ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 394 องค์หญิงใหญ่เป็นโรคซึมเศร้า



บทที่ 394 องค์หญิงใหญ่เป็นโรคซึมเศร้า

อันหลิวหยุนยืนห่างออกไปไม่ไกลรู้สึกประทับใจมาก พ่อของนางน่าทึ่งมาก!

“ทุกอย่างทำตามที่ท่านพ่อตาบอก” กงชิง กล่าว นอบน้อม แม่ทัพอันก็พอใจมาก

“ถ้าเช่นนั้นก็อยู่ต่อละกัน ข้าไปข้างหน้าแล้ว เวลาก็ไม่ เช้าแล้ว อีกสักพักก็กินข้าวเถอะ” แม่ทัพอันทิ้งคำพูดไว้ หันหลังออกไปก่อนแล้ว

“ครับ”

แม่ทัพอันไปแล้วอันหลิงหยุนถึงจะออกมา เข้าไปใน ลานก็เหลือบมองอย่างไม่สบอารมณ์ เดินไปจัดความ เรียบร้อยเสื้อผ้าบนตัวของกงชิงวี่

“ปากท่านอ๋องช่างหวานเสียจริง!”

“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นเพราะว่าพระชายาอบรมสั่ง สอนมาดีหรือ? ว่าแต่ว่า ไม่มีลูกเล่นใหม่ๆเล่นหรือ?” แค่ เห็นอันหลิงหยุนจิตใจกงชิงวี่ก็เตลิดเปิดเปิง คิดไปถึง ความสุขบนเตียง

อันหลิงหยุนหน้าแดง กลอกตามองกงชิงฉื่อย่างไม่สบ อารมณ์ครู่หนึ่ง “ท่านอ๋อง ดีร้ายท่านก็เป็นถึงอ๋องซื่อ เจิ้น(ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์) ท่านเดินทางกลับมา ตั้งไกล ไม่เข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ทำไมท่านถึงไม่รู้สึก เขินอายพูดถึงเรื่องพวกนี้อยู่อีก”
“มีอะไรน่าเขินอาย ข้าอยู่ในจวนของข้า อีกทั้งข้าก็พูด เรื่องการส่งเสบียงน้ำอสุจิกับพระชายาของข้า

“ท่านอ๋องไม่เอาไหนเลย สนใจแต่เรื่องพวกนี้”

อันหลิงหยุนโมโห

“ก็เพราะว่าข้าโดดเด่นมากเกินไป เทียบกับพวกที่ไม่ เคยเอ่ยถึงเรื่องพวกนี้เลยถึงจะมีปัญหามากกว่า”

“ท่านอ๋องไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวมีคนมาได้ยิน อาหยู่ยัง อยู่ข้างนอก” อันหลิงหยุนยื่นมือไปหยิกเอวกงชิงวี่หนึ่งที กงชิงวี่ก้มหน้า เลิกคิ้วขึ้นสูง คว้ามือเล็กอันหลิงหยุนเอา ไว้

“ฝ่ามือไม่ใหญ่ แรงกลับมีมาก ทำให้ข้าเจ็บได้” กงชิงวี่ ก้มหน้าก็ไปหอมเลย เขาทนตำหนิไม่ได้หรอก

อันหลิงหยุนหน้าแดง รีบมองไปบริเวณโดยรอบ แน่ใจ ว่าไม่มีคนแล้วถึงจะโล่งใจ

ดึงมือกงชิงวี่ เกรงว่าเขาจะทำเรื่องเหลวไหลกลางวัน แสกๆ อันหลิงหยุนพาเขาไปกินข้าวด้านหน้า

วันรุ่งขึ้น

กงชิงวี่เข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท อันหลิงหยุนไปต้าจง เจิ้งย่วน(ศาลในวัง)รอบหนึ่ง วันนี้ก็เป็นเวลาที่ทุกคนใน ตระกูลอ๋องเจ็ดจะถูกฝัง
สองวันที่อันหลิงหยุนไม่อยู่ ที่สมควรถูกจับก็ถูกจับแล้ว ที่สมควรถูกประหารก็ประหารไปแล้ว ต้าจงเจิ้งย่วนก็พ้น ข้อกล่าวหาแล้ว

หน้าประตูของต้าจงเจิ้งย่วนมีโลงศพวางอยู่เจ็ดสิบสอง โลง มีคนนำศพพวกเขาใส่โลงโดยเฉพาะ ได้ยินมาว่าต้อง จัดการอย่างเหมาะสม

ตอนที่อันหลิงหยุนไปถึง เห็นโลงศพคนตระกูลอ๋องเจ็ด ถูกยกออกไปพอดี

เป็นเพราะมีคนตายไปเยอะขนาดนี้ ตามตรอกซอกซอย ในเมืองหลวงมีคนออกมาดูความครึกครื้นอยู่ไม่น้อย มีคน บอกว่าตระกูลอ๋องเจ็ดสมควรได้รับโทษแล้ว แต่ก็มีคน สงสารล่องเจ็ดที่เป็นคนน่าสงสาร

อันหลิงหยุนมองดูขบวนส่งศพที่จากไปอย่างอลังการ ถึงได้เข้าไปต้าจงเจิ้งย่วน

เว่ยหลิงชวนยืนอยู่ในลานของต้าจงเจิ้งย่วน พอเห็นอัน หลิงหยุนก็เดินหน้าเข้ามาคำนับ แล้วก็พาอันหลิงหยุนไป พบองค์หญิงใหญ่

อันหลิงหยุนไม่ไปพบยังดี พบแล้วถึงได้รู้ว่า องค์หญิง ใหญ่ไม่สบาย!

เพราะเรื่องของตระกูลอ๋องเจ็ด ท่านป้าล้มป่วยทางใจ แต่เดิมเป็นคนที่แข็งแรงดี อันหลิงหยุนไม่ได้พบแค่ไม่กี่ วันก็ซูบผอมไปมาก ใบหน้าก็แห้งเหี่ยวไปมาก
อันหลิงหยุนจับชีพจรให้องค์หญิงใหญ่ คาดไม่ถึงจะพบ ว่าองค์หญิงใหญ่เป็นโรคซึมเศร้า

เมื่อเห็นองค์หญิงใหญ่จากคนดีๆคนหนึ่ง หม่นหมองเศร้า ใจไม่ค่อยมีสติ อันหลิงหยุนทุกข์ใจยิ่งนัก

องค์หญิงใหญ่ไม่อยากลุกขึ้นมา อยากนอนอยู่ตลอด และมักจะพูดเรื่องที่อันหลิงหยุนไม่รู้ แต่หากมอง พฤติกรรมที่แสดงออกมาแล้ว คือคิดถึงสามีและลูกของ นางแล้ว แต่ในความเป็นจริงคือนางเป็นโรคซึมเศร้าระยะ แรก

เว่ยหลิงชวนยืนกังวลอยู่ด้านข้าง กล่าวอย่างกังวลว่า “ตั้งแต่เมื่อวาน ก็เบื่ออาหารตลอด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ไม่ อยากกิน ส่งอาหารมาก็วางเอาไว้อย่างนั้น ทั้งยังนอนไม่ หลับ นอนพลิกไปพลิกมา

อันหลิงหยุนรู้ถึงความร้ายแรงของโรคซึมเศร้า ไม่เพียง แต่จะรักษายาก ยารักษาที่เป็นยาแผนโบราณก็ใช้ไม่ได้ ผลมากนัก ถึงแม้ว่ายาแผนปัจจุบันจะมีผลข้างเคียงค่อน ข้างมาก แต่โดยรวมแล้วผลลัพธ์จะดีกว่ายาแผนโบราณ อยู่มาก

“ข้าไม่มียา ต้องคอยปลอบโยนให้กำลังใจ นี่เป็นอาการ ป่วยทางใจ

ดูเหมือนองค์หญิงใหญ่จะไม่ใช่คนเคร่งครัด เรื่องใดๆ ก็ไม่เก็บมาใส่ใจ แต่ยิ่งเป็นคนเช่นนี้ ก็ยิ่งเต็มใจที่จะเกิด โรคแบบนี้
การจากโลกไปของอ๋องเจ็ดส่งผลกระทบต่อจิตใจนาง ค่อนข้างมาก แล้วนางก็โทษตัวเอง รู้สึกว่าเป็นเพราะนาง ปล่อยปละละเลยถึงทำให้ตระกูลอ๋องเจ็ดต้องตายอย่าง อนาถ

อันหลิงหยุนห่มผ้าห่มให้องค์หญิงใหญ่ แล้วลุกออก กไป ข้างนอก

เว่ยหลิงชวนตามออกนอกประตูไป “ทักษะการแพทย์ พระชายาเสียนล้ำเลิศ ไม่ทราบว่าพอจะมีวิธีรักษาบ้าง ไหม?”

อันหลิงหยุนส่ายหน้า “หากข้ามีวิธีรักษา ก็ไม่ต้อง ลําบากใจเช่นนี้ โรคแบบนี้รักษายาก ถึงจะไม่ใช่โรคที่ไม่ สามารถรักษาให้หายได้ แต่ก็เป็นโรคร้ายแรง

รักษาด้วยยาจีน(ยาแผนโบราณ)ช้าเกินไป ควบคุมไม่ อยู่อาการจะทรุดหนัก

นอกจากว่าองค์หญิงใหญ่จะคิดได้เอง”

อันหลิงหยุนจนปัญญาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความสามารถ ของนางยังไม่ขั้นที่จะรักษาโรคซึมเศร้าด้วยมือเปล่าได้ วิทยาการทางการแพทย์ยังไม่ได้ก้าวหน้าถึงขนาดที่จะ สามารถควบคุมความคิดอารมณ์ของคนได้

มีคนมากมายที่ตายด้วยโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้าถึง แม้จะไม่ใช่โรคที่รักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่ก็เป็นโรค ร้ายแรง มันจะค่อยๆทรมานคนให้ตาย ทำให้คนตายด้วย ความหวาดกลัว
นางเคยเห็นคนแบบนั้นคนหนึ่ง เดิมคนคนนั้นก็ดีๆ อยู่ ต่อมาแต่งงานมีลูก เขากับภรรยามีเรื่องขัดแย้งกัน ภรรยาโยนของๆเขาเข้าไปในชักโครก บังคับให้เขาหยิบ กลับมา เขาจ้องมองด้วยความเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง ก็ ป่วยขึ้นมาเลย

ผลกระทบทางจิตใจเพียงครั้งเดียว ก็กลายเป็นความ เจ็บป่วยที่ติดตัวไปตลอดชีวิต หรือแม้กระทั่งความตาย

ต่อมาอาการป่วยทรุดหนักลงราวกับว่าไปพบกับสิ่งชั่ว ร้ายเข้า ทำให้หมออย่างนางเห็นแล้ว ยังรู้สึกว่าโรคแบบนี้ เหมือนกับว่าไปพบกับสิ่งชั่วร้ายเข้า

คนคนนั้นพูดทุกวันว่ามีคนหาเขา ยังพูดบางอย่างที่คน ฟังไม่เข้าใจ สุดท้าย ในสถานการณ์ที่ไม่มีคนเห็น เขาเอา เชือกมาเส้นหนึ่งผูกคอตายไป

ความน่ากลัวของโรคซึมเศร้า ไม่อาจจินตนาการได้เลย

ความเจ็บป่วยทางจิตใจ ถือเป็นปัญหาใหญ่ของ มนุษยชาติ ทุกวันนี้ก็กำลังพยายามกันอย่างไม่รู้จัก เหน็ดเหนื่อยอยู่ แต่ความพยายามก็ต้องใช้เวลา และ เวลาก็เหมือนมีดที่ไร้น้ำใจ มีบางครั้ง มันสามารถฆ่าความ ตั้งใจของคนทำให้คนหมดสภาพ บางครั้งมันก็สามารถ โค่นความอ่อนวัยทำให้คนแก่ไป นอกจากความไม่ แน่นอนกับโครงกระดูกแล้วไม่มีอะไรเหลือเอาไว้ให้คน เลย!

ดังนั้นจึงโหดร้ายมาก!
เว่ยหลิงชวนถาม “พระชายาเสียนไม่สามารถฉีดยาให้ หรือ?”

“เข็มข้ามี แต่ไม่มียา” อันหลิงหยุนก็ไม่มีปัญญาที่จะ อธิบายได้ ที่จริง บางครั้งนางก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไม

ราวกับว่า นางปรับระดับได้เหมือนเล่นเกม เมื่อเริ่มต้น เกมก็ให้ระบบความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดอัตโนมัติกับ นาง

ตั้งแต่มาถึงที่นี่ระบบก็เริ่มต้นล้างพิษตัวเอง ระบบรักษา ตัวเอง ทุกอย่างมันช่างน่าเหลือเชื่อราวกับปาฏิหาริย์

ตอนนี้ นางไม่เพียงจะฟังเข้าใจว่าอีกาดำน้อยพูดอะไร ยังสามารถปล่อยสารพิษได้อีกด้วย

สิ่งที่อันหลิงหยุนไม่สามารถอธิบายได้มีมากมายเหลือ เกิน นางไม่สามารถอธิบายได้

เว่ยหลิงชวนถาม “พระชายาเสียน อย่างไรก็ต้องคิด หาวิธี หมอหลวงมาแล้ว บอกว่าเกิดจากความรู้สึกทางใจ เท่านั้น ขอเพียงดูแลจิตใจปรับอารมณ์ให้ดีก็จะหายดี

“ที่หมอหลวงพูดก็ไม่ผิด ขอเพียงดูแลจิตใจปรับอารมณ์ ให้ดีก็จะหายดี ค่อยๆฟื้นฟูอย่างไรก็หายดี แต่อาการป่วย ของท่านป้า คนทั่วไปดูแลปรับอารมณ์ของนางให้ดีขึ้นไม่ ได้ ในตำราเล่มนั้นโรคซึมเศร้าเป็นโรคที่น่ากลัวมาก ถึง แม้จะปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น ก็ต้องมีคนคอยอยู่ด้วยตลอด เวลา และยังต้องให้นางยินยอมที่จะเดินออกมาจากโลกที่ ทั้งมืดและโดดเดี่ยวใบนั้นด้วย
แต่ว่าคนที่เดินออกมาเช่นนี้ได้ ในหนึ่งพันคนยังไม่เคย มีสักคน ท่านโง่จงเจิ้น(ชื่อตำแหน่ง)รู้ว่านั่นหมายความว่า อย่างไร?”

สีหน้าเว่ยหลิงชวนเปลี่ยนไป เขาไม่ได้พูดอะไร หันหลัง กลับเข้าไป

อันหลิงหยุนหันมองกลับเข้าไปในเรือน เว่ยหลิงชวน คุกเข่าไป

องค์หญิงใหญ่ไม่ใช่คนไร้ความรู้สึก หันกลับมามองคน ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น สีหน้านางยังคงไม่เข้าใจ

“เจ้าเป็นอะไรไป?”ถึงแม้จะป่วย แต่ความน่าเกรงขาม ขององค์หญิงใหญ่ยังอยู่ เวลาพูดเสียงก็ยังทรงพลัง ถึงจะ ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีอยู่ในตัว

และเว่ยหลิงชวนอยู่ในอารมณ์เศร้าเสียใจ เขาไม่ สามารถอดทนเอาไว้ได้ ลูกผู้ชายที่สูงเจ็ดฟุตคนหนึ่งก้ม หัวลงไปบนพื้น ร้องไห้เสียงดังออกมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ