ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 465 รัฐประหารภายในราชสำนัก



บทที่ 465 รัฐประหารภายในราชสำนัก

อันหลิงหยุนตามกงชิงวี่เข้าวังแล้วรู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ ปกติ หน้าประตูวังไม่เห็นท่านพ่อที่เป็นแม่ทัพ และก็ไม่ เห็นคนของตำหนักกั๋วกง กองทัพวี่หลินเปิดประตูรอพวก เขาเข้ามา

อันหลิงหยุนรู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง “ท่านอ๋อง….…..

ข้ารู้ ไปเถอะ”ตอนนี้กงชิงวี่ไม่อยากจะพูดอะไร ยื่นมือ ไปกุมมือของอันหลิงหยุนเดินเข้าไปข้างใน

ภายในวังเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนไม่มีเรื่องอะไร เกิดขึ้นมาก่อน ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือสาวใช้และขันทีเห็น กงชิงวี่แล้วก็ไม่ทำความเคารพเหมือนก่อนหน้านี้

สังเกตอย่างละเอียดก็พบว่า สาวใช้และขันทีเหล่า นี้ล้วนไม่ใช่คนเก่า ไม่คำนับก็ไม่แปลก ทั้งสองเดินมา ถึงนอกพระตำหนักจรุงจิต กงชิงวี่ก้าวเท้าเดินเข้าไป โดยตรง ถูกขันทีที่มาใหม่ขวางเอาไว้

“อ๋องเสียน ข้าน้อยยังไม่ได้รายงาน

“ไม่ต้องแล้ว”กงชิงวี่พาอันหลิงหยุนขึ้นบันไดไป ถึงหน้า ประตูตำหนักจรุงจิต ผลักบานประตูทั้งสองของตำหนัก จรุงจิตออก

เกิดเสียงดังขึ้น เป็นเสียงของบานประตูทั้งสองที่สั่นไหว รุนแรง กระทบกับแผ่นไม้ด้านข้าง เกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด อันหลิงหยุนมองหน้าของกงชิงวี่ แม้ใบหน้าเขาจะเย็นชาแต่ก็รู้ว่านอกจากเขาจะรู้สึกโมโหเรื่องรัฐประหารในราช สำนักแล้ว ยังรำคาญในความประมาทของตัวเองด้วย

หากไม่ใช่เพราะเขาควบคุมการประหารได้หละหลวม แล้วละก็ การรัฐประหารในราชสำนักก็คงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ

อันหลิงหยุนหันหน้ามองไปบนตำหนักใหญ่ ตรงกลาง ของตำหนักจรุงจิตมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ แสงส่องเข้ามาจาก ด้านนอกตำหนักจรุงจิต ส่องกระทบกับบัลลังค์มังกรที่อยู่ ตรงข้ามกันพอดี จึงทำให้เห็นคนคนนั้นได้ชัดเจน

หน้ากากสีแดงเลือดดูดุร้ายน่ากลัว อันหลิงหยุนเห็น แล้วก็นึกออกทันทีว่าเป็นหัวหน้าของราชนิกุลที่เคยเจอ ในป่า

ขณะที่คนสวมหน้ากากในมือกำลังเล่นลูกแก้วสองลูก ก้มหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่

อันหลิงหยุนขมวดคิ้ว “นั่นมันลูกแก้วของเสด็จแม่ ข้า เคยเห็นที่ข้างหมอนเสด็จแม่”

กงชิงวี่ก้าวเท้าเข้าไป ยังไม่ทันได้ก้าวครั้งที่สองก็มี เสียงปังปังดังขึ้น ด้านหน้าเขามีลูกศรกว่าสิบอันปักอยู่ ตรงใต้เท้าของเขา

อันหลิงหยุนมองไป ไม่ได้ถูกทำให้ตกใจแต่กลับรู้สึกทึ่ง มากกว่า บนพื้นเป็นก้อนอิฐ ลูกศรกลับสามารถแทงทะลุ เข้าไปได้ เห็นได้ว่าผู้ยิงนั้นต้องมีแรงมหาศาล

อันหลิงหยุนก้มตัวลงดึงเอาลูกศรอันหนึ่งขึ้นมาพิจารณาโดยละเอียด

“พระชายาเสียนไม่พบกันนาน ยังคงน่ารักเหมือนเดิม ลูกศรพวกนี้ข้าได้สั่งให้คนทำขึ้นจากทองคำที่หวูโยกั่ว แหลมคมหาใดเทียบ ยิงทะลุกายคนโดยไม่ต้องออกแรง มาก พระชายาเสียนชอบหรือไม่”

อ๋องชินจงหัวเราะ เสียงเขาไม่ได้เปลี่ยนไป อันหลิงหยุน ได้ยินชัดเจน แม้จะไม่ถอดหน้ากากออก อันหลิงหยุนก็รู้ ว่าคนคนนี้ก็คืออ๋องชินจงกงชิงเซวียนเหอ

“ไม่จำเป็น ความหวังดีของอ๋องชินจงข้ารับรู้ได้ด้วยใจ ไม่จําเป็นต้องมอบให้ข้า ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันท่านอ๋องก็ได้ มอบบางสิ่งให้ข้าแล้ว วันนี้ข้านำมาเทียบกับของอ๋องชิน จงด้วย เพื่อให้อ๋องชินจงได้เป็ดหูเปิดตา

อันหลิงหยุนพูดแล้วก็หยิบเอาปืนออกมา เรื่องเดียวที่ นางรู้สึกโชคดีในตอนนี้คือนางได้เอากระสุนมาจากซูมู่ห รง ไม่เช่นนั้นคงลำบากแน่

อ๋องชินจงมองอันหลิงหยุนอย่างประหลาดใจ “สีดำมะ เมื่อมแบบนั้นข้าก็คิดว่าอะไร ที่แท้ก็ของเล่นเด็ก”

อันหลิงหยุนมองหน้ากงชิงวี่ “ท่านอ๋องจะเล่นอีกสัก หน่อย หรือจะจัดการเดี๋ยวนี้เลย”

“ข้ายังเล่นไม่พอ”

กงชิงวี่เอามือไขว้หลัง มองไปที่กงชิงเซวียนเหอด้วย สายตาเย็นชา “ถอดหน้ากากของเจ้าออกมา หลบๆซ่อนๆนับว่ามีความสามารถอะไร

กงชิงเซวียนเหอถอดหน้ากากออกพร้อมโยนไปที่พื้น เผยโฉมหน้าของเขา อันหลิงหยุนไม่รู้สึกแปลกใจ เป็น อ๋องชินจงจริงๆด้วย

อ๋องชินจงลุกขึ้นยืน พลางเล่นลูกแก้วพลางเดินลง บันได

“ข้าไม่ได้พิศวาสในตำแหน่งฮ่องเต้ของประเทศต้าเห ลียงนักหรอก แต่ข้าไม่พอใจ ที่สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเสด็จปู่ลำเอียง มอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้กับเสด็จลุง สาม

เสด็จลุงสามความสามารถมีจำกัด ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี ที่เสด็จพ่อทำการบีบบังคับราชสำนัก ก็เพียงเพื่อจะให้

ประเทศต้าเหลียงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เสด็จปู่ลำเอียงทั้งใจ

ที่สุดก็จับตัวเสด็จพ่อ

หลังจากความวุ่นวายของอ๋องแปด ราชนิกุลของข้า ไม่สามารถก้าวเข้ามาในวังไม่สามารถก้าวเข้าไปในราช สำนัก สำหรับราชนิกุลแล้วเป็นการเหยียดหยามยิ่งนัก

สิบกว่าปีมานี้ เสด็จพ่อได้เตรียมการเพื่อทวงคืน ตำแหน่ง แต่ไม่เคยคิดจะโค่นล้มฮ่องเต้ เป็นเสด็จแม่ของ เจ้าที่เร่งให้เกิดเรื่องครั้งนี้

ไทเฮาเรียกคนของราชนิกุลเข้ามาในวังทั้งหมด วางแผนฆ่าคน เป็นผู้ร้ายที่แท้จริงในเรื่องนี้ และเรื่องทั้งหมดล้วนเกิดจากฝีมือของเสด็จแม่ของเจ้า ”

กงชิงเซวียนเหอเดินไปตรงหน้ากงชิงวี่ แววตาเย็นชา เป็นคนละคนกับตอนปกติ

อันหลิงหยุนเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า แววตาของกงชิงเซวี ยนเหอนั้นดุร้ายขึ้นมาก เหมือนกันกับกงชิงวี่อยู่หลาย ส่วน แต่นางก็พูดไม่ออกว่ามีส่วนไหนที่ไม่เหมือน

“เสด็จปู่จิตใจเมตตาปล่อยอ๋องแปดไป เพราะอ๋องแปด เป็นลูกในไส้ เสือดุร้ายแค่ไหนก็ไม่กินลูกตัวเอง เขายิ่ง ทนไม่ได้ที่จะลงโทษอ๋องแปด และตอนนั้นอ๋องแปดเองก็ เคยสาบานว่า ชาตินี้จะไม่ขัดคำสั่งอีก และไม่ทำการบีบ ราชสำนัก จึงเป็นที่มาที่บอกว่าอ๋องแปดไม่สามารถยุ่ง เรื่องการเมืองได้

นี่เป็นสาเหตุหนึ่ง ส่วนสาเหตุที่สอง …..หลังจากเสด็จปู่ สวรรคต อ๋องแปดเริ่มก่อกวนราชสำนัก พี่ชายพี่สาวของ ข้าต้องตายก่อนวัยไปตั้งเท่าไหร่

เสด็จพ่อจิตใจเมตตา ทนไม่ได้ที่จะฆ่าอ๋องแปด แล้ว อ๋องแปดเล่าเคยนึกถึงบุญคุณหรือไม่

ครั้งสุดท้ายที่ทำการขัดคำสั่งบีบราชสำนัก เสด็จพ่อ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ฮั่วไท่เฟยต้องเสียลูกไปตั้งแต่อยู่ใน ท้อง เสด็จแม่เกือบจะเป็นอันตราย ราชสกุลข้าเหลือคน แค่สามคน

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เสด็จพ่อก็ไม่อาจสังหารอ๋องแปด ให้สิ้นซากได้ เสด็จพ่อคิดถึงความสัมพันธ์พี่น้อง แต่อ๋องแปดเล่าเคยคิดบ้างหรือไม่

เสด็จพ่อจะไม่ไยดีอ่องแปดก็ได้ ใบชาที่ได้รับ บรรณาการจากภายนอกทุกปี เสด็จพ่อก็ไม่เคยเก็บไว้ เอง สั่งคนให้เอาไปมอบให้ทุกครั้ง

ใจคนไม่เที่ยงเหมือนแต่ก่อน เพราะอ๋องแปดมีจิตใจเลว ทราม ยังคิดว่าเสด็จพ่อใจดำ

ลูกของเสด็จพ่อมีมากมาย มีกี่คนกันที่สามารถมีชีวิต อยู่จนถึงเวลาแต่งงาน”

กงชิงเซวียนเหอหัวเราะฮึฮึ “ใบชาแล้วทำไมทำไมข้าไม่ เห็น”

“หึ ทำไมเจ้าต้องได้เห็น เสด็จพ่อคิดว่า การแบ่งปันกับ พี่น้องตั้งแต่เด็ก มีอะไรที่เสด็จปู่เก็บไว้เพียงพอแล้ว ที่ เหลือก็ให้พวกเขาพี่น้องได้แบ่งกัน แม้แต่ท่านป้าท่านน้า ยังมีส่วนแบ่ง

เสพสุขคนเดียวมีที่ไหน เมื่อเป็นฮ่องเต้แล้วเสด็จพ่อ ก็ประทับอยู่แต่ในวัง เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มากมาย ของที่ได้รับบรรณาการล้วนแบ่งให้กับพวกอ๋อง แปดท่านป้าท่านน้า

เพียงแต่ตอนหลังมาที่ลูกๆของเสด็จพ่อเจอเรื่องเลวร้าย ติดต่อกัน เสด็จพ่อจึงไม่ได้แบ่งให้อีก

บางทีเสด็จพ่ออาจรู้สึกว่า มีบางคน แม้จะดีต่อพวกเขา เท่าไหร่ สุดท้ายก็สูญเปล่า
เสด็จแม่รู้สึกไม่ถูกต้อง เรียกราชนิกุลเข้าวังเพื่อกดดัน แต่หากไม่ใช่เพราะเจ้าไปสังหารอ่องตวน แล้วจะเกิดเรื่อง เช่นนั้นขึ้นได้อย่างไร เจ้าคิดว่าเสด็จแม่ไม่รู้อะไรอย่าง นั้นหรือ “กงชิงวี่เอ่ยขึ้นอย่างดูถูก แววตาเย็นเหยียบ ไม่ อยากมองกงชิงเซวียนเหอ

อันหลิงหยุนกังวลว่าใกล้เกินไปจะลงมือลำบาก ยังจะ พูดจาเผด็จการอีก ถูกผู้อื่นข่มขู่เข้าให้แล้ว ตอนนี้ทั้งแม่ ทั้งพี่ชายล้วนตกอยู่ในมือผู้อื่น

“ชวนเอ๋อตามติดข้าตั้งแต่เล็ก ข้ากับชวนเอ๋อเหมาะสม กันราวกิ่งทองใบหยก เพื่อรอชวนเอ๋อเดิมทีที่กำหนดไว้ว่า จะออกไปท่องเที่ยวตั้งแต่อายุสิบสาม แต่เพื่อนางแล้วข้า ยอมอยู่ต่อ

ข้าฝึกวิทยายุทธอย่างหนัก อ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ ก็เพื่อที่จะมีสักวันที่จะพาชวนเอ๋อไปด้วย แต่คิดไม่ถึงว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้

ที่ข้าออกไปไม่กี่ปีนี้ ผ่านคืนวันส่วนใหญ่ด้วยการคิดถึง ชวนเอ๋อ

ชีวิตข้างนอกไม่ได้ดีอย่างที่คิด แต่ทุกครั้งที่นึกถึงเสียง หัวเราะของนาง ข้าอดทนได้ทุกอย่าง

ข้าเข้าใจดี ภายหน้าชวนเอ๋อหากไม่ใช่เข้าวัง ก็คงต้อง เข้าจวนอ๋องเสียนหรือไม่ก็จวนอ๋องตวน แต่ไหนแต่ไรก็ เป็นเช่นนี้เสมอมา

บรรพบุรุษก็เป็นเช่นนี้ บุตรสาวของขุนนางสำคัญแน่นอนว่าต้องเข้าวังรับใช้ฮ่องเต้ แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ไม่ชอบหญิงงาม รักใคร่เพียงฮองเฮาองค์เดียวเท่านั้น

แต่มีเจ้ากับอ๋องตวนอยู่ มีหรือจะถึงมือข้า”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ