ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่175 ทำไมถึงชนได้



บทที่175 ทำไมถึงชนได้

ลืมตาขึ้นมองไปที่คนโกรธยืนอยู่หน้าประตู แล้วลุกขึ้น นั่ง: “ทำข้าตกใจจนตื่นเลย”

กงชิงวี่ตะลึงไปสักครู่ ร่องรอยลำบากใจฉายไปทั่ว ใบหน้า: “ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

อันหลิงหยุนรู้สึกแปลกประหลาด: “ท่านยังโกรธหลัง

จากที่พวกเขาไปแล้ว ทำไมหรือ? ”

“ทำไมหรือ? ”

กงชิงวี่ลุกขึ้น ถอดเสื้อผ้าไปด้วยแล้วอธิบายเกี่ยวกับ ที่มาที่ไปของเรื่องให้ฟัง อันหลิงหยุนมองเขาด้วยสายตา ขุ่นเคือง: “เสวยอิ่มไม่มีอันใดทำ เรื่องระหว่างสามี ภรรยา ท่านไปยุ่งอันใดได้ นี่เขาเรียกว่า จิวยี่ทำอุบาย เฆี่ยนอุยกาย คนหนึ่งตีอีกคนก็เต็มใจให้ตี”

“เป็นเรื่องเล่าเปรียบเปรยของพวกเจ้าอีกแล้วหรือ? “กง ชิงวี่สนใจที่มาที่ไปของประวัติศาตร์ เพียงแต่ทั้งสองคน ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน มีหลายอย่างที่เขารู้แต่นางไม่รู้ และมีหลายอย่างที่นางรู้แต่เขาไม่รู้

อันหลิงหยุนช่วยกงชิงวถอดเสื้อผ้าไปด้วยเล่าเรื่องราว ของ จิวยี่ทำอุบายเฆี่ยนอุยกายให้เขาฟัง ทั้งสองคนพูด คุยยิ่งลึก ความรัก็ยิ่งลึก

จุนฉูฉูเจ็บไปทั้งคืน กงชิงหยินรีบเข้าวังเข้าเฝ้าฮ่องเต้ แต่เช้าตรู่ ขอพระราชโองการออกคำสั่งให้ช่วยรักษาจุน
ฮ้องเต้ยิงหยู่รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย อันหลังหมุนได้รับ พระราชโองการให้เข้าวังเพื่อมาช่วยสองพระราชวังตรวจ จับชีพจร ปรากฏว่าเมื่อเข้ามาในวังก็เห็นกงชิงหยืนอยู่ใน พระตำหนักจรุงจิต

หลังจากที่อันหลิงหยุนได้ไปตรวจจับชีพจรทั้งสองพระ ราชวังกลับมากงชิงหยินก็ยังไม่กลับ อันหลิงหยนรู้เลยว่า ต้องมีเรื่องไม่ดีแน่เลย

แต่ในเวลานี้ฮ่องเต้ชิงหยู่ลืมไปนานแล้วว่าจะทำอันใด กลับมองไปที่อันหลิงหยุนจนตาค้าง

อันหลิงหยุนรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย ก้มหัวลง : “หม่อม ฉันขอคำนับฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ”

“ลุกขึ้นได้”

อันหลิงหยุนลุกขึ้นยืนแล้ว แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้น

“ดูเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่? “ฮ่องเต้ชิงหยู่ถาม

“ กราบทูลฝ่าบาท แม่ลูกปลอดภัยดีทั้งสองวังเลยค่ะย่ะ ค่ะ”อันหลิงหยุนกราบทูล

ฮ้องเต้ชิงหยู่เดินลงมาจากข้างบน เมื่อเดินไปอยู่ตรง หน้าแล้วตั้งใจสำรวจอันหลิงหยุนรอบหนึ่ง : “พระชายา เสียนช่วงนี้เสวยดีมากเลยใช่ไหม? ”
” อันหลิงหยุนรู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย แสดงว่านาง อ้วนขึ้นมากจริงๆ

สำหรับท้องนี้ของนางทำให้นางชอบเสวยมาก แต่เสวย แล้วกลับไม่ไปลงที่เด็ก เวลาเสวยของบำรุงเมื่อไรก็จะไป บำรุงที่ตัวนางหมด

“ทูลฮ่องเต้ ช่วงนี้ได้ทำการทดลอง ได้เตีรยมยาไว้ หลายอย่าง หม่อมฉันหาคนที่เหมาะสมจะมาทำการ ทดลองไม่ได้ ก็เลยฉีดเข้ากับตัวเองไปหลายเข็ม ไม่คิด ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าเสวยออันใดก็เพิ่มเนื้อ แถมเพิ่ม ได้เร็วด้วยอีกต่างหาก

หม่อมฉันเริ่มควบคุมพระกระยาหารแล้ว พยายามไม่ เสวยพระกระยาหาร แต่แค่ดื่มน้ำก็ยังทำให้เพิ่มเนื้ออีก

พระชายารองหยุนบอกกับหม่อมฉันว่า ถ้าอ้วนต่อไปอีก ก็จะอ้วนเป็นลูกบอลแล้ว

หม่อมฉันเริ่มเสวยไม่ได้นอนไม่หลับแล้วเพค่ะ”

เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว ฮ่องแต่ก็ไม่พูดอันใดอีก

หลังจากที่อันหลิงหยุนได้ชี้แจงแล้ว ฮ่องเต้ชิงหมู่ยิ้ม ออกมา: “ที่พระชายารองหยุนพูดก็มีเหตุผล ข้าก็คิดเช่น นั้นเหมือนกัน

อันหลิงหยุนยิ้มไม่ออก และไม่พูดอันใดต่ออีก ฮ้องเต้ชิงหยู่ ม: “ช่วงนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย เจ้าช่วยเดินเป็นเพื่อนข้าหน่อย อ๋องตวนเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้ายังมีเรื่อง จะคุยกับเจ้าอีก ”

“ กระหม่อมน้อมรับบัญชา ” กงชิงหยินหันมองไปที่อัน

หลิงหยุน แล้วหันกลับไป ฮ่องเต้ชิงหยู่เดินนำออกไปข้างนอก และอันหลิงหยุน

เดินตามไป

เมื่อออกจากพระตำหนักจรุงจิต อันหลิงหยุนเดินไปที่ ลานสวนกว้างตรงหน้าพระตำหนักจรุงจิต ฤดูใบไม้ผลิ เป็นฤดูที่ดีมีลมมีกลิ่นหอมจาง ๆ ฮ่องเต้ชิงหยู่โดนกลิ่น หอมจางๆที่โชยมาจากตัวอันหลิงหยุนดึงดูด

ฮ่องเต้ชิงหยู่หันกลับไปมองอันหลิงหยุนนางไม่ได้ทาผง อันใดบนใบหน้า แต่หน้ากลับสดใจจนน่าแปลกใจ

ผู้หญิงจะแต่งตัวเพื่อคนที่ตัวเองชอบ หรือว่าคนที่จะ

ทำให้นางชอบก็ไม่มีเลยหรือ?

ฮ่องเต้ชิงหยู่ถาม: “กลิ่นหอมอันใดหรือ?

อันหลิงหยุนนึกสักครู่ : “หม่อมฉันอยู่กับยาสมุนไพร ทุกวัน เป็นกลิ่นยาสมุนไพร ไม่ใช่กลิ่นหอมอันใดเพค่ะ

“ใช่รึ? ข้าดมดูแล้วเหมือนกลิ่นจางๆของหญ้าหอม เสียดายที่ตำหนักข้าไม่มีหญ้าหอม มีแต่กำแพงที่เยือก เย็น

“ฮ่องเต้มีงานที่ต้องทำมากมาย ทำเพื่อประชาชนเป็นหลัก เทพเจ้าเห็น ประชาชนเห็นและรับรู้ถึง”อันหลิงหยุน ช่วงนี้กำลังดูหนังสือประวัติศาตร์ เพื่อเอาชีวิตให้รอดไม่ ว่าจะให้นางทําอันใดนางก็จะยอมทำทุกอย่าง

ฮ่องเต้ชิงหยู่ยิ้ม: “ไม่ต้องยอข้าหรอก ข้าไม่ได้เป็นคน บ้ายอหรอก อยู่กับอ๋องเสียนเรียนรู้มาจากอ๋องเสียนล่ะ สิ? ”

อันหลิงหยุนก้มหัวลง: “หม่อมฉันมิกล้าเพค่ะ”

ฮ่องเต้มองไปทีอันหลิงหยุน แล้วหันหลังให้เอามือไว้ ด้านหลังพูดว่า: “เรื่องที่ตูฟางจุ้นกำลังหาเงินบริจาคอยู่ นั้นข้ารู้สึกยินดีและพอใจยิ่งนัก ถือว่าเป็นการทำความ ดีของจวนอ๋องเสียนเลย ข้ารู้ว่าควรทำยังกระไรดี องค์ หญิงใหญ่ให้ความสำคัญในตัวเจ้า ส่วนเจ้าก็ทำให้คดีลุ่ ล่วงไปได้ด้วยดี ที่สำคัญได้ใจคนไปไม่น้อย

“ฮ่องเต้ หม่อมฉันมิกล้า….” อันหลินหยุนจับกระโปรง ขึ้นเตรียมคุกเข่าลงไป แต่ฮ่องเต้ชิงอยู่รีบห้ามไว้

“ข้าบอกแล้ว ไม่ต้องคุกเข่า ลุกขึ้นเถิด”

อันหลิงหยุนตกตะลึงเล็กน้อยแล้วลุกขึ้น มองไปที่ ฮ่องเต้ชิงอยู่แล้วชี้แจงว่า : “หม่อมฉันทำงานเพื่อรับใช้ ฮ่องเต้ ไม่ได้ทำเพื่ออยากได้ใจของใครเลยเพค่ะ

“ถึงแม้จะไม่ได้คิด แต่ก็ได้ใจไปแล้วจริงๆ”
“ทูลฮ่องเต้หม่อมฉันมิกล้า ” อันหลิงหยุนเริ่มจะหมด แรง พูดคุยกับฮ่องเต้ช่างเหนื่อยเหลือแสวย

ฮ่องเต้ยืนนิ่งไปสักครู่ : “ความจริงข้าก็เป็นคนเหมือน กัน ไม่มีอันใดแตกต่าง เพียงแต่พวกเจ้าไม่เข้าใจว่าข้าพูด อันใด”

“ในมือฮ่องเต้ก๋ามีดไว้ สามารถตัดหัวใครก็ได้ ” อันหลัง หยุนพูดออกมาตามตรง ฮ่องเต้ไม่โกรธกลับยิ้มออกมา

ฮ่องเต้หันกลับมาแล้วพูดว่า : “เจ้ากำลังตำนี่ข้าหรือ?”

“หม่อมฉันมกล้าเพค่ะ”

“เวลาที่ข้าไม่มีอันใดทำก็พูดคุยเป็นเพื่อนข้าหน่อย ไม่ ต้องกลัวขนาดนั้น เจ้ายิ่งเป็นเช่นนี้ ข้ายิ่งไม่ชอบ ในทาง กลับกัน พูดจาตรงไปตรงมา ข้าจะยิ่งดีต่อเจ้า”

อันหลิงหยุนรู้สึกสับสนเล็กน้อย ฮ่องเต้เสวยยาผิดหรือ เปล่า

อันหลิงหยุนกังวลไปครู่หนึ่ง ฮ่องเต้ชิงอยู่มองไปที่นาง แล้วหันกลับไป : “เรื่องตูฟางจุ้นข้าพอใจมาก ส่วนเรื่อง ของพระชายารองหยุนข้าก็รู้ แต่ลูกสาวตระกูลจุนไม่ใช่ คนธรรมดา ในเมื่อเจ้ากับพระชายาตวนเป็นศัตรูกัน ก็ ควรจะรู้ว่านี่เป็นแค่กันเริ่มต้น

“หม่อมฉันไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับพระชายาตวน เดิมที เรื่องของพระชายารองหยุนหม่อมฉันก็ไม่ได้อยากยุ่ง แต่ เรื่องที่ทำให้คนอื่นไม่พอใจส่งมาถึงมือหม่อมฉัน หรือว่าประเทศต้าเหลียงไม่มีคนจัดการเรื่องนี้ได้เลยหรือ?

พูดตามจริงแล้ว หม่อมฉันโดนหลอกใช้เหมือนคนโง่คน หนึ่งเท่านั้นเอง

ชื่อเสียงของหม่อมฉันไม่ดีอยู่แล้ว เมื่อเกิดเรื่องผลักมา ให้หม่อมฉันก็เป็นเรื่องปรกติ เสียงหัวเราะเยาะของคนใน ประเทศไม่สามารถทำให้คนจมตายไปได้ พ่อของหม่อม ฉันก็ไม่ปล่อยให้หม่อมฉันอยู่คนเดียวอยู่แล้ว

เรื่องจัดการได้ดี พระชายารองหยุนได้กลายเป็นฮูหยิง ชั้นเก๊ามิ่ง หม่อมฉันก็ยังเป็นหม่อมฉัน”

ฮ่องเต้หันกลับมาอีกครั้ง คิ้วขมวดเข้าหากัน: “ข้าไม่ เข้าใจ พระชายาเสียนไม่ใช่อยากทำเรื่องดีๆหรือ? ”

“หม่อมฉันแค่ไม่อยากทำเรื่องไม่ดี ส่วนเรื่องดี ข้าไม่เคย คิด แต่ว่าถ้าฮ่องเต้อยากให้ข้าตายข้าก็ต้องตาย หม่อม ฉันคือหม่อมฉัน ฮ่องเต้พูดอันใด หม่อมฉันก็ต้องทำตาม เช่นนั้นอยู่แล้ว”

ในเมื่อทำไปแล้วก็ถือว่าได้ทำไปแล้วก็ไม่ต้องบ่นอันใด มากมาย ข้าอยากอยู่ที่นี่รับลมเย็นๆสักพัก และพูดเรื่อง อื่นต่อด้วย

อันหลิงหยุนไม่พูดอันใดอีก ตั้งใจรับฟังคำสั่งของฮ่องเต้ ชิงหยู่

ฮ่องเต้ชิงอยู่ถาม: “อ๋องตวนกับพระชายาตวนได้เคย

ไปที่จวนอ๋องเสียนแล้ว อ๋องตวนบอกกับข้าว่า เจ้าไม่ช่วยรักษา มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือไม่?

“กราบทูลฮ่องเต้ หม่อมฉันบอกว่าจะช่วยพระชายาต วนฉีดยา แต่นางจะให้หม่อมฉันดูกันนางให้ได้ ถามหน่อย กันของนาง หม่อมฉันทำไมต้องดูด้วย? “อันหลิงหยุนพูด ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ฮ่องเต้ชิงอยู่เพิ่งพูดไปเมื่อกี้ไม่ต้อง เกรงใจมาก นางลองดูก่อนดีกว่า

* ทำให้ฮ่องเต้ชิงอยู่จําเป็นต้องหันกลับมามองอัน หลิงหยุน ทั้งสองเผชิญหน้ากัน มีโอกาสน้อยมากที่ฮ่องเต้ จะได้หัวเราะชอบใจขนาดนี้

“เจ้านี่จริงๆเลย” ฮ่องเต้ยิ้มแล้วส่ายหัว

อันหลิงหยุนก้มหัวลง แกล้งทำเหมือนโกรธ

“ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็จะปล่อยไว้อย่างนั้นไม่ได้ ก็เหมือน ที่อ๋องตวนพูด หมอในจวนมีแต่ผู้ชาย แผลของพระชายา ตวนจะให้พวกเขาดูก็ไม่เหมาะสม

“ทูลฮ่องเต้ ถ้าท่านเป็นอันใด มีแต่หม่อมฉันที่รักษาได้ แต่เพียงเพราะหม่อมฉันเป็นผู้หญิง ยอมตายดีกว่าที่จะให้ หม่อมฉันรักษาเช่นนั้นหรือ” อันหลิงหยุนพูดอย่างใจกล้า

ฮ่องเต้หัวเราะออกมาเสียงดัง “ข้าไม่เป็นเช่นนั้นอยู่ แล้ว แต่ผู้หญิงไม่เหมือนกัน ข้าเป็นผู้ชาย ไม่ได้กลัวเรื่อง แบบนั้น แต่พวกเจ้าเป็นผู้หญิง ยังกระไรก็ต้องรักนวล สงวนตัวหน่อย

“ถ้าเป็นเช่นนั้นหม่อมฉันไม่ขอยุ่งด้วยแล้ว เดิมทีหม่อมฉันก็ไม่ชอบหน้าพระชายาตวนอยู่แล้ว นางคิดว่าตัวเอง ฉลาดหลากแหลม รังแกหม่อมฉันไปทั่ว

เดิมทีนางชอบอ๋องเสียน หม่อมฉันก็ทน

หลังจากที่แต่งงานกับอ๋องตวนแล้วไม่รู้จักหน้าที่ของตัว

เอง ชอบเรียกเสด็จพี่วี่ๆอยู่นั่นแหละ หม่อมฉันก็ทน ตอนเข้าพระราชวังก็ยื่นขาออกมาเพื่อให้หม่อมฉันล้ม

หม่อมฉันก็ทน

ที่ตำหนักจรุงจิตท่ามกลางหิมะตกหนักจะทำให้หม่อม ฉันเสียโฉม เกือบทำให้หม่อมฉันเสียชีวิตที่ตำหนักอรุงจิต แล้ว หม่อมฉันก็ทน

กี่ครั้งต่อกี่ครั้งหม่อมฉันก็ทนมาตลอด แต่หม่อมฉันทน ไม่ได้กับการกระทำของนางที่ใช้อำนาจของตัวเองมา รังแกคนอื่น

เมื่อวันตอนที่อ๋องตวนกับพระชายาตวนไปหาหม่อมฉัน นั้น หม่อมฉันได้ตัดสินใจที่ช่วยเหลือพวกเขาแล้ว ปรากฏ ว่าพระชายาตวนมาวางอำนาจใส่แถมยังให้ท่าอ๋องเสียน ด้วย แถมยังพูดว่าถ้านางหายดีแล้วถึงจะรับพราะชายา รองหยุนกลับไปได้ เอาเรื่องนี้มาเป็นเครื่องมืออีก

ความเป็นจริงแล้วหม่อมฉันก็ทนจนไม่อยากทนแล้ว ก็ บอกนางไปว่าหม่อมฉันจะช่วยรักษา เพื่อไม่อยากให้นาง สร้างปัญหาขึ้นมาอีก แค่พูดว่าหม่อมฉันช่วยนางรักษา ก็พอแล้ว ใครจะไปรู้ นางไม่ยอมก็แล้วไป ยังจะเอาเรื่อง ของพระชายารองหยุนมาขู่หม่อมฉันอีก
สิ่งที่น่าโกรธที่สุดคือสมองของอ๋องเสียนเหมือนมี ปัญหา ให้หม่อมฉันช่วยพวกเขารักษา หม่อมฉันกลัวอ๋อง เสียน ก็พูดไปว่าให้พระชายาฉีดยา ก็จะดีขึ้นเอง

ไม่รู้ว่าพวกเขาไปทำอันใด ทำให้อ๋องเสียนโมโหโกร ธมาก หลังจากที่อ๋องเสียนกลับมาได้ต่อว่าสั่งสอนหม่อม ฉัน แถมไม่ให้หม่อมฉันเสวยข้าวด้วย

ทูลฮ่องเต้ เรื่องแบบนี้ถ้าเกิดกับใครจะมีใครทนได้

วันนี้ อ๋องตวนมาหาฮ่องเต้ จะให้ฮ่องเต้ออกพระ ราชโองการสั่งให้ไปรักษาไม่ใช่หรือ? คนผิดมาฟ้องก่อน ไม่ใช่หรือ? ”

ฮ่องเต้ชิงอยู่ตกใจ: “ทายถูกต้องจริงๆด้วย อ๋องตวน มาหาข้าเพื่อจะให้ข้ามีพระราชโองการออกคำสั่งให้ไป รักษาโรค ฟังจากที่หยุนหยุนพูด มันก็เหมือนคนผิดมา ฟ้องก่อนจริงๆ

“ฮ่องเต้ ตัดหัวหม่อมฉันเถิด หม่อมฉันไม่อยากไปดูกัน ของพราะชายาตวนจริงๆ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ เงียบไปทันที

อันหลิงหยุนเตรียมตัวทำท่าจะคุกเข่าลงไป ฮ่องเต้ชิงห ยู่รีบก้มลงจับมืออันหลิงหยุนไว้ แต่อันหลิงหยุนรีบดึงมือก ลับไป

ส่วนฮ่องเต้ชิงหยู่ก็เอามือไปกุมไว้ด้านหลังเหมือนเดิม
มองดูอันหลิงหยุนที่คุกเข่าอยู่ ฮ่องเต้ชิงหยู่พูดขึ้นว่า: ” ลุกขึ้น”

“ทูลฮ่องเต้ หม่อมฉันไม่อยากดูกัน”

“.….….…..ข้าไม่ได้จะให้เจ้าดู

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” อันหลิงหยุนลุกขึ้นมา เงยหน้า ขึ้นมองไปที่ฮ่องเต้ชิงหยู่

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปที่อื่น: “ยังกระไรข้าก็ต้องให้เกีย รติอ่องตวน พระชายาตวนเป็นน้องสะใภ้ข้า เจ้าจะให้ข้า ปล่อยให้น้องสะใภ้ตายอย่างงั้นหรือ?”

อันหลิงหยุนเงียบไม่พูดอันใด

“ข้าออกพระราชโองการสั่งให้เจ้ารักษาพระชายาตวน ส่วนจะรักษายังกระไร ก็เป็นเรื่องของเจ้า ขอแค่พระชา ยาตวนหายดี ก็ใช้ได้แล้ว

“หม่อมฉันน้อมรับบัญชา” เพิ่งสิ้นคำพูดของฮ่องเต้ชิงห ยู่ อันหลิงหยุนรับราชโองการทันที

ฮ่องเต้ชิงอยู่พูดอันใดไม่ออกสักพัก: “ข้านี่ทำอันใด เจ้าไม่ได้จริงๆ”

เดินอ้อมด้านหลังของอันหลิงหยุนไป ฮ่องเต้ชิงอยู่ เตรียมตัวจะเดินออกไป ส่วนอันหลิงหยุนก็เดินตามไป ด้านหลัง แต่เดินไปได้สักพักฮ่องเต้ชิงอยู่ก็หยุดแล้วหัน หลังมา ทำให้อันหลิงหยุนชนเข้าอย่างจัง
หน้ามืดขึ้นมาทันที ทำให้อันหลิงหยุนเข้าไปในอ้อม กอดของฮ่องเต้ชิงอยู่ ทำให้อันหลิงหยุนตกใจถอยห่าง แล้วรีบคุกเข่าลงไป”ทูลฮ่องเต้ หม่อมฉันซุ่มซ่ามไปเองเพ

“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ลุกขึ้นเถิด ดูเจ้าแล้วก็ไม่ใช่คน ชอบคุกเข่า อีกหน่อยเวลาที่ไม่มีคนอยู่ก็ไม่ต้องคุกเข่า หรอกนะ ลุกขึ้น” ฮ่องเต้ก้มลงพยุงอันหลิงหยุนให้ลุกขึ้น เมื่ออันหลิงหยุนลุกขึ้นแล้วรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย

ทำไมถึงชนเข้าได้ หันกลับมาทำไมหรือ?

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปที่อันหลิงหยุนที่ลมหายใจลอยๆ รู้สึกตลกแล้วยื่นมือออกไป

อันหลิงหยุนมองดูมือที่ยื่นมาอยู่ตรงหน้า เงยหน้าขึ้น : “ฮ่องเต้?

ช่วงนี้ใจข้ากระสับกระส่าย ลองช่วยข้าดูหน่อยสิ เป็น เพราะอายุเยอะแล้วหรือเปล่า แก่แล้ว!

อันหลิงหยุนจึงได้ยกมือขึ้นช่วยฮ่องเต้ชิงหยู่ดูอาการ อันหลิงหยุนเริ่มตรวจช่วยดูอาการ จากนั้นคลายมือออก แล้วตอบว่า: “ทูลฮ่องเต้ ฝ่าบาทใจกระสับกระส่ายจริง อีกทั้งตอนกลางคืนก็ยังชอบฝัน

“เจ้านิ่ไม่ธรรมดาจริงๆ เรื่องนี้ข้าไม่เคยเล่าให้ใครฟัง บรรดาหมอหลวงดูแล้ว ก็หาสาเหตุไม่เจอ”ฮ่องเต้ชิงหยู่ ไม่เชื่อใจหมอไม่ได้เรื่องพวกนั้นจริงๆ เรื่องที่ฮองเฮาท้อง เป็นเรื่องปลอมยังดูไม่ออกเลย แล้วจะช่วยดูอันใดได้อีก?

อันหลิงหยุนตั้งใจพูด: “ทูลฮ่องเต้ให้หม่อมฉันลองดู

ฮ่องเต้ชิงหยู่ส่งมืออีกข้างให้อันหลิงอยู่ตรวจ ครั้งนี้อัน หลิงหยุนตั้งใจตรวจเป็นพิเศษ แขนข้างหนึ่งจับแขนข้าง หนึ่งของฮ่องเต้ชิงหยู่ไว้ และอีกข้างหนึ่งก็จับข้อมือของ ฮ่องเต้ชิงอยู่ไว้ หันหน้าไปเพื่อเปิดเครื่องตรวจ ทำการ ตรวจร่างกายของฮ่องเต้ชิงอยู่

“ไม่ใช่แล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ