ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 348 โจวต้าหมันมาฟ้องร้อง



บทที่ 348 โจวต้าหมันมาฟ้องร้อง

กงชิงวี่กลับเข้าวังรายงานตัว อันหลิงหยุนหยุดรออยู่ นอกพระราชวัง

นางไม่อยากเข้าไปในวัง ฮ่องเต้ชิงหยู่เลือกเส้นทางที่ มิควรนี้เอง นางมิอาจห้ามปรามได้ คงทําได้เพียงทำตาม กำลังที่มีอย่างสุดความสามารถ

สําหรับเรื่องที่ ฮ่องเต้จะเป็นหรือตาย เป็นเรื่องที่เขากับ ฮองเฮาต้องตัดสินใจกันเอง

ตอนนี้นางแค่เห็นใจตัวเอง พวกเขาสองสามีภรรยา ผิดใจกัน นางกลับต้องทุกข์ใจไปด้วย

คิดไปคิดมา การไม่เข้าวังคงดีกว่า

เมื่อกงชิง เข้าวังรายงานเสร็จ อันหลิงหยุนกับเขากลับ ไปที่จวนอ๋องเสียน ในที่สุดก็ได้พักผ่อนหนึ่งวัน

เช้าวันที่สอง อันหลิงหยุนไปที่จวนเฉินเสี้ยง ดูอาการ ของเสินหยุนเจ๋ และไปที่จวนกั๋วจิ๋วดูอาการของฮูหยินกั๋ว นิ้ว

เมื่อได้ยินว่าอันหลิงหยุนจะไปที่จวนกั๋วจิ๋ว กงชิงวี่ตั้งใจ สับเปลี่ยนเวลาให้นาง เดิมทีต้องไปที่จวนกั๋วจิ๋วก่อน แล้ว ค่อยไปที่จวนเฉินเลี้ยง ทว่าเขาต้องไปราชการก่อน จึง สับเปลี่ยนเวลาทั้งสองฝั่ง เพื่อเขาจะได้ไปจวนกั๋วจิ๋วเป็น เพื่อนกับอันหลิงหยุนด้วย
เมื่อฉีดยาให้กับฮูหยินกั๋วจิ๋ว อันหลิงหยุนต้องรอจนกว่า การเติมน้ำเกลือเสร็จสิ้น

มู่มิงที่แต่งตัวเสร็จก็มาพบพวกเขา กงชิงวี่ที่เดิมทียังมี ใบหน้าเรียบนิ่ง เพียงแค่เห็นมู่มิงมา สีหน้าบูดบึ้งทันที

“ท่านพี่”

มู่มิงเหมือนกำลังจงใจกลั่นแกล้งให้เขาโกรธ สวมใส่ ชุดผ้าไหมสีเหลืองอ่อนแบบแขนเสื้อกว้าง ในมือถือขลุ่ย หยกสีเขียวไว้

ลักษณะท่าทางงดงามยิ่งนัก

โดยปกติอันหลิงหยุนจะยอมดูของสวยๆงามๆอยู่แล้ว จึงเหลือบมองดู

ใครจะไปคิดกงชิงวี่พลันทำแก้วชาพลิกล้ม น้ำชาสาด เต็มโต๊ะ จนอันหลิงหยุนตกใจ

กงชิงวี่ลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะ”

พูดจบก็ไปเลย อันหลิงหยุนจำต้องลุกขึ้นมา แล้วมอบ หมายงานแก่มู่มิง “เข็มอันนี้ เจ้าดึงออกมาก็พอ อย่าทิ้งล่ะ ข้ายังต้องใช้มันอีก”

ที่นี่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นของที่ได้มา อย่างยากเข็ญ และล้วนต้องทำการฆ่าเชื้อแล้วค่อยใช้ งาน
มู่มิ่งมองย้อนกลับไปดูกงชิงวี่ ยืนมือไปจับมือของอัน หลิงหยุนไว้ อันหลิงหยุนมองนางด้วยความตกใจ

“มู่มิง….” กงชิงตะคอกใส่ มู่มิงหัวเราะ แหงนหน้ามอง ไปพยายามยั่วยวนกงชิงวิ่

กงชิงวีโกรธจัด ตบโต๊ะจนพัง

“นับจากวันนี้ ไม่ต้องมาที่นี่อีก”

พูดจบก็ลากตัวอันหลิงหยุนจากไป กลับเป็นอันหลิงหยุ นที่มองดูกงชิงวอย่างเศร้าใจ “ท่านอ๋อง ท่านต้องทำถึง เพียงนี้เลยเหรอ?”

เจ้าคนขี้หึงหวง จะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่?

“หื้ม!”

กงชิงวี่พาอันหลิงหยุนจากไป พร้อมสั่งการลงไปว่า จวนอ๋องเสียนห้ามมู่มิงย่างกายเข้ามา และห้ามไม่ให้อัน หลิงหยุนทำการรักษาที่จวนกั๋วจิ๋ว

หมอจวนโจวถูกเรียกตัวกลับมา กงชิงวี่สอบถามหมอ จวนโจวว่าเรียนรู้วิธีการฉีดยาแล้วใช่ไหม สีหน้าหมอจวน โจวงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าควรจะพูดความจริงออกไปดี หรือไม่

เหลือบมองอันหลิงหยุนอย่างระมัดระวัง เห็นว่านางนิ่ง สงบมากจึงตอบไปตามตรงว่า “นำเรียน ท่านอ๋อง ข้ายัง ไม่ชำนาญมากนัก”
“พอใช้ก็พอ นับจากวันนี้ไป เจ้ากับพระชายาสับเปลี่ยน หน้าที่กัน เจ้าไปฉีดยาให้กับฮูหยินกั๋วจิ๋ว ส่วนแม่ทัพน้อย เสินมอบให้กับพระชายาแทน”

“หา!”

หมอจวนโจวมีสีหน้างงงัน เขาไม่รู้แม้กระทั่งโรคที่ฮูหยิน กั๋วจิ๋วเป็นคืออะไร? จะไปฉีดยาได้อย่างไร ถ้าหากเกิด ฉีดยาผิดพลาดขึ้นมา ต่อให้เขามีศีรษะเป็นร้อยก็ไม่พอ ฟัน นั่นมันฮูหยินกั๋วจิ๋ว และเป็นน้องสะใภ้ของไทเฮาเชียว นะ

หมอจวนโจวรีบคุกเข่าลง “ท่านอ๋อง ข้าน้อยมิกล้า ”

“ข้าสั่งให้เจ้าไป ไม่ต้องมาต่อรองอีก”

กงชิงวีได้ตัดสินใจไปแล้ว และไม่อนุญาตให้ใครต่อ ต้าน

หมอจวนโจวที่มีใจคิดอยากตาย อันหลิงหยุนเห็นแล้ว ก็สงสาร จึงพูดไปว่า “หมอจวนโจว ท่านไม่ต้องเป็นกังวล อันที่จริงการฉีดยาก็เหมือนกับที่ท่านทำกับแม่ทัพน้อย ท่านแค่เพียงทำตามที่ข้าเคยสอนไว้ก็พอแล้ว ท่านเป็น หมอ และต่อจากนี้ไปจะต้องเป็นหัวหน้าผู้ดูแลสำนัก พยาบาล หากท่านไม่เป็นแม้กระทั่งการฉีดยา คงเป็น เรื่องที่น่าขบขันไม่ใช่หรือ?”

หมอจวนโจวครุ่นคิดอยู่สักพัก พยักหน้าตอบรับ “ข้า น้อยขอน้อมรับบัญชา”
หลังจากมอบหมายเรื่องของฮูหยินกั๋วจิ๋วเสร็จ อันหลัง หยุนพูดอีกว่า “การฉีดยาของแม่ทัพน้อยเงินฉีดช่วงบ่าย ได้ เขาเป็นชาย ข้าไปตรวจร่างกายให้เขาบ่อยๆเห็นที่ไม่ เหมาะสมนัก อีกอย่างเหนื่อยล้าจริงๆ เอาอย่างนี้ ช่วงเช้า หมอจวนโจวไปฝั่งกักอู๋ใหญ่ ช่วงบ่ายไปฝั่งแม่ทัพน้อย”

“ถ้าหากสับเปลี่ยนกัน จวนกั๋วจิ๋วไม่เห็นด้วยแล้วคิดหา ข้ออ้างนี้มาเล่นงานได้ คิดว่าจวนอ๋องเสียนนึกรังเกียจ พวกเขาไม่อยากไป ถึงได้เปลี่ยนหมอจวนโจวไป การทำ เช่นนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อยอมรับการรักษาของหมอจวนโจว ด้วย อีกส่วนหนึ่งเพื่อปิดปากพวกเขาเสีย จนใครก็มิอาจ พูดอะไรได้แล้ว”

หมอจวนโจวไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงรับปากไป

อันหลิงหยุนสั่งคนไปบอกแก่จวนกั๋วจิ๋วใหญ่ เรื่องนี้จึง เป็นไปตามนั้น

พอตกเย็นมู่มิงมาถึง เพื่อมาหาอันหลิงหยุนคุยเรื่องการ รักษาฮูหยินกั๋วจิ๋ว แต่ว่าถูกอาหยู่ขวางอยู่หน้าประตู

ตอนที่อันหลิงหยุนทราบเรื่อง มู่มิงรอไปสองชั่วยามแล้ว ทว่านางเห็นสีหน้าของกงชิงวี่ ที่ไม่สบอารมณ์นัก นางจึง ไม่กล้าพูดอะไร

ตอนใกล้พลบค่ำกงชิงวี่ออกไปข้างนอก ถางเหอมาหา แล้วออกไปด้วยกัน อันหลิงหยุนออกจากเรือนด้านหลัง แล้วพบพ่อบ้าน จึงถามไถ่แล้วรู้ความว่า สองสามมานี้กง ชิงวี่ตรวจสอบคดีความตลอด ถึงแม้เจ้าตัวจะอยู่ในจวน แต่เขาก็ยุ่งมาก
อันหลิงหยุนครุ่นคิดอย่างละเอียด น่าจะเป็นเรื่องที่ กวาดล้างหนอนบ่อนไส้ในวังหลวง

พอตกกลางคืนกงชิงวี่ยังไม่กลับมา อันหลิงหยุนกำลัง เตรียมตัวเข้านอน เพิ่งจะหมุนตัว ก็ได้ยินเสียงคนร้องขอ ความเป็นธรรม ในเวลากลางคืนแบบนี้แค่มีคนตะโกน ก็ได้ยินแล้ว

อันหลิงหยุนถามพ่อบ้านว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อบ้านตอบว่า “มีคนร้องขอความเป็นธรรมอยู่ตรงหน้าประตู เป็นสตรีคน หนึ่ง”

“ถามสถานะดูก่อน” อันหลิงหยุนไม่ได้ออกไป สั่งให้พ่อ บ้านไปดู

เพียงไม่นานพ่อบ้านกลับมาด้วยสีหน้าลำบากใจ “ทำไมหรือ?” อันหลิงหยุนถามเขา พ่อบ้านจึงตอบว่า

“นางพูดว่าเป็นภรรยาของจางเฉินลี่ปู้ซื่อหลัง นางจะมา ฟ้องร้องจางเฉินสามีของนาง”

อันหลิงหยุนครุ่นคิด “เดิมทีหลี่เสียนเป็นลี่ปู้ซื่อหลัง ต่อมาถูกตรวจสอบและสั่งปลด แล้วจางเฉินขึ้นแทนใช่ ไหม?”

“น่าจะใช่ ลี่ปู้ซื่อหลังคนนี้เพิ่งจะขึ้นตำแหน่งได้ไม่นาน นิสัยใจคอถือว่าใช้ได้ เรื่องชื่อเสียงภายนอกก็นับว่าดี และพอจะได้ยินมาบ้างว่าภรรยาคนนี้ เป็นหญิงร้ายกาจ และน่ากลัวยิ่งนัก”
“ทว่าภรรยาของเขาเป็นถึงราชนิกุล และถือว่าเป็นคน ของอ๋องเจ็ด ทว่าตามคำล่ำลือ จางเฉินได้เป็นขุนนาง ก่อน แล้วอ๋องหกถึงค่อยแต่งอนุภรรยาเข้ามา ฉะนั้นราช สำนักก็มิอาจปลดจางเฉินเพียงเพราะเรื่องนี้ได้ เรื่อง ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีความชัดเจน”

อันหลิงหยุนชื่นชมจากใจจริง พ่อบ้านกลับรู้เรื่องอย่าง ชัดเจน

มองดูพ่อบ้านทีหนึ่ง อันหลิงหยุนพูดว่า “ให้นางเข้ามา ก่อน ร้องไห้อยู่ข้างนอกก็ไม่เหมาะสม เชิญนางไปที่ห้อง รับรอง เดี๋ยวข้าตามไป

อันหลิงหยุนเหลือบมองอาหยู่ กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วตามไปที่เรือนรับรอง

ภรรยาของจางเฉินลี่ปู้ซื่อหลังเป็นหญิงสาวที่ท่าทาง ขมักเขม้น และตัวสูงกว่าอันหลิงหยุน และสีผิวคล้ำ นางสวมใส่ชุด เล็กน้อย ดูท่าทางแล้วเหมือนผู้ชายมาก นาง สีน้ำเงินเนื้อผ้าซาติน ยิ่งทำให้นางดูตัวใหญ่บึกบึนมากขึ้น

เมื่ออันหลิงหยุนเข้ามาเห็นภรรยาของจางเฉิน ราวกับ ได้เห็นภูเขาลูกใหญ่ปานนั้น

“ข้าน้อยคนแซ่โจวขอเข้าพบพระชายาเสียน

เมื่อเห็นอันหลิงหยุนมาโจวต้าหมันรีบยอบกายคำนับ

“ลุกขึ้นเถอะ”
อันหลังหยุนเดินอ้อมไปแล้วนั่งลง หงเถากับสุ่ยหลิ่วเดิน ติดตามาขนาบสองข้าง คนใช้ในจวนยกชาเข้ามาให้ ส่วน อาหยุ่ก็ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของจาน

โจวต้าหมันลุกขึ้นยืน พอลุกขึ้นปุ๊บก็พุ่งตรงมาที่อันหลัง หยุน พอนางเอ่ยปากพูดน้ำเสียงดังราวกับเสียงนาฬิกา ใหญ่

“พระชายาเสียน ท่านโปรดช่วยเหลือข้าด้วยนะ

พอพูดจบก็ร้องไห้ ร้องไห้จนอันหลิงหยุนทำตัวไม่ถูก ไม่พูดอะไรทั้งนั้นแล้วจะให้นางช่วยอะไร?

“เจ้าหยุดร้องไห้ก่อน มีเรื่องอะไรก็พูดกันดีๆ ช่วยได้ หรือไม่ต้องดูสถานการณ์ก่อน วันนี้เจ้ามาว่าด้วยเรื่อง ใด?”

“ข้าน้อยมาเพราะเรื่องของสามีทรยศ เขาทอดทิ้ง เหยียบย่ำข้า เขามันไม่ใช่คน พระชายาเสียนได้โปรด ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย

โจวต้าหมัน เหมือนคนกำลังร้องงิ้ว ร้องไห้ไปด้วยพลัน คุกเข่าต่อหน้าอันหลิงหยุน ส่วนอันหลิงหยุนเองก็เพิ่ง เคยเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก กำลังครุ่นคิดว่า ใช่พวก ราชนิกุลจงใจขุดหลุมพรางให้นางกระโดดลงไปหรือไม่

ทว่าดูโจวต้าหมันร้องไห้อาบแก้มถึงเพียงนี้ก็เหมือนจะไม่ใช่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ