ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 216 องค์หญิงใหญ่จับคน



บทที่ 216 องค์หญิงใหญ่จับคน

อันหลิงหยุนเล่นมือของกงชิงวี่ “ก็มิถูกสักทีเดียว แต่ ว่าโชคชะตานั้นช่างวิเศษ ท่านอ๋อง……..ข้าอยู่ที่นี่ ได้เกิด เรื่องมากมายขึ้น ถ้าเกิดอยู่ในที่ของพวกเรา ต่อให้ฝัน ข้าก็คงมิเชื่อ แต่เพราะมาที่นี่ ข้าเริ่มยอมรับเรื่องพวกนี้ อย่างช้าๆ

ท่านอ๋องถามข้าว่า จะเลือกท่านอ๋องรึเปล่า คำตอบคือ มิ แต่ในเมื่อท่านอ๋องกับข้าได้กลายเป็นสามีภรรยาแล้ว แถมข้ายังชอบท่านอ๋อง อย่างนั้นข้าก็ยินดีที่จะอยู่ท่าน อ๋องไปตลอด และมิยอมเปลี่ยนใจเด็ดขาด

ท่านอ๋องเมื่อเทียบกันแล้ว ในสายตาของข้า ท่านอ๋อง เป็นคนที่มิมีอันใดมาแทนที่ได้

แต่มิมีอันใดแทนได้ก็มิได้หมายความว่าต้องได้มาไว้ ในกำมือ

ข้ามิใช่ผู้หญิงแบบจุนฉูฉู อันใดที่ดี ก็จะหาทางเอามา ให้ได้ทุกวิถีทาง ถ้าเกิดมิได้ก็ทำลายสัก
ข้าจะเอาเพียงแค่ขอที่ข้าชอบ รักในสิ่งที่ข้าอยากจะ โก สิ่งที่มีเกี่ยวข้องกับข้า ข้าขี้เกียจไปยุ่งด้วย”

“ข้าตกใจหมด ช่างไร้หัวใจ! “กงชิงกัดฟันแล้วมอง ไปยังอันหลิงหยุน โอ้อวดจนมีน่าดีใจ หันตัวมองไปยัง ด้านนอก

อันหลิงหยุนรู้สึกแปลกใจ “เจ้าคิดจะทำอันใดน่ะ?”

“ทั้งๆที่บอกว่ามิชอบช้า แต่ก็แต่งกับข้าเพราะมิมีทาง เลือกอีก ข้าจะมิกลัวได้ยังอันใด?”กงชิงวี่หันตัวลุกขึ้น มานั่งอยู่บนเตียง มองอันหลิงหยุนด้วยสายตาที่โมโห

อันหลังหยุนยิ้มอย่างมีความสุข “เจ้านี่เหมือนกับเด็ก เลยนะ”

“เจ้าต่างหากที่เป็นเด็ก อย่ามาหลอกข้าซะให้ยาก ข้าขอบอกเจ้าไว้นะ มิว่าจะเกิดอันใดขึ้น ตอนมีชีวิตเจ้าเป็น คนของข้า ตอนเป็นผีก็เป็นคนของข้า มิว่าจะเมื่อไหร่ ก็ มิอนุญาตให้ออกห่างจากตัวข้า”

“เรื่องความเป็นความตายมิมีใครสามารถควบคุมได้ ท่านอ๋องเป็นห่วงตัวเองก่อนดีกว่า”

อันหลิงหยุนเตรียมตัวลุกขึ้น กงชิงวี่ดึงนางกลับมา “ชาตินี้ข้าจะมิมีวันมีพระชายารอง ดีไหม?”

อันหลิงหยุนหันกลับมามองเขา “ถ้าเกิดเจ้ากลับแต่ง ข้าก็จะมิเจอกับเจ้าอีก”

กงชิงวี่รู้สึกหดหู่ “ตอนนี้ข้าเชื่อฟังเป็นอย่างดีแล้ว”
มือทั้งสองข้างของอันหลิงหยุนจับใบหน้าของกงชิง วี่ไว้ “ท่านอ๋อง ข้ารู้ดีว่าท่านพยายามเป็นอย่างมาก ข้า เองก็พยายามมากเช่นกัน”

“แต่ข้ามิวางใจแม้แต่น้อย”กงชิงมองอันหลิงหยุน ด้วยสายตาที่เย็นชา ภายในดวงตาของเขา อันหลิงหยุ นก็เหมือนกับเป็นฉางเอ๋อร์ในใจของนาง ที่สามารถบิน กลับดวงจันทร์ได้ตลอดทุกเมื่อ

อันหลิงหยุนหัวเราะ “นั้นเป็นเพราะท่านรู้สึกมิ ปลอดภัย คนแบบท่านอ๋อง มีอันใดให้ต้องกังวลอีก ท่านอ๋องมิได้ผูกมัดกับใคร มีพรสวรรค์ในการปกป้อง ประเทศ ฉลาดเป็นกรด วรยุทธก็มิเป็นรองใคร

ต่อให้มิมีข้า ก็เชื่อว่ายังมี..……………..

“หุบปาก!

กงชิงวี่มีปฏิกิริยาที่รุนแรง จู่ๆก็มองอันหลิงหยุนด้วยความโกรธ

ดวงตานั้นน่ากลัวราวกับใบมีด อันหลิงหยุนปิดปากมิ พูดอันใดอีก

สายตาของกงชิงวี่เริ่มกลับมาอ่อนโยนเหมือนเดิม “ต่อให้โลกนี้จะมีหญิงสาวที่งดงามขนาดไหน ข้าก็มิ สนใจ ข้าสนใจเพียงแค่ผู้หญิงปากร้ายแบบเจ้า ต่อไป อย่าพูดแบบนี้อีก ถ้าเกิดมีใครให้ข้าหาพระชายารอง ข้าก็จะตัดขาดกับเขา”

อันหลิงหยุนขยับปาก “ขอบคุณท่านอ๋อง”

กงชิงวี่ดึงอันหลิงหยุนมาอยู่ในอ้อมกอด “ข้าช่างเป็น คนหวั่นไหวเหลือแสวย พอเห็นสายตาของพวกเขาที่ มองมายังหลิงหยุน ข้าก็รู้สึกว่า พวกเขาจะต้องคิดมิซื่อ แน่”
“นั้นมันความรู้สึกต่อต้านกับคู่แข่งความรัก?

“เว่ยหลิงชวนมิใช่คนดีเด่นอันใด ข้ามิค่อยชอบเขา” กงชิงวี่ยังคงพูดเรื่องนี้ต่อ อันหลิงหยุนจึงต้องเปลี่ยน หัวข้อ มิอย่างนั้นพอโกรธมากๆอาจจะออกนอกประตู แล้วทุบตีเว่ยหลิงชวนจนพิการแบบนั้นจะอธิบายลำบาก

“ท่านอ๋องเพิ่งจะดีฟื้นตัว นอนพักก่อนเถอะ”อันหลิง หยุนนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้

กงชิงวี่รีบพูดขึ้นมาว่า “ข้าอยากจะฟังเรื่องของซูฉี่เอ๋

..”อันหลิงหยุนปากพันกัน แค่ได้ยินก็ขนลุกแล้ว

แต่เพื่อหยุดกงชิงวี่ อันหลิงหยุนจึงขึ้นไปบนเตียงแล้ว เล่าเรื่องของซูฉีเอ๋อให้กงชิง ฟัง
กงชิงวี่ฟังอย่างมีความสุข พูดขึ้นมาว่า “ซูฉี่เอ่อคนนี้ ถึงแม้จะหยิ่งผยองนิดหน่อย แต่ก็หยิ่งอย่างมีสง่า”

“นั่นเป็นแค่นิทาน มีแต่ต้องเป็นแบบนั้นก็เท่านั้นเอง เป็นแค่สิ่งที่คนเขาเขียนขึ้นมา ทำไมต้องใส่ใจด้วยล่ะ?”

“และก็เป็นคำเตือนให้ข้าด้วย ถ้าเกิดคนข้างกายมิมี คนที่ค่อยจงรักภักดี มิช้าก็เร็วคงจะตายอยู่ในเปื้อนมือ คนอื่น”

“.……..การเตรียมใจของท่านอ๋องมีมากจนแสวยไป แล้ว นี่ก็เลยเช้าแล้ว ยังมิได้เสวยข้าวเลย เสวยข้าวก่อน ค่อยว่ากัน ท่านอ๋องนอนพักก่อน ข้าจะไปดูซะหน่อย”

อันหลิงหยุนลุกเดินออกจากประตู กงชิงวี่กลับไปนอนพักต่อ
ในเวลานี้เอง อันหลิงหยุนก็เห็นองค์หญิงใหญ่พาเว่ย หลิงชวนออกจากประตูไป

องค์หญิงใหญ่ได้ออกไปยังถนน ถนนเส้นนี้ยาวไป จนถึงประตูจวนหรงฟู่ จวนหรงฟู่กำลังจัดงานศพจริงๆ

พอเห็นขบวนงานศพที่ใหญ่ขนาดนี้ เว่ยหลิงชวนจึง พูดว่า “จงลิ่ง เมื่อกี้พวกเราได้ประกาศว่าอ๋องเสียนได้ เสียชีวิตแล้ว พวกเขาก็จัดงานศพ?”

องค์หญิงใหญ่พูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “ถ่ายทอด คำสั่งของข้าไป ให้สำนักนักสืบมาจับพวกเขาซะ”

“ขอรับ”

เว่ยหลิงชวนหันหลังไปปฏิบัติหน้าที่ มิถือครึ่งชั่วยาม โลงศพของอ๋องชินหรงก็ถูกโยนขึ้นมา ท่านอ๋องเจ็ดยัง มิได้ออกมา คนผมขาวต้องจัดงานศพให้คนผมดำเขา เจ็บปวดเป็นอย่างมาก คนที่มาล้วนเป็นคนที่อายุไล่เลี่ยกับอ๋องชินหรง

ปรากฏว่าการจับกุมในครั้งนี้ ได้จับคนไว้ทั้งหมด

อันหลิงหยุนหลังจากที่เสวยข้าวเสร็จแล้วออกมาก็ เห็นมีกลุ่มคนโดนคุมตัวมา แถมยังใส่ชุดงานศพอีก

มีหลายสิบคน มีผู้หญิงแค่คนเดียวนอกนั้นเป็นผู้ชาย ทั้งหมด

จากนั้นก็นําไปขังไว้ข้างในคุกใหญ่

อันหลิงหยุนไปดูแวบหนึ่ง พอเห็นเว่ยหลิงชวนอันหลิง หยุนจึงถามไปว่า “นี่เป็นพวกอ๋องชินของราชนิกุลใช่ ไหม?”

“อืม”เว่ยหลิงชวนตอบคำถาม
อันหลิงหยุนรู้สึกแปลกใจ “ทำไมถึงต้องจับตัวพวก เขาด้วยล่ะ?”

“เช้าวันนี้จงลิ่งได้ปล่อยข่าวไปว่าอ๋องเสียนได้เสีย ชีวิตแล้ว หลังจากข่าวแพร่กระจายออกไป ท่านอ๋องเจ็ด ก็ได้จัดงานศพให้กับอ๋องซินหรง นี่มันมิถูกกฏระเบียบ พวกเขาน่าสงสัยที่สุด จับกลับมาเพื่อที่สอบปากคำ”

อันหลิงหยุนมองไป อ๋องเสียนเสียชีวิตแล้ว?

อันหลิงหยุนหันหลังกลับไปบอกข่าวให้กับกงชิงวี่ กง ชิงวี่มิได้แปลกใจแต่อย่างใด

“ท่านอ๋อง มิแปลกใจสักนิดเลยรึ?”นับวันอันหลิงหยุ นยิ่งมิเข้าใจของคิดว่ากงชิงวี่คนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เขามิแม้แต่จะฟังมิมองและมิถาม ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ใน การคํานวนของเขา

กงชิงวี่มิได้คิดแบบนั้น “เดิมทีท่านป้ามีลูกชายที่อายุ ไล่เลี่ยกับข้า”

อันหลิงหยุนรู้สึกแปลกใจ ทำไมอยู่ดีๆถึงพูดเรื่องนี้ขึ้น มา?

อันหลิงหยุนนั่งลงและตั้งใจฟัง กงชิงวี่พูดว่า “ข้าและ ท่านพี่พวกเราอายุพอๆกัน เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ ท่านป้า ตอนท่านลุงเสียชีวิต ท่านป้าก็ได้ตั้งครรภ์แล้ว เด็กคนนี้สำหรับท่านป้าแล้ว เป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต

หลังจากเด็กเกิด ฮ่องเต้เอ็นดูเป็นอย่างมาก เวลาว่าง ก็จะมาที่ตำหนักของข้าเพื่อเล่นเป็นเพื่อน ฮ่องเต้ยังให้ เขามาเล่นกับข้า เขาเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม เจ็ดขวบ ก็สามารถท่องกลอนได้แล้ว ฮ่องเต้เอ็นดูเด็กคนนี้เป็น อย่างมาก แต่มิมีใครคาดคิดว่า อยู่มาวันหนึ่งข้ากำลัง เล่นอยู่กับท่านพี่ เหล่าคนรับใช้ได้เตรียมขนมอบมาให้ กับพวกเรา พวกเรากลับมาจากข้างนอก ยิ่งขนมอบขึ้นมาเสวย มิได้คิดอันใดมาก

ใครจะรู้ว่า พวกเราโดนวางยาพิษ

คืนนั้นพิษของพวกเราก็ออกฤทธิ์

แต่เพราะตอนนั้นข้ามิได้เสวยขนมอบมากขนาดนั้น ท่านพี่เสวยไปครึ่งจาน ตอนที่พิษออกฤทธิ์หมอหลวงก็ มาตรวจอาการแต่ก็มิทันการแล้ว

ท่านพี่จึงเสียชีวิตไปแบบนั้น

ตอนนั้นท่านพี่ก็เหมือนกับข้า โดนพิษจนเสียชีวิต

ตอนที่ข้าได้สติกลับมา ท่านป้าก็รีบตามมา นางยืนอยู่ ตรงนั้น ราวกับคนไร้เรี่ยวแรง
อันหลิงหยุนถอนหายใจ “เจ้าคงมิได้นึกถึงเรื่องของ ท่านป้าที่ติดใจเรื่องนี้อยู่ เพราะอย่างนั้นเจ้าจึงต้อง วางยาตัวเอง?”

กงชิงวี่ส่ายหัว “ข้าโตมาขนาดนี้แล้ว เรื่องราวตอน อายุเจ็ดแปดขวบข้าจำมิได้มากขนาดนั้น และพอเห็น ท่านป้าแสดงสีหน้าที่มิดี ถ้าให้นึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมา เรื่อง นั้นคงจะฝังใจท่านป้าเป็นอย่างมาก แม่ลูกสื่อใจกัน ท่านป้าเกลียดพวกเขาเป็นอย่างมาก

เพียงแต่ว่า เห็นแก่ที่พวกเขามีแม่นมคนเดียวกัน จึง ได้ปล่อยพวกเขาไป

พวกเขานอกจากมิสำนึกแล้ว ยังทำเรื่องซ้ำซากแบบ นั้นอีก แน่นอนว่าท่านป้าจึงปล่อยเรื่องนี้ไปมิได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ