ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 186 ความเย่อหยิ่งของฮั่วไท่เฟย



บทที่ 186 ความเย่อหยิ่งของฮั่วไท่เฟย

“วันนี้หลิงหยุนได้ตรวจนางสนมแล้ว เกิดอันใดขึ้น?” ฮ่องเต้ชิงหยู่ถามขณะเดิน

อันหลิงหยุนตอบกลับตามความจริงว่า: “หม่อมฉัน ต้องการจะหาคนที่ลงมือวางยาพิษ แต่ยกเว้นฮองเฮา คนอื่นๆล้วนถูกตรวจสอบทั้งหมด”

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปยังอันหลิงหยุนอย่างขบขัน: “เจ้า ก็น่าจะรู้ ว่าข้าสามารถฆ่าเจ้าด้วยประโยคนี้รึ?”

อันหลิงหยุนคุกเข่าลง “หม่อมฉันกลัวแล้วเพคะ”

ตรงหน้าเสื้อคลุมยาวของฮ่องเต้ชิงหยู่ อันหลิงหยุ นก้มหัวลงต่ำสองมือคำนับลงบนพื้น ฮ่องเต้ชิงหยู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็โค้งตัวลงมาประคอง

อันหลิงหยุนขึ้นมา

“ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึ? เพียงแค่เอ่ยปากก็ทำให้ หลิงหยุนต้องตกใจถึงขั้นลงไปคุกเข่า” ฮ่องเต้ชิงหยู่จน ใจเล็กน้อย

อันหลิงหยุนนำมือออก: “หม่อมฉันทำสิ่งที่ไม่ควรจะ ทำจริงๆ หม่อมฉันไม่ได้รายงานเรื่องให้ฮ่องเต้ทราบ ล่วงหน้าก่อน หม่อมฉันบุ่มบ่ามทำไป”

“คนติดตามข้า ไม่ใช่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายตลอดเวลา อันที่จริงข้าก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง” ฮ่องเต้ ชิงหยู่ก้มลงไปหยิบโคมไฟขึ้นมา ถือโคมไฟเดินไปข้าง หน้า เดินไปพลางก็เรียกให้อันหลิงหยุนตามมา

อันหลิงหยุนหดหู่ใจ เอาใจยากเสียจริงๆ

นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้

ฮ่องเต้ชิงหยู่เดินไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “ข้าก็สงสัย ฮองเฮา แต่ถึงกระไรข้าก็ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้ดี เหมือนกับที่ฮองเฮาทำ แต่ครั้งนี้ถูกพิษแปลกประหลาด แม้กระทั่งกลางคืนข้าก็ไม่กล้าที่จะพักผ่อน

อันหลิงหยุนเงยหน้า: “ความหมายของฮ่องเต้คือ?”

“หลังจากข้าหลับก็จะออกไปเดินตอนกลางคืน สวี กงกงเห็นข้าออกมาจากห้องสุสาน เห็นข้าเดินไปมาใน พระราชวังเหมือนกับเวลากลางวัน หลังจากข้าตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก แต่จำไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอันใด ขึ้น

พิษชนิดนี้ ครั้นถ้ากำจัดไม่ได้ ข้าก็เป็นกังวลใจ ว่าประ เทศต้าเหลียงจะเกิดเรื่องขึ้น

ฮ่องเต้ชิงหยู่รู้สึกกดดันอย่างหนัก อันหลิงหยุนหยุด ลง: “ฮ่องเต้ หม่อมฉันอยากจะตรวจดูให้ฮ่องเต้”

ฮ่องเต้ชิงหยู่นำมือส่งให้อันหลิงหยุน อันหลิงหยุนทำ การตรวจดูอย่างละเอียด ดูอย่างละเอียดรอบคอบอยู่ครู่หนึ่ง

“พิษของฮ่องเต้ยังอยู่ ดูท่าแล้วยังมีคนวางยาอยู่”

“อืม” ฮ่องเต้ชิงหยู่พยักหน้า

อันหลิงหยุนครุ่นคิดดู: “ฮ่องเต้ หม่อมฉันเห็นว่า เซียว ผินไม่ใช่คนวางยา นางไม่มีโอกาส นกจากนั้นไทเฮา และฮั่วไท่เฟยหม่อมฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ไทเฮาก็ เอาใจใส่ฮ่องเต้ และถึงแม้ว่าฮั่วไท่เฟยจะใช้อำนาจ บาตรใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถจะทำเรื่องแบบนี้ได้ ส่วนคน อื่นๆ ก็ยิ่งไม่มีความกล้าในเรื่องนี้”

สายตาของฮ่องเต้ชิงหยู่ที่คิดอย่างลึกซึ้ง: “ถ้าหาก ไม่ใช่พวกเขา แล้วอ๋องตวนกับอ๋องเสียนล่ะ?”

ครั้งนี้อันหลิงหยุนไม่ได้คุกเข่า การหยั่งเชิงนี้ ความ เป็นจริงนางก็ไม่ได้กังวลใจ

อันหลิงหยุนส่ายหน้า: “หม่อมฉันบังอาจคาดเดา ไม่ ใช่อ่องตวน และก็ไม่ใช่อ๋องเสียน

“โอ้?” ใบหน้าฮ่องเต้ชิงหยู่แฝงด้วยรอยยิ้ม ในใจของ อันหลิงหยุนเต้นรัวเหมือนกำลังควบม้าอยู่

“ฮ่องเต้ ขณะนี้อ๋องตวนเกิดเรื่อง แม้แต่ตัวเองยังเอา ตัวไม่รอด ถึงแม้ว่าจะมีใจคิดอยากทำร้ายฮ่องเต้ ก็อาจ จะไม่มีโอกาส ยิ่งไปกว่านั้นอ๋องตวนวางตัวซื่อสัตย์ คง ไม่สามารถคิดเรื่องทำร้ายฮ่องเต้ได้เป็นอันขาด
แม้กระทั่งอ๋องเสียน หม่อมฉันก็พิจารณาแล้วว่า เขา เอาใจใส่ฮ่องเต้ซะยิ่งกว่าเขาเอาใจใส่ตนเองซะอีก จะ คิดทำร้ายฮ่องเต้ได้กระไรกัน”

“ถ้าเป็นเช่นที่พูด ก็เหลือเพียงแค่คนเดียวแล้วล่ะ” ฮ่องเต้ชิงหยู่มองอันหลิงกยุนด้วยสายตาที่อ่อนโยนอยู่ ครู่หนึ่ง เขาก็ยิ้มๆอย่างขบขัน แล้วก็ถือโคมไฟหันเดิน จากอันหลิงหยุนไป

ในใจอันหลิงหยุนหลากหลายความรู้สึก นางไม่ได้ เข้าใจมากนัก ของจุดประสงค์การรนหาที่ตายของ ฮองเฮา

ลองถาม ผู้หญิงคนหนึ่งบนโลกใบนี้ จะมีใครบ้าง ที่ ปกป้องคุ้มครองนางได้ดียิ่งไปกว่าสามี

แต่เสินหยุนชูก้าวมารนหาที่ตาย

นางไม่ตาย สวรรค์ก็ทนต่อสิ่งนี้ไม่ได้

จากที่กล่าวความลับออกมาอันหลิงหยุนก็ตกใจเล็ก น้อย รอบๆคือศาลาในสวน

เวลานี้ดอกไม้นับร้อยผลิบานอย่างเงียบสงบ กลิ่น หอมจางๆของดอกไม้อบอวลไปทั่วทุกสารทิศ

อันหลิงหยุนถอนสายบัว: “ฮ่องเต้ จากที่นี่กลับไปวัง เพิ่งหยีก็ใช้เวลาไม่นานนัก หม่อมฉันกลับเองได้”
“ข้าส่งเจ้าที่หน้าประตู เจ้าไปก่อนเถอะ ข้าจะกลับไป ที่ฮองเฮานั่น”

“เพคะ” อันหลิงหยุนเดินตามฮ่องเต้ชิงหยู่ออกจาก ศาลาในสวนด้วยจิตใจที่หดหู่ ระหว่างทางยังยกเรื่อง แม่นมซีขึ้นมาพูดคุย อันหลิงหยุนตั้งใจรับฟังด้วยความ เคารพ

“แต่ก่อนแม่นมซีเข้ามาอยู่ที่วังของนางสนม ด้วย หน้าตาที่สะสวยงดงามอย่างมาก เดิมทีเสด็จแม่จะให้ มาเป็นนางสนมคนหนึ่งของข้า เพื่อที่ข้าจะหลบเลี่ยง จึงส่งให้ฮองเฮา นางจึงได้ไปอยู่คอยปรนนิบัติรับใช้ ฮองเฮาอยู่ที่นั่น

นางเคยช่วยเหลือข้า เมื่อก่อนข้าออกจากวังแล้วถูก คนทำร้าย นางเอาตัวมาขวางดาบให้ข้า ข้าก็ยังดีกับ นาง”

“แม่นมซีเชื่อใจได้หรือไม่?” อันหลิงหยุนถาม

ฮ่องเต้ชิงหยู่ยิ้ม: “นางและสวีกงกงเหมือนกัน ล้วน เป็นคนที่อยู่ข้างกายข้า จะน่าเชื่อใจหรือไม่ไม่ใช่เรื่อง สำคัญ จนถึงบัดนี้พวกเขาต่างก็ไม่เคยทรยศหักหลัง ข้า”

อันหลิงหยุนไม่มีอันใดจะพูด ออกจากประตูเห็นแม่นม ซี จึงตามแม่นมซีกลับวังเพิ่งหยีไป
หลังจากอันหลิงหยุนเข้าประตูก็ไปพักผ่อน รอไม่นาน ก็ได้ยินเสียงคนเดินผ่านด้านนอกประตู อันหลิงหยุนฟัง เสียงและแยกแยะตำแหน่ง อาศัยความสามารถในการ เคลื่อนทัพเพื่อสู้รบในสนามกว้างช่วงหลายปีที่ผ่านมา แยกแยะแล้วก็รู้ได้ว่าฮ่องเต้ชิงหยู่กลับมาแล้ว

พลิกตัวแล้ว อันหลิงหยุนจึงพักผ่อน

เช้าตรู่วันต่อมา

ฮ่องเต้ชิงหยู่เสด็จออกอภิปรายงานราชการ เกี่ยวกับ เรื่องต่างๆในศาลและเจ้าหน้าที่พลเรือนคนส่วนใหญ่ กล่าวหากงชิงวี่

“เริ่มรายงานฮ่องเต้ จนบัดนี้หม่อมฉันก็หวาดกลัว อ๋อง เสียนไม่ได้ถืออำนาจทางการทหาร หลายครั้งที่ปิดล้อม พระราชวังในนามคุ้มกันกษัตริย์ ใช้กำลังทหารปิดล้อม เมืองหลวง เรื่องนี้คือไม่เหมาะสม”

ช่วงหลายวันมานี้ส่วนใหญ่เสด็จน้องอ๋องชินจะมา เข้าเฝ้า เพราะเรื่องที่หวางฮองไทเฮายั่วโมโหพวกเขา ทยอยกันมาเข้าเฝ้ากล่าวหาอ๋องเสียน

ในเวลานี้หากจะพูดคืออาผู้ชายคนที่ห้าอ๋องห้าของ ฮ่องเต้ชิงหยู่

ฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่ปริปากพูด

อ๋องแปดที่อยู่ด้านล่างก็ออกมา: “ฮ่องเต้ อ๋องเสียนเย่อหยิ่งอวดดี ไม่ลงโทษเกรงว่าจะไม่ได้”

ท่านอ๋องคนอื่นๆตามกันออกจากแถว กลุ่มสมาชิก ท่านอ๋องตามกันมาคุกเข่าลงเล็กน้อย

สีหน้าสุขุมของฮ่องเต้ชิงหยู่ ไม่ได้แสดงออกถึงความ คิดเห็นไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม

ราชครูจุนมองเหล่าท่านอ๋องที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น เขาไม่เคลื่อนไหว เสินเฉิงเสียงก็ไม่ขยับ ข้าราชการ พลเรือนไม่มีใครกล้าขยับสักคน

แต่จุดมุ่งหมายนี้ชัดเจนก็คือการบีบบังคับให้สละ ราชย์บรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่

วันนี้แม่ทัพอันฑูตทการอยู่ที่นี่ อ๋องจูนหย่งและหยุน เจิงเป่ยก็อยู่ที่ตำหนักกั๋วกงด้วย

หยุนเจิงเป่ยเป็นพ่อของหยุนโล่ชวน อายุไม่ต่างกัน มากกับแม่ทัพอัน ทำสงครามอยู่ภายนอกตลอดทั้งปี เฝ้าระวังในสถานที่เป่ยเจียง

แต่วันนี้ที่กลับมาอย่างกะทันหัน ก็ทำให้รู้สึกแปลกใจ

แม่ทัพอันและอ๋องจูนหย่งต่างก็ไม่เคลื่อนไหว ทหารก็ไม่ได้สนใจพวกท่านอ๋องที่อยู่บนพื้น ทูต

ฮ่องเต้ชิงหยู่กำลังเตรียมที่จะพูดอันใดบางอย่าง นอก พระราชวังก็มีคนรายงานให้ทราบว่า: “ฮั่วไท่เฟยมาถึงแล้ว”

ฮ่องเต้ชิงหยู่เงยหน้าขึ้นไปมอง: “เชิญ”

ฮั่วไทเฟยมาพร้อมกับเสียงร่าเริงของขันทีน้อย ตาม มาด้วยนางสนมด้านหลังอีกหกคน แม่นมสองคน เดิน เข้ามาจากนอกพระราชวัง

วันนี้ฮั่วไท่เฟยตั้งใจเป็นพิเศษที่สวมชุดสีม่วงแก่อม แดง พร้อมกับแต่งหน้าเขียนตา

เพียงเข้ามาสิ่งแรกที่ทำก็คือมองเหยียดหยามไปยัง คนบนห้องโถง และหลังจากนั้นจึงมองไปยังฮ่องเต้

“ข้าได้เห็นฮ่องเต้แล้ว” ฮั่วไท่เฟยกล่าวอย่างเย็นชา มองไม่มองถึงความเฉียบแหลม เห็นได้ว่ากับฮ่องเต้คือ ความเคารพที่มีเพิ่มขึ้น

นางสนมทั้งหกและสองแม่นมที่ด้านหลังของนาง

คุกเข่าน้อมทักทายฮ่องเต้ชิงหยู่

“ข้าน้อยเข้าพบฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงพระเจริญ ทรงพระ เจริญ ทรงพระเจริญ…

เสียงของคนทั้งแปดดังก้องตำหนัก ทำให้คนทั้งหมด เคารพอยู่ไม่น้อย

“ลุกขึ้นเถอะ,ไท่เฟยวันนี้มาถึงอย่างกะทันหัน มีเรื่อง อันใด?” ฮ่องเต้ชิงหยู่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
ฮั่วไท่เฟยถอนสายบัว: “ที่ข้ามาวันนี้ คือมาเพื่ออ๋องต วน ลูกอ่องตวนของข้าร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ น้อยกว่าสามสิบบาดแผล แต่ละแผลเข้าถึงกระดูก ที่น่า สงสารที่สุด ขาของลูกข้าเกือบจะขาด

ได้ยินมาว่า คนเหล่านั้นต้องการให้ลูกข้าคุกเข่า ลูก ข้ามีจิตใจที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ถึงขั้นยอมตาย ก็ใช่สิ ลูกข้าเป็นถึงทายาทของราชวงศ์ กลัวตายซะ

ที่ไหน และไม่ยอมก้มหัวก็ถูกต้องแล้ว

ขุนนางคนทรยศต่อบ้านเมืองกลุ่มนี้ เชอะ……ต้องการ จะให้ลูกข้าตายใช่หรือไม่?

คนประเภทไหนกัน?

ทำร้ายลูกข้าก่อน ยังมาไล่จับอ๋องเสียนอีก ทำไม?

ร้อนใจรึ?

ฮ่องเต้องค์ก่อนจากไปสองสามปี ก็เรื่องที่จะกระด้าง กระเดื่องแล้วรึ?

ถึงแม้ว่าบนพื้นพิภพนี้จะเป็นของตระกูลกงชิง แต่ก็ อย่าลืม คำสั่งสอนของบรรพบุรุษของวงศ์ตระกูลที่ว่า หากฮองเฮามีบุตรชายก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นฮ่องเต้ ถ้าไม่มีบุตรชาย บุตรชายคนโตที่เกิดโดยนางสนมจะ ได้เป็นฮ่องเต้
ตั้งแต่ก่อนฮ่องเต้สถาปนาขึ้น จักรพรรดิประเทศต้า เหลียงของพวกเราก็คือฮ่องเต้องค์ก่อน ฮ่องเต้องค์ก่อน จากไปแล้ว ก็คือฮ่องเต้ ถ้าจะพูดแบบไม่น่าฟังก็คือ ฮ่องเต้จากไปแล้วก็มีลูกของฮ่องเต้ ส่วนอ๋องตวนและอ่อ เสียนก็คืออา เป็นเหมือนแขนขาของฮ่องเต้

คนนอก…..คิดที่จะเป็นอันใดกัน?

ฮั่วไท่เฟยพูดจบจนที่อยู่บนพื้นต่างก็มีสีหน้าซีดเซียว นางยิ้ม แล้วเดินไปยังด้านข้างอ๋องที่ห้า เงยหน้าขึ้นแล้ว เหยียบที่เท้า

ใบหน้าชราของอ๋องที่ห้าโกรธจนเป็นสีแดง แต่กระไร ก็ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย นังผู้หญิงบ้าคนนี้หากบ้าขึ้นมา ใครก็ควบคุมไม่อยู่ ด้านหลังของนางยังมีคนตระกูลฮั่ วอีก

ฮั่วไทเฟยยิ้มอย่างเย็นชา: “ท่านอ๋องที่ห้า เจ้ามาทำไม รึ? ได้ยินมาว่าแต่ก่อนอ๋องชิงจงของเจ้าชอบชายารอง หยุนของลูกฉัน ครั้งนี้ลูกฉันเกิดเรื่องขณะเดินทางไปที่ ตำหนักกั๋วกง แน่นอนว่ามีคนรู้แค่ไม่กี่คน คนที่ตกเป็นผู้ ต้องสงสัยมากที่สุดคืออ๋องชินจง

กระไร? ร้อนใจรึ? สุนัขจนตรอก..……….….….……..

ฮั่วไท่เฟยพูดด้วยโทนเสียงที่กำลังกัดฟันแน่น ทันใด ก็มีเสียงตะโกนขึ้นมา: “ทำอันใด? บีบบังคับให้สละรา ชย์? ฮ่องเต้อยู่ พวกเจ้าทำอันใดกัน?
ฮั่วไทเฟยตวาดลั่น คนทั้งหมดต่างลงคุกเข่า ราชครู จุนจึงกล่าวนำก่อนว่า: “แจ้งรายงานฮ่องเต้ เรื่องของอ่ องตวนควรจะจัดการอย่างเร่งด่วน หม่อมฉันขอวิงวอน ให้ฮ่องเต้ตรวจสอบเรื่องอ๋องเสียนให้แน่ชัด อ๋องชินจง ตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างมาก

“หม่อมฉันเห็นด้วยกับข้อเสนอของคนอื่นๆ” หาได้ยาก ที่เสินเฉิงเสี้ยงและราชครูจุนจะเป็นแนวร่วมเอกภาพ ฮ่องเต้ชิงหยู่สงบนิ่งไม่มีคลื่นใดๆ

แม่ทัพอันกล่าวทันทีว่า: “หม่อมฉันเห็นด้วยกับข้อ เสนอ”

อ๋องจูนหย่งก็กล่าวตามว่า: “หม่อมฉันเห็นด้วย”

คนทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังต่างก็เห็นด้วยกับข้อเสนอ ตามๆกันมา

อ๋องหลายท่านทั้งโกรธทั้งโมโห ฮั่วไท่เฟยยังรู้สึกว่า ไม่พอ โน้มตัวลง กล่าวฉีกหน้าอ๋องที่ห้าทันที: “อายุปูน นี้แล้ว ขนร่วงจนจะหมดอยู่แล้ว ไม่อยู่บ้านเลี้ยงนกฟัง เพลงดีๆ วิ่งเร่ออกมาให้ขายขี้หน้า ลืมภาพสุดท้ายของ ฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์แล้ว?

เหล่าท่านอ๋องทุกคนไม่กล้าพูดจา ฮั่วไท่เฟยชี้นิ้วไป ยังอ๋องที่ห้าแล้วตะโกนด้วยความโมโหว่า: “อ๋องทั้งแปด ท่านไม่สามารถที่จะแทรกแซงงานราชการแผ่นดินได้”

เหล่าท่านอ๋องตกใจกลัวจนตัวสั่น ฮั่วไท่เฟยลุกขึ้นด้วยความหยิ่งยโสอย่างที่สุด แต่เมื่อมองไปรอบๆ ฮั่ว ไทเฟยก็เก็บความหยิ่งยโส ออก หันไปยังฮ่องเต้ชิงอยู่ แล้วกล่าวว่า: “ฮ่องเต้ ข้าเกือบจะลืมเรื่องที่สำคัญไปเลย การตำหนิพวกเขาทั้งหลาย นี่ไม่ใช่ข้าผูกอาฆาต เมื่อ อายุยังน้อยนั้น เมื่อมีพระราชโองการแต่งตั้งราชินีของ ฮ่องเต้องค์ก่อนเพื่อให้ข้าเป็นหวงกุ้นเฟย พวกเขาแต่ละ คนต่างก็ไม่เห็นด้วย เห็นพวกเขาเกลียดข้ามาตั้งแต่ ไหนแต่ไร

ไอ้หยา ลืมตัวเสียมารยาทแล้ว ฮ่องเต้คงจะไม่เข้าใจ ผิดข้า ข้าทั้งสวยและเพรียบพร้อม

“ไทเฟยสวยและเพรียบพร้อมมาแต่ไหนแต่ไร ข้ารู้ว่า

ใบหน้าที่อ่อนโยนของฮ่องเต้ชิงหยู่จะไม่เสียความ เคร่งขรึมไป

ฮั่วไทเฟยกล่าวว่า: “ฮ่องเต้ อ๋องตวนได้รับบาดเจ็บ สาหัส ข้าเป็นห่วงอย่างมาก กลัวว่ากลุ่มขุนทางทรยศ เหล่านั้นจะมาหาเขา ตอนนี้เขาไม่สามารถปกป้องตัว เองได้ ข้าอยากจะรับเขาเข้าวังมารักษาด้วยตนเอง ขอร้องให้ฮ่องเต้อนุญาตด้วย

“อนุญาต!” ฮ่องเต้ชิงหยู่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

ฮั่วไท่เฟยยิ้มดีใจทันที: “ขอบเจ้าที่ฮ่องเต้ทรงอนุญาต อย่างนั้นข้าไปล่ะ”

“ส่งไท่เฟย”
ฮั่วไทเฟยหันออกไปพร้อมกับขบวนของหกนางสนม และสองแม่นม

รอคนไปแล้วฮ่องเต้ชิงหยู่ก็นึกถึงเรื่องราวของวังฮั่ว หยางที่ไปมาเมื่อวานขึ้นมา ถึงแม้ว่าฮั่วไท่เฟยจะกำเริบ เสืบสาน แต่ก็ไม่แทรกแซงอำนาจการบริหารบ้านเมือง นางน่าจะพูดอันใด ถึงได้เป็นการยั่วโมโหฮั่วไท่เฟย

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองอ๋องทั้งแปดท่านอย่างเย็นชาว่า: “อ๋องเสียนมีเจ้างามความดีในกองทัพ ไม่ยอมให้ใส่ร้าย ป้ายสี ทันทีที่ปล่อยคน ตรวจสอบอย่างละเอียดเรื่อง การลอบสังหารอ่องตวน ไม่มีอันใดผิดพลาด! ให้ออก จากราชวงศ์”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ลุกขึ้นยืนสะบัดแขนเสื้อและออกไป ราชครูจุนลุกขึ้นยืน ปัดๆเสื้อคลุม มองสายตาไปยังอ๋อง ทั้งแปดท่าน จึงหันออกไป

ราชครูเดินไปแล้ว ไม่มีใครเหลืออยู่ ต่างก็ทยอยๆตามกันออกไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ