ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 431 ตำหนิจุนโม่ซ่างอย่างรุนแรง



บทที่ 431 ตำหนิจุนโม่ซ่างอย่างรุนแรง

“เรื่องที่เมืองถ่าถ่างกำลังประสบพบเจอ เป็นบทเรียน หนึ่งให้กับพวกเจ้า และเป็นการตาต่อตาฟันต่อฟัน กำลัง พลทั้งสองฝ่ายสู้รบกัน ไม่ฆ่าฟันทูตผู้ส่งสาร ข้าคิดว่า พวกเจ้าคงเข้าใจกติกานี้ดี ยิ่งข้าที่เป็นถึงพระชายาเสียน แห่งประเทศต้าเหลียงด้วยแล้ว

หนึ่งพวกเจ้าไม่ควรจับข้า สองพวกเจ้าไม่ควรทำให้ข้า อัปยศ สามไม่ควรต้อนรับอย่างไม่เหมาะสม

แม้ข้าจะเป็นพระชายาของประเทศศัตรู แต่มาถึงหวู โยกั่ว ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร ประเทศต้าเหลียงไม่ได้เป็น ประเทศที่สูญสิ้นไปแล้ว อยู่ใน หวูโยกั่ว ยังถือได้ว่าเป็น แขก

ที่ข้ามากับพวกเจ้าได้ เพราะด้วยความจริงใจทั้งสิ้น แต่ พวกเจ้ากลับสวมแต่หน้ากากทำทีมีมิตรสัมพันธ์ที่ดี ทำให้ ประเทศต้าเหลียงอับอาย เรื่องนี้หากไม่มีคำอธิบายที่ ชัดเจนละก็ อย่าว่าแต่เมืองถ่าถ่างเลย กองทัพต้าเหลียง สามารถกวาดหวูโยกั๋วให้ราบเป็นหน้ากลองในชั่วพริบตา เท่านั้น ”

จุนโม่ซ่างสีหน้าขาวซีด มองหญิงสาวอัปลักษณ์ตรง หน้าอย่างสงสัย ในใจรู้สึกสั่นสะท้าน ถังหลงก็สูดอากาศ เย็นเข้าปอดหนึ่งเฮือก เข้าใจขึ้นมาทันที ทำไมกงชิงยี่ถึง ได้ชอบผู้หญิงตรงหน้านี้หนักหนา

หากจะบอกว่าอันจือซานเป็นจอมพลอันดับหนึ่งขอ งอันกั่ว เช่นนั้นผู้หญิงตรงหน้าก็คงเป็นพระชายาอันดับหนึ่งของประเทศต้าเหลียงที่ยากจะต่อกรด้วย

ที่น่ากลัวที่สุดคือ พระชายาประเภทนี้ ประเทศต้าเหลี ยงจะมีสักกี่คน หวูโยทั่วกังวลเรื่องนี้มาก

กงชิง ค่อยๆจับมือของอันหลิงหยุนไว้ มือที่อวบอ้วนนั้น เหมือนมือที่แสนจะเรียวงามทำให้เขารักจนวางมันไม่ลง ใบหน้าหล่อเหลาท่าทางได้ใจอย่างยิ่ง

ความรักที่อยู่ในใจไม่พูดก็สามารถเข้าใจได้

สายตาเย็นชาของอันหลิงหยุนมองไปยังใบหน้าของจุน โม่ซ่าง “องค์ชายของหวูโยกั๋วของท่านและประเทศต้าเห ลียงของข้าเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ขนาดของประเทศก็ ไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่ภูมิศาสตร์ของทั้งสองประเทศ กลับแตกต่างกันอย่างยิ่ง

ประเทศข้าตั้งอยู่บนที่ราบ ผู้คนและวัฒนธรรมตั้งอยู่บน พื้นฐานของมารยาท แต่ประเทศเราแข็งแกร่ง ใช้ความรู้ ในการบริหารประเทศ ใช้กำลังพลในการดูแลความสงบ มั่นคง

ประเทศข้าเจริญ เส้นทางการค้า ทอดยาวจากตะวัน ออกไปตะวันตก ขั้นตอนการเปิดการค้าเสรีไปไกลกว่า พวกเจ้า

ประเทศของข้ายังมี ผ้าไหม พิธีชงชา การขนส่งเกลือ ฮ่องเต้ของประเทศข้าปฏิบัติตามหลักความกตัญญู เรียน รู้หลักธรรม เช่นนี้เป็นต้น ซึ่งประเทศเจ้าล้วนไม่มี
ความมั่งคั่งของประเทศเจ้าก็ไม่เท่าพวกเรา

หากรบกันจริง พวกเจ้ามีอะไร

ชายแดนรอบประเทศข้า เพื่อนบ้านมากมี เหมือน ประเทศเช่นเจ้านี้ก็มาก หากเจ้าเคยเห็นอาณาเขตประเท ศต้าเหลียงแล้วละก็ จะพบว่า ประเทศข้ามีทหารนับล้าน สู้รบ…..เคยเกรงกลัวที่ไหนกัน

แต่บัดนี้เจ้ากลับสร้างเรื่องให้เกิดความขัดแย้ง พวกเรา เคยเคลื่อนย้ายกำลังพลในแถบชายแดนหรือ

ก็ไม่

กำลังพลกว่าแสนนายของกองพลตระกูลอันที่ดูแล ชายแดน มีปัญหาแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น

นี่เป็นเพียงส่วนน้อยของกำลังพลตระกูลอันเท่านั้น กอง

หนุนกำลังเดินทางมา

กำลังพลชายแดนของประเทศต้าเหลียงมีเป็นล้าน นี่ เป็นเพียงการคำนวณขั้นแรกเท่านั้น แม่ทัพอันก็มีเป็น หลายแสนแล้ว ตัวเลขนี่ยิ่งทำให้ตกใจ

ประเทศของข้าไม่เคยบุกรุกประเทศอื่น นี่เป็นหลักใน การบริหารประเทศของฮ่องเต้

พระองค์จิตใจเมตตา แต่ไม่ใช่พระองค์ที่สังหารหมู่ เช่นคำที่ว่าคนอื่นไม่รุกรานเรา เราก็ไม่รุกรานเขา หากมีคนรุกรานเราย่อมถอนรากถอนโคนแน่นอน

เมืองหลวงของประเทศต้าเหลียง บ่นมีเงินเฉิงเลี้ยงและ ราชครูจุน บู๊มีอันกั๋วกง และพ่อข้า ที่เหลือก็เป็นพวกอ๋อง จุ้น จวิ้นจี่ บุ๋นสามารถควบคุมใต้หล้า บู๊สามารถทำให้ใต้ หล้าสงบ

เจ้าลองไปถามดู คนไหนบ้างที่ไม่มีความสามารถใน การออกรบ ข้าขอถาม หวูโยกั๋วของท่านมีถังหลงกี่คน มี ซ่างเต๋อกี่คน มีหวูโยไท่จื่อกี่คนกัน ”

จุนโม่ช่างถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดวงตาเหม่อลอย เหมือน ตายไปแล้วไม่ผิด

อันหลิงหยุนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “เจ้าเชื่อคำใส่ร้าย ป้ายสี ยั่วยุให้เกิดสงครามชายแดน บุกรุกชายแดนประ เทศต้าเหลียง ลักพาตัวพระชายา เรื่องนี้หากไม่แก้ไข ให้ถูกต้องเหมาะสม ประเทศต้าเหลียงจำต้องใช้กำลัง กวาดล้าง ให้ประเทศนี้สิ้นซาก”

มือของกงชิงวี่ชะงักไปชั่วครู่ มองไปยังใบหน้าจริงจัง เคร่งขรึมของอันหลิงหยุน ดวงตาของเขาลึกลง มือก็กำ แน่น

จุนโม่ซ่างไม่เปิดปากพูดอะไรอยู่เป็นนาน สีหน้ายิ่งดู ซีดเผือด

น้ำเสียงของอันหลิงหยุนอบอุ่น“กำหนดเวลาสามวัน ตอนนี้ก็หมดไปเกือบจะสองวันแล้ว พวกเจ้าเหลือเวลาอีก แค่หนึ่งวัน หากไม่เปิดประตูเมืองยอมสวามิภักดิ์ต่อเราเมืองถ่าถ่างก็จะต้องตกอยู่ในความทุกข์ยากสามปี”

“อ๋องเสียน ทำเช่นนี้…………..ถังหลงรู้สึกกังวล

จุนโม่ซ่างเอ่ยอย่างโกรธเคือง “ไม่สวามิภักดิ์เด็ดขาด”

กงชิงวี่ยิ้ม”ไม่สวามิภักดิ์ก็รอความตายเถอะ ฮ่องเต้ของ หวูโยกั๋วมีลูกชายสี่คน เจ้าไม่ได้เป็นลูกที่กำเนิดโดยไท เฮา เจ้ายังมีพี่ชายและน้องชาย หากเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้า พวกเขาต้องดีใจมากแน่ๆ”

“ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ “จุนโม่ซ่างหัวเราะหึหึ เดินไปนั่งลงอีก ฝั่ง“เมืองถ่าถ่างมีประชากรนับแสน กำลังพลอีกกว่าสอง แสนนาย แม้เจ้าจะฆ่ายังไง ก็คงต้องใช้เวลาที่นานพอควร ดูว่าเจ้าจะฆ่าได้ถึงเมื่อไหร่ ”

ชีวิตนี้ คำพูดที่อันหลิงหยุนฟังแล้วรู้สึกไม่มีความกล้า หาญเอาซะเลยก็คงเป็นคำพูดนี้

อันหลิงหยุนมองจุนโม่ซ่าง “หนูโยกั่วมีองค์ชายเช่นท่าน ไฉนเลยต้องกังวลเรื่องพ่ายแพ้ ท่านปล่อยให้พวกเรา ค่อยๆฆ่าประชาชนและทหารของท่าน หากพวกเขามา ได้ยินเข้าไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือไม่”

อันหลิงหยุนไม่คิดที่อยากจะเห็นหน้าคนอย่างจุนโม่ซ่าง อีกแล้ว ดึงมือของกงชิงวี่ไว้ “พวกเราไปเถอะ ข้าไม่อยาก เห็นหน้าคนเช่นเขา เพื่อตัวเองแล้วยอมทำร้ายคนนับแสน

ข้าให้ทหารล้อมเมืองไว้หมดแล้ว เขายังกล้าพูดเช่นนี้ อีก ท่านอ๋อง ข้าหวังว่าภายหน้าเขาจะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ของหวูโยกั่ว เช่นนั้นพวกเราก็จะสามารถยึดครองหวูโยกั วได้เสมอ”

จุนโม่ซ่างรู้สึกเหมือนถูกคนเอามีดแทงที่หัวใจของเขา ไม่มีการตอบสนองเป็นเวลานาน สายตาไม่อาจละไปจาก ร่างของอันหลิงหยุนได้เลย

กงชิงวี่มองจุนโม่ซ่างและกล่าวขึ้นว่า “อีกหนึ่งวันหาก เจ้ายังไม่ยอมสวามิภักดิ์ ส่งหนังสือขอโทษต่อประเทศข้า ข้าจะนำกองกำลังมาทำลายเมืองถ่าถ่างให้ราบคาบ”

กงซิงวี่หมุนตัวประคองอันหลิงหยุนออกจากห้องของ จุนโม่ซ่าง ถังหลงรีบเดินไปตรงหน้าจุนโม่ซ่าง “องค์ชาย เรื่องนี้ยังไงก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบ

“หุบปาก ขอข้าคิดดูก่อน”

จุนโม่ซ่างก็ถือไว้ว่าเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง เขาลูบศีรษะ “เจ้าออกไปก่อน ข้าจะลองคิดดู”

ถังหลงจึงถอยออกไป จุนโม่ซ่างยืนขึ้นอดทนต่อความ ชาเดินไปที่หน้าต่าง มองไปยังด้านล่างหอ

กงชิงวี่ประคองอันหลิงหยุนออกจากประตูไปแล้ว

เห็นทั้งสองเดินอยู่บนถนนของเมืองถ่าถ่าง สีหน้าจุนโม่ ซ่างก็เคร่งขรึมลง

หากไม่ฆ่าคนๆนี้ ภายหน้าย่อมมีภัยไม่จบสิ้น
อันหลิงหยุนตามกงชิงวี่กลับมาถึงที่พัก พอพ้นประตูก็ รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง จึงไปพักผ่อน และไม่ออกไปไหน ทั้ง ยังไม่อยากชมเมืองถ่าถ่างด้วย

กงชิงวถาม “ไม่ออกไปเดินเล่นหรือ”

“ไม่อยากไป คนที่นี่เกลียดพวกเรา”อันหลิงหยุนคิดได้ ไม่ยาก คนในเมืองถ่าถ่างนั้นเกลียดนางขนาดไหน

ไม่มีนาง เมืองถ่าถ่างก็ไม่มีเรื่อง เมื่อนางมา ที่นี่ก็ตกอยู่ ในสถานการณ์ลำบาก

กงชิงวี่นั่งลง ดื่มชา

อันหลิงหยุนนอนหลับไปสักพัก จนถึงตอนค่ำ จุนโม่ซ่าง ก็ไม่ได้มาหาพวกเขา อันหลิงหยุนดูเวลา ลุกขึ้นพูดว่า “ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าอย่างไร อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะถึงเวลา นัดหมายแล้ว ตามที่ท่านได้พูดไว้ จะส่งกองกำลังเข้า เมืองถ่าถ่าง”

“แต่ไหนแต่ไรข้าพูดแล้วไม่คืนคำ ถ้าหากเขาไม่ยอม สวามิภักดิ์ เช่นนั้นก็คงต้องทำอย่างที่พูด”

“แต่ประชาชนมากมายขนาดนี้ ….”อันหลิงหยุนเป็น หมอ คิดถึงคนเหล่านั้นที่จะถูกฆ่าก็รู้สึกสงสาร

เดิมทีนางก็ไม่ได้อยากทำร้ายคน แต่เพราะนางถูกจับ ตัวมา จุนโม่ซ่างบอกว่าจะฉีกเสื้อผ้านางออกหมด ด้วย อารมณ์ชั่ววูบจึงลงมือไป
“หลิงหยุน นี่เป็นสงครามระหว่างสองประเทศ ข้าไม่ สามารถล้อเล่นได้ ข้าต้องคิดถึงประเทศต้าเหลียง ไม่มี ทางเลือก ”

“เช่นนั้นข้าก็ขอกลับไปก่อน เห็นคนตายข้าไม่ สบายใจ”อันหลิงหยุนไม่อยากเห็นเลือดไหลนองเป็น แม่น้ำ

“รอราชาอีกามาแล้ว ให้เขาพาเจ้ากลับไป

“ราชาอีกาทำไมไม่มา”อันหลิงหยุนถามกลับอย่าง แปลกใจนางหายไป ราชาอีกาน่าจะมาแล้ว

“อันนี้ก็ต้องถามราชาอีกาแล้ว เขาไปยังที่แห่งหนึ่งของ เมืองถ่าถ่างไกลห้าสิบลี้ ข้าได้ยินคนรายงานมา”

“ที่นั่นมีอะไรกัน ข้าก็อยากไป”อันหลิงหยุนหลุดปากพูด ออกไป กงชิงวี่ดูเวลา รู้สึกว่าน่าจะพอดี จึงพาอันหลิงหยุ นไปยังที่ๆห่างจากเมืองถ่าถ่างห้าสิบลี้

ทั้งสองนั่งรถม้า เพียงหนึ่งชั่วยามก็ถึงยังจุดที่ราชาอีกาอยู่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ