ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 410เข้าพระราชวัง



บทที่ 410เข้าพระราชวัง

กงชิง พยักหน้า “อันที่จริงเรื่องนี้ข้าเป็นกังวล หากจะ ให้ผู้อื่นไป ข้ากลับยิ่งกังวลมากขึ้น อย่างไรก็ตามแต่ข้า ยังไม่ได้ตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมด”

แม่ทัพอันพยักหน้า “ตระกูลจุนนั้นแม้ว่าไม่ใช่ตระกูล ที่ยอมพลีชีพเพื่อประเทศชาติ แต่ราชครูจุนยังเชื่อถือ ได้ ยกเว้นจุนฉูฉูที่ตายไป ส่วนจุนเจิ้นตงก็ได้ปกป้อง ชายแดนมาหลายปีแล้ว เกรงว่าเขาจะไม่ยอม

“พ่อตากล่าวได้ถูกต้อง ฉะนั้นไม่ว่าผู้ใดจะไป ผู้ใด เหมาะสมเรื่องนี้ก็ไม่อยู่ในใจของลูกเขย” “เอาล่ะ คนแก่ อย่างข้าจะลองดู ไปอยู่ที่นั่นไม่ใช่ปัญหา หยุนหยุนให้ เจ้าจัดการ หากเจ้าไม่ดูแลนางให้ดี ข้ากลับมาจะทำลาย กระดูกระเบิดขี้เถ้าเจ้าซะ”

“ลูกเขยจะรักทะนุถนอมหยุนหมุน สิ่งใดที่ไม่ดีต่อหยุ นหยุนแน่นอนว่าจะไม่ทำ แต่ลูกเขยเป็นห่วงเรื่องอายุของ พ่อตา การเดินทางจะเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ทั้งยังต้อง นอนกลางดินกินกลางทราย…”เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ ออกไปข้างนอกไหนเลยจะกังวลมากมายขนาดนี้ ยิ่งไม่ ต้องพูดถึงว่าข้าเป็นแม่ทัพ ข้าผ่านวันเวลาเหล่านั้นมา หมดแล้ว” แม่ทัพอันภาคภูมิใจ

“ลูกเขยขอขอบคุณพ่อตา”กงชิงวี่กล่าวอย่างเป็น กันเองและลุกขึ้นคารวะ

แม่ทัพอันโบกมือ

“ดื่มเถิด”
อันหลิงหยุนรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ที่นางมีพ่อที่ ฉลาดเฉียบแหลมและมีคุณธรรมเช่นนี้ เป็นวาสนาจาก ชาติที่แล้วที่มอบแก่นาง เจ้าของเดิมใช้มาตรการดังกล่าว กับพ่อผู้นี้ ช่างน่าเสียดายนัก

หลังจากรับประทานอาหารอันหลิงหยุนก็อยู่ที่จวน แม่ทัพเพื่ออยู่เป็นเพื่อนกับแม่ทัพอันหนทางที่ยาก ลําบากและอันตรายปกติแล้วต้องอาศัยความเข้าใจ นาง เรียกหาราชานกกา และขอให้ราชาอีกาจับนกกาเพื่อ ปกป้องเขาอย่างลับๆ หากมีอะไรให้รีบรายงานนางทันที

หลังจากทำงานเตรียมการมากมาย อันหลิงหยุนก็รู้สึก โล่งใจเล็กน้อย

แม่ทัพอันบอกเพียงว่าอันหลิงหยุนต้องดูแลทารกใน ครรภ์ของนางและรอให้เขากลับมากงชิงวี่เข้าวังกลางดึก เพื่อหารือเกี่ยวกับการนําออกศึกของแม่ทัพอัน

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กล่าวถึงเรื่องการบาดเจ็บและ การสูญเสียทหารของจุนเจิ้นตง แต่เป็นโรคเก่าของจุน เจิ้นตงมีอาการกำเริบ แม่ทัพอันจำเป็นต้องออกไปช่วย เหลือจุนเจิ้นตง ในขณะเดียวกัน ฮ่องเต้ชิงหยู่ได้ออกคำ สั่งลับอีกครั้ง โดยขอให้แม่ทัพอันรอโอกาสลงมือ จาก นั้นก็พบว่าจุนเจิ้นตงนั้นมีพิรุธ ประหารก่อนค่อยรายงาน เช่นนี้เขาสามารถเอาชีวิตรอดได้โดยไม่ต้องกลับไปที่ ราชสำนัก

กงชิงวี่รับราชโองการและออกจากพระราชวัง

สามวันต่อมาแม่ทัพอันก็ได้ตัดสินใจไปออกศึกเหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนตกใจไม่น้อย

คนแรกที่ตื่นตระหนกคือฮั่วไท่เฟย

ฮั่วไท่เฟยกระสับกระส่าย เมื่อได้ฟังเรื่องนี้ก็พาลให้นาง ก็รู้สึกกลัดกลุ้มมากขึ้น

“แม่นม หลายวันมานี้อ๋องตวนมิได้มาน้อมทักทายเลย หรือ? “ฮั่วไท่เฟยถาม แม่นมหลิวก็รีบตอบกลับ

“ข้าไม่ได้ข่าวอันใดจากแม่นมเว่ย จริงๆแล้วท่านอ๋อง ไม่ได้มาเพคะ”

“เห้อ เหตุใดเด็กผู้นี้จึงได้ไร้ประโยชน์เช่นนี้ วันนี้ข้ารู้สึก ไม่สบายใจก็รู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนเขาก็ยังไม่มีความ ก้าหน้า”

“ไทเฟย ข้าน้อยไม่เข้าใจ” แม่นมหลิวเป็นชายชราที่ อยู่ถัดจากฮั่วไท่เฟย ไม่ว่าเรื่องอันใดฮั่วไท่เฟยจะบอก นางทุกอย่าง ถึงแม้แม่นมเว่ยจะไม่อยู่แต่นางก็จะทำให้ดี ที่สุด

ฮั่วไท่เฟย เหลือบมองไปที่พระราชวัง แม่นมหลิวก็เรียก ให้คนถอยออกไปทันที

แม่นมหลิวประคองฮั่วไท่เฟย นั่งลงและกล่าวว่า “ด่าน ชายแดนเกิดปัญหา อ๋องเสียนต้องยุ่งยากเป็นแน่ เขายัง ได้พาพ่อตาไปที่ด่านชายแดนแล้ว นั่นแสดงให้เห็นแล้ว ว่าปัญหานี้แก้ได้ยาก ทว่าหนูโยกั่ว ไม่ใช่จะจัดการได้ ง่ายๆ จุนเจิ้นตง ได้รับการปกป้องเป็นเวลาหลายปี เกรงว่าจะเป็นเพราะจุนฉูฉูคนต่ำช้าถึงได้เป็นเช่นนี้”

เช้าไม่เกิดเรื่อง คําไม่เกิดเรื่องในช่วงต้น แต่เกิดเรื่อง ตอนนี้? นี่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ยุ่งยากซ่อนเอา ไว้

“ไทเฟยกล่าวถูกต้องแล้วเพคะ”แม่นมหลิวก็คิดว่าเป็น เช่นนั้นจริงๆ

ฮั่วไท่เฟยรู้สึกหดหู่ใจ “เรื่องนี้ ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถ ขจัดความสัมพันธ์ระหว่างพวกชินจงไปได้ ทำได้เพียงแค่ ปลุกระดมให้หวูโยกั๋วก็พอแล้ว หากมีประเทศอื่น พี่ชาย ของข้าจะต้องเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ในเวลานั้น ใน ประเทศต้าเหลียงก็จะไม่มีแม่ทัพอันคนที่สองแล้ว”

“ไท่เฟยหมายความว่ายังไง นายท่านกู่อาจะถูกหลอก ใช้? “แม่นมหลิวไม่ลังเล สักพักฮั่วไท่เฟยมองนางราวกับ จะขูดเลือดขูดเนื้อ

แม่นมหลิว รีบก้มหัวลงเพื่อยอมรับความผิดของเธอ “ไท่เฟย โปรดยกโทษให้หม่อมชั้นเพคะ”

“ยกโทษอันใด ข้ามิได้โกรธเจ้าเป็นจริงเสียหน่อย

อย่าได้พูดเรื่องแบบนั้นอีกต่อไป ไม่ว่าอย่างไรพี่ชายคน โตจะไม่ทรยศต่อฮ่องเต้ นับประสาอะไรกับประเทศต้า เหลียง ถ้าอยู่ในวังเขาจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ แต่ทว่า พี่ชายคนโตอายุมากขึ้น และข้างกายไม่มีคนที่ เขาใช้ได้ แม้ว่าหลานชายของฉันจะยังมีชีวิตอยู่และมี สุขภาพดี แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีใครเทียบได้กับพี่ชายคน โต ข้าเกรงว่าไม่รู้ว่าเขาจะถูกวางแผนการหรือไม่” ชั่วไทเฟยกังวลว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นที่ด่านชายแดน แม่นมหลิวพยักหน้า กลับไม่เข้าใจ “เหตุใดไท่เฟยจึงได้ เอ่ยถึงท่านอ๋องเพคะ?

“เขาเป็นผู้เดียวที่ไม่ได้ทำอะไร อ๋องเสียนนั้นก็ยุ่ง วุ่นวายนัก แต่หากว่าอ๋องเสียนไปแล้ว เมืองหลวงนี้จะทํา อย่างไร? ข้าสามารถช่วยเขาได้ เมื่อถึงเวลานั้น วังหลัง นับพันจะถูกตั้งข้อหา เจ้าต้องรู้ว่าในหมู่คนในราชสำนัก ผู้ใดที่ไม่ใช่คนของพวกเขา ท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงเขา ที่ไม่มุมานะ แต่สำหรับใครก็ตามที่มีใจสู้ ข้าก็ไม่ถึงกับว่า จะต้องทำให้นางลำบากเช่นนี้ ! หากอ๋องเสียนสามารถ ทำให้ด่านชายแดนสงบลงได้ เขาจะต้องทิ้งคนไว้ในเมือง หลวงเสมอ แต่เขาจงใจที่จะไม่แสดงฝีมือ ส่วนในชินจง ก็ไม่มีผู้ใดเช่นกัน ! ”

“ไทเฟยโปรดวางใจ บางทีท่านอ๋องอาจจะก้าวหน้ามาก ขึ้น”

“ข้าก็คาดหวังเช่นนั้น”

ฮั่วไท่เฟยนวดไปที่ศีรษะของนาง และกินยาสองสาม เม็ดที่อันหลิงหยุนให้เธอ ก่อนที่เธอจะรู้สึกดีขึ้น

ตอนนี้อ๋องตวนกำลังขุ่นเคืองอยู่ที่บ้าน ในขณะที่เดิน เขาก็มองไปที่หยุนโล่ชวน “เจ้ากล้าไปหรือ? ท่านอ๋อง เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็ก หากท่านขัดขวางข้าท่านก็มิใช่ลูก ผู้ชายแล้ว” หยุนโล่ชวนต้องการไปลงสมัครเพื่อตามไป ออกศึก แต่เดิมได้ปรึกษาหารือกับอ๋องตวนเรียบร้อย ทว่าอ๋องตวนก็ระเบิดทันทีที่ได้ยิน
เขาเพิ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนางได้สองวัน ความรู้สึก ยังไม่ทันได้ถูกบ่มเพาะ ก็ต้องไปที่ด่านชายแดน

นอกจากนี้ชายแดนยังอันตราย เขาจะปล่อยนางไปได้ อย่างไร?

หยุนโล่ชวนกลับไม่สนใจอะไรมากนัก นางต้องการจะ ไป ก็จะต้องไปให้ได้

ทั้งสองโต้เถียงกันในเรื่องนี้จนไม่ได้พักผ่อน หยุนโล่ ชวนนั้นใจร้อน จึงจับตะบองออกมาไล่ทุบตีอ๋องตวนอ๋อง ตวนไหนเลยจะกล้าทำร้ายนางกลับ แต่เดิมหญิงสาวผู้นี้ ร่างกายก็ไม่ได้อ่อนแอ ใครจะรู้เผลอไปพักหนึ่งนางก็วิ่ง หนีไปแล้ว

อ๋องตวนไล่ตามออกไป หยุนโล่ชวนก็ไปซ่อนตัวก่อน และหลังจากที่อ๋องตวนเดินกลับออกไป นางก็วนเวียนอยู่ หนึ่งรอบและกลับไปที่ตำหนักกั๋วกง

ฮูหยินแก่ของตำหนักกั๋วกง ไม่กล้าที่จะรับผิดชอบเรื่อง นี้ ดังนั้นนางจึงเชิญอันกั๋วกงมา หลานสาวต้องการไป ออกศึก เรื่องนี้มิอาจละเลยได้

อันกั๋วกงพยายามเกลี้ยกล่อมนาง แต่กลับไม่ได้โน้ม น้าว ยืดเวลารอให้อ๋องตวนมา แต่เขามาไม่ทันเวลา

หยุนโล่ชวนถือโอกาสเข้าวังไปพบนักปราชญ์ นางคิด ว่านี่ถือเป็นโอกาสทอง

กลับคาดไม่ถึงว่า เสินหยุนเจ๋กำลังจะเข้ามาในพระราชวัง

ทั้งสองหันหน้าเข้าหากัน และไม่พูดอะไรสักคำ พวก เขาก็เข้าไปในพระราชวังด้วยกัน

ฮ่องเต้ชิงหยู่เพิ่งคุยกับฮองเฮาเสร็จ ก็มีเรียกคนสองคน เข้าเฝ้า สวีกงกงเดินไปรับทั้งสองคน และเข้าไปใน พระ ตำหนักจรุงจิตและคุกเข่าลง

“พวกเจ้ามาด้วยกันได้อย่างไร? “ฮ่องเต้ชิงหยู่แปลก

ประหลาดใจ วันนี้ช่างมีชีวิตชีวานัก

“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องทูลต่อฝ่าบาทเพคะ” หยุ นโล่ชวนแน่นอนว่าไม่รีรอกล่าว ทำให้ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็ ประหลาดใจ

“พระชายาอ๋องตวนเข้าวังมาเพียงลำพังนี้ มิใช่ว่าอ๋อง ตวนทำให้เจ้าอึดอัดใช่หรือไม่? “ฮองเฮาเสินหยุนเจ๋นั่ง ถัดจากฮ่องเต้ชิงหยู่ เงินหยุนเจ๋ซ่อนใบหน้าของนาง และยิ้ม ฮ่องเต้ช่างถามตรงเกินไปแล้ว

หยุนโล่ชวนกล่าวตามตรงว่า “ทูลฝ่าบาท กระหม่อม มิได้ทะเลาะอันใดกับอ๋องตวน กระหม่อมเข้าวังมาเพราะมี เรื่องขอร้องฝ่าบาท ขอทรงอนุญาตให้กระหม่อมติดตาม แม่ทัพอันไปออกศึกด้วยเพคะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ตกใจเป็นอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าหยุนโล่ ชวนจะเข้ามาในวังด้วยเรื่องนี้ สำหรับเรื่องนี้แม้แต่เงินหยุ นชูก็คิดไม่ได้
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเข้าวังมาเพราะเหตุนี้”หยุนโล่ ชวนก็ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบของฮ่องเต้ชิงหยู่ เงินหยุน เจ๊ก็รีบกราบทูลทันที

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไป นัยน์ตาฉายแววงงงันทั้งยังไม่สงบ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ