ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่30หัวใจของกษัตริย์ยากคาดเดา



บทที่30หัวใจของกษัตริย์ยากคาดเดา

นึกถึงจุนฉูฉูที่ต้องการชีวิตของกงชิงวี่มาไม่รู้กี่ครั้ง ต่อกี่ครั้งนางก็อดกังวลขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่นางมอง เข้าไปในรอยแยกของประตูไม่เห็นก็แล้วไปพอเห็นแล้ว นางก็กดโมโหขึ้นมาไม่ได้กงชิงวี่ทำมันขึ้นมาได้จริงๆ

เมื่อเปิดประตูเข้าไปอันหลิงหยุนก็รีบพุ่งเข้าไปทันที

ถางเหอคิดจะหยุดยั้งแต่กลับสายเกินไป

ความชื่นชมที่มีต่ออันหลิงหยุนเมื่อก่อนหน้านี้สูญ สลายไปในทันที

ถึงแม้จะมีใจให้ท่านอ๋องแต่ก็ควรรู้ว่าท่านอ๋องไม่ชอบ ถูกผู้อื่นควบคุมซ้ำนางที่เป็นผู้หญิงขี้หึงหวงโมโหร้าย หากเป็นแบบนี้ต่อไปช้าเร็วจะต้องถูกท่านอ๋องประทาน ความตายให้แน่

การปรากฏตัวของอันหลิงหยุนทำให้กงชิงวี่ที่อยู่ใน ห้องโถงตะลึงนิ่งไปเล็กน้อย

หลังจากเห็นชัดว่าผู้มาเป็นใครใบหน้าของเขาก็มืด คล้ำเขาเอ่ยคำรามอย่างโมโห”ใครใช้ให้เจ้าเข้ามา?”

ผู้หญิงคนนี้บ้าบิ่นเกินไป!

ถางเหอไร้คำพูดจะเอ่ยและไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า ขึ้นมามอง
อันหลิงหยุนกวาดตาดูจากนั้นจึงยิ้มเย็นและมองดูจุน ฉูฉูที่เพิ่งจะแต่งตัวเรียบร้อย

ดวงตาของนางกวาดมองกงชิงวี่ที่เปลือยกายครึ่งบน อยู่บนเตียงด้วยสายตาเหยียดหยาม

นางกังวลกับความเป็นความตายของเขาแต่เขากลับ มาทำสิ่งนั้นกับผู้คน

“พระชายาอย่าได้เข้าใจผิดข้าแค่ช่วยท่านอ๋องเสียน ใส่ยาเท่านั้นคนในวังมือไม้ไม่ระมัดระวังข้าอดไม่ได้จึง เข้าช่วยเหลือ”

สีหน้าของจุนฉูฉูแสดงความลำบากใจออกมานางลุก ขึ้นและเดินมายังหน้าเตียงเผชิญหน้ากับอันหลิงหยุน เห็นชัดว่ากำลังยั่วยุ

เดิมอันหลิงหยุนไม่ต้องการจะเอ่ยปากแต่ในใจของ นางก็ยังมีสิ่งนั้นที่กำลังกระสับกระส่ายอยู่ราวกับว่าไม่ ยินยอมพร้อมใจอย่างยิ่ง

ดังนั้นนางจึงเอ่ยเย้ยหยันสองสามคำ”นี่คือวังหลวงไม่ ว่าพระชายาตวนจะกระหายมากแค่ไหนก็สมควรจะรอ ให้อ๋องเสียนดีขึ้นก่อนออกไปจากประตูวังแล้วตัดสินใจ อีกทีไม่งั้นหากถูกคนเห็นเข้าจะคิดไปได้ว่าชายหญิงตัว คนเดียวอยู่ภายในห้องด้วยกันต่อให้จะทำอะไรลงไป จริงหรือว่าไม่ได้ทำอะไรแต่ผ่านสวนพลัมก็อย่าได้ยื่น มือไปจับหมวกผู้เห็นเข้าจะคิดไม่ดีเรื่องราวแพร่ออกไป คงไม่ดีเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อตอนที่ข้าเข้ามาเสื้อผ้าของพระชายา ฉู่นั้นก็ไม่เรียบร้อยซ้ำบนตัวของอ๋องเสียนก็มีรอยแดง ปรากฏขึ้นหากเกิดเรื่องขึ้นจริงพระชายาลำบากคงไม่ ต้องเอ่ยถึงแม้กระทั่งตวนอ๋องหรือตระกูลจุนก็คงต้อง ลําบากไปด้วยเช่นกันดังนั้นจึงได้แต่ขอให้พระชายา ทรงโปรด…อดทนอีกสักนิด

“เจ้า….”

ถางเหออยู่ในสถานการณ์จุนฉูฉูโกรธจนใบหน้าแดง ก๋ขึ้นมา

“ท่านอ๋องเสียน…”

จุนฉูฉูหันไปมองกงชิงวี่ทั้งน้ำตาตอนนี้ดวงตาของกง ชิงวี่ลุกเป็นไฟด้วยความโกรธอันหลิงหยุน

“ไสหัวไปให้ข้า!”

“หม่อมฉันทูลลา!”

อันหลิงหยุนถวายบังคมใบหน้าแสดงความสงบและ เฉยชาที่เห็นได้ยากยิ่งอันหลิงหยุนเดินจากไปทันทีโดย ไม่แม้แต่จะหันหลับมามอง

จุนฉูฉูสมใจอันหลิงหยุนก็ยังเป็นอันหลิงหยุนคนนั้นมี เพียงแค่เท่านี้เอง

ถางเหอรีบตามไปกลัวว่าอันหลิงหยุนจะไปพูดเรื่องไม่ดีอะไรเข้า

ตอนนี้ท่านอ๋องเสียนจะทําผิดพลาดไม่ได้อีกต่อไป

“เสียนอ๋องพระชายาเข้าใจผิดเป็นความผิดของฉู่ฉู่ฉู่ ฉู่จะไปอธิบาย…..

จุนฉูฉู่เอ่ยด้วยน้ำตาคลอกงชิงวี่ส่ายหัว”กลับไปเถอะ”

“เช่นนั้นท่าน….”ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจุนฉูฉูรู้สึกได้ถึง ร่องรอยความห่างเหินนางก้าวเข้าไปใกล้เขาอีกสองก้าว ด้วยความไม่ยินยอมแต่กลับถูกกงชิงวี่ตัดบท

“ข้าไม่เป็นอะไรอย่าทำให้รถม้าต้องเสียเวลารอ

กงชิงวี่จัดการสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยจากนั้นจึงมองออก ไปยังนอกประตูตำหนักผู้หญิงคนนี้เหตุใดถึงได้มาเร็ว

นัก?

จุนฉูฉูมองดูสายตาของกงชิงวี่ในใจรู้สึกเกลียดชังล้ำ ลึกอันหลิงหยุนที่แท้แล้วเจ้าใช้วิธีใดกันแน่ถึงทำให้เขา เริ่มสนใจเจ้าได้แล้ว!

จุนฉูฉูถอนตัวออกไปกงชิงวี่ค่อยๆนอนลงอย่างช้าๆรอ จนกระทั่งผ่านไปสองชั่วยามเขาก็ยังไม่เห็นมีผู้ใดเข้า มาเขาจึงลุกขึ้นมาจากเจียงและนั่งลงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะ ต้องนอนลงไปอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

ในเวลานี้อันหลิงหยุนกำลังขอเข้าเฝ้าที่พระตำหนักจรุงจิตจิตใจของถางเหอรุ่นร้อนดั่งไฟเผานี่นางจะไป ฟ้องร้องงั้น

เมื่อเรื่องนี้เข้าถึงหูของฝ่าบาทสถานการณ์ของเสียนอ๋ องจะต้องยิ่งย่ำแย่ไปกว่านี้อีกแน่

“พระชายามีเรื่องอะไรสมควรคุยกันดีๆท่านอ๋อง แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเข้าใจ ผิด”ถางเหอเอ่ยโน้มน้าวอันหลิงหยุนในยามปกติแล้วอัน หลิงหยุนจะต้องโวยวายก่อเรื่องอย่างแน่นอนแต่วันนี้ กลับแปลกออกไปนางสงบอย่างยิ่ง

สวีกงกงเดินออกมาจากด้านในเมื่อเห็นอันหลิงหยุนก็ เอ่ยขึ้น พระชายาโปรดตามข้าน้อยมา!”

“ลำบากงกงแล้ว”อันหลิงหยุนพูดอย่างสุภาพและ ติดตามสวีกงกงไปยังพระตำหนักจรุงจิต

ถางเหอคิดจะห้ามแต่ก็ไร้หนทาง

มองดูคนเดินเข้าไปเขาก็รีบร้อนหมุนตัวกลับไปยัง ตำหนักบรรทมร้องหากงชิง

ในเวลานี้อันหลิงหยุนได้มาถึงพระตำหนักจรุงจิตและ คุกเข่าลงที่หน้าประตูก่อน“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่า บาท

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองดูอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยขึ้น“ลุกขึ้นมาพูด”
อันหลิงหยุนลุกขึ้นและก้มหน้าลง

ฮ่องเต้ชิงหยู่รู้สึกงงงวยกับการฟื้นคืนชีพของอัน หลิงหยุนเขาเดินจากด้านบนลงมายังตรงหน้าของนาง จากนั้นจึงมองอย่างละเอียด พระชายาเสียนดีขึ้นแล้ว หรือ?”

อันหลิงหยุนกล่าว”หม่อมฉันโชคดีรอดมาได้แล้ว เพคะ”

“เจ้าถูกพิษแต่ยังรอดมาได้?”

“หม่อมฉันเคยใช้ยาพิษร้ายแรงอย่างยิ่งมาก่อนเป็น ยานี้ที่ช่วยชีวิตหม่อมฉัน”อันหลิงหยุนหาข้ออ้าง

ฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่เชื่อคำพูดนี้แต่การคืนชีพของคนผู้นี้ก็ ทําให้รู้สึกงงงวย

สายตาของเขาเคลื่อนออกจากคนด้านข้างฮ่องเต้ชิงห ยู่เอ่ย“วันนี้มามีเรื่องไร?”

“อู่เว่ยจือไม่มีพิษเรื่องที่ฝ่าบาทสลบไปไม่เกี่ยวกับ หม่อมฉัน”

“มีแค่เรื่องนี้งั้นหรือ?”

ค่าพูด กดดันผู้คนอันหลิงหยุนรู้ดีว่าตอนนี้ฮ่องเต้ชิง หญ่มีอคติต่อเสียนอ๋องไปแล้วเรียบร้อยความสัมพันธ์ ระหว่างพี่น้องมาถึงจุดนี้นับเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ของตระกูลฮ่องเต้

ผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ถูกกำหนดไว้แล้วให้โดดเดี่ยว ออกจากผู้อื่น

“หม่อมฉันรับปากฝ่าบาทว่าจะรักษาพระองค์ดังนั้น หม่อมฉันถึงได้เสด็จมา

ฮ่องเต้ชิงหยู่นิ่งคิด”ยาเมื่อก่อนหน้านี้ข้ายังไม่ได้กิน ลงไป”

อันหลิงหยุนไม่เข้าใจจุดประสงค์ของฝ่าบาทนางเอ่ย อย่างเหมาะสม”ฝ่าบาทสามารถใช้มันภายหลังได้”

“แต่ไหนแต่ไรมีผู้ทดสอบยาให้ข้ามาตลอดครั้งนี้ไม่ สะดวกต่อการทดสอบทำให้ข้ารู้สึกเป็นทุกข์ว่าจะกิน มันดีหรือไม่?”

คำพูดของฮ่องเต้ชิงหยู่ตอนนี้เหตุใดอันหลิงหยุนจะ ไม่เข้าใจ

“ฝ่าบาทหม่อมฉันสามารถใช้ตนเองทดสอบยาได้ และหม่อมฉันก็สามารถสลายพิษได้เช่นกันแต่ตอนนี้ยา พิษไม่มีผลอะไรกับหม่อมฉันดังนั้นจึงไม่สามารถบรรลุ วัตถุประสงค์ในการทดสอบยาได้

“ข้าก็คิดเช่นนั้น”ฮ่องเต้ชิงหยู่หยิบยาที่อันหลิงหยุนม อบให้ออกมา
หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวฮ่องเต้ชิงหยู่จึงพูดขึ้น“เช่นนั้น ให้เสียนอ๋องทดสอบยาแทนเป็นเช่นไร?”

ในใจของอันหลิงหยุนตกตะลึง

ชายเบื้องหน้าผู้นี้ช่างน่ากลัวอย่างยิ่งเกรงว่าเขาคงมี ความคิดที่จะทำเช่นนี้มานาน

“ล้วนแล้วแต่ฝ่าบาทมีพระบัญชา!”

สีหน้าของฮ่องเต้ชิงหยู่ดีขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นจึงหัน ไปเรียกคน”ใครก็ได้”

“ข้าน้อยมาแล้ว”

สวีกงกงผู้เป็นคนสนิทของฮ่องเต้ชิงหยู่รีบร้อนเดิน เข้ามาจากด้านนอก

ฮ่องเต้ชิงหยู่นำขวดขนาดเล็กส่งให้สวีกงกงนำไป มอบให้เสียนอ๋องมองดูเขากินมันลงไป”

“พ่ะย่ะค่ะ”

สวีกงกงรับขวดยาเอาไว้และเดินออกไป

ฮ่องเต้ชิงหยู่เหม่อไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆเอ่ยบอก แก่เสียนอ๋องว่านี้เป็นของบำรุงร่างกายเขาควรรับมันไว้ ด้วยความปีติ!”
“พ่ะย่ะค่ะ”

สวีกงกง นตัวจากไป

ในใจของอันหลิงหยุนหัวเราะหยัยฮ่องเต้โหดเหี้ยมไร้ ใจนับเป็นเรื่องจริง

ต่อให้ความสัมพันธ์พี่น้องจะดีมากเพียงใดแต่มันก็ดี แค่เพียงเปลือกนอกเท่านั้น

กงชิงวี่ก็นับว่าโชคร้ายเช่นกันเรื่องที่ต้องมาเจอกับจุน ฉูฉูก็แล้วไปยังต้องมาเจอฮ่องเต้ชิงหยู่ผู้นี้อีก

หลังจากที่สวีกงกงไปแล้วฮ่องเต้ชิงหยู่ถึงค่อยเอ่ย ถามขึ้น”ของวันนี้จัดมาหรือยัง?”

อันหลิงหยุนหยิบออกมาจากกระเป๋า

ฮ่องเต้ชิงหยู่เอ่ย”ในเมื่อมันเป็นยารักษาโรคก่อนหน้า นี้สุขภาพของพระชายาเสียนฮ่องก็อ่อนแอเช่นนี้เจ้าก็จง ใช้มันพร้อมกันข้าจะดีเสียกว่า”

อันหลิงหยุนไม่แปลกใจในเวลานี้ผู้ที่น่ากลัวที่สุดในวัง หลวงแห่งนี้คงเป็นฝ่าบาทผู้นี้แล้ว

เขาเป็นถึงโอรสสวรรค์ผู้สูงส่งแต่กลับไม่สามารถให้ กำเนิดบุตรธิดาของตนเองได้เกรงว่าคนทั้งใต้หล้าจะ ยกให้เขาเป็นขันทีที่แท้จริงไปตั้งนานแล้ว
แต่สุขภาพของฝ่าบาทเช่นเขาไม่อนุญาตให้ผู้ใดเอ่ย ถึงพอนานวันเข้าในใจก็เริ่มผิดเพี้ยนไปขึ้นมาวันนี้ที่ กระทําเรื่องราวเช่นนี้ลงไปล้วนเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลก ใจเลยสักนิดแน่ใจว่าในใจของอาจจะไม่ได้อยากรักษา โรคให้หายเร็วเข้าแล้วแต่เป็นการทำให้ผู้ชายทั้งใต้หล้า กลายเป็นเช่นเขาแทนกลายเป็นขันทีไม่สามารถมีบุตร ธิดาได้!

แม้ว่าอันหลิงหยุนจะคิดเช่นนั้นแต่กลับไม่กล้าชักช้า แต่อย่างใดก็ใครใช้ให้นางเรียกเขาว่าฝ่าบาทเล่าตอนนี้ จึงได้แต่ตอบรับเท่านั้น“เพคะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ