ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 280 พบมู่มิงในการชุมนุม



บทที่ 280 พบมู่มิงในการชุมนุม

ฮั่วไท่เฟยยืนดุอ๋องตวนอยู่ที่ประตูวังฮั่วหยาง ได้ยินที่ แม่นมกราบทูล ก็รู้สึกจนใจ: “เด็กคนนี้ตั้งแต่เล็กก็เป็นเด็ก ที่ซื่อสัตย์ เพื่อจุนฉูฉูแล้ว สามารถทำถึงขนาดนี้ เห็นทีเขา คงจะชอบนางจริงๆ แต่ข้าเองก็ไม่อาจทนดูเขาตายด้วย น้ำมือของจุนฉูฉูได้”

“เจ้านาย ถ้าเช่นนั้นตอนนี้จะเอาอย่างไรดีเพคะ?”

“ช่างเถอะ เจ้าไปบอกกับอ๋องตวนก็แล้วกันว่า ข้าจะให้ โอกาสอีกหนึ่งครั้ง ให้ราชครูจุนอบรมสั่งสอนให้ดีแล้ว ค่อยส่งกลับมา ส่วนตำแหน่งพระชายาตวน ก็ให้ดูท่าที ของนาง ตำหนักกั๋วกงมีเหตุมีผล และก็คงไม่ได้รีบร้อน อะไร ข้าจะไปอธิบายกับท่านกั๋วกงเอง”

“ถ้าเช่นนั้นรองพระชายาหยุนล่ะเพคะ?

“ให้อยู่ที่ตำหนักกั๋วกงไปก่อน รอให้ผ่านไปสักพักแล้ว ค่อยวางแผนกัน”

จุนฉูฉูได้รับพระบัญชาจากฮั่วไท่เฟย ก็รู้สึกโล่งใจ นี่ ก็เป็นไปตามที่นางคาดไว้ อีกทั้งครั้งนี้อันหลิงหยุนเกือบ จะต้องสูญเสียลูกไป ทำให้นางถูกสงสัย และมีความผิด การลงโทษเช่นนี้ สำหรับนางถือว่าเบามากแล้ว

“หม่อมฉันขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ทรงมีเมตตา” จุนฉูฉู ลุกขึ้นขอบพระทัย
แม่นมมองจุนฉูฉู แล้วพูดว่า: “พระชายาตวนดูแลตัวเอง ด้วย”

แล้วแม่นมจึงกลับออกไป ฮูหยินทั้งสองของตระกูล จุนเห็นแม่นมก็พยักหน้า แม่นมทำความเคารพ: “ข้าน้อย ขอตัวก่อน”

“แม่นมค่อยๆเดิน ช่วยทูลฮั่วไท่เฟยด้วยว่า ตระกูลจุน จะอบรมสั่งสอนนางอย่างดี”

“เจ้าค่ะ”

แม่นมกลับไป ฮูหยินทั้งสองมองจุนฉูฉู แล้วพูดอย่างไม่ แยแสว่า: “พานางลงมา ให้นางคุกเข่า หากสำนึกได้เมื่อ ไหร่ ก็ค่อยลุกขึ้น”

อันหลิงหยุนได้ยินเรื่องของจุนฉูฉูก็รู้สึกตะลึง เป็นเวลา สักพักใหญ่อันหลิงหยุนจึงดึงสติกลับคืนมาได้ เหมือน จะคิดอะไรบางอย่างออก: “คิดว่าจุนฉูฉูจะต้องสูญเสีย ตำแหน่งพระชายาเสียแล้ว”

ตอนนี้กงชิงวี่กำลังอ่านหนังสืออยู่ ด้านหลังคือเก้าอี้ เขา เหลือบตาขึ้นมองอันหลิงหยุน แล้ววางหนังสือที่อยู่ในมือ ลง

“หากสูญเสียตำแหน่งพระชายาของอ๋องตวนไป ต่อไป ก็คงจะต้องมีการนองเลือดอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากนาง ฉลาดจริง ก็ไม่ควรทำผิดต่อไปอีก

ฮั่วไม่เฟยเห็นแก่หน้าของรองพระชายาหยุน ตอนนี้จึงได้เก็บเรื่องนี้เอาไว้ และหวังว่าเด็กจะไม่เป็นอะไร”

อันหลิงหยุนแปลกใจ: “หมายความว่าอย่างไร?”

“ตำแหน่งพระชายาเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น นางตั้งใจ ฆ่าคนต่างหากที่เป็นเรื่องจริง ตามที่ข้าเข้าใจ นางไม่มี ทางลืมความแค้นครั้งนี้แน่นอน ถ้าหากนางมีจุนเซียว เซียวคอยหนุนอยู่ ก็คงไม่เป็นอย่างเช่นวันนี้

ดังนั้นเพื่อตำแหน่งพระชายา นางสามารถตอบโต้โดย ไม่นึกเสียดายอะไร ถึงเวลานั้นลูกของพระชายารองหยุน จะอยู่ได้อย่างไร”

เมื่อพูดถึงจุนเซียวเซียว อันหลิงหยุนก็พยักหน้า: “จุน เซียวเซียวใจเย็นกว่าจุนฉูฉูมาก ต้องพบกับความโชค ร้ายที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ นางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว อยู่ในวัง โดยไม่มีที่พึ่ง แม้แต่ความกังวลสักนิดก็ไม่มีให้เห็นเป็นคน แรก”

“กังวลหรือไม่ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเห็น เพียงแต่นางรู้ว่า ตระกูลจุนไม่ได้สนับสนุนนาง ถ้าหากนางอยากมีชีวิตอยู่ ต่อ ก็จะต้องทำตัวให้ฉลาดสักหน่อย”

อันหลิงหยุนถาม: “ท่านรู้เรื่องมากมายขนาดนั้น เช่นนั้น เรื่องของจุนเซียวเซียวท่านรู้มากน้อยแค่ไหนกัน? ตอนที่ สู้จิ๋นตาย แม่นมซีก็พูดเรื่องของนางออกมาทั้งหมด หาก เรื่องที่แม่นมซีพูดเช่นนั้นเป็นความจริง หมายความว่าสู้ จิ่นชอบเสินหยุนเจ๋?”

กงชิงวี่จับมือแล้วเหลือบมองอันหลิงหยุน: “หยุนหยุนต้องการจะพูดอะไร?”

“คำสารภาพเป็นเพราะมาจากถูกท่านอ๋องกดดัน แต่ว่า เรื่องของสู้จีนก็ยังไม่ได้สอบสวนอย่างละเอียด จนท้าย ที่สุดนางต้องถูกสอบสวนในฐานะผู้ต้องหา แต่มีอีกเรื่อง หนึ่งที่หม่อมฉันอยากถามมาตลอดแต่ยังไม่ได้ถาม สู้จีน ถูกแม่นมซีคุกคามจริงหรือ?

ตามที่ข้าเข้าใจแม่นมซีและสู้จิ่น ถ้าหากเป็นจริงเช่นนั้น สู้จิ่นไม่มีทางขอร้องแม่นมซีมาตลอด บอกว่าไม่ได้เป็น เช่นนั้น

เช่นนั้นเบื้องหลังของเรื่องนี้ แม่นมซีจะต้องแอบซ่อน อะไรไว้แน่นอน”

กงชิงวี่ยิ้มมุมปาก: “หยุนหยุนว่าต่อไป”

“ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด ที่สู้จิ่นทำลายจุนเซียวเซียว เป็น เพราะพวกนางทั้งสองคน ชอบคนคนเดียวกัน เป็นเพราะ มีจิตใจอิจฉาริษยา จึงได้ทำเรื่องร้ายเช่นนี้ขึ้น

สู้จิ่นสายเกินไปที่จะเสียใจ ทั้งหมดเป็นเพราะความเห็น แก่ตัวของนาง จึงได้ทำลายคนทั้งตระกูล ใช่หรือไม่?”

ใบหน้าอันหล่อเหลาของกงชิงวี่ค่อยๆยิ้ม: “ฉลาดนั้นถือ เป็นเรื่องดี ข้าชอบความฉลาดของหยุนหยุน เพียงแค่เห็น แสง ก็สามารถแยกแยะอากาศของวันต่อไปได้

แต่ฉลาดเกินไปข้าเองก็เป็นห่วง ถ้าหากพลั้งปากก็จะ เกิดเรื่องได้”
อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่อย่างเบื่อหน่าย: “ท่านอ๋องเองก็ มีเรื่องที่กลัวด้วยหรือเพคะ?”

“ไม่ถึงกลับกลัวหรอก แต่ตระกูลจุนทำประโยชน์ให้แก่ ราชสำนักที่จะขาดไม่ได้ ราชครูจุนถึงแม้จะมีอำนาจ แต่ เขาก็ไม่เคยทำเรื่องที่เป็นการหักหลังต่อประเทศต้าเหลี ยงเลย หากอาศัยตรงจุดนี้ ก็จะต้องไว้หน้าเขาบ้าง

ถ้าไม่ใช่ ฮ่องเต้ก็คงจะไม่ทรงแต่งตั้งพระสนม

“แต่งตั้งแล้วเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่า….” อันหลิงหยุน นึกถึงเรื่องที่จุนเซียวเซียวถูกทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แล้ว จึงหยุดมองกงชิงวี่

“หรือว่าจะสามารถคืนตำแหน่งได้?”

กงชิงวี่ไม่ได้พูดอะไร แต่อันหลิงหยุนพอจะนึกออกแล้ว

บุตรสาวของตระกูลจุน จะถูกรังแกได้อย่างไร?

วันต่อว่าในวังส่งข่าวมาว่า เป็นเพราะทั้งสองตำหนัก ประสบเรื่องร้าย ฮ่องเต้ทรงทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ฮองเฮา เสินหยุน ทรงพระราชทานตำแหน่งฮองเฮาเหรินเต๋ อช่าน(ฮองเฮาที่มีคุณธรรมสูงส่ง) ส่วนสนมเซียวให้ กลับคืนสู่ตำแหน่งกุ้ยเฟย และพระราชทานตำแหน่งหวง กุ้ยเฟย

อันหลิงหยุนได้ยินก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด แต่คิด ไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้
ตอนที่อันหลิงหยุนกินข้าวยังพูดว่า เดิมทีเป็นแค่กุ้ยเฟย ตอนนี้กลายเป็นหวงกุ้ยเฟยแล้ว เช่นนี้ก็เท่ากับว่าเทียบ เท่ากับตำแหน่งของฮองเฮาแล้ว

“ดูๆไปแล้วก็คงจะทุกข์ด้วยกันทั้งหมด เพียงแต่กลัวว่า คนอื่นจะมองเช่นไร กุ้ยเฟยกลายเป็นหวงกุ้ยเฟย ส่วน ฮองเฮาก็ยังคงเป็นฮองเฮาเช่นเดิม กงชิงวี่ให้เนื้อแก่นาง ชิ้นหนึ่ง เพื่อใช้ปิดปากนาง เพื่อเลี่ยงไม่ให้พูดเหลวไหล

กินเนื้อแล้วอันหลิงหยุนก็สะบัดแขนเสื้อ :”วันนี้หม่อม ฉันจะออกไปข้างนอก ท่านอ๋องไม่จําเป็นต้องตามไปก็ได้ เพคะ ได้ยินมาว่านอกเมืองมีการชุมนุม คนที่ไปล้วนแล้ว แต่เป็นบรรดาคุณชายคุณหนูทั้งสิ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคย เข้าสังคมมาก่อนหม่อมฉันจะไปดูสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจ จะได้ทำความรู้จักกับคนในจวนอ๋องแปดสักสองสามคน”

“เช่นนั้นเจ้าระวังตัวด้วย” กงชิงวี่มีเรื่องอื่นจะต้องไปทำ อันหลิงหยุนอยากจะแฝงตัวเข้าไปในจวนอ๋องแปดเพื่อ ทำความรู้จักกับคนในนั้นสักสองสามคนก็ไม่ใช่ว่าจะเป็น ไปไม่ได้ ถ้าหากพอจะรู้อะไรมาได้บ้าง ก็คงเป็นเรื่องที่ดี

สองสามีภรรยาแยกย้ายกันไป อันหลิงหยุนพาอาห ออกนอกเมืองไป

งานชุมนุมมีคนไม่น้อย อันหลิงหยุนเห็นคนยืนรวมตัว กันอยู่จากที่ไกลๆ เป็นเพราะสภาพอากาศค่อนข้างร้อน ใตต้นไม้จึงมีคนยืนอยู่เป็นจำนวนมาก อันหลิงหยุนจึงเดิน มุ่งหน้าไปที่ใต้ต้นไม้ แล้วมองสำรวจดูรอบๆว่ามีใครบ้าง

และได้เจอกับคนคุ้นเคยสองสามคนจริงๆ ไม่เพียงแค่เห็นเงินหยุนเอ่อและเสินหยุนเจ๋เท่านั้น ยังเห็นจวิ้นจี่มู่มิงอี กด้วย

ฮองเฮาเสินหยุนซูตอนนี้กลายเป็นหัวข้อสนทนาไปแล้ว ตระกูลเงินตกเป็นเป้าอีกครั้ง คุณชายและคุณหนูจำนวน ไม่น้อยต่างตีตัวออกห่าง แม้แต่โจวเหม่ยเหลินก็ยืนออก ห่างไปไกล แสดงให้เห็นว่านางและเสินหยุนเอ๋อนั้นไม่มี ความเกี่ยวข้องกัน

มีเพียงจวิ้นจู่มู่มิง ที่ยังคงยืนอยู่ข้างๆเสินหยุนเอ๋อโดย ไม่ได้สนใจอะไร แต่อันหลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่พอจะมองออกว่า จวิ้นจี่มู่มิงและเสินหยุนเอ๋อ ไม่ใช้คน ประเภทเดียวกัน

อันหลิงหยุนจะเดินเข้าไปทางนั้นแต่ถูกอาหยู่ขวางไว้ “พระชายา พวกเราไปทางอื่นกันเถอะ”

อันหลิงหยุนมองอาหยู่ แต่ฟังที่อาหมู่พูด ยังคงเดิน เข้าไปทางด้านที่พวกมู่มิงยืนอยู่ อาหยู่ขางเอาไว้ไม่อยู่ จึงทำได้เพียงเดินตามไป

“แม่ทัพน้อย”

อันหลิงหยุนแต่งกายด้วยชุดธรรมดา เดินเข้าไปกล่าว ทักทายก่อน

เสินหยุนเจ๋มองอันหลิงหยุนแล้วพยักหน้า: “พระชายา เสียน”
“คุณหนูเส้น จวิ้นจี่ มิง” อันหลังหมุนกล่าวทักทายต่อ เงินหยุนเอ่อโกรธจนคว้นออกจมูก สีหน้าดูไม่ได้

จวิ้นจู่ฟูมึงกลับทำตัวปกติ: “พระชายาเสียนเองก็มาร่วม ประสมโรงด้วยหรือ?”

“ได้ยินมาว่าที่นี่มีการชุมนุม จึงแวะมาดูเสียหน่อย ไม่ คิดว่าจะเจอจวิ้นจู่มู่มิง” ขณะที่อันหลิงหยุนพูดอยู่ จวิ้นจี่มู่

มิงรู้สึกว่าน่าขัน จึงหันไปมองทางอื่น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ