ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 345 ถูกจับ



บทที่ 345 ถูกจับ

กงชิงวี่ที่ยื่นมือไปกำลังจะจับ ถูกอันหลิงหยุนปฏิเสธ “ท่านอ๋องไม่ได้สวมถุงมือ ไม่ต้องจับดีกว่า”

อันหลิงหยุนเก็บเข็มเงินเข้าที่ แล้วตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าคนพวกนี้เป็นคนดี แต่ว่าพวกเขาจะต้องมีวิธี ฆ่าคนพวกนี้ได้

เมื่อหมดประโยชน์ก็จะถูกฆ่า

เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว อันหลิงหยุนเดินไปหากงชิงวิ่ “ท่านอ๋อง ตรวจสอบเสร็จแล้ว ล้วนเป็นคนมีชีวิต แต่ถูก พวกเขาใช้เข็มเงินฆ่าปิดปากแล้ว”

กงชิงวี่ไม่ได้พูดอะไร สั่งให้คนวางเพลิง แล้วพาอันหลิง หยุนจากไป

ตอนกลับอันหลิงหยุนเพิ่งจะรู้ว่าระหว่างที่กงชิงวี่มาถูก คนกลุ่มหนึ่งกขวางกั้นเอาไว้ จำนวนคนราวสามสี่สิบคน และคนพวกนั้นตายเต็มเกลื่อนตามเส้นทางที่นางเดินเข้า มา ฉะนั้นกงชิงวี่จึงมาช้าไป

อันหลิงหยุนมองไปยังศพที่อยู่บนพื้น แล้วถามกงชิงวี่ว่า “ทำไมต้องเผ่าด้วยล่ะ ท่านอ๋องชอบให้เป็นอาหารกาดำ ไม่ใช่หรือ?”

กงชิงวี่พูด “บนร่างกายของคนพวกนี้มีสิ่งของไม่สะอาด ให้เป็นอาหารไม่ได้”
อันหลิงหยุนจึงไม่ได้ถามให้มากความ เพียงไม่นานก็ กลับมาถึงจวนเฉินเลี้ยง เสินหยุนเจ๋ในเวลานี้ ไม่มีอะไร ต้องน่าเป็นห่วง และเขาสามารถพูดได้แล้ว

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทำร้ายเจ้า?” อันหลิงหยุน สอบถามด้วยตัวเอง ซึ่งคิดไว้แล้วว่าเงินหยุนเจ๋คงไม่ยอม หยุดเรื่องนี้แน่

แต่เมื่อเสินหยุนเจ๋เอ่ยปากพูดไม่ได้ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ ต่อกงชิงวี่ กลับพูดว่า “วันนั้นข้ากับอ๋องเสียนมีปากเสียง กัน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ฮ่องเต้ให้คนส่งข้ากลับจวน กลับคิดไม่ถึงว่าทหารรักษาพระองค์ที่ติดตามมาส่งวัน นั้นเป็นพวกคนร้ายและลงมือสังหารข้า เวลานั้นข้าไม่ทัน ระวังตัว จึงเป็นเหตุให้ถูกทำร้ายจนอยู่ในสภาพเช่นนี้”

เสินเฉินเสี้ยงและเฉิงเสี้ยงฮูหยิงก็อยู่ด้วย เมื่อได้ยิน สิ่งที่ลูกชายพูดต่างตะลึงงันทันที พวกเขาคิดไม่ถึงว่า ลูกชายจะพูดเช่นนี้

เสินเฉินเสี้ยงรู้สึกโล่งอกทันที แบบนี้ดีที่สุด เมื่อความ บาปผิดถูกยกออกไปตระกูลเสินก็ถือว่าปลอดภัยแล้ว

อันหลิงหยุนมองไปทางกงชิงวี่ เดินไปถามเขาว่า “ท่าน อ๋อง ต่อจากนี้ไป ท่านว่าควรทำอย่างไรดี?

“ข้าจะเข้าวังนำเรียนเรื่องนี้ต่อฝ่าบาท หยุนหยุนไปที่ จวนก๊กกู่นะ เมื่อครู่มีคนของจวนก๊กอู๋ใหญ่มาแล้ว ดูท่า แล้วน่าจะเป็นฮูหยินกั๋วจิ๋วให้มาเรียนเชิญ”

รอข้ากลับมาแล้วจะไปรับหยุนหยุน ส่วนที่นี่มอบหมายให้หมอจวนโจวดูแลแทน

“ก็ดีเหมือนกัน”

อันหลิงหยุนตอบตกลง แล้วแบกกล่องยาไปด้วย เดิน ตามกงชิงวออกไปจากจวนเฉินเลี้ยง ทั้งสองคนแยกไป คนละทาง กงชิงวี่เข้าไปในวังเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ส่วนอันหลิง หยุนไปที่จวนก๊กอู๋ใหญ่

มู่มิงเดินติดตามตลอดทาง ทั้งสองเดินตรงดิ่งเข้าไปยัง เรือนด้านหลังของจวนก๊กอู๋ อันหลิงหยุนเดินผ่านประตู พอกล่าวทักทายเสร็จแล้ว จึงเดินไปฉีดยาให้กับฮูหยิน ก๊กอู๋ใหญ่

นางรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่บ้าง และรู้สึกเหนื่อยด้วย

นางเมื่อนั่งลงแล้ว อันหลิงหยุนก็ไม่อยากลุกขึ้นอีกเลย

มู่มิงรับสั่ง “พระชายาเสียน วันนี้พักที่จวนก่อนเถอะ พัก ที่จวนจิ่นหลานเซวียนของข้า”

อ๋องจวิ้นเสียนรู้สึกว่าไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ถ้าหากเกิด เรื่องอะไรขึ้นจะอธิบายยาก เพราะนี่ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว ยังมีเด็กในท้องด้วยนะ

“มู่มิง เรื่องนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ข้าว่า ไปส่ง…….….….

“พี่ใหญ่พูดมากจริง พระชายาเสียนกับข้าเป็นมิตร สหายกัน นางก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ กลับไปยังจวน อ๋องเสียนต้องใช้เวลานานเพียงใด พักผ่อนที่จวนจิ๋นหลานเซวียนของข้าเป็นการชั่วคราวก็พอ”

มู่มิงเดินไปดู อันหลิงหยุนลุกขึ้นมาแล้ว นางไม่ได้ตอบ ปฏิเสธ

กงชิงวี่บอกว่าจะมารับนาง นางจึงรออยู่ที่จวนก๊กอู๋

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไปกันเถอะ” อันหลิงหยุนหยิบกล่อง ยาขึ้นมาเตรียมตัวไปที่จวนจิ่นหลานเซวียน มู่มิงพลันแย่ง กล่องยามาแบกไว้แทน เดินจูงมืออันหลิงหยุนจากไป ทั้ง สองเหมือนกับเป็นสองพี่น้องอย่างนั้น

อันหลิงหยุนก้มหน้ามองไปที่ข้อมืออย่างเอือมระอา ไม่รู้ จะพูดอย่างไรดี

ก๊กอู๋ใหญ่ที่มองดูทั้งสองคนจากไปอย่างชื่นบานใจ เขา มองไปยังฮูหยินกั๋วจิ๋วที่นอนอยู่บนเตียง พูดทั้งยิ้มว่า “ข้า ว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พระชายาเสียนเป็นคนที่มีจิตใจ กว้างขวาง ในภายภาคหน้า หากมู่มิงตบแต่งเข้าไป จะได้ ไม่ถูกเอาเปรียบ”

“ท่านพูดไม่ถูก พระชายาเสียนดูเหมือนจิตใจกว้าง ขวางก็จริง แต่ต้องดูว่าเป็นเรื่องอะไรด้วย จะให้มู่มิง ตบแต่งเข้าไป ข้าว่าท่านตัดใจเถอะ นางไม่ใช่คนที่จะหา เรื่องได้ง่ายๆ ”

“ก็ไม่เสมอไป เรื่องนี้ต้องดูว่าท่านพี่มีความเห็นอย่างไร พูดให้ชัดแจ้ง ที่พึ่งสุดท้ายของมู่มิงในภายภาคหน้าก็คือ การเข้าวังหลวง”
มนุษย์ย่อมมีจิตใจเห็นแก่ตัว หวางหวยเต่อก็เช่นกัน

เขาหวังว่าตระกูลของพวกเขา ทุกยุคทุกสมัยจะต้องมี พระสนมคนหนึ่งอยู่ในวังหลวง ต่อให้ไม่ใช่ฮองเฮาก็ต้อง เป็นหวงกุ้ยเฟยให้ได้

ขอเพียงแค่มีสายสัมพันธ์ของพวกเขาอยู่ อันที่จริงจะ เป็นกุ้ยเฟยหรือ ฮองเฮา ล้วนไม่แตกต่างกัน

ด้วยสายสัมพันธ์นี้ กงชิงวี่ย่อมต้องทำดีต่อมมิงอยู่แล้ว

ก๊กอู๋ใหญ่กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น “อ๋องตวน ใช่ว่าจะไม่ ดีเสียทีเดียว ตอนนี้ฮ่องเต้ยังอยู่ดี เจ้าและข้าไม่ควร คิดมากเกินไป”

“คิดมากไปหรือไม่ ต้องดูพระประสงค์ของฮ่องเต้ ช่วงนี้ มีเรื่องมากมายล้วนให้อ๋องเสียนเป็นคนสั่งการ หรือว่าเจ้า ยังอ่านความคิดของฮ่องเต้ไม่ออกอีกหรือ?”

“แต่ว่าตระกูลของอ๋องตวนนั้นยิ่งใหญ่มาก ใช่ว่าพวก เราจะสามารถคาดคิดได้ เจ้าเองก็ไม่รู้ประสงค์ของอ๋อง เสียน”

หนึ่งเขาจะไม่ยอมแต่งงานกับมู่มิงอย่างง่ายดายแน่นอน สองพระชายาเสียนเป็นคนขี้หึงหวง เกรงว่าคงจัดการไม่ ง่าย สามถ้าเขาไม่ได้อยากได้บัลลังก์ฮ่องเต้ สิ่งที่เจ้ากับ ข้าทำอยู่ตอนนี้ก็คือการก่อกบฏเชียวนะ

สิ่งที่กษัตริย์ประสงค์ นั่นแหละคือสิ่งที่ทุกคนเห็นด้วย
ปากติท่านพี่ไม่ชอบยุ่งกับเรื่องนี้ เจ้ายังไม่เข้าใจอีก หรือ?

“ก็เพราะว่าเข้าใจไงถึงได้นิ่งนอนใจไม่ได้ แม้นท่านพี่จะ เป็นถึงไทเฮา แต่ว่าหากอ๋องตวนได้เป็นองค์ราชทายาท ในประเทศต้าเหลียงนี้จะเหลืออะไรให้กับตระกูลหวาง เล่า? ”

อ๋องเสียนไม่ใช่อองตวน เจ้าคิดว่าเขาจะสนใจพวกข้า หรือ?

อีกอย่างหลายปีมานี้ตระกูลหวางตอนอยู่ข้างนอก ถึง แม้จะไม่ได้ทำเรื่องร้ายแรงขั้นเด็ดขาด แต่ว่าก็มักจะ มีแกะดำโผล่มาบ้าง ยังไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่ดูลูกๆ หลานๆที่อยู่เบื้องล่าง มีใครบ้างที่ไม่ใช่ลูกหลานคนมั่งมี

จะให้ข้าละทิ้งไม่ยุ่งเกี่ยว ยอมให้คนในวงตระกูลถูก กลั่นแกล้งงั้นหรือ?

ฮูหยินกั๋วจิ๋วกุมขมับไว้ “ท่านพี่ ท่านคงแก่เลอะเลือน แล้วล่ะ”

“ข้าไม่ได้เลอะเลือน ฮูหยินนั่นแหละแก่เลอะเลือน ยัง ไงเสียเรื่องของมู่มิงข้าจะเป็นคนจัดการเอง นางจะต้อง แต่งงานกับอ๋องเสียนคนเดียวเท่านั้น รอเพียงไม่กี่วัน ข้า จะเข้าไปในวังหลวงเพื่อพูดเรื่องนี้กับท่านพี่เอง”

“ท่านพี่ ท่านไม่รู้สึกหรือว่า มู่มิงเป็นคนที่มีจิตใจหยิ่ง ผยอง หากนางได้เป็นพระชายารองจริง ตามนิสัยนาง แล้ว เกรงว่าคงได้สร้างเรื่องแน่? ”
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องแต่งกับอ๋องเสียน” ก๊กอู๋ใหญ่ตัดสิน ใจเด็ดขาด ฮูหยินกั๋วจิ๋วไม่สามารถพูดห้ามปรามได้ ต้อง ยอมไปตามนั้น

อีกฝั่งหนึ่ง อันหลิงหยุนเดินเข้าไปในจวนจิ่นหลานเซ วียน กลับรู้สึกประหลาดใจ ถึงแม้มู่มิงจะเป็นจวิ้นจู่ แต่ ลานของนางกลับดูประณีต วิจิตรตระการตากว่าจวนอ๋อง เสียนของพวกเขามากทีเดียว

มู่มิงพาอันหลิงหยุนมาที่ห้องนอนโดยตรง ไม่ได้ให้นาง เลือกแต่อย่างใด บอกกับอันหลิงหยุนว่า ทั้งสองคนนอน ด้วยกันนี่แหละ

อันหลิงหยุนมองดูเตียงนอนใหญ่ของมู่มิง เตียงกว้าง ใหญ่มาก อย่าว่าแต่นอนสองคนเลย ต่อให้นอนสามคนก็ เพียงพอ

ดูออกว่ามู่มิงเป็นคนที่นิสัยตรงไปตรงมา อันหลิงหยุน

ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ

ปลดเสื้อตัวนอกออกไป หลังจากล้างหน้าและมือเสร็จก็ ขึ้นไปบนที่นอนเลย

มู่มิงอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ “นี่เจ้าพักกลางวันยังจะล้าง ให้สะอาดอีกหรือ?”

“ก็ไม่ขนาดนั้น เดิมทีข้ายังอยากจะล้างเท้าด้วยซ้ำ เตียงนอนของเจ้าดีงามเช่นนี้ เกรงว่าจะทำให้เปรอะเปื้อน ทว่าเพราะเหนื่อยมากจริงๆไม่ล้างล่ะนะ”
อันหลังหยุนนอนลงไปพร้อมหยิบผ้าห่มมาห่ม แล้ว ผล็อยหลับไป

มู่มึงมองดูอยู่สักพัก นางก็ขึ้นไปพักผ่อนบนเตียงนอน

พอหนุนนอนลงไป ทั้งสองคนนอนหลับด้วยกัน อันหลิง

หยุนก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้มานอนกอดกับมู่มิงอ ยู่แบบนี้ หรือว่ามู่มิงเป็นคนกอดนางไว้

ตอนที่กงชิงวี่มาถึง ยังมีนางกำนัลเดินตามเข้ามาด้วย ทั้งสองคนนอนกอดกันอย่างสุขสบาย

กงชิงตะคอกเสียงดัง “อันหลิงหยุน”

อันหลิงหยุนตกใจจนตื่นขึ้นมา ข้างหูอย่างมีเสียงดัง กึกก้องสะท้อนอยู่

ตอนที่นางตื่นมา ก็เห็นว่ามู่มิงกอดอยู่ในอ้อมกอดของ นาง มู่มิงตื่นแล้ว เห็นว่านอนกอดอันหลิงหยุนอยู่นางก็ไม่ ได้สนใจอะไร เพียงแค่ลุกขึ้นมานั่ง และเพิ่งสังเกตเห็นว่า มีคนจำนวนหนึ่งยืนอยู่ภายในห้องนอน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ