ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่24ความเมตตาของหวางฮองไทเฮา



บทที่24ความเมตตาของหวางฮองไทเฮา

หวางฮองไทเฮาสังเกตอันหลิงหยุนโดยละเอียดใน ขณะที่อันหลิงหยุนก็กำลังมองหวางฮองไทเฮาอยู่เช่น กันถึงแม้ในวังหลวงจะมีกฎห้ามิให้มองดูเชื้อพระวงศ์ได้ โดยตรงแต่นางก็ยังอดไม่อยู่

ในเวลานี้หวางฮองไทเฮาแต่งตัวอย่างประณีตงดงาม นางแต่งตัวในชุดไป๋เหนี่ยวเฉาเฟิงสีขาวนวลช่วยขับ เน้นความสูงส่งสง่างามของนางยิ่งขึ้นไป

“แต่งงานกันมาได้เป็นเวลาหนึ่งแล้วสินะ?”หวางฮอง ไทเฮาเอ่ยถามเรียบเบาอันหลิงหยุนฟังแล้วจับไม่ได้ถึง ความไม่พอใจของนาง

“ทูลเสด็จแม่ยังไม่ทันครบสองเดือนเต็มเพคะ”อันหลิง หยุนคำนวณนับว่าใกล้เคียง

“ความสัมพันธ์ยังไปได้ดีหรือไม่?”

“ไม่เลวเพคะ”

“เช่นนั้นหรือ?เหตุใดข้าถึงได้ยินมาว่าเจ้ากับอ๋องเสีย นไม่ค่อยลงรอยกันนักซ้ำยังก่อเรื่องวุ่นวายมาจนถึง ภายในวังเพื่อจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นท่านแม่ทัพอันยัง ทำให้อ๋องตวนได้รับบาดเจ็บ”แม้ว่าในยามปกติฮองไท เฮามักจะอาศัยที่ที่ตำหนักเฉาเฟิงไม่ไปไหนแต่สถานะฮ องไทเฮาของนางเรื่องราวในวังหลวงไม่มีทางหลุดรอด จากนางไปได้
หวางฮองไทเฮาเอ่ยเช่นนี้อันหลิงหยุนก็เข้าใจถึง เหตุผลทันที

พูดอย่างหมดเปลือกสถานที่ที่อำนาจของเจ้าชีวิตยิ่ง ใหญ่ที่สุดเช่นนี้วังหลวงก็ไม่ต่างกับน้ำแข็งเบาบางหาก ไม่มีเทคนิคชั้นเชิงจะอยู่มาจนถึงอายุปูนนี้ได้อย่างไร กันยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงตำแหน่งที่สูงส่งขนาดนี้แน่นอน

ในใจของอันหลิงหยุนรู้อย่างชัดเจนในวังอันล้ำลึก แห่งนี้บุตรชายของหญิงสาวผู้อื่นล้วนล้มหายตายจาก ไปแต่ฮองไทเฮาผู้นี้กลับมีบุตรถึงสองคนสองคนนี้ ยังมีชีวิตอยู่รอดมาได้รวมทั้งที่รอดชีวิตหนึ่งในนั้นกลับ กลายมาเป็นฮ่องเต้ผู้มีพระพลานามัยสมบูณณ์และ ฉลาดอย่างยิ่งอีกด้วยสิ่งนี้นั้นหมายความว่าอย่างไรกัน ล่ะ?

หากฮองไทเฮาผู้นี้ไม่มีชั้นเชิงมีหรือที่บุตรทั้งสองจะ รอดมาได้ถึงทุกวันนี้?

“เสด็จแม่เรื่องที่เกิดขึ้นมีสาเหตุหม่อมฉันเองก็จน ปัญญา”

อันหลิงหนุนก้มศีรษะลงท่าทางดูทุกข์ทนอย่างยิ่ง

ดวงตาของหวางฮองไทเฮาเปล่งประกายเข้มลึกวาบ ผ่านนางกวาดสายตาผ่านรูปลักษณ์จองอันหลิงหยุน ผ่านไปเนิ่นนาน”เจ้ามีเรื่องอะไรจนปัญญากันฝ่าบาท ไม่ใช่อภัยโทษให้บิดาของเจ้าแล้วรึ?”
ในใจของอันหลิงหยุนผ่อนคลายลงมาในเมื่อพูด ขนาดนี้แล้วย่อมหมายความว่าไม่ยุ่งเรื่องที่ฝ่าบาทเคย ยุ่งเกี่ยวอีก

“ที่หม่อมฉันพูดแบบนี้ก็เพราะหม่อมฉันเป็นกังวลว่า ท่านอ๋องตวนจะมาหาหม่อมฉันหม่อมฉันสู้เขาไม่ได้บิดา เองก็ไม่ได้อยู่ข้างกายไร้ผู้ค้ำจุนจึงไร้หนทางได้แต่ถูก รังแก

อันหลิงหยุนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ทําไม?พวกเจ้าทะเลาะกันหรือ?”น้ำเสียงของหวางฮ องไทเฮาอ่อนโยนขึ้นมาบ้างอย่างน้อยก็ไม่เคร่งขรึมดั่ง เช่นก่อนหน้า

อันหลิงหยุนกำลังคิดเห็นทีพระชายาอั้วผู้นี้คงมี สัญชาตญาณความเป็นมารดาไม่น้อยมิเช่นนั้นคงไม่ เก็บตวนอ๋องเอาไว้นางยังแสดงออกต่อหน้าฮ่องเต้ ชิงหยู่ได้อย่างก้าวร้าวนี่ย่อมแสดงให้เห็นว่าการมีอา จองพระชายาฮวาก็เป็นเสมือนเจ็มที่คอยทิ่มแทงหวางฮ องไทเฮาในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็โยนเรื่องทั้งหมดให้หวน อ๋องยังดีเสียกว่า

“ทูลเสด็จแม่หม่อมฉันก็ไม่เข้าใจเช่นกันในวันนั้น หม่อมฉันทำแค่เพียงเดินผ่านท่านอ๋องตวนเท่านั้นแต่ เนื่องจากหม่อมฉันไม่ระวังจึงสะดุดล้มลงพอลุกขึ้นมา ก็ดันไปเหยียบเท้าของพระชายาอ๋องตวนเข้าผลคือท่า นอ๋องตวนโกรธแค้นหม่อมฉันขึ้นมาและต้องการจะฆ่า หม่อมฉันหม่อมฉันจึงขอร้องอ้อนวอนชีวิตจนกระทั่งท่านพ่อมาถึงเรื่องราวถึงได้บานปลายขึ้นเมื่อหม่อมฉัน นึกถึงท่าทางของท่านอ๋องตวนในวันนั้นขึ้นมาหม่อมฉัน ก็รู้ได้ว่าท่านอ๋องตวนคงไม่มีทางปล่อยหม่อมฉันไปแน่

“ตัวเจ้าเป็นถึงสะใภ้ของตระกูลผู้ปกครองแผ่นดินเหตุ ใดจึงไม่รู้จักวางตัวสะดุดล้มก็แล้วไปเหตุใดจึงไปสะดุด ใส่พระชายาของตวนอ๋องเข้าได้?”

“หม่อมฉันอดทนไม่ไหว”อันหลิงหยุนแสร้งทำตัวน่า สงสารหวางฮองไทเฮาจับตาดูท่าทางของอันหลิงหยุน นัยน์ตาของนางมีประกายนิ่งลึกวาบผ่านไปจากนั้นจึง หันไปมองไห่กงกง

ไ กงกงรับใช้หวางฮองไทเฮามานานหลายปีย่อมต้อง รู้ดีว่านี่หมายถึงอะไรเขาเอ่ยขึ้น”ทูลไทเฮาท่านอ๋องตวน ไม่เป็นอะไรแล้วแต่พระชายาฮั้วรู้สึกเศร้าเสียใจอย่าง ยิ่งท่านแม่ทัพอันลงมือหนักไม่น้อยอย่างๆน้อยท่านอ๋อง ตวนจําเป็นต้องรักษาตัวหลายเดือนถึงจะหายดี

“ตวนอ๋องก็เช่นกันรู้ดีว่าท่านแม่ทัพอันเป็นคนโมโห ร้ายเหตุใดจึงต้องยิ่งไปยั่วยุเขาใต้เท้าทุบตีธิดาของเขา ก็มากพอแล้วซ้ำยังไปทุบตีตัวเขาอีกการเจ็บตัวในครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นการเอ่ยเตือนเสียมากกว่า

“พ่ะย่ะค่ะ”ไห่กงกงตอบรับและเหลือบมองอันหลิงหยุ นด้วยความระมัดระวังอันหลิงหยุนกำลังแสร้งก้มศีรษะ ต่ำลงอย่างคนไม่รู้เรื่องราว

นางเพิ่งจะบอกไปว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของนางบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะจุนฉูฉูเหยียบ เท้านางแต่เป็นตนเองที่เหยียบเท้านางด้วยความไม่ ระมัดระวังทุกคนล้วนปกป้องชื่อเสียงของตนแบบนี้จึง ถือว่าดีที่สุด

จะตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของคนด้านบนหลับหูหลับตาไม่ เอ่ยปากแบบนี้ย่อมมิใช่อยากให้อีกฝ่ายได้รับบทเรียน อย่างนั้นหรือ?

ซ้ำนางยังถูกตีไปแล้วแต่ตวนอ๋องก็ยังลงมือหนักเกิน ไปคิดอยากเอาชีวิตคนการที่แม่ทัพอันยื่นมือออกมา ทำร้ายคนเพื่อปกป้องบุตรของตนก็นับว่าสมเหตุสมผล

“แล้วเจ้าล่ะ?”หวางฮองไทเฮามองดูอันหลิงหยุน”เรื่อง นี้เจ้าเป็นผู้ก่อขึ้นการลงโทษย่อมมิอาจละเว้นไปได้

ได้ยินคนเบื้องล่างกล่าวว่าเจ้าตั้งแต่เด็กจนโตไม่ชม ชอบอ่านหนังสือและอ่านเขียนในเมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าจงไป คัดบทลงโทษตระกูลซะอีกทั้งจงฝึกฝนความจำของเจ้า ให้ดีหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎและสร้างความอับอายให้ แก่ข้า

ไปเถอะ

จำไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องทานข้าว”

หวางฮองไทเฮาลุกขึ้นและเดินจากไปทันที

อันหลิงหยุนก็ไม่ได้ขอบพระทัยอะไรและลุกขึ้นยืน
การคัดบันทึกคำสั่งสอนบรรพบุรุษสำหรับนางแล้วนับ ว่าง่ายดายอย่างยิ่งแต่นางก็มิอาจทำเสร็จในทันทีและ จากไปยังคงจำเป็นต้องรอสักสามวันถึงเหมาะสม

ไห่กงกงรีบเดินมายังหน้าอันหลิงหยุนจากนั้นจึงโค้ง ตัวลงและเอ่ย”แสดงความยินดีกับพระชายาเสียน”

อันหลิงหยุนมองไปด้วยความประหลาดใจจากนั้นจึง

แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ”ไห่กงกงนี่ท่านกำลังล้อเลียนข้า

หรือเปล่า?”

“ข้าน้อยอิบังอาจพระชายาเสียนฮองไทเฮาไม่ยุ่ง เรื่องวังหลังมานานหลายปีแล้วครั้งนี้ยอมออกหน้าเพื่อ พระองค์นั่นแปลว่าพระนางเมตตาพระองค์เป็นอย่าง ยิ่ง”

อันหลิงหยุนรีบคว้ามือไห่กงกงทันที”จริงหรือ?”

ไห่กงกงกำลังตกตะลึงจากนั้นจึงพยายามเก็บความ รู้สึกขึ้นมา”เฮ้อนี่มันไร้ประโยชน์หากท่านอ๋องเสียนรู้ คงจะดี”

อันหลิงหยุนกำลังยุ่งอยู่กับการเก็บมือของตนกลับมา และเอ่ยพูดว่า”กงกงขอบคุณท่าน”

“พระชายาเสียนอ๋องพูดเรื่องอะไรกันข้าน้อยเป็นคน ของไทเฮาก็จริงแต่ข้าน้อยนั้นมองดูเสียนอ๋องเติบใหญ่ มาโดยตลอด”
“ขอบคุณไห่กงกง”

“พระชายาเสียนเกรงใจแล้วข้าน้อยพาท่านไปที่พระ ตำหนักศาลบรรพชน”

ไห่กงกงนําทางไปและเหลือบเห็นใบหน้าอันขมขื่น ของอันหลิงหยุน

“เกิดอะไรขึ้นพระชายาอ๋องเสียน”ไ กงกงทนมอง ข้ามไม่ได้จึงเอ่ยปากถาม

“ตั้งแต่ข้ายังเล็กก็ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวในพวกบทกวี หนังสือการท่องจำบันทึกคำสั่งสอนบรรพบุรุษพวกนั้น หากให้ข้าไปท่องจำไม่สู้โบยข้าเสียยังดีกว่า”

“เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้พระชายาเสียนอย่าง ได้พูดจาไร้สาระเดิมการท่องจำบันทึกคำสั่งสอน บรรพบุรุษนั้นสำหรับครอบครัวของเจ้าแผ่นดินล้วนถือ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งอ๋องเสียนอายุเพียงแต่หกขวบ ก็ท่องจำบันทึกคำสั่งสอนบรรพบุรุษได้แล้วกล่าวได้ว่า สำหรับพระชายาของอ๋องเสียนแล้วนับเป็นความเมตตา จากสวรรค์!”

“ใช่!”

อันหลิงหยุนแกล้งทำตัวหมดหนทางจากนั้นจึงเดิม ตามไห่กงกงไปที่พระตำหนักศาลบรรพชน

เมื่อมาถึงพระตำหนักศาลบรรพชนอันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้นไปมองดูเมื่อเทียบกับสถานที่แห่งอื่นแล้วที่นี่ มองแล้วงดงามกว่าที่อื่นอย่างยิ่ง

หลังจากที่อันหลิงหยุนเดินเข้าประตูไปพอเงยหน้าขึ้น นางก็เห็นภาพเหมือนของเจ้าแผ่นดินที่ผ่านมา

หลังจากที่พวกเขาเสียชีวิตลงก็จะมีการบูชาขึ้นที่นี่ ด้านล่างเป็นป้ายบอกตำแหน่งของแต่ละคน

น้ำเสียงของไห่กงกงแสดงออกถึงความเคารพอย่าง ยิ่ง”พระชายาเสียนเชิญท่านถวายบังคลเหล่าฮ่องเต้ องค์ก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

อันหลิงหยุนได้แต่ต้องคุกเข่าลงเพื่อถวายบังคม

ไห่กงกงเดินไปยังด้านหนึ่งและนำกล่องหนังสือเก่าแก่ ประณีตหลายเล่มมาให้อันหลิงหยุน

“นี่คือบันทึกคำสั่งสอนบรรพบุรุษของวงศ์ตระกูลพระ ชายาเสียนจะต้องจำไว้ให้ดีไทเฮาจะต้องส่งคนมาตรวจ สอบท่านมีแต่ท่องจำให้ได้เท่านั้นถึงได้รับเสวยพระ กระยาหารและไปจากที่นี่”

ไห่กงกงหันหลังเดินออกไปเมื่อถึงที่ประตูก็เดินกลับ มาอีกครั้ง”ข้าน้อยจะให้คนคอยจับตาดูพระชายาเสียน ไม่ต้องเป็นกังวล”

“ขอบคุณไห่กงกงอย่างยิ่ง”
ในทางกลับกันเวลานี้อันหลังหยุนสงบเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับสถานที่อื่นๆในวังหลวงแล้วที่นี่คงเป็นที่ที่ ปลอดภัยที่สุดสามารถหลบหลีกจากเรื่องราวภายนอก ได้

เพียงแต่นางไม่รู้ว่าเกิดตอนนี้กงชิงวี่จะเป็นอย่างไร บ้างแล้ว!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ