ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 147 วิธีบังคับพิณหลวงเฟิง



บทที่ 147 วิธีบังคับพิณหลวงเฟิง

อันหลิงหยุนเหม่อลอย ทบทวนและค้นหาคำตอบ นาง อยากรู้ว่าร่างเดิมเหลือสิ่งใดไว้ หรือระบบเกิดการขัดข้อง

กงชิงวี่มอง “หลิงหยุน”

อันหลิงหยุนตั้งสติมองมาทางกงชิงวี่ ก็ไม่รู้สึกอันใด ใน เมื่อนางต้องการดีดพิณเป่าขลุ่ย น่าจะมีจุดมุ่งหมายอันใด

“ท่านอ๋อง ไม่มีพิณ”

กงชิงวี่เลยถาม “จะเอาจริงเหรอ?”

เขาคือถามว่าบรรเลงเป็นหรือ

“หม่อมฉันเรียนดนตรีไม่เก่ง แต่ก็เคยเรียน อาจารย์เคย สอนบ้าง” ที่จริงอันหลิงหยุนมีความสามารถหลายอย่าง นางคิดว่าสิ่งที่เรียนมาไม่มีประโยชน์ แต่ตอนนี้มาคิดดู ใช้ ประโยชน์ได้เยอะเหมือนกัน

“อ๋องตวน ขอยืมใช้พิณหลวงเจิ่งของเจ้าหน่อย” กงชิงวี่

พูด

อ๋องตวนนึกขึ้นได้ว่ามี “องครักษ์ ไปเอาพิณมา”

อ๋องตวนได้เอาพิณที่เมื่อก่อนได้เตรียมไว้ให้จุนฉูฉู แต่ ตั้งแต่นางเข้ามาจวนอ๋องตวน ก็ไม่มีอารมณ์ดีดพิณวาด ภาพ เป็นคู่สามีภรรยาที่มีชีวิตสบายๆ
มีคนนำพิณหลวงเพิ่งมา อันหลิงหยุนเลยลุกขึ้นเดินไป

ขลุ่ยของมู่มิงก็ไม่ธรรมดา แค่มองก็รู้ว่าเป็นของดี

เดินมาถึงที่ว่าง อันหลิงหยุนนั่งบนเก้าอี้ จ้องมองพิณหล วงเพิ่งตั้งนาน สวยมากเลย ใช้มือสัมผัส เพื่อสัมผัสความ รู้สึก เงยหัวขึ้นมองจวิ้นจี่มู่มิง

” องค์หญิงจะเป่าเพลงไหน?”

“ภูเขาสูงมีสายน้ำไหล”

มู่มิง ไม่แยแส ถึงนางไม่ใช่ผู้หญิงเก่งอันดับหนึ่งในเมือง หลวง นั่นเป็นเพราะนางไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้

อันหลิงหยุนไม่รู้ดนตรีเพลงสมัยก่อน แต่ระบบรู้ว่า ดนตรีนี้จะดีดกระไร นางเลยนั่งอย่างสบายใจแล้วพูด “ขอเชิญจวิ้นจู่มู่มิงเริ่มก่อน”

มู่มิงไม่เกรงใจ จับขลุ่ยขึ้นมา ใช้สิบนิ้วอย่างมีเสน่ห์ ก้ม สายตาลงแล้วเริ่มเป่า

เสียงขลุ่ยเสียงใสชัดเจน เหมือนสายน้ำไหล ทุกคนตื่น ตาตื่นใจเป็นครั้งแรกที่ได้ฟัง เหมือนตัวเองอยู่ในป่าเขาที่ สดชื่น

อันหลิงหยุนลูบพิณหลวงเฟิง สัมผัสเบาๆ สิบนิ้วดีดลง ที่พิณเบาๆ เสียงใสนุ่มนวลดังขึ้นเรื่อยๆไม่มีขาดตอน เหมือนอยู่ในลำธารป่าเขา รายล้อมไปด้วยป่าไม้ ทำให้ ตกอยู่ในภวังค์
เหมือนกงชิงวี่มองเห็นในป่าลำธารมีผู้หญิงงามใส่ชุด ขาว กำลังหวีผมแต่งหน้าข้างลำธาร เขาค่อยๆใช้สายตา รวบรวม

ภาพความสวยงามเหล่านั้น

มู่มิงหน้าถอดสี เสียงขลุ่ยนางค่อยๆสะเทือนแสบแก้วหู กงชิงวี่มองไปทันที “มู่มิงอย่าอาละวาด”

กงชิงวี่ลุกขึ้นเตรียมจะเดินไป อันหลิงหยุนสิบนิ้วขึ้นลง ในเวลาอันรวดเร็วก็ไปปะทะกับเสียงขลุ่ย ทำให้เด่นขึ้น มาอีกระดับ

หนึ่ง ลื่นไหลเหมือนการเคลื่อนไหวของเมฆและสายน้ำ ตอนนี้เหมือนมีทหารกับม้าเป็นหมื่นตัว กรีดร้องอย่างบ้า คลั่ง

พลังพิฆาตไม่คงที่…….…..

กงชิงวี่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ สายตาจ้องมองที่อันหลิงหยุ น นึกถึงตอนอยู่ที่ภูเขาสือหลี่ ขณะที่เขากำลังจะจับ หมาจิ้งจอกหางสั้น

ก็ได้ยินเสียงพิณที่มีพลังพิฆาตอย่างนี้

ที่แท้เป็นนาง!

อยู่ในช่วงที่ทุกคนรวบรวมสติไม่กล้าหายใจ มีเสียงหนึ่ง ดังขึ้นมา จวิ้นจี่มู่มิงสั่นทีหนึ่ง มือทั้งสองด้านชา ถอย ออกไปหนึ่งก้าว
นางพยายามฝืนจับขลุ่ยไว้แน่น อันหลิงหยุนค่อยๆผ่อน เสียง ณ ค่อยค่อยดีด

มู่มิงเห็นสีหน้าอันหลิงหยุนค่อยๆผ่อนคลาย อันหลิงหยุ นยังคงดีดพิณต่อเรื่อยๆ

ครั้งนี้นางได้ดีดเพลงที่นางชอบ พอเพลงจบ กงชิงวี่ ค่อยๆนั่งลง ยักคิ้วมองอันหลิงหยุน

อันหลิงหยุนลุกขึ้นมองไปทาง มู่มิงแล้วพูด”จวิ้นจี่มู่มิง

ตั้งใจยอมแพ้” จวิ้นจี่มู่มิงหันตัวสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป ไม่ยอมหัน

หลังกลับ

อันหลิงหยุนครุ่นคิดสักพัก มองพิณหลวงเพิ่งที่วางบน โต๊ะ ก้มตัวจับขึ้นมาอุ้มไว้ เหมือนเด็กที่เสียดายของเล่น

“ท่านอ๋อง” หม่อมฉันชอบพิณหลวงเพิ่งมาก ท่านอ๋อง สามารถนำสิ่งของอย่างอื่นแลกพิณหลวงเพิ่งกับอ๋องตวน ได้หรือไม่”

เสียงอ้อนอ่อนหวานของอันหลิงหยุน แต่ท่าทางเหมือน โจรปล้น ทำให้จุนฉูฉูเกลียดและไม่พอใจมาก

แต่ยังมีคนที่พูดตรงกว่านาง กงชิงวี่มองไปทางกงชิง หยิน “พี่ชายรอง มอบให้ข้าได้หรือไม่?”

“เอาไปซิ ในเมื่อพระชายาเสียนชอบ” อ่องตวนไม่ ทบทวน คิดแต่ว่าพิณนี้ถ้าไปอยู่ในมืออันหลิงหยุนคงมีประโยชน์มากกว่า เก็บไว้จวนอ๋องตวนก็ไร้ค่า

อันหลิงหยุนก้มตัว “ขอบพระทัยอ๋องตวนที่ใจกว้างมอบ ให้

อันหลิงหยุนก็นำพิณหลวงเพิ่งไป จุนฉูฉูโมโหจนหน้า

ถอดสี แต่ก็ยิ้มส่ง กงชิงวี่ไม่ลังเล เดินไปข้างกายอันหลิงหยุน ใช้แขนโอบ

ไหล่อันหลิงหยุน แล้วพูด “ นี่ก็มืดแล้ว ไม่รบกวนพี่ชาย

รองเข้าห้องหอ ข้าขอกลับก่อน”

กงชิงวี่พูดอย่างนี้ คนอื่นๆต่างพากันลากลับ กงชิงวกกับ อันหลิงหยุนพากันออกจากจวนอ๋องพร้อมคนอื่น

สองคนออกไปแล้ว อันหลิงหยุนจับพิณหลวงเพิ่งอย่างมี ความสุข

“ในจวนของข้ามีพิณมากมาย ด้วยเหตุใดชอบชิ้นนี้?” ถึงแม้กงชิงวี่จะพูดอย่างนี้ แต่ก็นำพิณของนางไปวางไว้ บนรถม้า อันหลิง

หยุนขึ้นไปนั่งบนรถม้า

“นี่เขาเรียกว่าความชอบที่แตกต่างกัน ถึงสิ่งของนั้นจะ ดีแค่ไหนแต่ถ้าไม่ชอบก็ไม่มีความหมายอันใด สิ่งของที่ ไม่ดีแต่ถ้าข้าชอบมันก็ดี”

อันหลิงหยุนกินข้าวอิ่มเหล้าก็ดื่มพอโน้มตัวพิงกงชิงวิ่ เพื่อพักผ่อน กงชิงวี่บีบแก้มนาง “แล้วข้าล่ะ?”
“สําหรับท่านอ๋องก็แบบชอบก็ได้ไม่ชอบก็ได้”อันหลิง หยุนหัวเราะ

“ดูแล้วข้าให้เสบียงอาหารและเบี้ยเลี้ยงเจ้าน้อยไป

เล่นสนุกบนรถม้า คนขับรถม้าข้างนอกแปลกใจ ท่าน อ๋องเอาเสบียงมาจากไหน ต้องส่งทุกวัน

บนรถม้าเงียบไปสักพัก กงชิงวี่จ้องมองพิณอย่าง ใจลอย อันหลิงหยุนแปลกใจแล้วถาม “ท่านอ๋องมองอัน

ใด?”

“ข้านี่ประเมินค่าพระชายาต่ำไป เสียงพิณของพระ ชายาทำให้ข้าตื่นตระหนก” คำพูดของกงชิงวี่แฝงเลศนัย

“ท่านอ๋องมีอันใดก็พูด?” อันหลิงฟังออก กงชิงวี่กำลัง กังวลเกี่ยวกับเรื่องวันนี้

“เสียงพิณของพระชายามีพลังพิฆาต” กงชิง จับมืออัน หลิงหยุน

“หม่อมฉันก็ไม่รู้เป็นอันใด ตอนที่จวิ้นจู่มู่มิงมาหาข้า ตอนแรกหม่อมฉันไม่อยากแข่งขันกับนาง แต่ระบบสั่ง การกะทันหัน ควบคุมให้หม่อมฉันเอ่ยปาก เพราะฉะนั้น หม่อมฉันถึงต้องไปแข่ง

ตอนที่หม่อมฉันดีดพิณ หม่อมฉันไม่รู้ว่ามันคือเพลงอัน ใด ที่ท่านว่าพลังพิฆาตหม่อมฉันก็ไม่รู้ แต่ในขณะนั้น ใน แววตาเหมือนมีม้าเป็นพันเป็นหมื่นตัววิ่งพลุกพล่าน เลือด ไหลเป็นแม่น้ำ..……….…..
อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่ ดึงมือกงชิงวี่มาจับที่แก้มนาง

“ท่านอ๋องยังจำได้หรือไม่ มีครั้งหนึ่งที่หม่อมฉันอาบน้ำ ท่านอ๋องเข้ามา ทันใดนั้นหม่อมฉันก็ลุกขึ้นมาจากน้ำ?อันหลิงหยุน ถาม

กงชิงวี่ยิ้มที่มุมปาก “จำได้”

“ครั้งนั้นก็ระบบเปิดทำงานอัตโนมัติ”

หัวใจกงชิงวี่หดหู่ขึ้นมา จับมืออันหลิงหยุน “ข้าไม่ให้ เกิดเรื่องไม่ดีกับเจ้า?”

อันหลิงหยุนหัวเราะ “คงไม่มีอันใดหรอก เพียงแต่ว่าใน ร่างกายหม่อมฉันได้มีของลึกลับซ่อนอยู่ จะควบคุมของ สิ่งนี้ให้มั่นคง มันคงต้องใช้เวลา

แต่ไม่แน่พิณหลวงเพิ่งอาจจะเป็นของดี อย่างน้อยคงมี ประโยชน์กับหม่อมฉัน

ถ้าใช้ประโยชน์ในทางที่ถูกต้อง มันก็จะเป็นเรื่องดี

หม่อมฉันบอกว่าจะเอาพิณ สาเหตุก็เพราะเกี่ยวกับ

ระบบ

มันคงมีเจตนาอันใดแน่นอน”

“เจตนาอันใด?”กงชิงวี่กอดอันหลิงหยุนแล้วหอมแก้ม สายตาจ้องไปที่พิณหลวงเพิ่ง
อันหลิงหยุนถอนหายใจ “ตอนแรกหม่อมฉันก็ไม่ได้ ชอบท่านอ๋อง อยากจะหย่ากับท่านอ๋อง ท่านอ๋องก็รู้ แต่ ครั้งนั้นที่ท่านอ๋องเข้ามาในห้องอาบน้ำ หม่อมฉันลุกขึ้น กะทันหัน นี่ก็คือการโปรยเสน่ห์

ตอนนี้คิดระบบกำลังส่งสัญญาณให้หม่อมฉัน บอก ให้รู้ว่ากำลังจะเกิดอันใดขึ้น ถ้าเป็นเช่นนี้ พิณนี้ต้องมี ประโยชน์กับหม่อมฉันแน่ๆ”

กงชิงวี่ใช้แรงจับหน้าอันหลิงหยุน “ข้าไม่สนใจพวกนั้น ข้าไม่ให้เจ้าคิดมาก ไม่ว่าเกิดอันใดขึ้น ก็ห้ามทิ้งข้าไป มิ เช่นนั้น ข้าจะฆ่าล้างทั้งตระกูลจวนแม่ทัพ”

อันหลิงหยุนจ้องตากงชิงวี่ “ท่านก็พูดเรื่องอย่างอื่น บ้าง ต้องการฆ่าล้างทั้งตระกูลจวนแม่ทัพ? ถ้าหม่อมฉัน จากไปแล้ว ถึงท่านจะฆ่าล้างทั้งประเทศต้าเหลียงก็ไม่มี ประโยชน์? หม่อมฉันก็มองไม่เห็น”

ถ้าอย่างนั้นก็ห้ามทิ้งข้าไป” กงชิงวี่จูบปากอันหลิงหยุ น เขาหลับตา ค่อยๆใช้แรงจูบ เหมือนกับจะจดจำทุก สถานการณ์

กลัวว่านางจะหายไปในพริบตา

รถม้ากลับถึงจวนอ๋องเสียน อันหลิงหยุนลงจากรถม้า รถม้าของเสินหยุนเจ๋ก็วิ่งผ่านไป ไม่ได้หยุด

อันหลิงหยุนแปลกใจ “วันนี้ด้วยเหตุใดเสินหยุนเอ๋อเงียบ สงบจัง”
“เรื่องของคนอื่นด้วยเหตุใดพระชายาสนใจจัง ด้วยเหตุ ใดไม่เห็นพระชายาสนใจเรื่องของข้าบ้าง?” กงชิง ดึง นางกลับ มืดแล้ว พักผ่อนได้แล้ว

อันหลิงหยุนไปดูฉาวเหม่ยเหริน ฉาวเหม่ยเหรินไข้ลด

ลงแล้ว ทําความเคารพแล้วร้องไห้ “เจ้าร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนเยอะๆ เดี๋ยวข้าให้ท่าน ถางไปตามแม่ทัพฉาว เจ้าพูดเลย ทุกอย่างข้าจัดการ เจ้า

วางใจ ข้าจะช่วยเหลือพวกเจ้า”

“พระชายา ข้ามีบาปสิ้นพระชนม์แล้วไม่เสียดาย ขอให้ พระชายาช่วยพี่ชายข้า ชาติหน้าข้าขอเกิดเป็นวัวเป็นม้า เพื่อมาตอบแทนพระชายา

ฉาวเหม่ยเหรินพูดไปด้วยร้องไปด้วย

อันหลิงหยุนลุกขึ้น “เจ้าพักผ่อนเยอะๆ พรุ่งนี้ข้ามาหา เจ้า ค่อยมาตรวจสอบคดีนี้”

อันหลิงหยุนหันตัวไปข้างนอก ด้วยความรู้สึกหดหู่ นาง เป็นหมอ แต่จะไปแย่งอาชีพมือปราบ รู้สึกไม่ค่อยถูกต้อง

กลับถึงลานโอวหลานอันหลิงหยุนก็เหนื่อยมาก และ รู้สึกร่างกายมีกลิ่นเหม็นคาว ดึกแล้วก็ไปอาบน้ำพักผ่อน

ตอนเช้าตื่นมากงชิงวี่ไปทำธุระเรื่องเขื่อนตูฟางจุ้น นาง ก็ไปตรวจสอบคดี

มีกงชิงวี่ช่วยจัดการปัญหาต่างๆ ทำให้อันหลิงหยุนอยากทําอันใดก็ได้ และทําอันใดก็ชนะ

อันหลิงหยุนได้ไปเรียกแม่ทัพรองฉาวมา สอบถามด้วย ตัวเอง

แม่ทัพรองฉาวมีโทษติดตัว ได้ใส่โซ่กุญแจมือ

พอเห็นฉาวเหม่ยเหรินเป็นถึงแม่ทัพรองฉาว ก็น้ำตาอาบ แก้ม

ฉาวเหม่ยเหรินก็ร้องให้

อาหย่อธิบาย “พ่อแม่รองแม่ทัพได้สูญเสียชีวิตไปแล้ว ปีที่แล้วแม่เลี้ยงก็เสียชีวิต สองพี่น้องมีความสัมพันธ์ดี มาก ฉาวซื่อมีความกตัญญู ปรนนิบัติพ่อแม่อย่างดี

เป็นเพราะแม่ทัพรองฉาวได้ทำความดีมาหลายครั้ง ฮ่องเต้ได้ประทานรางวัลให้ ตระกูลนางก็มีฐานะดี ยังมี จวนแม่ทัพที่ใหญ่โต

มีคนแนะนำให้นางกับรู้จักหลี่ปู้ซื่อหลังหลี่มี่ หลี่มี่เป็น คนที่ซื่อสัตย์มีคุณธรรม แต่ดวงไม่ดี ป่วยอยู่ข้างนอก แต่งงานได้สองปีกว่าก็เสียชีวิต

เดิมทีฉาวซื่อมีชีวิตที่ดี หลี่มี่ดูแลนางดีมาก แม่ทัพรอง ฉาวภาคภูมิใจมาก ยกย่องนางมาตลอด ทุกคนในจวน แม่ทัพต่างรู้กันหมด

แต่หลังจากที่หลี่มี่เสียชีวิต จวนซ่างซูคิดว่าฉาวซื่อเป็น ตัวกาลกินี เป็นต้นเหตุให้หลี่มี่สิ้นพระชนม์ ก็เลยมีอคติกับนาง ตบตีนางตลอด

ฉาวชื่อกลัวว่าถ้าเอาเรื่องนี้มาบอกรองแม่ทัพฉาว กลัว รองแม่ทัพฉาวจะไปหาเรื่องที่จวนซ่างซู อดทนและเก็บ กดมาตลอด

แล้วก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา”

อันหลิงหยุนหมดหนทาง “เป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแอเกิน

ไป”

“แม่ทัพรองฉาว เจ้าสำนึกผิดหรือยัง?” อันหลิงหยุนถาม

แม่ทัพรองฉาวพูด “ข้าน้อยผิดไปแล้ว ขอพระชายา ช่วยน้องสาวข้าด้วย”

รองแม่ทัพหยุดร้องไห้ จากนั้นคุกเข่าลง

อันหลิงหยุนไม่ได้สั่งให้ลุกขึ้น ให้เขาคุกอยู่อย่างนั้น

แล้วถามฉาวเหม่ยเหรินที่อยู่ข้างๆ “ฉาวเหม่ยเหริน ข้า ถามเจ้า เจ้าได้คบชู้หรือไม่?”

“ไม่มี”

“ถ้าเช่นนั้นในท้องเจ้าหมายความว่ากระไร?”

“ข้าไม่รู้” ฉาวเหม่ยเหรินก็ไม่เข้าใจ ไม่ได้คบชู้ แล้วตั้ง ครรภ์ได้กระไร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ