ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 106 เสด็จออกจากวังไปจัดการคดี



บทที่ 106 เสด็จออกจากวังไปจัดการคดี

อันหลิงหยุนหยิบหญ้ากุ่ยเจิงอีกหนึ่งกำมือและส่งให้ หมอจวน: “เคี้ยวมันให้เขาเสวย ที่เหลือนั่นต้องเสวย ทั้งหมด”

หมอจวนมีความกังวล ถ้าของสิ่งนี้เหมือนไม้ฝืนใบไม้ เคี้ยวได้อย่างไร? ไม่สนใจลำคอแล้วหรือ?

แต่พระชายาเคี้ยวได้ เขาก็ทำได้!

มอบหมายให้กับหมอจวน อันหลิงหยุนเดินไปตรงหน้า กงชิงวี่ กงชิงวีโกรธจะดุนาง ทำไมนางถึงป้อนของให้อา ซิว รู้จักความอับอายหรือไม่ พูดออกไปขายขี้หน้าอ๋อง เสียนของเขาไม่เหลือชิ้นดี!

ไม่รอพูด อันหลิงหยุนฟุบอยู่ในอ้อมแขนกงชิงวิ่ ร่างกายอ่อนเพลียมาก ราวกับต้องการยืนให้นิ่ง แต่ไม่ นิ่ง

ร่างนิ่งไป มือทั้งสองของอันหลิงหยุนกอดที่เอวกงชิง วี่: “ท่านอ๋อง ข้าเหนื่อยแล้วเพคะ!”

กงชิงวี่กอดอันหลิงหยุน ก้มลงนางหลับตาแล้ว ในใจ รู้สึกผิด เห็นนางเป็นเช่นนี้ก็เหลือเพียงความเป็นห่วง

กงชิงวี่โค้งลำตัวและอุ้มอันหลิงหยุน เดินมุ่งไปหน้าไป ข้างนอก
ระหว่างทาง กงชิงวี่กระชับแขนหลายครั้ง เพราะกลัว ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับนาง

“เหนื่อยแล้วกลับไปนอน ข้างนอกมีลมเย็น” ระหว่าง ทางเรียกอยู่หลายครั้ง อันหลิงหยุนง่วงสามารถทนไหว แต่เหนื่อยถึงสุดขีด ไม่ว่าอย่างไรก็ทนไม่ไหว

อันหลิงหยุนหรี่ตาไม่พูดอะไร ปล่อยให้กงชิงวี่อุ้มเอา

ไว้

กลับถึงลานโอวหลาน วางคนลงกงชิงวี่ตามหมอจวน มา หมอจวนดูอาการให้อันหลิงหยุน บอกว่าเหนื่อยเกิน ไปหลับแล้ว

“มียาอะไรต้องเสวยหรือไม่?”

กงชิงวี่จับมืออันหลิงหยุน ปกติก็มีความกังวล แต่ครั้ง นี้ความกังวลยุ่งเหยิงเล็กน้อย

เขาก็รู้ว่าไม่เป็นอะไร ไม่นานก็ตื่น แต่ยังคงกังวล

หมอจวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “พระชายาผิวพรรณแย่มาก เหมือนเลือดลมไม่ดี งั้นบำรุงเลือดสักหน่อยเถิดพ่ะย่ะ ค่ะ”

“บารุงอย่างไร?”

“สิ่งนี้ น้ำตาลทรายแดงบำรุงเลือด”
“อืม เอามา”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หมอจวนเตรียมน้ำตาลทรายแดงสองสามชิ้นส่งให้ ใส่ ลงในน้ำให้ละลาย ใส่โสมสองชิ้น

กงชิงวี่ช่วยลดปัญหา ตนดื่มมันเองแล้วป้อนปากต่อ ปากโดยตรงไปชามหนึ่ง

เหล่าหมอจนตาร้อนผ่าว ก้มศีรษะลงไม่กล้ามอง หักโหมเป็นวันที่สองแล้ว

อันหลิงหยุนค่อยๆ ตื่น กงชิงวี่อุ้มนางแล้วไปอาบน้ำ

ทั้งสองแช่ในถังน้ำที่อบอุ่น อันหลิงหยุนถูกระงับไว้ ในอ้อมแขนของกงชิงวี่ นางไม่สามารถขยับได้ ทำได้

เพียงนอนหงาย

กงชิงวี่โอบเอวของนาง กล่าวอย่างไม่ค่อยมีความสุข: “เรื่องเมื่อคืนข้าจะทำเป็นว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่เรื่องนี้ ห้ามเกิดขึ้นอีก”

“อืม”

ทำผิดแล้ว ก็ต้องมีกิริยาสำนึกผิดโดยปริยาย อันหลิงหยุนถอนหายใจ: “เรื่องนี้เกรงว่าจะยังไม่จบหวังว่าอาซิวจะยังคงมีชีวิตอยู่ จากนั้นลืมข้าไป

ดวงตากงชิงวี่นิ่งไป: “อาซิวข้าจัดการเอง เขาจะไม่ ตาย ข้ารับรองได้”

อันหลิงหยุนมองไป: “แต่ความหมายของท่านอ๋องดู เหมือนจะกักขังเขาไปชั่วชีวิต

“ข้าเมตตามากแล้ว”

“ท่านอ๋อง หากไม่มีข้า ท่านจะจัดการอาซิวหรือไม่ เพคะ?” อันหลิงหยุนสงสัยมากในทันใด

กงชิงวี่ส่ายหน้า: “อาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหากไม่มีเจ้า น้องสาวอาหย่อาจไม่ตาย อาซิวก็ไม่ทรยศต่อข้า

แต่คนรอบตัวข้า ทำได้เพียงฟังคำสั่งข้า ขัดขืนไม่ได้ แม้แต่นิด แม้ว่าข้าจะสั่งให้ฆ่าพ่อแม่ของพวกเขาก็ตาม ก็ต้องฟังคำสั่งเท่านั้น”

“ในวันข้างหน้าหากท่านฆ่าท่านพ่อข้า ข้าจะฆ่าท่าน ก่อน!”

อันหลิงหยุนไม่ได้พูดล้อเล่นอย่างแน่นอน กงชิงวี่ยิ้มเย็นชา: “เรื่องของอนาคตใครจะรู้?”

“ไม่ว่าวันนี้หรืออนาคต ใครฆ่าท่านพ่อข้า ข้าก็ฆ่าผู้ นั้น” โลกก่อนหน้านี้อันหลิงหยุนเป็นเด็กกำพร้า นางอิจฉาคนที่มีพ่อแม่ แต่ตอนนี้นางมีท่านพ่อแล้ว หากผู้ใด จะมาฆ่าท่านพ่อนาง นางก็จะฆ่าผู้นั้น!

กงชิงวบีบรอบเอวเล็กของอันหลิงหยุน: “ข้าไม่มี ปัญญานั่น”

“สองอย่างนี้มีอะไรที่แตกต่าง ท่านไม่มีปัญญา กับ ไม่อยากจะเป็นอย่างเดียวกันได้อย่างไร?” อันหลิงหยุ นถอนหายใจ ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกต่อไป แต่อยู่ใน ตระกูลของจักรพรรดิ ไม่สนใจอะไรขนาดนั้น ถ้าไม่ ฉีดยาป้องกันไว้ตั้งแต่แรก หากกงชิงวี่มีความคิดเช่นนั้น นางจะทำอย่างไร?

กงชิงวี่กอดนาง ก้มศีรษะบรรเลงจูบ กล่าวถึงก็ดี: “เหนื่อยแล้วก็พักผ่อน เรื่องนี้จะไม่

“อืม” อันหลิงหยุนออกไปด้วยการถูกอุ้ม ทั้งสองไปพัก ผ่อนอันหลิงหยุนกอดเอวกงชิงวี่ ถามลอยๆ : “ท่านไม่ไป

สืบคดีหรือเพคะ?”

“ไม่มีอะไรคืบหน้า วันนี้พักผ่อน”

“ท่านอ๋อง ข้าอยู่ที่จวนก็ไม่กิจอะไร ท่านพาข้าไป ด้วยดีกว่า ข้าอาจจะช่วยท่านสืบคดีได้ก็ได้เพคะ?” อัน หลิงหยุนพูดกล่าวอย่างจริงจัง เงยหน้าขึ้นและลืมตาที่ เหนื่อยล้า

กงชิงวี่ครุ่นคิด: “ก็ดี เจ้าอยู่ที่จวนข้าก็ไม่วางใจ”
“ขอบพระคุณท่านอ๋อง”

อันหลิงหยุนมุดกลับไป หยอกล้อให้กงชิงวี่จิตใจรุ่ม ร้อน ยื่นมือออกไปจับนาง พลิกตัวกดอันหลิงหยุนเอาไว้

“วันนี้ข้ายังไม่ได้ส่งน้ำอสุจิ”

“หน้าไม่อายจริงๆ!”

“สิ่งที่ต้องการไม่ใช่ใบหน้านี้หรือไง หน้าข้าด้าน”

อันหลิงหยุนตื่นขึ้นมาแต่เช้าก็กดจับเอว รู้สึกปวด เมื่อยแทบทนไม่ไหว

เสวยพระกระยาหารเสร็จ อันหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นชุด ผู้ชายและตามกงชิงวี่ไปจัดการคดี

ทั้งสองเดินทางออกจากจวน อันหลิงหยุนถูกหญิงสาว มองตลอดตั้งแต่ออกจากบ้าน อันหลิงหยุนตกใจจึงต้อง ยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยแขนเสื้อ ก้าวไปข้างต่อไป

“ข้าปฏิบัติหน้าที่ให้เจ้าอยู่ข้างหลัง หรือเจ้าปฏิบัติ หน้าที่ให้ข้า เดินนำหน้าข้าไปแล้วหรือ?

กงชิงวี่ไม่รู้จะโมโหด้วยเรื่องอะไร แค่ออกจากบ้านยัง สร้างปัญญาได้

อันหลิงหยุนรีบเดินไปข้างหลังกงชิงวี่ ก้มหน้าเดิน ตามเขาอยู่ข้างหลัง
“พรุ่งนี้ออกมา ทาหน้าให้ดำ เพื่อไม่ให้จำได้ หากมีคน รู้เข้า แค่ออกจากบ้านก็ต้องพาพระชายามาด้วย พูด ออกไป ข้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด

“อืม”

อันหลิงหยุนคิดว่านี่ความคิดที่ไม่เลว

มาถึงจวนอ๋องจุ้น อันหลิงหยุนเงยหน้ามอง ตัวหนังสือ ขนาดใหญ่จวนอ๋องจุ้นโก๋ก็อยู่ในสายตา

จวนอ๋องจุ้นดูทรงพลังมีพลานุภาพ เปรียบได้กับสนาม กีฬาขนาดเล็ก

มีคนหลายคนเฝ้าประตูของจวนอ๋องจุ้น หลายคนที่อัน หลิงหยุนไม่รู้จัก และมีถางเหอ

ถางเหอผงะอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นอันหลิงหยุน รีบเดินลง

มาจากขั้นบันได

“ท่านอ๋อง ทำไมท่านถึงพา?” คำพูดต่อจากนี้ยังไม่ทัน พูด อันหลิงหยุนก็โต้กลับ

“วันนี้ข้ามาช่วยสืบคดี”

“ท่านอ๋อง” ถางเหอคิดว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง หากถูกเผย แพร่ออกไป ไม่ดีต่อชื่อเสียจวนอ๋องเสียน และทำให้เสีย ชื่อของพระชายาด้วย
ท่านอ๋องออกจากเรือน ก็ต้องพาพระชายาไปด้วยทุก ที่ เกิดอะไรขึ้น

ถางเหอจะให้คำแนะนำเพื่อแก้ปัญหา กงชิงวี่ก็ได้ เข้าไปในจวนอ๋องจุ้นโก๋แล้ว อันหลิงหยุนตามหลังเข้าไป

“ท่านอ๋อง…… ถางเหอยังต้องการพูดบางสิ่ง กงชิงวี่ โบกไม้โบกมือ เป็นสัญญารให้เขาหุบปาก!

ถางเหอไม่กล้าพูดต่อไป ได้แต่มองอันหลิงหยุนด้วย ความลำบากใจ หวังให้นางกลับไปใช้ชีวิตอย่างสุข สบายที่จวนอ๋องเสียน หากไม่มีเรื่องอะไรอย่าได้ออกมา

ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วที่วัดเฉิงหวงจะมาดี แต่ความตั้งใจ ดีทําให้เรื่องพัง

เรื่องที่วัดเฉิงหวงต้องพยายามทำให้มันเงียบไป หาก

ต้องการดำเนินการต่อ เขาต้องเหงื่อท่วมจวนอ๋องเสียน

เป็นแน่

อันหลิงหยุนไม่ได้ไม่เข้าใจเจตนาของถางเหอ แต่ จวนอ๋องเสียนเป็นเหมือนกรงขังนาง ไม่ให้นางออกจาก เรือน ถึงจะลำบากใจจริงๆ

คนปกติก็ถูกทำให้เบื่อแย่!

ถางเหอรอที่จะหาโอกาส ในขณะที่อันหลิงหยุนใช้ ความคิดทั้งหมดในเรื่องของคดี
กงชิงวี่เข้าประตูและไปที่ห้องโถงด้านหน้าของจวน อ๋องจุ้นโก๋

มุ่งหน้าไปห้องโถงด้านหน้าอันหลิงหยุนถามเรื่องการ เสียชีวิตของอ๋องจุ้นโก๋ขึ้น: “ท่านถาง เจ้าช่วยเล่าเรื่อง การเสียชีวิตของอ๋องจุ้นโก๋ให้ข้าฟังหน่อย

ถางเหอะไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงพูดกับอันหลิงหยุ น พูดเหมือนกับที่กงชิงวี่พูด ถูกคนตัดเอาศีรษะไปแล้ว แต่ศีรษะก็ถูกพบที่ด้านนอกจวนอ๋องจุ้นโก๋ ยังน้อยก็ยัง เหลือศพที่สมบูรณ์ของอ๋องจุ้นโก๋ไว้

“แล้วอ๋องจุ้นโก๋มีภรรยากี่คน? ยังมีพ่อแม่บรรพบุรุษ หรือไม่?”

“พระชายา ไม่สามารถใช้คำว่าบรรพบุรุษได้ บรรพบุรุษของกษัตริย์อ๋องจุ้นโก๋เป็นพี่น้องของบูรพ กษัตริย์ พูดอย่างตรงไปตรงมาบรรพบุรุษของอ๋องหุ้น โก๋และอ๋องเสียนก็คนเดียวกัน ท่านจะเรียกว่าท่านปู่ ก็ได้” ถางเหอ

อันหลิงหยุนกล่าว: “ครั้งหน้าข้าจะระวัง ท่านถาง งั้น เจ้าเล่าเรื่องของอ๋องจุ้นโก๋ให้ข้าฟังก่อน”

“อ๋องจุ้นโก๋เป็นอ๋องหุ้นที่ถ่ายทอดทางสายเลือด เหล่า อ๋องจุ้น ท่านปู่ของอ๋องจุ้นโก๋เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว อ๋องจุ้นหรงชิงท่านพ่อของอ๋องลุ้นโก๋เสียชีวิตเมื่อหลาย ปีก่อน พระชายาอ๋องจุ้นหรงชิงก็ไม่อยู่แล้วเมื่อหลาย ปีก่อน ดังนั้นจวนอ๋องจุ้นโก๋ในตอนนี้ มีเพียงสมาชิกในตระกูลที่เป็นผู้หญิง สำหรับบุตรของอ๋องจุ้นโก๋ จะว่าไป ก็แปลก อ๋องจุนโก๋มีสนมสิบสองคน แต่มีบุตรชายเพียง แค่คนเดียว ก็คืออ๋องจุ้นน้อย”

ฟังถางเหอพูด อันหลินหยุนไม่สามารถทนได้อีกต่อ ไป เหตุใดผู้สืบสายเลือดแห่งประเทศต้าเหลียงจึง อ่อนแอเช่นนี้ แต่ละบ้านขาดแคลนเด็ก

“งั้นภรรยาและนางสนมเยอะขนาดนี้ สามัคคีกันหรือ ไม่? อ๋องจุ้นโก๋จากไป เหล่าสมาชิกในตระกูลที่เป็นผู้ หญิงในจวนมีความขัดแย้งกันหรือไม่?”

“ก็ไม่ใช่เช่นนั้น” ประเทศต้าเหลียงมีระบบการลง ทะเบียนที่เข้มงวด นางสนมนับถือว่าเมียหลวงเป็นผู้ สูงส่ง ภรรยาและนางสนมอื่นๆ ก็ต้องฟังเมียหลวง เว้น แต่ว่าคนคนนั้นจะโปรดปรานเป็นพิเศษในขณะที่สามี ยังอยู่ ถึงจะไว้หน้าให้อยู่บ้าง แต่ถ้าการไว้หน้านี้ทำให้ นางสนมไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เป็นที่โปรดปรานจน หยิ่งผยอง เมียหลวงก็มีสิทธิ์ที่จะจัดการกับนางสนมที่ สามีโปรดปราน”

“หมายความว่า สามีไม่อยู่แล้ว ตระกูลนี้เมียหลวงก็ถือ เป็นผู้ดูแล ดังนั้นนางสนมคนอื่นๆ ก็ต้องฟังและปฏิบัติ ตาม ไม่กล้าขัดคำสั่งแม้แต่คำเดียว” อันหลิงหยุนฟัง เข้าใจแล้ว ผู้หญิงในสมัยโบราณมีเพียงสองคำเท่านั้นที่ สามารถเปรียบได้ : “โศกเศร้า!”

ถางเหอกล่าว: “ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ”
อันหลิงหยุนเลิกคิ้วและมองกงชิงวี่ที่เดินอยู่ข้างๆ นาง กล่าว: “ท่านอ๋อง ท่านไม่ชอบข้า เพราะข้าเป็นเมียหลวง หรือเพคะ?”

“ไร้สาระ ข้าบอกไม่ชอบเจ้าเมื่อไหร่?”

อันหลิงหยุนพูดไม่ออกนี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอีกแล้ว หรือ?

ที่ทางเข้าห้องโถงใหญ่มีสตรีสูงศักดิ์และสง่างาม หลายคนยืนอยู่ที่นั่น โดยมีคนรับใช้บางคนอยู่เบื้องหลัง เมื่อพบกงชิงวี่ ผู้หญิงนำโดยหญิงอายุราวๆ สี่สิบปี มาที่ ด้านหน้าพร้อมกัน ถวายบังคม ต้อนรับทักทายกงชิงวี่

“หม่อมฉันถวายบังคมอ๋องเสียน”

คนที่เหลือก็พูดเช่นกัน กงชิงวี่กล่าว: “พี่สะใภ้ลุกขึ้น ข้าเข้ามาตรวจสอบการตายของอ๋องจุ้นโก๋ ไม่อยาก รบกวนจนเกินไป พี่สะใภ้ไม่ต้องสนใจข้า ไม่จำเป็นต้อง จงใจในเรื่องมารยาท ข้ายังจำได้ ตอนเด็กๆ ข้าเล่นกับ พี่สะใภ้อยู่ข้างหลัง เคารพรักพี่สะใภ้เสมอ”

“ยากที่อ๋องเสียนจะจำได้ หม่อมฉันไม่รู้ควรพูดอะไร บ้าง เป็นเรื่องที่นานมาแล้วเพคะ” ชายาอ๋องจุ้นโก๋รู้สึก ขอบคุณ

กงชิงวี่ยิ้ม “ตอนที่พี่สะใภ้สมรส ข้าก็ร่วมอยู่ด้วย
“จริงหรือเพคะ?” ชายาอ๋องจุ้นโก๋หันกลับมาและเชิญ กงชิงวีไปนั่งข้างใน กงชิงวี่ปฏิเสธทันที

“ไม่เข้าไปแล้ว วันนี้ข้าคอยดู หากยังตรวจสอบไม่พบ ก็ต้องกลับไปรายงานฮ่องเต้แล้ว คดีนี้สามารถตัดสินได้ เฉพาะในฐานะของโจรทำร้ายผู้อื่น”

“งั้นต้องรบกวนอ๋องเสียนแล้ว จวนอ๋องหุ้นทุกทีพร้อม รออ๋องเสียนเรียกรับใช้” ชายาจุ้นกล่าวด้วยความ เคารพ

“ข้าทราบแล้ว”

กงชิงวี่หันหลังและเดินมุ่งไปที่ลานบ้าน อันหลิงหยุน ตามอยู่ข้างหลัง

ระหว่างทางไม่มีผู้คน อันหลิงหยุนถามกงชิงวี่: “ท่าน

รู้จักชายาอ๋องจุ้นโก๋จริงหรือเพคะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ