ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่196 พบฮ่องเต้ชิงหยู่ในตอนกลางคืน



บทที่196 พบฮ่องเต้ชิงหยู่ในตอนกลางคืน

ขณะที่กำลังเดินกลับ อันหลิงหยุนยังคงจิตใจไม่อยู่ กับเนื้อกับตัว เรื่องที่ฮ่องเต้ชิงหยู่โดนยาพิษ กลาย เป็นเรื่องหนักใจของนาง หากยังถอนพิษมิได้ นางก็ไม่ สามารถอยู่เป็นสุขได้

“มีเรื่องอันใด? เดินก็ไม่ยอมเปิดตา หากเดินหน้าไป อีกนิดก็ชนเข้ากับกำแพงแล้ว” เสินหยุนเจ๋เตือนอย่างไม่ ค่อยพอใจ อันหลิงหยุนยังไม่ทันได้ระวังตัว จึงชนเข้า กับกำแพง ตาเห็นว่ากำลังจะชนกำแพง แต่ถูกเสินหยุน เจดึงเอาไว้ หัวจึงไม่ชนจนแตก

อันหลิงหยุนกลั้นหายใจ แล้วตบหน้าอก แล้วเงยหน้า ขึ้นมาเสินหยุนเจ๋ด้วยความตกใจ

เมื่อถอยหลังเสร็จ อันหลิงหยุนก็ก้มหน้าลงกล่าว

ขอบพระทัย: “ขอบพระทัย”

เสินหยุนเจ๋มองอันหลิงหยุนด้วยความแปลกใจ: “ท่าน เป็นอันใดกันแน่?”

“จวนอ๋องติดหนี้อยู่จำนวนหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะชดใช้คืน กระไรดี” อันหลิงหยุนพูดไปผ่านๆ ตอนนี้เรื่องเงินห้า หมื่นเหรียญได้กลายเป็นโล่กำบังให้แก่อันหลิงหยุน

ทุกครั้งที่มีเรื่อง นางก็จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้าง
เสินหยุนเจ๋ทําหน้าเบื่อหน่าย: “จวนอ๋องเสียนของ เจ้าเป็นตระกูลใหญ่โตร่ำรวย ทุกวันจวนอ๋องเสียน เปิดประตูก็ต้องใช้เงินหลายร้อยเหรียญ เทียบกับคน ธรรมดามิได้ ท่านอ๋องเองทุกเดือนก็ใช้เงินหลายร้อย เหรียญ ในเมืองหลวงนี้ถือว่าเขามีเหรียญเงินมากที่สุด แล้ว

แต่ช่วงก่อนหน้านี้มีการระดมทุน จวนอ๋องเสียนก็ได้ บริจาคเงินไปห้าหมื่นเหรียญ อีกทั้งยังลงนามในหนังสือ สัญญากู้เงินห้าหมื่นเหรียญอีก

เมื่อคืนล่วงเกินองค์หญิงใหญ่ นางจึงทวงเหรียญเงิน จากข้า แล้วข้ามีที่ไหนกัน?”

เสินหยุนเจ๋ผงะ จนถึงตอนนี้เพิ่งจะยอมพูด: “ข้าไปหา

เหรียญเงินให้เจ้า” อันหลิงหยุนรู้สึกงุนงง กำลังเตรียมที่จะปฏิเสธ แต่

เสินหยุนเจ๋หันหลังเดินจากไปแล้ว

อันหลิงหยุนหันกลับไปมองเสินหยุนเจ๋ และคิดที่จะ ตะโกนบอกกับเขาว่าไม่ต้องการให้เขาไปหาเหรียญเงิน ให้ แต่เสินหยุนเจ๋กลับเดินหายไปจนไม่เหลือแม้กระทั่ง เงาเสียแล้ว

อันหลิงหยุนจึงทำได้เพียงกลับวังเพิ่งหยีไปก่อน

ระหว่างทาง อันหลิงหยุนก็คิดถึงเรื่องพิษของฮ่องเต้ ชิงหยู่ จึงลืมเรื่องของเสินหยุนเจ๋ไปเสียสนิท
เมื่อกลับถึงวังเพิ่งหยี อันหลิงหยุนก็หยุดยืนอยู่ที่ประ ตูวังเพิ่งหยีอยู่ครู่หนึ่ง จริงๆมิได้อยากที่จะออกไปหา เรื่องข้างนอก แล้วจึงกลับเข้าวังเพิ่งหลงไป

แม่นมซีดูเหมือนจะมีหน้าที่คอยดูนางโดยเฉพาะ เมื่อ อันหลิงหยุนเข้าไปก็เห็ยแม่นมซูยืนรออยู่ที่ประตู

“พระชายาเสียน

อันหลิงหยุนพยักหน้า เตรียมตัวจะเดินเข้าไป

เดินไปได้สองสามก้าวก็เหมือนจะนึกอันใดออก จึง ถามแม่นมซู: “แม่นมซู ก่อนหน้านี้มาวังเพิ่งหยีไม่เคย พบท่าน ท่านเคยอยู่ที่วังไหนมาก่อนหรือ?”

แม่นมซูปิดปากเงียบสนิท อันหลิงหยุนจึงมิได้ถามต่อ

เมื่อกลับถึงห้องก็เริ่มวางแผนว่าจะไปตรวจสอบ ฮองเฮากระไรดี

เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จ อันหลิงหยุนก็ไปพักผ่อน รอ จนถึงกลางดึก อันหลิงหยุนจึงลุกขึ้น

คืนนี้กงชิงวี่มิได้เข้าวัง อันหลิงหยุนจึงสามารถไปหา ได้พอดี

เมื่อออกจากประตู อันหลิงหยุนก็ไปยืนมองอยู่ที่ประ ตูวังเฝิ่งหยีอยู่สุกครู่ ตอนนี้นางกำนัลสองคนกับขันทีอีก สองคนล้วนหลับกันหมดแล้ว
อันหลิงหยุนเดินไปดูที่ประตูวัง ประตูวังปิดอยู่ อีกทั้ง ด้านบนยังลงสลักประตูด้วย ขอเพียงแค่กองทัพวี่หลิน ที่อยู่ในวังไม่มาเดินลาดตระเวนแถวนี้ ก็คงจะไม่พบ ความผิดปกติ

แต่อันหลิงหยุนเองก็ต้องรีบสักหน่อย ถ้าหากถูกพบ เข้าก็คงจะไม่ใช่เรื่องดี

เมื่อกลับจากประตูวังเพิ่งหยี อันหลิงหยุนก็เข้าไป ในตำหนักเพิ่งหยี อันหลิงหยุนมีการเตรียมการเอาไว้ นานแล้ว โดยได้ใส่ยานอนหลับลงไปในน้ำและพระ กระยาหารทั้งหมด

อันหลิงหยุนเห็นว่าคนที่อยู่ในวังเพิ่งหยีทั้งหมด ได้กิน ลงไปแล้ว จึงไปนอนหลับพักผ่อนอย่างวางใจ

ตอนนี้วังเพิ่งหยีเงียบเสียจนสามารถได้ยินเสียงเข็ม

หล่นกระทบพื้นได้

อันหลิงหยุนถือโคมไฟเดินไปที่ห้องโถงใหญ่อันเงียบ สงบ ทำให้รู้สึกวังเวงเล็กน้อย

แต่เมื่อเห็นว่าที่ประตูและด้านในมีนางกำนัลยืนอยู่ หลายคน ก็รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อย

เดินเวียนไปจากตำหนักเพิ่งหยี อันหลิงหยุนสำรวจ โดยรอบ ไม่เห็นที่ที่น่าสงสัย อันหลิงหยุนจึงเดินเข้าไป ในห้องนอนของเสินหยุนซู
นางกำนัลสองคนและขันทีที่ยืนอยู่ที่ประตูต่างหลับ กันหมดแล้ว อันหลิงหยุนมองไปยังแม่นมซีที่อยู่ไกลๆ แม่นั่งซีกำลังนั่งอยู่ทางด้านนั้นอย่างเงียบๆ ก้มหน้าก้ม ตา เหมือนกับกำลังนั่งสมาธิ

อันหลิงหยุนมองก็รู้สึกวังเวง ในวังปกติก็เงียบสงัดอยู่ แล้ว เมื่อเห็นเช่นนี้ทำให้อันหลิงหยุนรู้สึกตกใจจนเหงื่อ ไหล

สถานที่โบราณนี่ เทียบมิได้กับบ้านในปัจจุบัน พระราชวังเช่นนี้ คนสมัยโบราณต่างรู้สึกว่างดงามและ ยอดเยี่ยม แต่ในสายตาของอันหลิงหยุนแล้ว เหมือนกับ บ้านผีสิงก็ไม่ปาน

ปกติตอนกลางวันก็ดูมืดมนอยู่แล้ว ตอนกลางคืนยิ่ง ไม่ต้องพูดถึง

อันหลิงหยุนถือโคมไฟเดินเข้าไปในห้องของเงินหยุ นชู เปิดมุ้งออกแล้วเข้าไปข้างใน เสียหยุนชูกำลังนอน หลับอยู่บนเตียงอย่างสงบ อันหลิงหยุนมองไปรอบๆ แล้วจึงเริ่มค้นหาจากบริเวณโดยรอบ

หากเงินหยุนซูเป็นคนวางยาพิษ เรื่องนี้นางคงจะ หาคนอื่นมาทำแทนมิได้ นางคงทำได้เพียงวางยาพิษ ฮ่องเต้ชิงหยู่ด้วยตัวของนางเอง ดังนั้นการหายาพิษจึง เป็นเรื่องสำคัญ

อันหลิงหยุนพลิกหาทุกที่แต่ก็หาไม่เจอ จึงรู้สึก เสียดายเล็กน้อยที่มิได้พาจิ้งจอกน้อยมา หากพาจิ้งจอกน้อยมา เรื่องคงจะง่ายกว่านี้

เดินไปเดินมาอยู่ชั่วโมงกว่าก็เหมือนจะไม่มีความคืบ หน้า อันหลิงหยุนจึงหันหลังเดินกลับออกไป

ขณะที่กำลังกลับหลังหัน ด้านหลังก็มีคนยืนอยู่คน หนึ่ง อันหลิงหยุนยกโคมไฟที่ถืออยู่ในมือขึ้น มีร่างของ คนคนหนึ่งกำลังยืนตรงอยู่ด้านหลังของนาง

ทำให้อันหลิงหยุนตกใจจนแทบหยุดหายใจ ด้านหลัง มีคนยืนอยู่นางกลับไม่รู้

อีกฝ่ายมิได้ขยับ อันหลิงหยุนเองก็ไม่กล้าที่จะหายใจ

อันหลิงหยุนเดินเข้าไป แล้วจึงมองดูร่างนั้น ร่างนั้น ขยับเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะต้องการเข้ามาใกล้

อันหลิงหยุนหันหลัง เข็มเงินที่อยู่ในมือพุ่งเข้าไป หาใบหน้าของอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นเข็มเงินพุ่งเข้าไปที่ ดวงตาทั้งสองข้างของอีกฝ่าย ทำให้อันหลิงหยุนต้อง ตกใจจนหน้าซีด แล้วรีบเก็บมือกลับมาทันที

“ฝ่าบาท”

อันหลิงหยุนมือสั่น เข็มเงินหล่นลงไปอยู่ที่พื้น

ฮ่องเต้ชิงหยู่ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าอันหลิงหยุน ตาทั้งสอง ข้างดูมึนงง แต่เขาก็สามารถกระพริบตาได้ แล้วจึงเดิน เข้าไปจากข้างๆอันหลิงหยุน
อันหลิงหยุนหันกลับไปมอง ฮ่องเต่ชิงหยู่สวมใส่เสื้อ ด้านในสีขาว กำลังวางแผนจะออกไปข้างนอก

อันหลิงหยุนรีบก้มลงไปเก็บเข็มเงินที่หล่นอยู่บนพื้น เมื่อเก็บเสร็จจึงเดินตามออกไป

เมื่อออกไปด้านนอกก็เห็นฮ่องเต้ชิงหยู่เดินอยู่ในลาน อันหลิงหยุนรีบเดินไปด้านหน้าฮ่องเต้ชิงหยู่ แล้วจึงจับ ข้อมือของฮ่องเต้ชิงหยู่ นางต้องการที่จะตรวจดูอาการ ให้แก่ฮ่องเต้ชิงหยู่ แต่นางยังไม่ทัยจะได้สัมผัสมือ ของฮ่องเต้ชิงหยู่ ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ เขา ยกมือขึ้นตบหน้าอันหลิงหยุนหนึ่งครั้ง อันหลิงหยุนหัน หลังเดินหลีกไป คิดที่จะเข้ามาหาจากทางด้านหลัง ยัง ไม่ทันจะรอให้เข้ามาใกล้ ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็หันกลับไปตบ อันหลิงหยุน อันหลิงหยุนถอยหลัง ใกล้าเข้าใกล้ฮ่องเต้ ชิงหยู่ สายตาของฮ่องเต้ชิงหยู่เริ่มปรับชัดขึ้น

“อันหลิงหยุน เจ้ากล้าลงมือกับข้าหรือ?” ฮ่องเต็ชิงหยู่ น้ำเสียงเย็นชา อันหลิงหยุนยกโคมไฟสูงขึ้น แล้วมองดู อยู่สักครู่ ตาของฮ่องเต้ชิงหยู่มืดมน ดูเหมือนว่าเขาจะ กำลังอยู่ในความฝัน

“ฝ่าบาท” อันหลิงหยุนเรียกฮ่องเต้ชิงหยู่ ฮ่องเต้ชิงหยู่ มองตรงไปยังอันหลิงหยุนแต่มิได้พูดอันใด

อันหลิงหยุนลองเข้าใกล้ดู แต่ฮ่องเต้ชิงอยู่ก็ยังคงตก อยู่ในโลกส่วนตัวของเขา หันหลังแล้วเดินไปทางอื่น

อันหลิงหยุนเอาเข็มเงินออกมาถือไว้ แล้วซัดใส่ฮ่องเต้ชิงหยู่ แต่กลับกลายเป็นว่าฮ่องเต้ชิงหยู่สามารถหลบ

ได้ เข็มเงินของอันหลิงหยุนจึงพุ่งไปในอากาศเปล่า นางจึงหันหลังกลับไปดูฮ่องเต้ชิงหยู่ทันที แต่กลาบเป็น ว่าเมื่อนางหันหลังกลับพบว่าฮ่องเต้ชิงหยู่มายืนอยู่ตรง หน้าแล้ว ฮ่องเต้ชิงหยู่ตีเข้าไปที่ไหล่ของอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนถอยหลัง เกือบจะกระอักเลือด

ฮ่องเต้ชิงหยู่เดินเข้าไปหาอันหลิงหยุน อันหลิงหยุน หันหลังแล้วเดินไปทางวิหารบรรทมรอง นางจะตายใน มือของฮ่องเต้ชิงหยู่มิได้

เมื่อถึงประตูก็เข้าไปด้านใน ฮ่องเต่ชิงหยู่ก็ตามมาที่ วิหารบรรทมรองด้วย

อันหลิงหยุนปิดประตูห้อง คิดที่จะหลบซ่อนตัว ส่วนที่ ไหล่ก็เจ็บจนชา

อันหลิงหยุนเหงื่อแตก

ประตูถูกเปิดออก ฮ่องเต้ชิงหยู่เดินเข้ามาทางประตู อันหลิงหยุนอาศัยแสงสว่างของโคมไฟมองไป ฮ่องเต้ ชิงอยู่เข้ามข้างในเรียบร้อยแล้ว

อันหลิงหยุนสูดหายใจหนึ่งครั้ง แล้วนำยาออกมาจาก ตัวหนึ่งเม็ด

ลุกขึ้นยืนจากที่มุม

อันใดจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่อาจหนีพ้นได้ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ตายก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

อันหลิงหยุนจึงเดินออกไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ