ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่28ต้านทานศัตรู



บทที่28ต้านทานศัตรู

“จงหุบปาก”

ศักดิ์ศรีของกงชิงวี่ไม่อนุญาตผู้หญิงตนหนึ่งมาปก ป้องเขาเขาคลำหมอนมรกตที่วางอยู่ข้างกายด้านบน ประดับด้วยลูกปัดหยกเขาให้มือดังเส้นด้ายให้ขาดจาก นั้นจึงคว้าลูกปักมรกตเอาไว้

ผู้ที่เข้ามามีสี่หรือห้าคนล้วนแต่แต่งตัวด้วยชุดสีดำ รัตติกาลใบหน้าถูกปกปิดเอาไว้

ดวงตาของอันหลิงหยุนเปล่งประกายนางหยิบเข็มเงิน สองสามเล่มออกมาจากร่าง”ช่างจริงๆเลยถนนสู่สวรรค์ มีเหตุใดจึงไม่รู้จักเดินดึงดันจะบุกเข้าประตูนรกเสีย แทนเข้ามาพร้อมกันเถอะ”

อันหลิงหยุนสังเกตแล้วเรียบร้อยคนสี่หรือห้าคนนาง ยังคงสามารถรับมือได้นางแค่เกรงว่าบนหลังคายังมี ใครลงมาอีก

ผู้ที่เข้ามาบนร่างกายล้วนเต็มไปด้วยรอยเลือดในมือ ถือดาบใบหน้ายังมีหยดเลือดไหลลงมา

อันหลิงหยุนหายใจเบาๆและเดินไปเข้าไปหาอีก ฝ่ายสองก้าวตราบใดที่เขาไม่เป็นวิชาตัวเบาการรับมือ กับพวกเขาล้วนไม่ใช่เรื่องยากอะไรคนสมัยโบราณก็ สามารถเขียนวิชาตัวเบาแมวสามขาขึ้นมาได้สามารถ ทำงานเบาได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการจัดการกับพวกเขาคนโบราณยังเขียนกังฟูของแมวสามขาการ แสดงในทีวีนั้นยอดเยี่ยมก็จริงแต่ตามบันทึกทาง ประวัติศาสตร์แล้วผู้ที่สามารถต่อสู้ได้ดีล้วนเกิดจาก การมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์สำหรับการบินไปบินมา พวกนั้นล้วนสมควรเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น

ชายทั้งห้าเหลือบมองกันชายตรงกลางยกมือขึ้นแล้ว สะบัดไปทางด้านหน้าชายทั้งห้าแยกจากกันทันทีสอน คนในนั้นรีบพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วอันหลิงหยุด สะบัดเข็มสองเล่มออกไปในครั้งเดียวพออีกฝ่ายหลบ ไปนางก็หันตัวไปรับมืออีกคนอีกฝ่ายหลบหนีไปเช่นกัน แต่คนที่อยู่ข้างหลังกลับทรุดตัวลงกับพื้นผู้ที่ยังยืนอยู่ ทั้งสามคนตะลึงนิ่งไปก่อนจะรีบบุกเข้าใส่อันหลิงหยุนพ ร้อมๆกัน

อันหลิงหยูนรีบหันตัวเข้ารับมือทันทีแต่นางกลับช้า ไปก้าวหนึ่งหนึ่งในนั้นเข้าประชิดนางด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะบีบคอนางเอาไว้อันหลิงหยุนหยุดลงดวงตาของ คนชุดดำเปล่งประกายเกลียดชังและสะบัดมือเบาๆคน ที่เหลือทั้งสองคนจึงพุ่งเข้าไปหากงชิงวิ่

แต่ในเวลานั้นเองชายชุดดำที่รับคำสั่งก็ก้าวถอยหลัง และชะงักไปจากนั้นจึงมองดูมือของตนด้วยความตื่น ตะลึง

อันหลิงหยุนหันกลับมาแล้วยิงเข็มเงินสองเล่นออกไป จากนั้นทั้งสองคนที่กำลังหันหลังให้เธอก็ล้มลงไปกับ พื้นทันที
นางไม่มีเวลาหันไปดูผู้ที่ถูกวางยาพิษและหันมารับมือ กับคนอีกผู้หนึ่งอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเมื่อเธอขยับไป ข้างหน้าอีกฝ่ายก็กำลังกวาดดาบลงไปกงชิงวี่มองเห็น แต่ไม่สามารถขยับได้เขาเพิ่งจะลุกขึ้นมาร่างกายเดิม ยังไม่ฟื้นฟูตอนที่ลุกขึ้นมาก็ใช้พลังงานที่มีอยู่ไปอย่าง มากมายดังนั้นในเวลานี้จึงได้แต่ตัวแข็งค้างเลือดหยด ลงมาเป็นจำนวนไม่น้อยเนื่องจากบาดแผลที่เปิดขึ้นอีก ครั้ง

อันหลิงหยุนไม่มีเวลาคิดอีกต่อไปนางจับข้อมือของ คู่ต่อสู้เอาไว้อีกฝ่ายหันกลับมาและตวัดดาบใส่นางใน ขณะที่ดาบกำลังจะฟันใส่ร่างของเธอนางก็รีบหลบ เลี่ยงทันทีดาบตลัดผ่านแขนของนางไปอันหลิงหยุน ถอยฉากมาสองก้าวจากนั้นจึงมองแขวนของตนเลือดสี ดำปรากฏขึ้นมาบ มาบนแขนของนาง

“มีพิษ?”

หน้าผากของนากมีเหงื่อออกอันหลิงหยุนยืนอย่างไม่ มั่นคงขึ้นมาเล็กน้อย

“สมควรตาย!”

กงชิง ลุกขึ้นจากเตียงในทันทีลูกปัดหยกในมือของ เขาพุ่งออกมาพร้อมกับพละกำลังทั้งหมดของเขาชาย ชุดดำถูกลูกปัดหยกโจมตีจากด้านหลังพริบตาก็ล้มลง ไปอยู่ที่พื้นพร้อมดวงตาที่เพิ่งกว้าง

กงชิงวี่ลุกขึ้นยืนดวงตาสองข้างมองดูอันหลิงหยุนด้วยความโมโห“โง่งม!”

อันหลิงหยุนขมวดคิ้วลึกและกะพริบตา”ข้าถูกวางยา แล้ว!”

หาได้ยากอย่างยิ่ง!

นางเป็นถึงเทพขจัดยาพิษ!

“ใครก็ได้มานี่!”กงชิงวี่ตะโกนเสียงดังก้อง

แต่ด้านนอกกลับมีแค่เสียงลมเท่านั้นไม่มีผู้ใดตอบรับ

อันหลิงหยุนหายใจหนักขึ้นเปลือกตาก็รู้สึกหนักขึ้น มาเช่นกันภายในร่างกายคล้ายกับมีบางอย่างกำลังเผา ไหม้นี่คือปฏิกิริยาต่อพิษอันหลิงหยุนรู้ดีกว่าคนอื่น

หลังจากก้าวไปอย่างยากลำบากทันใดนั้นหลิงหยุ นก็เงยหน้าขึ้นไปมองไม่รู้ว่าร่างกายของตนเองเอา เรี่ยวแรงมาจากไหนนางวิ่งเข้าไปหากงชิงด้วยความ รวดเร็วกงชิงวี่ตกตะลึงแต่กว่าเขาจะค้นพบมันก็สาย เกินไปชายชุดดำผู้นั้นตวัดดาบลงมาอันหลิงหยุน ป้องกันศัตรูและหยุดดาบลงด้วยร่างกายของตน

ขณะที่ร่างกายทรุดลงอันหลิงหยุนรู้สึกว่าตัวเธอกำลัง ถูกดึงออกไปราวเหมือนกับว่าวิญญาณของนางกำลัง ถูกดึงออกจากร่างกาย

“อันหลิงหยุน!”
กงชิง ตะโกนเรียกอันหลิงหยุนด้วยความโกรธก่อน ที่ดวงตาของอันหลิงหยุนจะปิดลงและหลับไปเป็นที่ เรียบร้อย

กงชิงวี่กอดอันหลิงหยุนเอาไว้ในอ้อมแขนลูกปัดหยก ในมือแหลกสลายกลายเป็นผุยผงเขาเงยหน้าขึ้นมาดู ชายชุดดำด้วยสายตาอันคมปลาบร่างกายเต็มประด้วย รัศมีอันเยียบเย็นจนทำให้จิตใจของคนต้องสั่นแขวน

ชายชุดดำกำลังจะโจมตีครั้งสุดท้ายแต่ประตูด้าน นอกก็มีเสียงดังวุ่นวายขึ้นนางหันกลับไปดูไม่มีเวลาให้ คิดชักช้าอีกต่อไปจากนั้นจึงรีบหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

กงชิงวี่พยายามใช้แรงที่มีกอดอันหลิงหยุนเอาไว้แต่ ตัวเข้าเองก็ไร้เรี่ยวแรงแล้วเช่นกัน

ฟุบคนล้มลงไปอยู่กับพื้นพร้อมกับอันหลิงหยุนที่สลบ

อยู่ในอ้อมกอด

เขาหลับตาลงดึงมือกลับมาจากนั้นจึงค่อยปล่อยลง

เสียงโครมครามดังขึ้นใครบางคนกำลังกระแทก ประตูตำหนักเข้ามาเป็นแม่ทัพอันที่บุกเข้ามาด้าน ใน“หยุนหยุน”

ในเวลานี้อันหลิงหยุนถูกวางยาพิษและหมดสติส่วนกง ชิงวี่ก็หมดสติเช่นกันแม่ทัพอันเห็นทั้งสองคนกอดกันอยู่ จึงรีบเดินเข้าไปและก้มลงไปช่วยเหลืออันหลิงหยุน”หยุ นหยุนหยุนหยุน…”
“ท่านแม่ทัพคุณหนูถูกวางยาพิษท่านโปรดดูที่แขน ของนาง รองแม่ทัพฉาวหมั่งเอ่นเตือนอันลือชานหัน ไปมองดูก่อนจะใช้แรงอุ้มนางขึ้นมา”หมอหลวงหมอ หลวง….”

ฉาวหยั่งรีบออกไปอย่างรวดเร็วและตามตัวหมอหลวง

อันจือซานวางอันหลิงหยุนลงบนเตียงเขาไม่เคยสนใจ ความเป็นตายของกงชิงวี่อยู่แล้วเขาร้องไห้แม่ทัพฮู่กั่วที่ กล้าหาญไม่เคยหวาดกลัวต่อสิ่งใดในเวลานี้กลับร้องไห้ อย่างน่าสงสาร

ทหารเก่าแก่ที่ติดตามเขามาหลายปีแล้วเห็นแล้วก็อด เศร้าโศกไปด้วยไม่ได้

ไม่ว่าหญิงสาวผู้นี้จะหยิ่งยโสแค่ไหนแต่ถึงอย่างไรก็ เป็นบุตรีของท่านแม่ทัพหากไม่มีท่านแม่ทัพก็ไม่มีพวก เขาเข่นกัน

“หยุนหยุนหากเจ้าไปแล้วพ่อก็ไม่อยู่เช่นกัน!

แม่ทัพอันร้องไห้ใจสลายด้านนอกหมอหลวงรีบวิ่งเข้า มาอย่างรีบร้อนด้านหลังมีฉาวหลั่งที่ถือทวนตามเข้ามา หากไม่มาเขาจะลงมือแล้ว

“ท่านแม่ทัพอันโปรดให้ข้าดูอาการ”

พูดจบหมอหลวงก็มาถึงด้านหน้าแล้วแม่ทัพอันน้ำตา ไหลเป็นสาย รีบรีบดูอาการของหยุนหยุนเร็วเข้า
หมอหลวงจับชีพจรอย่างเร่งรีบผ่านไปเนิ่นนานถึง ค่อยมองดูแม่ทัพอันเห็นอยู่ๆชัดๆว่าตอนนี้เรียกได้ว่า กำลังเหยียบเข้าสู่ประตูนรกแล้วแต่การเผชิญหน้ากับ สถานการณ์เช่นนี้หมอหลวงก็ยังไม่กล้าเอ่ยความจริง ออกมา

“พระชายาถูกยาพิษต้องทำการถอนพิษท่านแม่ทัพ โปรดหลีกทางข้าน้อยจะตรวจดูอย่างถี่ถ้วน”

หมอหลวงเช็ดเหงื่อเพื่อปกป้องชีวิตของตนจึงจำเป็น ต้องโกหก

แม่ทัพอันเชื่อว่าที่เขาพูดเป็นความจริงจึงอุ้มลูกวาง ของตนนอนลงบนเตียงจากนั้นจึงค่อยนึกถึงกงชิงวี่ขึ้น มาได้คิดถึงท้องของบุตรีที่ยังมีอีกชีวิตหนึ่งอาศัยอยู่เขา ถึงค่อยเอ่ยขึ้น“แม่ทัพรองฉาวนำคนขึ้นมา”

ฉาวหลั่งเดินไปที่ด้านหน้าของกงชิงวี่และก้มตัวลง เพื่อยกคนขึ้นไปบนเตียงพวกเขาทั้งสองอยู่นอนข้างกัน หมอหลวงจึงได้แต่ต้องแกล้งทำเป็นช่วยชีวิต

เขานำยาถอนพิษใส่เข้าไปในปากของอันหลิงหยุน จากนั้นจึงไปดูอาการของกงชิงวี่ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บ สาหัสแต่นับว่าไม่ถึงกับเอาชีวิต

“เรียนท่านแม่ทัพอันอ๋องเสียนจำเป็นต้องรักษา บาดแผลข้าน้อยจะทำการรักษาบาดแผลของอ่านอ๋อง ก่อนสำหรับพระชายาชายหญิงนั้นมีข้อแตกต่างโปรด แม่ทัพช่วยเรียกนางกำนัลเข้ามาด้วย
“ฉาวหมั่งไปเรียกแม่นมในวังมา”

“ขอรับ”

ฉาวหมั่งหมุนตัวจากไปในขณะที่หมอหลวงด้านหนึ่ง กำลังทำการรักษาบาดแผลของกงชิงวีไปอีกด้านหนึ่งก็ คิดหาวิธีหลบหนีจากที่นี่

เมื่อเทียบกับชีวิตของตนเองชีวิตของเสียนอ๋องก็ไม่มี ค่าอะไรอีกต่อไป

อันจือซานรักบุตรียิ่งกว่าชีวิตหากบุตรีของเขาตาย เกรงว่าใครก็ล้วนไม่ได้อยู่เป็นสุขแน่เขารักษาไม่ได้จึง ต้องได้แต่หนีเท่านั้น

อันจือซานจ้องมองหมอหลวง”เจ้ารีบจัดการให้เร็ว หน่อยอีกสักครู่จงรักษาหยุนหยุนให้ดีๆ”

“ขอรับ”

หมอหลวงยังคงจัดการบาดแผลต่อไปส่วนอันจือซาน กำลังรอใหม่แม่นมมาถึงในเวลานี้เองกงชิงวี่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

“อันหลิงหยุน”

เสียงแหบห้าวดังขึ้นมาหมอหลวงสั่นสะท้านไป

“ท่านอ๋องเสียน
กงชิง หันไปมองอย่างช้าๆและดวงตามืดมิดเย็นชา ทำให้หมอหลวงตกใจด้วยความหวาดกลัว

หมอหลวงรีบร้อนก้าวถอยหลังและคุกเข่าคำนับ ท่าน อ๋องเสียนโปรดอภัย”

“อันหลิงหยุนล่ะ?”กงชิงวี่รู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขา คล้ายถูกฉีกขาดและอาจถึงขั้นเลือดลมไหลย้อน

อันจือซานรู้สึกดูถูกอย่างยิ่งเขาส่งเสียงเยาะ เย้ย”วางใจเถอะเจ้ายังไม่ตายหยุนหยุนของข้ายังคง สบายดี”

หลังจากพูดจบอันจือซนก็คว้ามือของบุตรีมากุมไว้ จากนั้นมือของเขาก็สั่นเทาขึ้นมาเขามองดูมันเยียบเย็น ไปแล้ว!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ