ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 430 ไม่ฆ่ายังคงมีความหวัง



บทที่ 430 ไม่ฆ่ายังคงมีความหวัง

อันหลิงหยุนมองไปทางจุนโม่ซ่าง พยายามเหยียดเท้า ข้างหนึ่งให้ตรงแล้วกระโดดลงจากรถม้า ทว่านางกลับ ไม่ได้แสดงสีหน้าโมโหหรือไม่พอใจแต่อย่างใด หากจะ นึกเสียใจในภายหลังก็คงเสียใจที่ไม่ควรตามมาอย่าง ง่ายดาย ก็แค่ชื่อเท่านั้น ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงภัย

ตอนนี้นางมาถึงเมืองเมืองถ่าถ่างของหวูโยกั่ว ถ้าหาก กงชิง ใจร้อนขึ้นมา ยกทัพกดดันเขตชายแดน ถึงตอน นั้นคงต้องสู้รบกันจริงๆแล้ว

มาตอนนี้อันหลิงหยุนรู้สึกเสียใจในภายหลังอย่างมาก เพราะนางคนเดียว ทำให้กองทหารและประเทศต้าเหลียง ต้องตกกระไดพลอยโจนไปด้วย นางควรไถ่โทษโดยการ ตายใช่ไหม?

เมื่อมายืนอยู่นอกรถม้า อันหลิงหยุนกำลังไล่สำรวจตัว เอง ทันใดนั้น มีไข่ฟองหนึ่งปาเข้าใส่

อันหลิงหยุนไม่ทันระวังตัว ไข่ฟองนั้นปาเข้าที่ใบหน้า จนเจ็บจี๊ด

ใบหน้าของอันหลิงหยุนบวมแดงขึ้นมาทันที

“คงรู้สึกลำบากใจมากใช่ไหม?” จุนโม่ซ่างถามอันหลิง หยุนที่แลดูมอมแมมน่าสงสาร อันหลิงหยุนเช็ดไข่บน ใบหน้าออกไป พลันหยิบกระจกออกมาดูใบหน้าของนางบ

นับตั้งแต่ที่นางเริ่มอ้วน อันหลิงหยุนมักจะเฝ้าสังเกตน้ำหนักและรูปหน้าของนาง ทุกครั้งที่นางรู้สึกว่าอ้วนขึ้น มัก จะหยิบกระจกออกมาดูใบหน้า

เวลานี้นางไล่ดูว่าตัวเองมีความเปลี่ยนแปลงตรงไหน บ้าง ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักคือจงใจยั่วโมโหจนโม่ช่าง

จุนโม่ซ่างชักสีหน้าใส่ แล้วแย่งกระจกไปขว้างลงที่พื้น “ดูไม่ออกเลยว่าเจ้ายังมีกะจิตกะใจเช่นนี้”

อันหลิงหยุนเหลือบมองกระจกเล็กที่ถูกโยนลงไปที่พื้น พลันมองไปทางจุนโม่ซ่างและคนที่อยู่รอบๆตัว

“ท่านชาย”

มีคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดเกราะแม่ทัพใหญ่ เดินมาหยุดอยู่ ตรงหน้าจุนโม่ซ่าง มือทั้งคู่ประสานคำนับจุนโม่ช่าง

คนที่เหลือทั้งหมดก็ล้วนคำนับเช่นกัน จุนโม่ซ่างมองไป ทางอันหลิงหยุน “นางเป็นพระชายาของอ๋องเสียนกงชิง พวกเจ้าเคยเห็นนางแล้วสินะ”

ซ่างเต๋อแหงนหน้ามองสำรวจอันหลิงหยุนที่แลดูน่า เวทนา น่าขำ “เจ้าน่ะหรือเป็นลูกสาวของอันจือซาน?”

“ก็ใช่น่ะสิ ข้ามาถึงเขตแดนที่นี่เป็นครั้งแรก มิรู้ว่าที่นี่มี ธรรมเนียมพิเศษ เพิ่งเจอหน้ากันก็ปาไข่เน่าใส่กัน หาก ได้กลับราชสำนักวันใด ข้าจะนำทัพทหารนับล้านคนเห ยียบหรูโยกั๋วให้จมดิน

“คำพูดโอ้อวดยิ่งนัก”
อันหลิงหยุนยิ้มหยัน สีหน้าประชดประชัน “ข้ากล้ามา ที่นี่ ย่อมไม่เกรงกลัว นึกถึงพ่อข้าที่สู้รบนานนับหลายปี เคยกลัวพวกเจ้าด้วยเหรอ พวกเจ้าแต่ละคนแค่ได้ยินชื่อ เสียงเรียงนามพ่อข้าก็กลัวจนหางจุกตูดกันหมด พอสู้พ่อ ข้าไม่ได้ จึงลักพาตัวข้ามาที่นี่ พวกเจ้ายังนับตัวเองเป็นผู้ มีความสามารถอีก”

“เดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนเปลือยกายเจ้า ดูสิว่าเจ้ายังจะ หัวเราะได้อีกไหม?” จุนโม่ซ่างไม่หวั่นเกรงใดๆเลย

อันหลิงหยุนจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่อย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วแต่เลย เจ้าไม่กลัวเกรงกลัวคำเตือน ข้าก็ไม่กลัวว่า ประชาชนของเจ้าต้องเจอกับหายนะด้วยเช่นกัน วันนี้ เจ้ากล้าลงมือกับข้า ข้าจะทำให้เมืองเมืองถ่าถ่างเกิดโรค ระบาดสามปี”

“อะไรนะ?” จุนโม่ซ่างนึกขบขำ “งั้นข้าจะขอลองดูสัก ตัง.. ทหาร ถอดเสื้อนางออก” จุนโม่ซ่างออกคำสั่งไป ทันใดนั้นก็มีคนสองสามคนพุ่งตัวเข้ามาใกล้อันหลิงหยุ นทันที

หนึ่งในนั้นมือไวไปหน่อย สัมผัสถึงตัวอันหลิงหยุนก่อน เพิ่งจะสัมผัสถึงตัว มือมีอาการหนักหน่วง รู้สึกไม่ชอบมา พากล พอเหลือบมองที่มือ กลับพบว่าฝ่ามือดำไปหมด

คนที่เหลือเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รีบถอยห่างออกไ สองสามก้าว

ทว่าการถอยห่างออกไปกลับไม่ทันการเสียแล้ว คน ที่เข้าใกล้สองสามคนล้วนมีอาการเดียวกัน ทุกคนต่างพากันตื่นตระหนก อาการดังกล่าวเริ่มแพร่จากคนสู่คน ขยายเป็นวงกว้าง เพียงไม่นานทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นก็ติด เชื้อกันหมด รวมถึงจุนโม่ช่างด้วย

จุนโม่ซ่างเพิ่งจะรู้ตัวว่าไม่ได้การแล้ว พลันยกมือขึ้นมา ดู ฝ่ามือดำเป็นวงกว้าง อันหลิงหยุนกวาดตามองไปรอบๆ “เจ้ากับข้านั่งรถม้ามาด้วยกัน เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดตัวไป ได้ร?”

“ข้าจะฆ่าเจ้า” จุนโม่ซ่างยื่นมือไปบีบคออันหลิงหยุน ส่วนอันหลิงหยุนได้แต่มองดูเขาที่กำลังทนทุกข์ทรมาน มาก

จุนโม่ซ่างมือหนักหน่วง และเจ็บจี๊ดที่ทรวงอก เขาเอา มือกุมไว้ที่อก ที่เริ่มมีอาการชา

“เจ้าทำอะไรกับพวกข้ากันแน่?” จุนโม่ซ่างคาดไม่ถึง เลยว่า จะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้

อันหลิงหยุนไม่สนใจเขา พลันกวาดตามองไปรอบๆ “ความอับอายที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด พวกเจ้าจะต้อง ชดใช้คืนร้อยเท่า คนที่อยู่ที่นี่จะต้องตาย ข้าเตือนพวก เจ้าแล้ว ถ้ากล้าลงมือกับข้า ข้าจะทำให้เมืองเมืองถ่าถ่าง เกิดโรคระบาดสามปี ตลอดสามปีนี้ปลูกสิ่งใดก็ไม่ขึ้น แม้แต่หนูยังต้องยอมหนีจากไปทั้งน้ำตา ส่วนพวกเจ้าจะ ต้องตายอย่างทนทุกข์ทรมาน”

“นางงูพิษ”ขณะที่จุนโม่ซ่างพ่นคำด่าออกมา เจ้าตัวก็ล่ม ลงไปที่พื้น พลันหลับตาหมดสติไป
คนรอบๆตัวหวาดผวาอย่างมาก การดูแคลานของ แม่ทัพช่างเต๋อเมื่อครู่กลับกลายเป็นความหวาดกลัว อัน หลิงหยุนเดินไปหาช่างเต๋อ สีหน้าเยือกเย็น “หรือว่า ไม่เคยมีคนบอกเจ้าว่าห้ามล่วงเกินลูกสาวของศัตรูที่ ร้ายกาจที่สุด ?”

ช่างเต๋อรู้สึกมีอาการชาที่อก ผิวหน้าของเขากลายเป็น สีดำ แม่ทัพรองรอบข้างก็ล่มลงไป ตามด้วยช่างเต๋อ

อันหลิงหยุนเดินอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่นอนเกลื่อน กลาด เดินไปหาร้านตัดเย็บเสื้อผ้าอย่างไม่รีบไม่ร้อน เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดูรัดกุม เมื่อแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาจาก ร้านตัดเย็บเสื้อผ้า จากนั้นเดินไปหาคูน้ำรอบเมือง พลัน เทผงยาลงไปในน้ำ

บนท้องฟ้ามีอีกาบินมาหนึ่งตัว อันหลิงหยุนหัวเราะ พลัน โบกมือให้ แล้วหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่นมัดไว้ที่ขา ของอีกาดำ“บอกท่านอ๋องว่าข้าสบายดี ให้เขารอข้าสาม วัน ภายในสามวันข้าจะทำให้ประตูเมืองของเมืองถ่าถ่าง เปิดออก

อีกาดำที่อยู่บนกำแพงเมืองบินจากอันหลิงหยุนไป นาง เดินเข้าไปในเมือง คนที่รอนางอยู่คือชายคนหนึ่งที่สวม ใส่เสื้อผ้าสีขาว หน้าตาของชายคนนี้ไม่ธรรมดา ดูจาก การแต่งตัวแล้วคงเป็นที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์

“กระหม่อมถังหลง เข้าพบพระชายาเสียน

พอพูดจบ ฝ่ายตรงข้ามถือพัดขนนกไว้ถวายคำนับอัน หลิงหยุน อันหลิงหยุนถาม “เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าเป็นที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ของท่านชายจุน หาก ท่านชายแสดงกิริยาล่วงเกินไป พระชายาเสียนโปรดทรง เมตตาปล่อยท่านชายด้วยเถอะ”

“ท่านชายเจ้าต้องการทําให้ข้าอับอาย ยังมีหน้ามาขอ ให้ข้าปล่อยเขาไป ข้าทำไม่ได้”

ถังหลงแสดงสีหน้ากังวล “พระชายาเสียน หากมีรับสั่ง

สิ่งใดสามารถพูดออกมาได้เลย ขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่ถัง

หลงกระทำได้ จะยอมทำอย่างสุดความสามารถ”

“เกรงว่าท่านคงทำไม่ได้ ข้าต้องการให้เมืองเมืองถ่าถ่าง ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศต้าเหลียงทั้งหมด ฆ่าล้าง โครตเมืองถ่าถ่างของเจ้า”

“……”ถังหลงมีสีหน้าอึมครึม “ขอเรียนถามพระชายา การทำให้ประชาชนพบเจอหายนะ ไม่กลัวคนใต้ฟ้าถือ โทษหรือ?”

“ถังหลง ฝั่งข้ามีที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์คนหนึ่ง เขา ชื่อว่าถางเหอ มีลักษณะคล้ายคลึงกับเจ้าอยู่บ้าง ข้าดู ออกว่าเจ้าไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร แต่เจ้าลองคิดดูดีๆ หวู โยทั่วกับประเทศต้าเหลียงเป็นประเทศคู่มิตรมาโดย ตลอด สองประเทศใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติ ครั้งนี้ ประเทศของเจ้าหูเบายอมฟังคำพูดยั่วยุจากคนบางคน จึง คิดบุกรุกประเทศต้าเหลียง เรื่องเช่นนี้ช่างเป็นเรื่องที่น่า ตลกสิ้นดี

ไม่ว่าจะเป็นหวูโยกั๋วก็ดี ประเทศต้าเหลียงก็ดี ล้วน ทำเพื่อความสงบสุขของประเทศชาติ แต่ว่าการสู้รบการของทั้งสองประเทศจะนำมาซึ่งการสูญเสียของ ประชาชน และการกันดารอาหาร

“พระชายาเสียนพูดถูก มิทราบได้ว่าพระชายาเสียนจะ ยินยอมปล่อยท่านชายข้าและประชาชนในเมืองนี้ หรือ ไม่ ”

ถังหลงถามต่อไปอีก อันหลิงหยุนพิจารณาถังหลงอยู่ สักครู่ ดูๆแล้วก็เป็นคนที่ชาญฉลาดคนหนึ่ง กลับพูดจา อ้อมค้อม

“ไม่”

อันหลิงหยุนเดินไปบนท้องถนน คนที่อยู่ตามท้องถนน

ยังนอนกลิ้งอยู่ที่นั่น แม้แต่หนูเองยังนอนเกลื่อนอยู่บนพื้น

ถังหลงเดินตามหลังอันหลิงหยุน พลันถาม “พระชายา เหตุใดข้าไม่ถูกวางยาพิษ?”

“ตอนที่ลงจากรถม้าเห็นท่านปรากฏตัวแล้วเดินจากไป ข้าจึงแอบวางยาถอนพิษบนร่างกายเจ้า” อันหลิงหยุนพู ดอย่างเรียบนิ่ง

ถังหลงตกตะลึง “แต่ว่าพวกข้ายืนห่างกันมาก”

อันหลิงหยุนหมุนตัว ยื่นมือไปหา ถังหลงไม่ได้หลบแต่ อย่างใด ดูจากปฏิกิริยาแล้วอันหลิงหยุนยืนยันได้เลยว่า สถานะของถังหลงในเมืองเมืองถ่าถ่างหรือหวูโยกั่วไม่ได้ ต่ำต้อยแน่นอน ดูเขาไม่เกรงกลัวความตายเลย
นางยกแขนเสื้อขึ้นมา อันหลังหยุนหยิบเข็มเงินออกมา หนึ่งอัน ถังหลงตกใจ “ข้ากลับไม่รู้สึกเลยว่ามีเข็มเงินปัก เข้าที่เนื้อหนังของข้า

“จึงไม่แปลกใจเลยว่า จุดนี้เป็นเส้นประสาทที่ไม่ สามารถรับรู้ความรู้สึกได้ ต้องพุ่งแทงเข้าไปอย่างรวดเร็ว เจ้าเองก็ย่อมไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว ”

ถังหลงใจเหม่อลอย จึงพ่นคำพูดออกไป “ในเมื่อยังไม่ ฆ่า ถือว่ายังมีโอกาส พระชายาได้โปรดชี้แนะด้วยเถอะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ