ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 123 การต่อต้านของราชสำนัก



บทที่ 123 การต่อต้านของราชสำนัก

จุดจบของการสร้างความไม่พอใจให้แก่กงชิงนาง ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่บนเตียงไปหลายรอบ อีกทั้ง ยังใช้ทักษะศิลปะการต่อสู้ทั้ง18 ชนิดจนหมดไปแล้ว ด้วย

อันหลิงหยุนตื่นขึ้นในตอนเช้า เอวและหลังของนาง ปวดเมื่อยระบมไปหมด แม้กระทั่งการลงจากเตียงยัง ต้องกินแรง

แต่สําหรับใครบางคน การจับๆ โยนๆ เมื่อคืนนั้นเทียบ เท่าได้กับยาชูกำลังขนาดใหญ่ ร่างกายของเขาสบาย อย่างยิ่ง

เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปก่อนเวลา

อันหลิงหยุนลุกขึ้นและทานข้าว วันนี้นางตั้งใจจะ จัดการกับตุ๊กแก ดังนั้นจึงไม่มีแผนออกไปไหน

เมื่อมองไปที่ตุ๊กแก อันหลิงหยุนก็ทำใจไม่ลง แต่ถ้า หากมันไม่ตาย คนที่ตายก็คงจะเป็นฮองเฮาแทน

แม้ว่าฮองเฮาจะเลวร้ายอย่างยิ่ง แต่นางก็ไม่มีความ ผิดถึงตาย

ทุกคนมีความใฝ่ฝันของตัวเอง คนอย่างเช่นฮองเฮา หากไม่เหี้ยมโหดอยู่บ้าง ตำแหน่งที่นางนั่งอยู่นั้น คงทำ มาได้ไม่ถึงวันนี้
คนโบราณมีการต่อสู้แก่งแย่งภายใน แม้ว่าอันหลิงหยุ นจะไม่เก่งในการต่อสู้ แต่นางก็รู้เช่นกัน

เกิดในสถานที่เช่นนั้น ย่อมเป็นตัวกำหนดชะตาของ ชีวิตไปแล้ว โดยเฉพาะสตรี ในราชวงศ์นี้ ถ้าไม่ร้ายกาจ สักหน่อย การคิดจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสักวันยังเป็นเรื่อง ยาก

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าฮองเฮาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สิ่ง แรกที่ฮ่องเต้ชิงหยู้จะจัดการก็คือตัวนางเอง ดังนั้นนาง จึงไม่กล้าที่จะปล่อยให้ฮองเฮาตาย

นางหยิบมีดเล่มเล็กออกมา อันหลังหยุดตัดใจลงมือ ในขณะที่ด้านหนึ่งลงมืออีกด้านหนึ่งนางก็เอ่ยซ้ำแล้วซ้ำ อีก “เจ้าตุ๊กแก ชีวิตในชาติหน้าไปเป็นคนจะต้องไปในที่ ที่ดี ชาตินี้ถือว่าได้สะสมคุณธรรมและความดีแล้ว”

หงเถาและลุ่ยหลิ่วพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ยามฆ่าขึ้น มาก็ลงมีดอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต หลังจากฆ่าแล้วก็ทน ไม่ได้ขึ้นมา

พระชายานั้นช่างแตกต่างออกไปจริงๆ แม้กระทั่ง ความเมตตากรุณาก็ยังน่ากลัวได้ขนาดนี้

กงชิงวี่กลับมาจากราชสำนักอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าไป ในจวนก็เห็นอันหลิงหยุน นางเริ่มทำการแปรรูปตุ๊กแก แล้ว ก่อนอื่นทอดให้เหลืองเข้มด้วยไฟอ่อนๆ แล้วปล่อย ให้เย็นเมื่อมีกลิ่น
ในขณะที่กำลังปล่อยให้เย็นลงอันเมื่อหลิงหยุนก็เห็น กงชิงวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองมองไปที่กงชิงวี่ด้วยสีหน้า ไร้ความยินดีสักนิด หากแต่เต็มไปด้วยความเศร้าสลด

อันหลิงหยุนวางตุ๊กแกลง จากนั้นจึงหันไปล้างมือ และ ฝากฝังให้หงเถาและลุ่ยหลิ่วดูมันเอาไว้ จากนั้นนางจึง ออกจากห้องไปด้านนอก

วันนี้อันหลิงหยุนขอให้คนมาทำความสะอาดห้อง ห้อง หนึ่งถูกจัดไว้เป็นพิเศษในลานโอวหลาน นางกำลังจะ เตรียมห้องยาของตัวเอง หากสามารถเชื่อมต่อกับห้อง นอนของนางได้ก็จะดีที่สุด

แน่นอนว่าย่อมไม่เชื่อไปถึงห้องนอนของกงชิงวี่ มี เพียงแค่ห้องของนางเท่านั้น

นางเลิกสนใจเรื่องของกงชิงวี่ไปชั่วครู่ แต่นางยังคง ต้องเตรียมห้องที่นี่

หลังออกมาอันหลิงหยุนก็เห็นกงชิงวี่ นางโน้มตัว คํานับ “ท่านอ๋อง”

กงชิงวี่อารมณ์ไม่ดี เขาโบกมือให้นาง “ไม่จำเป็น”

“หรือเมื่อคืนท่านอ๋องจะเหนื่อยล้าเกินไป?” อันหลิงหยุ นจงใจแกล้งกงชิงวี่ ดังนั้นสีหน้าของเขาถึงค่อยดีขึ้นมา

เขามองไปที่อันหลิงหยุนอย่างเรียบๆ “เนื้อตัวของพระ ชายาไม่ปวดเมื่อยแล้วหรือ?”
ภัยคุกคาม นี่คือการคุกคามอย่างหมดเปลือก

อันหลิงหยุดหดหู่ลงทันที เมื่อเทียบกับชายหนุ่มแล้ว ร่างกายของผู้หญิงเทียบไม่ได้จริงๆ

คนที่ออกแรงเห็นชัดๆ ว่าเป็นเขา แต่นางกลับยังรู้สึก ไร้พลัง

เห็นได้ชัดว่านางถูกจับพลิกไปพลิกมาจนเหนื่อยเกิน

“ท่านอ๋องทรงครอบงำดุดันมากขนาดนั้น หม่อมฉัน จะไม่ปวดได้กระไร ตอนนี้เอวและหลังของหม่อมฉันยัง คงปวดเมื่อยอยู่เลย ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันนวดๆ สัก หน่อย?” อันหลิงหยุนเดินไปหยุดลงตรงหน้าของเขา จากนั้นจึงจับมือของกงชิงวี่มาวางไว้บนเองของตน กง ชิงวี่ทั้งโกรธทั้งฉุน

“สตรีสมควรรักษาจรรยา ช่างไม่ละอาย

ทันทีที่อาหยูได้ยินเช่นนี้ เขาก็รีบออกไปทันที ไม่กล้า ฟังต่อ

อันหลิงหยุนหันหลังกลับคิดจะเดินจากไป แต่กลับถูก กงชิงวี่ขวางเอาไว้ “ปวดขนาดนั้นจริงหรือ?”

เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน กงชิววี่ก็เป็นห่วงอยู่บ้าง เมื่อคืน ออกแรงมากเกินไปหน่อย นางสุขภาพไม่ดี อย่าได้เจ็บ ป่วยขึ้นจริงๆ เลย
อันหลิงหยุนขมวดคิ้ว “ก็ยังพอไหว ข้าเป็นหมอ พัก ฟื้นสักหน่อยก็ดีขึ้น เพียงแต่จิตวิญญาณนักรบของท่าน อ๋อง หม่อมฉันได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้จากใจจริง”

หลังจากได้ยินเช่นนี้กงชิงวี่ก็ค่อยสบายใจขึ้นมา ใบหน้าของเขาสมใจ อารมณ์หงุดหงิดภายในใจสูญ สลายไป เมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่เกิดเป็นแสงสว่างขึ้น มา

เขาไม่ใช่คนที่ชอบฟังคำพูดยกยอปอปั้น แต่เมื่อฟัง จากหญิงสาวผู้นี้แล้วมันกลับแตกต่างออกไป

“ข้ายังต้องขยันให้มากขึ้นอีกหน่อย จะได้ให้กำเนิด ทารกได้โดยเร็วที่สุด” กงชิงวี่อารมณ์ดี เขาวางแผนที่ จะกลับไปพักผ่อน แต่กลับถูกอันหลิงหยุนขวางเอาไว้

“ท่านอ๋อง เมื่อเช้าท่านกลับมาท่าทางดูไม่ยินดีเท่า ไหร่ มีใครในราชสำนักชักสีหน้าใส่ท่านหรือเปล่า?” อัน หลิงหยุนตบหน้าอกของกงชิงวี่

ใบหน้าของกงชิงวี่มืดลง “ใครกล้าชักหน้าใส่ข้า แค่ ข้าไม่แสดงสีหน้าใส่พวกเขาแค่นี้ก็ดีอย่างยิ่งแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น เหตุใดท่านอ๋องถึงอารมณ์เสีย?

“มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในเขื่อนตูฟางจุ้น แต่พวกที่ใน ยามปกติมีได้รับการยกย่องในเรื่องการอนุรักษ์น้ำเหล่า นั้น มาวันนี้กลับกลัวที่จะออกหน้า แต่ละคนล้วนหัวหด ไม่มีใครมีความสามารถมากพอที่จะไปจัดการกับเรื่องเขื่อนตูฟางจูนได้ ความหวังเดียวของข้าก็คือเสนาบดี กรมโยธาธิการซือคงเสี้ยง แต่เอาก็อ้างว่าเขาแก่และ อ่อนแอ ไม่สามารถทำงานที่สำคัญเช่นนี้ได้อีกต่อไป ไม่ กล้ารับปากที่จะทำงานนี้ให้ข้าได้ วันนี้ฝ่าบาททรงกริ้ว อย่างยิ่ง ชี้หน้าว่าข้าไร้ประโยชน์”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ กงชิงวี่ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

หลิงหยุนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ “ฝ่าบาทพูดเช่นนี้จริง หรือ?”

“ข้าจำไม่ได้แล้ว” กงชิงวี่จำได้ว่าฮ่องเต้ชิงหยู่เลิกคิ้ว และมองเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาชัดเจน แต่ความยั่วยุในดวงตานั้นกลับชัดเจนอย่างยิ่ง ราวกับ กำลังถามว่า เจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แม้ กระทั่งเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ก็ยังไม่สามารถจัดการได้ดี น่าอับอายหรือไม่

หลิงหยุนพูดไม่ออก นี่ไม่ได้กำลังให้ร้ายฮ่องเต้หรอก หรือ?

ฮ่องเต้ไม่เอ่ยอย่างชัดเจน เจ้าก็ช่างดียิ่ง กำหนดไป ในคำเดียว

พอถามเจ้า เจ้าก็ทำท่าทีกำกวม บอกว่าจำไม่ได้ ฮ่องเต้ดูเหมือนจะถูกตัดสินโดยไม่ยุติธรรมไปหน่อย “ท่านอ๋องโมโหแล้ว?” เมื่อเห็นว่ากงชิงวี่ยังไม่สบอารมณ์ อันหลิงหยุนก็ยังคงถามต่อไป และค่อยวกกลับ เข้ามายังเรื่องการเก็บกวาดห้องๆนั้น กงชิงวตามใจนาง

“ข้าไม่ได้โกรธฮ่องเต้ แต่โกรธพวกไร้ประโยชน์พวก นั้น แต่เดิมพวกเขากล่าวโทษเสนาบดีกรมโยธาธิการ มาวันนี้เขื่อนตูฟางจูนเกิดเรื่องขึ้น ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง เรื่องการเชิญซ๊อคงเลี้ยงกลับมา

สิ่งที่น่ารำคาญกว่านั้นคือพวกขุนนางเหล่านั้น บางคน กลับยังก้มหน้าก้มตา ไม่เต็มใจออกหน้ากับเรื่องนี้

แต่เดิมข้าต้องการเชิญซือคงเสี้ยงกลับมา แต่พวกเขา กลับลังเล กังวลว่าซือคงเสี้ยงจะส่งผลต่ออนาคตของ พวกเขา ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วย

พวกเขาคิดว่าเรื่องนี้จะทำให้ราชสำนักเสียหน้า ถึง แม้ว่าข้าจะพยายามต่อสู้อย่างเต็มที่ที่ แต่ก็ยังมีบางคน ขัดขวาง

อันหลิงหยุนสงสัย “วันนี้ท่านอ๋องก็ไม่นับว่าอยู่ต่ำคน เพียงคนหนึ่งแต่เหนือคนอีกเป็นหมื่น อีกทั้งยังเป็นผู้ สำเร็จราชการแทน เหตุใดจึงยังมีผู้ที่กล้าต่อกรกลับ ท่านได้? หากในราชสำนักจะต้องสนับสนุนใครสักคน คนผู้นั้นย่อมต้องเป็นท่านอ๋องอย่างแน่นอน!

เรื่องในราชสำนักอันหลิงหยุนรู้ไม่มากนัก แต่ก็เข้าใจ เหตุผลอยู่บ้าง กงชิงวี่เป็นคนโปรดของอ๋องเต้ อีกทั้งยัง เป็นผู้สำเร็จราชการแทน เหล่าขุนนางเหล่านั้นเองก็มิใช่ คนโง่ เหตุใดจะไม่เข้าใจสถานะของกงชิงวิ่
ต่อให้กงชิงวี่จะไม่อาจนับว่าเป็นตัวแทนของฮ่องเต้ได้ แต่เขาก็เป็นขุนนางคนโปรด พวกเขามีเหตุผลอะไรที่จะ ต้องต่อต้านกัน?

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กงชิงวี่ก็ไม่พอใจอย่างมาก “วัน นี้ข้าถูกฮ่องเต้แต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน พระองค์ ก๊กอู๋ใหญ่ก็ไม่พอใจอย่างยิ่ง มาวันนี้ข้าต้อง เจอกับเรื่องเขื่อนตูฟ่างจุ้น เขาก็ยิ่งทำตัวเป็นปรปักษ์กับ ข้า”

ข้าต้องการให้ซือคงเสี้ยงกลับมา แต่เขาบอกว่าไม่ได้

พูดไปแล้วสุดท้ายก็เป็นเพราะมีคนเป็นปรปักษ์ อัน หลิงหยุนเอ่ยถาม “ก๊กอู๋ใหญ่ไม่ใช่ลุงแท้ๆ ของท่านอ๋อง หรอกหรือ?”

“เป็นเขา”

“ในเมื่อเป็นท่านลุงแท้ๆ ของท่าน เหตุใดจึงต้องทำ เรื่องให้ท่านอ๋องลำบากด้วย?” อันหลิงหยุนไม่เข้าใจ หรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวของตนก็ต้องทะเลาะกัน งั้นหรือ

ราชสำนักแบ่งออกเป็นสามฝ่าย ราชครูจุนถือตระกูล หนึ่ง หวางฮองไทเฮาตระกูลหนึ่ง และเสินเฉิงเสี้ยงอีก ตระกูลหนึ่ง นอกเหนือจากนี้ก็กระจัดกระจายออกไป อย่างยิ่ง

กงชิงวี่ถือเป็นคนของฮ่องเต้ ย่อมไม่ได้อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านี้

แต่ทั้งสามตระกูลมาในวันนี้ตระกูลเสิ่นกำลังฟื้นตัว ในเมื่อท่าทีของฮ่องเต้เองก็ดูเป็นปกติอย่างยิ่ง อีกทั้ง ยังมีกุ้ยเฟยองค์ใหม่เข้าวัง ฮองเฮาก็ยังคงเป็นไข่มุก ในมือของเขา ท้ายที่สุดแล้วท่าทีของจักรพรรดินั้น ถูกต้องมาก แม้ว่าพระสนมองค์ใหม่จะเข้ามาในวัง แต่ จักรพรรดินีก็ยังคงเป็นตาของเขา เขาไม่เพียงแต่เอาใจ ใส่ฮองเฮาทุกวัน แม้กระทั่งเสิ่นหยุนเจ๋ที่ไม่ได้มีผลงาน อะไรก็ยังได้รับราชทานรางวัล แค่นี้ก็พอจะเห็นได้ถึง ความตั้งใจของฝ่าบาทแล้ว

สำหรับตระกูลราชครูจุน ถึงแม้จะมองไม่เห็นความ โดดเด่นอะไร แต่ในเมื่อเซียวกุ้ยเฟยนำเรื่องน่ายินดีมา ให้ถึงสองเรื่อง ฮ่องเต้เองก็ไม่มีบุตร มาวันนี้มีเรื่องน่า ยินดีเกิดขึ้น ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่มีใครกล้าเอ่ย แต่เซียว กุ้ยเฟยก็ประสบความสำเร็จไม่น้อย ราชครูจุนก็ย่อม เจริญรุ่งเรืองไปด้วย กลายเป็นคนเด่นดังในราชสำนัก

หากเซียวกุ้ยเฟยให้กำเนิดองค์ชาย และฮองเฮาให้ กำเนิดองค์หญิง เช่นนี้ตระกูลจุนก็จะยิ่งรุ่งเรืองมากยิ่ง ขึ้นไปอีกในราชสำนัก

สำหรับตระกูลหวาง อันหลังหยุนรู้มาว่า ถึงแม้ตระ กูลหวางจะมีอำนาจไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยสร้างความ แตกแยกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว บวกกับหวางฮองไท เฮาไม่ยุ่งเกี่ยวกับราชสำนักมานานหลายปีแล้ว ถึงแม้จะ มีพลังอำนาจมากล้น แต่กลับไม่เห็นพวกเขาออกมา
เหตุใดวันนี้ถึงได้ออกหน้ากัน?

แปลกอย่างยิ่ง

อีกทั้งยังต่อกรกับหลานชายของตัวเองอีกด้วย!

“ไม่มีคำว่าครอบครัวในราชสำนัก ทุกคนล้วนมีหน้าที่ ของตนเอง อีกทั้งก๊กอู๋ใหญ่เองถึงม้ามปกติจะไม่ค่อย ออกหน้า แจ่เขากลับเป็นคนที่มีบารมีอย่างยิ่ง ประการ แรกเนื่องจากฐานะของเขาสูงส่ง เขาเองเป็นถึงน้อง ชายของเสด็จแม่ และกำเนิดจากมารดาเดียวกัน ดังนั้น ถึงนับว่าเป็นบุตรชายคนโต

เมื่อตอนที่เสด็จพ่อยังอยู่ ก๊กอู๋ใหญ่ให้การสนับสนุน เสด็จพ่อไปไม่น้อย ความสัมพันธ์ระหว่างบุตรบิดานับว่า ไม่เลว

แม้ว่าเสด็จแม่จะอายุมากแล้ว แต่ฮั้วไท่เฟยก็ยังไม่ กล้าทำอะไรผลีผลาม เนื่องจากเบื้องหลังของเสด็จแม่ก็ คือตระกูลหวาง

พูดตรงไปตรงมาเขาคือการสนับสนุนของทั้ง ครอบครัวในวัง

พูดตรงๆก็คือ เขาคือแรงสนับสนุนของทั้งตระกูลหวา

ฮ่องเต้เองก็ยังต้องไว้หน้าเขาเช่นกัน
ข้าเองก็ไม่ต้องการจะไปถกเถียงหน้าดำหน้าแดงกับ เขา แต่เขากลับมารังแกข้าเพราะข้ายังอายุน้อย ไม่ว่า เรื่องอะไรล้วนกดเอาไว้สามส่วน

เดิมทีข้าไม่คิดจะคิดแค้นอะไรเรื่องนี้กับเขา กระไร เสียเขาก็คือผู้อาวุโส บวกกับเขาเองก็คิดเพื่อประโยชน์ ของราชวงศ์ ข้าเองก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเขา

แต่เรื่องของเขื่อนตูฟางจุ้นนั้นร้ายแรงอย่างยิ่ง ข้า หยิบยกเรื่องนี้มาพูด เขาก็ไม่จบไม่สิ้นกับข้าขึ้นมา

ข้าโมโหอย่างยิ่ง “ยิ่งคิดข้าก็ยิ่งโมโห ต่อให้อารมณ์ดี อีกแค่ไหนก็ถูกท่านลุงใหญ่ผู้นั้นทำลายมันลง

เมื่อพูดถึงก๊กอู๋ใหญ่ผู้นี้ อันหลิงหยุนก็พยักหน้า “พูด เช่นนี้ คนผู้นี้ช่างทำให้คนโมโหเสียจริง ก่อนหน้านี้ท่าน เคยพูดกับข้าเรื่องของอ๋องจุ้นโก๋ เกรงว่าหากไม่ใช่ เพราะเขา อ๋องจุ้นโก๋เองก็คงไม่กำเริบเสืบสานได้ขนาด นี้

เสด็จแม่จัดการกับกลุ่มคนในจวนอ๋องลุ้นโก๋ ส่วนหนึ่ง ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับเขา”

“สิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือซือคงเลี้ยงปฏิเสธที่จะกลับ มายังราชสำนัก หากเขายินยอม ข้าเองย่อมต้องเอ่ยพูด อะไรบ้างแน่” กงชิงวี่นั่งลงด้วยสายตาเย็นชา

เรื่องนี้เร่งเร้าอย่างยิ่ง เขาเองก็อยากให้มันประสบ คงามสำเร็จ
อันหลิงหยุนนั่งลงตาม “ท่านอ๋อง หากซือคงเลี้ยง สัญญาว่าจะกลับไปที่ราชสำนัก ท่านอ๋องสามารถโน้ม น้าวก๊กอู๋ใหญ่ได้หรือไม่?”

กงชิงวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “แน่นอนว่าต้องมีวิธี อันที่จริง ก๊กอู๋ใหญ่เองก็ไม่มีวางอำนาจอะไรบางนักในยามปกติ เพียงแค่ครั้งนี้การที่ข้าได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน ทำให้เขารู้สึกขัดใจอยู่บ้าง

กรณีจองอ๋องจุ้นโก๋ เขาก็ไม่ได้ยินดีอะไร เนื่องจากจ วิ้นจู่ฉงหยางกล้าทำการเป่าหูต่อหน้าต่อตาเขา

แต่ตอนนี้เรื่องเขื่อนตูฟางจุ้นกระชั้นชิดเข้ามาทุกที แล้ว หากไม่ตัดสินใจโดยเร็ว เห็นทีความสูญเสียคง มากยิ่งขึ้นไปอีก วันนี้มีคนตายไปแล้ว หากไม่รีบจัดการ ประชาชนก็จะโกรธแค้นขึ้นมา และทำให้ชื่อเสียงของ ฮ่องเต้ต้องมัวหมอง”

“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านจึงใส่ใจฮ่องเต้ขนาดนี้ แม้ว่าเขา จะเป็นพี่ชายของท่าน แต่ตั้งแต่สมัยโบราณมา พี่น้อง ภายใต้ราชสำนัก น้อยยิ่งนักที่จะมีเยื่อใยต่อกัน ส่วน มากมักจะเย็นชา แต่ท่านอ๋องกลับไม่ใช่

อันหลิงหยุนกล้าหาญอย่างยิ่ง นางรู้จักอารมณ์ของ กงชิงวี่ในช่วงนี้ดีแล้ว ถึงแม้เขาจะดูเป็นคนที่โหดร้ายไร้ ความปรานี แต่จริงๆ แล้วเขาเข้ากับคนอื่นได้ง่ายอย่าง ยิ่ง อีกทั้งยังปฏิบัติต่อคนรอบข้างไม่เลวร้ายอะไร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ