ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 306 โลงเปล่า



บทที่ 306 โลงเปล่า

เมื่อเห็นจดหมายฉบับนี้ ข้าคงไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ได้ ฟังเจ้าบอกว่านี่เป็นชาติที่สองของเจ้า ก็รู้สึกอิจฉามาก

แต่เรื่องราวต่างๆหลังจากที่คนตายไปแล้วก็ถือว่าถึงจุด สิ้นสุดระดับหนึ่งแล้ว

ข้ารู้ว่าเวลาของข้าเหลือไม่มาก

ได้พบกับเจ้าก่อนจะจากโลกนี้ไป เป็นเรื่องที่โชคดีใน ชีวิตข้า

สิ่งเดียวที่ไม่สามารถวางใจได้คือมู่มิง

หวังว่าเจ้าจะไม่ผิดคำ

ปิ่นปักผมคือสิ่งที่ข้ารัก เก็บเอาไว้ยังได้ใช้ประโยชน์ ของสิ่งนี้ได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยเลือดพิษในร่างกายข้า มานานหลายปี เรียกได้ว่ามีพิษร้ายแรง

หากว่าเจ้าอยากถอนพิษในร่างกายข้า เพียงแค่ใช้ ลูกปัดที่อยู่บนปิ่นแช่น้ำ ก็จะได้พิษของข้า

ทุกสิ่งบนโลก ส่งผลกระทบเชื่อมโยงเป็นสายระโยงระ ยาง แต่ก็มีไม่น้อยที่ใช้พิษสู้กับพิษ

ของสิ่งนี้สามารถใช้ช่วยชีวิตได้ และก็ใช้ฆ่าคนได้เช่น

กัน

หนึ่งในนั้นยังมีถุงหนึ่งใบ หลังจากเจ้าได้มันแล้วก็ติดเอา ไว้บนหัว จำไว้อย่าให้ห่างตัวนานเกินไป นอกจากอาบน้ำนอนหลับตอนกลางคืน อย่าให้ห่างจากตัว

ยาพิษบนโลกใบนี้ จะไม่สามารถรุกรานเจ้าได้ภายใน หนึ่งร้อยเมตร

ถึงแม้จะพบกับยอดฝีมือในการใช้ยาพิษ พวกเขาก็ไม่ สามารถรุกรานเจ้าได้เช่นกัน อันหลิงหยุนสูดหายใจเข้าไปลึกๆ หยิบเอาปิ่นเงินมาดู

อย่างละเอียดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ปักเอาไว้บนหัว

เสินหยุนเจ๋เห็นว่านางปักไม่ตรง ยื่นมือออกไปช่วยเหลือ นิ้วมือที่สัมผัสปิ่นเงินเมื่อครู่ รู้สึกว่านิ้วมือเริ่มชา รีบยกมือ ขึ้นมาดู เปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว

อันหลิงหยุนอ่านจดหมายต่อ

จ้าจำไว้ ปิ่นอันนี้มีแต่เจ้าที่สามารถสัมผัสได้ วันนั้นที่ข้า ฝังเข็มไปที่คอของเจ้า ได้ใส่ยาถอนพิษเข้าไปร่างกาย ของเจ้าแล้ว เจ้าสัมผัสมันได้อย่างวางใจ

ส่วนท่านอ๋องของเจ้า เขาไม่สามารถสัมผัสได้

อันหลิงหยุนรีบหยิบมีดออกมา กรีดมันไปที่นิ้วมือหนึ่งที เลือดหยดหนึ่งหยดออกมาจากนิ้วมือ อันหลิงหยุนจับคาง เสินหยุนเจ๋เอาไว้ ให้เลือดหยดเข้าไป เงินหยุนเจ๋หน้าดำ ไปหมด ถอยหลังรีบนั่งลงไปกับพื้นแล้วทำสมาธิ

อันหลิงหยุนพันแผลที่นิ้วมือเสร็จ กงชิงวี่ที่อยู่ด้านข้าง จ้องไปที่ปิ่นปักผมบนหัวนางอย่างตกอยู่ในภวังค์
อันหลิงหยุนอ่านต่อ

จากกันวันนี้คือการจากลาตลอดกาล ก็รู้สึกเสียดายไม่ น้อย หากว่าปีนั้นคนที่ได้พบไม่ได้มีเพียงมู่มิง บางทีข้า อาจจะไม่ตายไปเช่นนี้

หวังว่าเจ้าจะดูแลตัวเองให้ดี

สู้สู้เขียนครั้งสุดท้าย!

อันหลิงหยุนเหลือบมองกงชิงหยินที่อยู่ด้านข้าง หน้า ของเขาไม่น่าดูเลย “นี่ระวังข้าเอาไว้หรือ?”

หากเป็นเวลาปกติอันหลิงหยุน คงจะหัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้นางกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ

อันหลิงหยุนหันหลังไปดูเสินหยุนเจ๋ ตอนนี้เสินหยุนเจ๋ ไม่เป็นอะไรแล้ว

เสินหยุนเจ๋ลืมตาขึ้นมาถาม “ทำไมก่อนหน้านั้นข้าถึง ไม่ถูกพิษ ปิ่นเงินข้าเคยหยิบออกมา อีกทั้งบนกระดาษก็ มีเพียงไม่กี่คำ ให้ข้านำกล่องมามอบให้เจ้า ตอนนี้ทำไมมี ตัวหนังสือมากมายเช่นนี้?”

อันหลิงหยุนกลับไม่รู้สึกประหลาดใจ “สู้สู้เป็นยอดฝีมือ ในการทำยาพิษ ถึงแม้นางจะตายแล้ว แต่ว่าพิษของนาง ไม่ได้ตายไปด้วย ตอนที่เจ้าได้รับกล่องมาครั้งแรก บน กล่องมียาถอนพิษอยู่เล็กน้อย แต่มันน้อยมาก สัมผัสแล้ว ก็จะหายไป”
เสินหยุนเจ๋ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร

รู้สึกอวัยวะภายในร่างกายกำลังเจ็บปวด เขาไม่ สามารถละเลยสิ่งเหล่านี้ได้

“เจ้าต้องพักผ่อนสักครู่ อานุภาพของพิษร้ายแรง ถึงแม้ จะมียาถอนพิษ ความสูญเสียของเจ้าก็มากเช่นกัน ไม่มี สิบวันครึ่งเดือนไม่หายเป็นปกติหรอก”

เสินหยุนเจ๋ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรง

นหลิงหยุนมองไปข้างหน้า เดินไปทางมู่มิง ไปถึงหน้า โลงศพ มู่มิงใช้พลั่วเปิดโลงศพออกแล้ว

อันหลิงหยุนก็ไม่แน่ใจว่านางจะทำอะไร ถ้าหากแค่ อยากเห็นสักครั้ง ทำให้โล่งกลายเป็นเช่นนี้ แล้วจะฝัง กลับไปอย่างไร

โลงศพเปิดออกอันหลิงหยุนก็อยากจะไปดูป้ายสู้สู้ แต่ ตอนที่นางก้มตัวไปดู ในโลงกลับว่างเปล่าไม่มีอะไร

อันหลิงหยุนตะลึงไป มู่มิงเองก็ตะลึงไปเช่นกัน

มู่มิงหาไปทั่ว ทั้งๆที่มันก็กว้างเท่านี้ นางกลับทำเหมือน ว่าหาไปทั่วโลก ร้องไห้ฟูมฟายราวกับคนบ้าอยู่ในโลงศพ

อันหลิงหยุนดึงกงชิงวี่ “ท่านอ๋อง พาข้าลงไป
กงชิง อุ้มอันหลิงหยุนลงไป อันหลิงหยุนหาข้างในสัก พัก ไม่เจออะไรเลย

อันหลิงหยุนนึกถึงสองคนนั้นที่เห็นตอนลมชั่วร้ายพัด

ก่อนหน้านั้น หรือว่าจะพาไปแล้ว?

มู่มิงคล้ายกับคนบ้า ไม่สามารถควบคุมได้เลย อันหลิง หยุนพยายามเต็มที่เพื่อให้นางสงบสติอารมณ์ เหลือบ มองกงชิงวี่ “ท่านอ๋อง ลงมือเถอะ”

กงชิงวี่ก็ไม่รอช้า ใช้มือตีไปที่ท้ายทอยของมู่มิง มู่มิง หน้ามืดสลบไป

กงชิงวี่อุ้มมู่มิงขึ้นไป อันหลิงหยุนอยู่ข้างล่างหาไปรอบ หนึ่ง นางอยู่ในโลงศพแต่หาอะไรไม่เจอเลย

แต่นางกลับหวังว่า เป็นคนแก่กับเด็กหนุ่มที่เป็นคนเอา ตัวไป

กงชิงวี่วางตัวมู่มิงไว้ข้างกายเสินหยุนเจ๋ หันหลังไปหา อันหลิงหยุน

“เป็นไงบ้าง?” พอถึงข้างล่างกงชิงวี่ก็ถามอันหลิงหยุน เขาก็ช่วยอันหลิงหาสักพัก แต่เขาก็หาอะไรไม่เจอ

นหลิงหยุนดึงกงชิงวี่ “พวกเราขึ้นไปเถอะ”

กงชิงวี่ก้มตัวอุ้มอันหลิงหยุนกระโดดขึ้นข้างบนไป พอถึงหน้ามู่มิงอันหลิงหยุนจึงตรวจดูให้นาง กล่าวว่า “นางตื่นขึ้นมาต้องอาละวาดอีกแน่ แต่ก็ไม่สามารถ จัดการเช่นนี้ได้ รอให้นางตื่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

กงชิงวี่ก็รู้สึกว่าเช่นนี้ดีที่สุด เลยพยักหน้ารับ อันหลิงหยุ นรอไปสักพัก มู่มิงตื่นมาก็จะตีคน กงชิงวี่คว้ามือของนาง เอาไว้เกือบจะไปตีโดนหน้าอันหลิงหยุน โยนมือนางออก ไปอย่างไม่ปราณี

“เจ้าจะจบไม่จบ? คนที่ทำให้ป่ายสู้สู้ตายคือคนของ จวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว”

มู่มิงสงบลงในทันที ตาแดงก่ำ มองกงชิงวี่ด้วยความ โกรธเคือง แต่นางไม่ได้อาละวาดต่อ แต่มองไปทางโลง ศพ

อันหลิงหยุนกลับกล่าวว่า “สู้สู้ไม่อยู่ข้างใน น่าจะเรื่องที่

มู่มิงมองไปทางอันหลิงหยุนช้าๆ เวลานี้ดวงตาของนาง

เฉื่อยชาไปแล้ว

อันหลิงหยุนลุกขึ้นเดินไปทางหลุมฝังศพ หยุดมอง เข้าไปในหลุมฝังศพ

“ข้าเห็นชายแก่คนหนึ่งกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัว ระหว่างการส่งศพ ตอนนั้นทุกคนถูกลมชั่วร้ายและฝน ที่กระหน่ำพัดจนเอียงกันไปมา ทุกคนต่างก็มัวแต่สนใจ ตัวเองไม่มีเวลาสนใจสิ่งอื่น ท่านอ๋องบังข้าเอาไว้ ข้าถึง มีเวลามองไปแวบเดียว แต่ก็เพียงแวบเดียว สองคนนั้นก็ หายไป ให้ความรู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตา
ถามท่านอ๋องดูแล้วเขาบอกว่าไม่เห็น”

อันหลิงหยุนหันกลับไปมู่มิง มู่มิงเหมือนกำลังคิดอะไร อยู่ “ถูกคนพาไปแล้ว? คนพวกนั้นเป็นใคร คนก็ตายไป แล้วทำไมต้องพาไป

“ข้าจะรู้ได้อย่างไร แต่ว่าก่อนหน้านั้นเคยได้ยินป่ายสู สู้พูดเอาไว้ แม่ของนางมีอาจารย์กับศิษย์พี่อยู่ ตอนที่คน ตาบอดตายได้แจ้งต่อพวกเขาแล้ว ไม่รู้จะถูกพาไปหรือ เปล่า ถ้าหากตายเพราะผูกคออย่างเดียว งั้นโอกาสรอด ของนางก็มีเยอะมาก

พอมูมิงได้ยินว่าป่ายสู้สู้ยังมีชีวิตอยู่ ก็สดชื่นขึ้นทันที มู่ มิงลุกขึ้นไปหาอันหลิงหยุน “ท่านไม่หลอกข้า?”

“ข้าสาบานได้ หากข้าหลอกเจ้า ขอให้ฟ้าผ่าตาย”

พูดจบอันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้นไปมองครู่หนึ่ง สวรรค์ ช่างไว้หน้าเต็มที่จริงๆ มิเช่นนั้นหากเหมือนกับกงชิงวี่เช่น นั้นแล้ว ถือว่าโชคร้ายตายเลย

มู่มิงเชื่อแล้ว นางเช็คน้ำตาออก ไปดึงกงชิงวี่ทันที “ไป”

“ปล่อยข้า เจ้ามาดึงรั้งเช่นนี้ได้อย่างไร ทำให้คนเข้าใจ

ผิด”

กงชิงวี่สะบัดมือออกดูแล้วเย็นชาไร้ความปราณี แต่เขา เหลือบมองอันหลิงหยุนอย่างกลัวๆ

เขายังจำเรื่องที่อันหลิงหยุนหลับไปก่อนหน้านั้นได้เป็นเพราะเรื่องที่จะแต่งมู่มิงเป็นพระชายารอง กงชิงวี่ ระมัดระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษ

อันหลิงหยุนเหลือบมองมือของกงชิงวี่ มู่มิงถูกสะบัดจน เกือบล้มหัวคะลํ

เดิมนางก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น แต่นางเหนื่อยเกินไป ไม่ได้กินอะไรมาสามวัน แล้วก็มาขุดหลุมฝังศพ นางไม่มี เรี่ยวแรงแล้ว

ฝนตกหนักทำให้สุสานเต็มไปด้วยดินโคลน เดิมก็เดิน ยากอยู่แล้ว ตอนนี้สำหรับมูมิงแล้วก้าวเดียวก็เดินลำบาก จริงๆ ฝืนยืนขึ้นมามู่มิงโมโหแล้ว

“กงชิงวี่ ท่านยังเป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องข้าอยู่หรือ ตอน เด็กๆท่านอยู่กับข้าทุกวัน ทำไมโตแล้วท่านถึงกลายเป็น เช่นนี้ไปได้?”

มู่มิงด่าเช่นนี้ กงชิงวี่ก็โมโห กล่าวด่าไปทางมู่มิง “รู้ว่าข้า เป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องเจ้า ก็อย่าออกนอกลู่นอกทาง เจ้า เป็นถึงจวิ้นจู๋ อย่าว่าแต่ที่ข้ากับเจ้ามีเพียงความรักแบบพี่ น้อง ถึงแม้จะมีอะไรจริงๆ ก็ไม่สามารถให้เจ้ากล้ำกลืนฝืน ทนเป็นแค่ภรรยารองได้ เหตุผลแค่นี้ยังต้องให้ข้าสอนเจ้า อีกหรือ?”

อันหลิงหยุนหดหู่ใจ เวลาไหนแล้ว ยังมีแก่ใจเถียงเรื่อง พวกนี้!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ