนพักจะได้ หรือไม่?”

“เกรงว่าจะไม่ได้เพคะ แต่หากท่านป่าชอบจริง ๆ หม่อมฉันก็สามารถไปหามาให้ได้ ส่วนจิ้งจอกหางสั้นจะ ยอมอยู่กับท่านป้าหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่หม่อมฉันพูด แล้ว จะสามารถจบเรื่องได้นะเพคะ”

‘ เจ้านี่นะ พูดจาเก่งกาจเป็นที่สุด”

องค์หญิงใหญ่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว: “เช่นนั้นอีก สักสองสามวัน เจ้าก็หามาให้ข้าสักตัวแล้วกัน”

“เพคะ.”

อันหลิงหยุนรับปาก แล้วจึงเดินตามเสด็จองค์หญิงใหญ่ ไปที่ห้องขัง

เข้าไปข้างใน ในห้องเก็บศพ อันหลิงหยุนเห็นคนราว หกสิบถึงเจ็ดสิบคนนอนอยู่บนพื้น บนร่างถูกคลุมทับ ด้วยผ้าสีขาว

อันหลิงหยุนออกห่างจากองค์หญิงใหญ่ เดินจากด้าน หนึ่งไปถึงยังด้านในสุด หันกายกลับไปมององค์หญิง ใหญ่

‘เหตุใดกระทั่งอ๋องเจ็ด พวกเขาก็ยังไม่ละเว้นกันล่ะ เพคะ?”

“ บางทีอาจเป็นไปได้ว่า ไม่ใช่พวกเขาไม่ละเว้นอ๋องเจ็ด แต่เป็นอ๋องเจ็ดตายเอง เจ้าเห็นไหม พวกเขาล้วน แขวนคอตัวเองกันหมด คนหนึ่งคน เข็มขัดหนึ่งเส้น แขวนคอตายตกไปตามกัน

นี่ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

ใครจะสามารถทำให้พวกเขา พร้อมใจกันไปตายด้วย ความสามัคคีเช่นนี้ได้? ”

องค์หญิงใหญ่ประทับยืนอยู่ที่ประตู ไม่ได้เสด็จเข้าไป นางดูโศกเศร้า พระพักตร์ซีดขาว

อันหลิงหยุนเดินไปยังเบื้องพระพักตร์องค์หญิงใหญ่ เอ่ยถามว่า “เป็นไปได้หรือไม่เพคะ ว่าพวกเขามีของ อะไรบางอย่างอยู่ในมือ ที่นำมาใช้ข่มขู่อ๋องเจ็ดได้?”

“คนฉลาดอย่างเช่นหยุนหยุน คิดว่าถ้าหากหยุนหยุน เป็นคนเหล่านั้น พวกเขาจะใช้อะไรข่มขู่อ๋องเจ็ดได้บ้าง ล่ะ?”

อันหลิงหยุนหมุนกายกลับมา คิดพิจารณาอย่าง ละเอียดถี่ถ้วน นางมองไปยังศพคนตายที่พื้น แต่ท้าย ที่สุดก็คิดอะไรไม่ออก ดังนั้นจึงทำได้เพียงส่ายหน้า

“อ๋องชินในตระกูลอ๋องเจ็ดตายไปทีละคน เป็นไปได้ว่า ตั้งแต่แรก พวกเขาก็พยายามที่จะผลักตระกูลของอ๋อง เจ็ดออกไปอยู่แล้ว ด้วยรูปแบบการวางแผนเช่นนี้ รอ จนกระทั่งเขาได้ขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้แล้ว ในตอนนั้นจะ ยังเหลืออะไรอีกเพคะ?”
ดังนั้น ข้าจึงอยากให้เจ้าไปตรวจสอบดูอย่างไรล่ะ”

องค์หญิงใหญ่หันพระวรกาย เสด็จออกไปด้านนอก เว่ยหลิงชวนส่งเสด็จองค์หญิงใหญ่แล้ว จึงกลับมาช่วย อันหลิงหยุนตรวจสอบสืบสวนคดี

อันหลิงหยุนเรียกให้อาหยู่มาที่นี่ สวมถุงมือและเริ่ม ตรวจดูศพที่อยู่บนพื้น ไม่มีใครตายเพราะถูกพิษ อีกทั้ง เป็นการแขวนคอตายเองทั้งหมดอีกด้วย

เมื่อเห็นสภาพพวกเขาแล้ว ตอนที่จะตาย ก็เป็นพวก เขาเต็มใจตายเอง

อันหลิงหยุนเข้าใจได้ยากจริงๆแล้ว แม้ว่าทุกคนในจวน อ๋องเจ็ด จะจงรักภักดีต่อคนผู้นั้น ถึงตายก็ไม่เสียดาย ชีวิต เช่นนั้นมันจะเป็นไปได้หรือว่าเด็กๆ ก็ล้วนถูก ล้างสมองไปด้วย?

นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!

หลังจากตรวจสอบเสร็จ อันหลิงหยุนจึงลุกขึ้น ทิ้ง ถุงมือและเดินออกไป

“เรื่องนี้ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าอย่างไรบ้าง?” เพราะองค์ หญิงใหญ่โศกเศร้าอย่างมาก จึงไม่สนพระทัยจะเข้าไป ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก อันหลิงหยุนทำได้แค่ ต้องจัดการ คดีนี้ด้วยมือตัวเองแล้ว

เว่ยหลิงชวนเป็นผู้ช่วยอันหลิงหยุน ในการสืบสวนคดี อันหลิงหยุนจึงทำได้เพียงแค่ถามเขาเท่านั้น
เว่ยหลิงซวนกล่าวว่า: “เรื่องนี้ฝ่าบาทไม่ทรงตรัสถามสิ่ง ใด เหมือนว่าพระองค์ทรงรอให้ฮ่องเสียนกลับมา เมื่อ คืนนี้องค์หญิงใหญ่ ก็ไม่ได้บรรทมตลอดคืนพ่ะย่ะค่ะ”

“ขุนนางผู้ชันสูตรล่ะ”

“ขุนนางผู้ชันสูตรเอง ก็ไม่อาจตรวจสอบสิ่งใดได้เลย เช่นกันค่ะย่ะค่ะ”

อันหลิงหยุนออกประตูไป: “โจ๋จงเจิ้น เจ้าว่าหากเป็น เจ้า ถูกคนบังคับควบคุม อะไรจะทำให้ครอบครัวของเจ้า ทั้งเด็กจนถึงคนแก่ต่อให้ต้องแขวนคอตายกันหมด ก็ยัง ยอมให้ควบคุมอีก อาศัยอะไรจึงทำให้เชื่อฟังได้ถึงขนาด นั้นกันนะ?”

อันหลิงหยุน บอกไปตามความจริงแล้วว่าสืบคดีไม่เป็น แต่เรื่องนี้นางไม่รู้ว่าทำไม นางถึงได้คิดถึงตระกูลเงิน คิดถึงเสินหยุนชูขึ้นมา

หากการฆ่าคนของจวนอ๋องเจ็ด เพื่อเป็นการเตือนเสิน หยุนชูว่า ถ้ายังไม่ยอมลงมืออีก ก็จะฆ่าล้างตระกูลเงิน ล่ะ?

อันหลิงหยุนวูบหนึ่งรู้สึกนึกกลัวในภายหลัง เรื่องนี้ถ้า ดูผ่าน ๆ อาจจะไม่มีอะไรแต่พอคิดดีๆให้ละเอียดถี่ถ้วน กลับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที

แต่ประเด็นสำคัญคือคนตายได้อย่างไรนี่ล่ะ

นางเป็นหมอคนหนึ่ง เรื่องนี้ค่อนข้างสร้างความลำบากให้นางไม่น้อยทีเดียว

อันหลิงหยุน ยืนอยู่ที่หน้าประตูต้าจงเจิ้งย่วน มองออก ไปข้างนอก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เริ่มมีคนจำนวนหนึ่งมารวม ตัวกันอยู่ข้างนอก อันหลิงหยุนเอ่ยถามเว่ยหลิงชวนว่า “โจ้จงเจิ้น เจ้าคิดว่าคนพวกนี้มาทำอะไรกันหรือ?”

“ยังไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ ผู้คนต่างรู้จนลือกันกระฉ่อนไปทั่วแล้ว เกรงว่าจากนี้ไม่ นาน อาจจะมีชาวบ้านบางคนเขียนบทความ เกี่ยวกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นไปได้พ่ะย่ะค่ะ”

“นั่นก็ช่วยไม่ได้ ข้าเป็นแค่หมอคนหนึ่ง ไม่รู้วิธีทำ คดี หากส่งมอบคดีมาให้ข้า มันคงกลายเป็นเรื่องตลก ขบขันของท่านเหล่านั้นไปจริงๆแล้ว”

เว่ยหลิงชวน มองอันหลิงหยุนอย่างอับจนคำพูดไปครู่ หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า : “พระชายาเสียน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ท่าน ควรพูดเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ เช่นนั้นข้าควรจะพูดอย่างไรล่ะ?” อันหลิงหยุนไม่เข้า ใจจริงๆเลย หรือจะบอกว่านางเป็นเทพเซียน ไม่ว่าสิ่งใด ก็รู้ไปหมด?

นางหันกายกลับเข้าเรือนไปดูองค์หญิงใหญ่

องค์หญิงใหญ่ยังทรงเหม่อลอย เมื่อทอดพระเนตรเห็น อันหลิงหยุน จึงทรงจัดฉลองพระองค์เสื้อคลุมบนพระ วรกายให้เรียบร้อย ทอดพระเนตรตรงไปยังอันหลิงหยุน
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

องค์หญิงใหญ่ทรงสงบนิ่งอย่างมาก ราวกับว่านางไม่ เคยสนพระทัยเรื่องคนที่ตายไป เสมือนว่าผู้ที่เคยหลัง น้ำตาออกมาก่อนหน้านี้ ไม่ใช่นางแต่อย่างใด

อันหลิงหยุนกลับไม่สามารถทำได้แบบนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ