ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 419 เงินนับเป็นของดี



บทที่ 419 เงินนับเป็นของดี

อันหลิงหยุนทำหน้าสงสัย “เขายังมีลูกชายอีกหรือ”

“หลิงหยุน ขนาดเรื่องเขามีลูกชายสามคนเจ้าก็ไม่รู้ หรอกหรือ” แม่ทัพอันหมดคำจะพูดกับลูกสาวคนนี้แล้ว จริงๆ “เจ้ารู้จักก็แต่เพียงอ๋องเสียนเท่านั้น”

อันหลิงหยุนไม่ได้หน้าแดงแต่อย่างใด “ข้าลืมแล้วน่ะ ว่า แต่ท่านพ่อ จุนเจิ้นตงมีลูกชายหลายคนเพียงนี้ ล้วนหนี ไปหมดแล้วหรือ

“ไม่น่าใช่ พ่อกับจุนเจิ้นตงทำงานด้วยกันมาหลายปี ทั้ง ยังเคยดื่มเหล้าด้วยกัน คนผู้นี้แม้ไม่ได้องอาจห้าวหาญ นัก ทว่ากลับเป็นคนจงรักภักดีคนหนึ่ง เขาไม่มีทางคิด กบฏอย่างไม่มีสาเหตุหรอก ครั้งนี้เขาทำการเช่นนี้ไม่ แน่ว่าอาจจะเกี่ยวกับลูกชายทั้งสามของเขาก็ได้ พ่อเอง กำลังรอดูว่าพวกเขาจะทำอย่างไรต่อ หากเขาคิดขาย ชาติจริง พ่อจะชำระความแทนราชครูจุนเอง แต่หาก ไม่ใช่ เรื่องนี้ก็นับว่ายังมีทางให้ถอยอยู่”

แม่ทัพอันลุกขึ้น “ดึกมาแล้ว พวกเจ้าไปพักก่อนเถิด ไว้ รอพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน หลิงหยุนเจ้าพักอยู่กับในกระโจมนี่ แหละ หากมีเรื่องอะไรพ่อจะได้ดูแลเจ้าได้”

“เจ้าค่ะ”

เมื่อสั่งการเรียบร้อยทุกคนจึงต่างแยกย้ายกันออกไป เมื่อนั้นอันหลิงหยุนถึงได้ไปหาแม่ทัพอัน ด้วยรู้ว่าแม่ทัพ อันมีเรื่องจะพูดด้วย
เมื่อสองพ่อลูกนั่งลงเรียบร้อยแล้ว อันหลิงหยุนจึงได้ ถามขึ้น “ท่านพ่อ ท่านมีเรื่องจะพูดใช่หรือไม่”

แม่ทัพอันจูงมือบุตรสาวแล้วเอ่ยตอบ “เจ้าลูกคนนี้เหตุ ใดถึงไม่เชื่อฟังพ่อเลยสักนิด อยู่ในเมืองสุขสบายก็ดีอยู่ แล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องเอาตัวเองมาทรมานเช่นนี้ เจ้า ดูท้องเจ้าใหญ่โตถึงเพียงนี้แล้ว หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้า จะให้พ่อทำเช่นไรกัน”

“แต่ก็ไม่มีเรื่องอันใดไม่ใช่หรอกหรือท่านพ่อ” อันหลิง หยุนปลอบใจให้แม่ทัพอันหายกังวล

แม่ทัพอันจึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “พ่อกลัวว่า จะมีเรื่องแทบไม่ทันน่ะสิ”

“ไม่มีอันใดหรอกเจ้าค่ะ” อันหลังหยุนไม่กลัวสักนิด มี เพียงแม่ทัพอันเท่านั้นที่แทบไม่ได้พักผ่อนเลยทั้งคืน เอาแต่คอยกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น

อันหลิงหยุนตื่นขึ้นมาตอนเช้า แม่ทัพอันเองก็ตื่นแล้ว เช่นกัน สองพ่อลูกจึงพูดเรื่องสำคัญกันทันที

“ท่านพ่อหมายความว่า เป็นไปได้ว่าจุนเจิ้นตงอาจจะถูก คนข่มขู่ และเหตุผลหลักๆ ก็คือลูกชายทั้งสามของเขา ถูกจับตัวไปงั้นหรือเจ้าคะ” อันหลิงหยุนคาดเดา

ทว่าแม่ทัพอันกลับส่ายหน้า “ก็ยังไม่แน่ว่าถูกจับไปหรือ ไม่ ยังตอบไม่ได้”

“ท่านพ่อ ท่านยังต้องปิดบังข้าด้วยหรือเจ้าคะ”
“พ่อยังไม่แน่ใจ แต่พ่อมาถึงที่นี่เป็นสมวันแล้ว แต่พวก ข้ากกลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลยสักนิด แต่คืนวันที่กุน เจิ้นตงจะสังหารพ่อคืนนั้น พวกข้าศึกกลับเข้ามาโจมตี ทัพเราเสียได้ นั่นหมายความว่าต่อให้จุนเจิ้นคงไม่ได้ ขายชาติ ในทัพเราก็จะต้องมีไส้ศึกแน่ หากพวกมันเห็น สัญญาณก็รู้กันพ่อไม่ถูกฆ่าตายไปแล้วหรือ

หากพวกมันต้องการหัวของพ่อ ยามนี้ยังไม่เห็นหัวพ่อ พวกมันย่อมต้องรู้ว่าเรื่องการสังหารพ่อล้มเหลวแล้ว พ่อ ยังอยู่ที่นี่พวกมันถึงได้ยังไม่กล้าบุ่มบ่าม

อันหลิงหยุนต้องนับถือท่านพ่อของนางเสียแล้ว ท่าน ช่างเฉียบแหลมนัก

“เช่นนั้นท่านพ่อคิดจะตามหาพวกมันได้อย่างไร

“เรื่องหาพวกมันนั้นไม่รีบร้อน ขอแค่พ่อยังอยู่ที่นี่ช้าเร็ว พวกมันก็ต้องมา ถึงอย่างไรเสียจุนเจิ้นตงก็อยู่ในกำมือ พ่อ นอกเสียจากว่าพวกมันก็ไม่ได้สนใจจุนเจิ้นตงตั้งแต่ แรก แต่หากพวกเขาไม่ได้สนใจจุนเจิ้นตงจริง พ่อก็มีวิธี จะทให้จุนเจิ้นตงเปิดปากว่าเหตุใดถึงได้คิดกบฏ

“ท่านพ่อ ท่านช่างร้ายกาจนัก!อันหลิงหยุนอดเอ่ยชม ออกมาไม่ได้

ทว่าแม่ทัพอันกลับยิ้มไม่ออก “เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องรีบ ร้อนอันใด เรื่องเร่งด่วนในยามนี้ก็คือเสบียงของทัพเรา ต่างหาก

จุนเจิ้นตงต้องการสังหารพ่อ และเพื่อจะก่อความวุ่นวายในกองทัพเขาถึงได้จุดไฟจุดไฟเผาเสบียง แม้จะช่วย ไว้ได้ส่วนหนึ่ง ทว่าสุดท้ายก็เสียหายไปกว่าครึ่ง เสบียง มากมายเพียงนี้ หากจะรอก็ต้องเสียเวลาไปอีกหลายวัน”

“ท่านพ่อ เรื่องเสบียงข้ามีวิธีเจ้าค่ะ” อันหลิงหยุนเอ่ยขึ้น หยุนจิ่นมีนับว่ามีความสามารถของนาง หากไม่ได้นาง เกรงว่าครั้งนี้ก็คงล้มเหลวไม่เป็นท่า

“เจ้ามีวิธีหรือ” แม่ทัพอันแทบไม่อยากเชื่อ “หลิงหยุ น พ่อรู้ว่าเจ้ามีเงินทองมากมายนัก แต่เห็นจะไม่มีเสบียง กระมัง”

“นั่นก็ไม่แน่หรอกเจ้าค่ะ ขอเพียงหาตัวหยุนจิ่นให้พบ เรื่องนี้ก็นับว่าจัดการได้แล้ว แต่นางหายเงียบไปเลย ลูก ยังกลัวว่านางอาจจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่ท่านพ่ออย่า เพิ่งร้อนใจไปเลยเจ้าค่ะ ข้าจะไปตามหานางเอง”

“หาอะไรกัน เจ้าไปไม่ได้ ข้างนอกนั่นมีคนเยอะแยะ ให้ พวกเขาไป เจ้าเป็นเช่นนี้อย่าได้เที่ยวเดินไปทั่ว นับแต่นี้ ไปพ่อไปที่ไหนเจ้าต้องไปที่นั่น”

“เช่นนั้นหากท่านไปห้องส้วม ข้าก็ต้องไปด้วยหรือ” อัน หลิงหยุนทำหน้าทะเล้น ทำเอาแม่ทัพอันถึงกับถลึงตา มองบุตรสาว

สองพ่อลูกคุยกันเพลินกระทั่งเสินหยุนเจ๋มาเรียกพวก เขาไปกินข้าวนั่นเองบทสนทนาจึงได้จบลง

หลังจากกินข้าวเสร็จอันหลิงหยุนก็อยากไปเยี่ยมจุน เจิ้นตงเสียหน่อย จึงอ้อนวอนแม่ทัพอัน แม่ทัพอันก็ใจอ่อนไม่อาจปฏิเสธคำขอของบุตรสาวได้ จึงพานางไปหาจุน เจิ้นตง

อันหลิงหยุนเดินออกจากค่ายมาไม่กี่สิบเมตรก็มาถึงที่ที่

คุมขังจุนเจิ้นตง ทว่าพอนางมองดีๆ ถึงได้รู้ว่ามันเป็นห้อง

ส้วมนั่นเอง ที่ตรงนี้เหม็นเสียจนอันหลิงหยุนแทบเป็นลม นางจึงได้

แต่ปิดหน้าเอาไว้ไม่อยากเข้าไป

“ท่านพ่อ เหตุใดถึงเป็นที่แบบนี้ได้”

แม่ทัพอันยิ้ม “มันช่วยไม่ได้ ที่นี่ปลอดภัยที่สุด หากพ่อ ไม่มาคนอื่นก็คงไม่ยอมมาแน่ พ่อมาที่นี่ทุกวัน ต่อให้มาก ลางดึกค่อนคืนก็ไม่มีผู้ใดรู้

“นั่นก็ไม่แน่หรอกเจ้าค่ะ หากมีคนมาเล่าเจ้าคะ ผู้อื่น อาจจะคิดอะไรขึ้นมาได้แล้วหาที่นี่พบก็เป็นได้ มันก็ล้วน เป็นไปได้ทั้งนั้น”

“เช่นนั้นเขาก็นับว่าโชคดีแล้ว” แม่ทัพอันลองมาหลาย ครั้งแล้ว อย่างไรก็ไม่มีพลาด เขาไม่มีทางให้โอกาสพวก ศัตรูแม้แต่น้อยแน่ ที่ตรงนี้แม้จะไม่มีผู้ใดเฝ้าแต่ไม่ได้ห่าง จากค่ายทหารมากนัก แต่ละวันเขาไปกลับเสียหลายรอบ คงไม่มีใครคิดว่าจุนเจิ้นตงถูกซ่อนอยู่ที่นี่

แม้จะเหม็นอยู่สักหน่อย ทว่ามีอะไรที่ผู้เป็นแม่ทัพอันยัง ไม่เคยผ่านมาบ้างเล่า เพียงแต่ต้องให้บุตรสาวเข้ามาในที่ แบบนี้ก็รู้สึกว่าต้องลำบากนางแล้ว
อันหลิงหยุนแทบทนไม่ไหว ต้องฝืนกลั้นความรู้สึก คลื่นเหียนเอาไว้ถึงได้เดินไปจนถึงข้างในได้ หากก็ยังไม่ กล้าหันไปมองส้วมทั้งสองข้างทางนั้นอยู่ดี

ในยามปกติแล้วนางอยู่ในจวนอ๋องเสียนทุกอย่างล้วน งดงามละเอียดลออจนนางชินเสียแล้ว แม้แต่โถส้วมก็ยัง งดงามหรูหราหาใดเปรียบ พอได้มาที่นี่อันหลิงหยุนถึงได้ รู้ในทันทีว่าเงินทองนั้นนับเป็นของดีนัก

พอเดินเข้าไปถึงข้างใน อันหลิงหยุนก็แทบจะรมด้วย กลิ่นจนตาย ส่วนแม่ทัพอันก็เดินไปดึงเชือกทางด้านหนึ่ง ขึ้น ทันทีที่เชือกถูกดึงม้วนขึ้นถังไม้ทรงกลมขนาดใหญ่ จากห้องส้วมด้านล่างก็พลันถูกดึงขึ้นมา ในนั้นมีคนผู้หนึ่ง อยู่ อันหลิงหยุนเห็นใบหน้าเขาเขียวคล้ำ แม้จะสะอาด สะอ้าน ทว่าบุรุษใบหน้าหล่อเหลาบุคลิกโดดเด่นเหนือ ใครนั้น ในยามนี้กลับผมเผ้าชี้ฟูเป็นรังนก ดูแล้วรกรุงรัง ไม่เป็นระเบียบนัก

จุนเจิ้นตงเงยหน้ามองแม่ทัพอันด้วยความแค้นสุมอก “ทหารฆ่าได้หยามไม่ได้ เจ้าเหยียดหยามข้าเช่นนี้นับว่า เก่งกาจนักหรือ อันจือซานเจ้าทำเช่นนี้…

เมื่อเห็นอันหลิงหยุน จุนเจิ้นตงก็พลันเงียบสงบลง ก่อน จะมองนางอย่างพินิจพิเคราะห์

“บุตรสาวเจ้าหรือ”

อันหลิงหยุนแปลกใจอยู่ไม่น้อย จุนเจิ้นตงรู้จักนางด้วยหรือ
“เจ้ายังรู้จักหลิงหยุนของข้าด้วยหรือ ไม่เสียแรงเป็น คนตระกูลจุน เห็นเพียงครั้งก็จำได้แล้ว ข้ายังจำได้ว่าเจ้า กลับไปก็เพียงไม่กี่ครั้ง เจ้าเจอหลิงหยุนที่หน้าบ้านข้า คราวนั้นหลิงหยุนเพียงสิบขวบเท่านั้น”

“ลูกสาวเจ้ามาได้อย่างไร” จุนเจิ้นตงพลันทำสีหน้า รังเกียจ ทว่าอันหลิงหยุนกลับรู้สึกได้ว่าจุนเจิ้นตงผู้นี้ไม่ ได้คิดร้ายกับนางแต่อย่างใด ทั้งยังเรียกได้ว่าเป็นคน เถรตรงมากทีเดียว

เรื่องของจุนชูชู เขาที่เป็นพ่อย่อมต้องรู้อยู่แล้ว ทว่าเขา กลับไม่โกรธเกลียดนางแม้แต่น้อย หรือว่าเขาจะไม่รู้เรื่อง นางกับจุนซูซู

“เพราะนางคิดถึงข้าถึงได้มาหาข้าน่ะสิ จุนเจิ้นตงเรา สองคนทำงานร่วมกัน ล้วนถวายความจงรักภักดีให้ฝ่า บาทเหมือนกัน ทั้งยังเป็นแม่ทัพใหญ่เหมือนกัน แต่เจ้าดู ลูกสาวข้าสิ ท้องแก่ปานนี้ก็ยังมาหาข้า เพียงเพราะคิดถึง ข้าเป็นห่วงข้า เจ้าเทียบข้าได้หรือ ลูกสาวเจ้าตั้งกี่คนแต่ กลับไม่มีใครมาเยี่ยมเจ้าสักคน ลูกชายเจ้าสามคนก็ทอด ทิ้งเจ้า หนีเจ้าไปหมดแล้ว

เจ้านี่หนา…ช่างโชคร้ายเสียจริง!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ