ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 115 เจ้าเป็นใครกันแน่



บทที่ 115 เจ้าเป็นใครกันแน่

เมื่อมาถึงด้านนอกของพระตำหนักจรุงจิต อันหลิงหยุ นก็ไปหากงชิงวี่ สวีกงกงรีบมาบอกอันหลิงหยุนว่า เขา กำลังรออยู่ที่วิหารบรรทมรอง นางจึงไปหากงชิงวี่ที่ วิหารบรรทมรอง

เมื่อมาถึงวิหารบรรทมรอง อันหลิงหยุนเห็นกงชิงวี่ กำลังวาดภาพอยู่ จึงเข้าไปดู เป็นภาพวาดวิวทิวทัศน์ ของภูเขาและแม่น้ำขนาดใหญ่ภาพหนึ่ง

อันหลิงหยุนเองก็เคยเรียนเกี่ยวกับภาพวาดจีนแบบ ดั้งเดิมมาก่อน จึงค่อนข้างที่จะมีความรู้เกี่ยวกับการวาด ภาพ เมื่อเห็นถาพที่กงชิงวี่วาด อันหลิงหยุนก็นึกคำออก เพียงแค่สี่คำ วิญญาณแรงกล้า

ขณะที่กำลังยืนนิ่งมองดูภาพวาดอยู่นั้น กงชิงวี่ก็ยื่น พู่กันที่อยู่ในมือให้แก่อันหลิงหยุน แล้วพูดแบบผ่านๆว่า: “เจ้าช่วยเขียนตัวอักษรให้ข้าสักสองสามตัวสิ

อันหลิงหยุนมองพู่กันเล่มนั้น คิดอยู่สักครู่แล้วจึงยื่น มือไป แล้วเขียนตัวอักษรสองสามคำไว้ใต้ภาพ

ใต้หล้างดงาม!

เมื่อกงชิงวี่เห็นคำที่ดูคมคายเหล่านั้น ก็อดไม่ได้ที่จะ ยิ้มออกมา: “ข้าดูถูกเจ้าเกินไปจริงๆ”

“อ่อ?”
อันหลิงหยุนแสร้งทำเป็นไม่รู้ แล้ววางพู่กันลงที่เดิม แต่กงชิง กลับถามว่า: “เจ้าเป็นใครกันแน่?”

อันหลิงหยุนผงะไปชั่วครู่ แล้วมองกงชิงด้วยความ ประหลาดใจ กงชิงวี่มองนางแล้วหัวเราะ: “ข้าคิดว่าเจ้า จะมองการหยั่งเชิงของข้าไม่ออก ดูๆไปแล้วกลายเป็น ข้าที่คำนวณผิดไป

“ท่านอ๋องอยากให้หม่อมฉันเขียนตัวอักษรบนภาพ ถ้า หากท่านอ๋องทรงบอกหม่อมฉัน หม่อมฉันก็จะเขียนตาม ความต้องการของท่านอ๋อง”

อันหลิงหยุนหยิบพู่กันขึ้นมา เตรียมตัวที่จะเขียนตัว อักษร

“ข้าคิดว่า ข้าเองก็เคยเห็นพราะชายามาก่อน ทัศนคติ เช่นนั้น ท่าทางเช่นนั้น มารยาทเช่นนั้น ลายมือเช่นนั้น ความเศร้าโศกที่อยู่บนตัวอักษรนั้น ไม่ว่าจะจงใจแค่ ไหน ก็ไม่เหมือนพยายามทำออกมา แต่นี่ยังเป็นเพียง แค่ผิวเผินเท่านั้น แต่ที่อยู่ลึกเข้าไปจริงๆก็คือความคิดที่ รอบคอบและชาญฉลาด” กงชิงวี่กระซิบ

อันหลิงหยุนรู้สึกตื่นเต้น ถูกถามจนพูดอะไรไม่ออก

กงชิงวี่ยังไม่คิดที่จะหยุด พูดต่ออย่างละเอียด: “ที่ สำคัญคือ ความลึกซึ้งในดวงตานั้น ที่ข้าคิดไปคิดมา ก็รู้สึกกลัว ดวงตาที่สวยและดูลึกซึ้งขนาดนี้ ทำไมจึง ปกปิดเอาไว้ได้ จนข้าเองก็มองไม่ออก นี่มันเรื่องอะไร กันแน่
พระชายา เจ้าไม่คิดที่จะอธิบายให้ข้าฟังหน่อยหรือ?”

อันหลิงหยุนสูดหายใจลึก คนคนนี้น่ากลัวจริงๆ แต่ละ คำล้วนแทงใจ แต่กลับฟังดูเรียบเฉย เหมือนกับกำลัง พูดคุยเรื่องทั่วๆไปอยู่

“ในวันแต่งงาน หม่อมฉันเป็นขนาดนั้นแล้ว ท่านอ๋อง ยังไม่สงสาร ช่างน่าท้อใจจริงๆ เดิมทีหม่อมฉันเองก็ สับสน ในใจคิดแค่เพียงอยากอยู่กับท่านอ๋องด้วยความ รัก มาวันนี้สามารถกลับใจ อยู่กันได้อย่างสงบมากขึ้น จึงคิดแค่เพียงว่าอยากจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสบาย ส่วน เรื่องอื่นไม่เคยคิดมาก่อน”

อันหลิงหยุนพูดเบาๆอย่างอ่อนน้อม ดวงตาดำขลับ ของกงชิงวี่คู่นั้นลึกซึ้งดั่งทะเล กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้นางหมดสิ้นซึ่งความกล้าหาญ

“ทักษะการเพทย์ของพระชายานั้นยอดเยี่ยม ข้าเองก็ เพิ่งจะเคยเห็น” กงชิงวี่พูดขึ้นมาทันใด อันหลิงหยุนยิ่ง พูดอะไรไม่ออก

“แต่ว่า..….……ข้าเองก็ไม่ได้สนใจว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไร ขึ้นกันแน่ เพียงแต่…….ในเมื่อพระชายาเป็นคนของข้า แล้ว ขอเพียงแค่อย่าจากข้าไปก็พอ ข้าขี้อิจฉา และขึ้ ระแวงมาก หากพระชายากล้ามีความคิดที่จะไปจากข้า แล้วล่ะก็ หรือทำเรื่องอะไรที่เป็นการผิดต่อข้าแล้วล่ะก็ ข้าเองก็จะไม่ทน โดยจะเริ่มจัดการจากแม่ทัพอันและ คนสองร้อยกว่าคนในจวนแม่ทัพก่อน”
“ท่านนี่มัน ความแค้นระหว่างท่านกับข้า จะเอาพวก เขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำไม?” อันหลิงหยุนรู้สึกไม่ พอใจ กงชิงวี่เดินเข้าไปหาอย่างไม่แยแส ทำให้อันหลิง หยุนต้องถอยร่นไปสองก้าว

มองไปรอบๆ แล้วกงชิงวี่จึงถามขึ้นว่า: “ข้าดีหรือว่าไม่ ดี?”

..” การตอบสนองของอันหลิงหยุนเริ่มตามไม่ทัน กงชิงวี่ จึงไม่ได้ตอบกลับเป็นนานสองนาน

“เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเหมือนสายน้ำ ข้า เองไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า เจ้าเองก็อย่าพูดถึงเรื่อง ที่ข้าทําไม่ดีกับเจ้าอีก เจ้ากับข้าก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน ถ้าจะว่าไป ก็เป็นเพราะนิสัยชั่วร้ายของเจ้าที่ทำให้ข้า ดวงตามืดมัว มองไม่เห็นมุกเม็ดงามที่ซ่อนอยู่ภายในตัว เจ้า ส่วนเรื่องที่สุดท้ายแล้วเจ้าจะเป็นใครกันแน่นั้น ข้า เองก็ไม่ได้สนใจ แต่ถ้าหากเจ้าคิดที่จะไปจากข้าล่ะก็ ข้าจะต้องทำให้เจ้ามานั่งนึกเสียใจทีหลังอย่างแน่นอน!

“กงชิงวี่ นี่ท่านขู่ข้าอย่างนั้นหรือ?” อันหลิงหยุนตั้งสติ ได้ก็รู้สึกโกรธอย่างมาก อยากจะทะเลาะกันใช่หรือไม่?

“ก็ถือว่าใช่” กงชิงวี่พูดอย่างไม่พอใจ อันหลิงหยุน เหมือนอยากจะพูดอะไร อยู่ดีๆเขาก็ยื่นมือมาดึงพู่กัน ออกจากมือแล้ววางลง แล้วนำภาพวาดเดินตรงไปยัง กระถางจุดไฟ แล้วโยนลงไปในนั้น

ภาพวาดถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน กงชิงวี่เดินกลับมาจับมือ: “เป็นกระไรบ้าง? ฮองเฮาทรงแข็งแรงดีหรือ ไม่?”

กงชิง เปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว อันหลิงหยุนอด ไม่ได้ที่จะนับถือในการควบคุมอารมณ์ของเขา แต่ก็ขึ้ เกียจที่จะทะเลาะกับเขาคิดเสียว่าเขาเหมือนกับคนบ้า ที่อยู่ๆดีก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“แข็งแรงดีเพคะ” อันหลิงหยุนไม่รู้ว่าควรจะบอกเรื่อง สับเปลี่ยนพระโอรสกับกงชิงดีหรือไม่ จึงไม่ได้พูด แล้วจึงหันหลังเดินออกจากวิหารบรรทมรอง

กงชิงวี่เดินตามมาด้านหลัง ได้ยินเขาพูดว่า: “ไม่รู้จัก มารยาท ข้ายังไม่เดิน เจ้ากลับเดินออกมาแล้ว”

อันหลิงหยุนหยุดรอกงชิงวี่ จริงๆแล้วจิตใจไม่ได้อยู่ กับเนื้อกับตัว

กงชิงวี่ดึงมือนางมา แล้วจึงกุมมือเดินออกจากประตู วังไป

ฮ่องเต้ชิงหยู่ยืนอยู่ที่ใจกลางของวัง กำลังมองลงมา จากกำแพงเมือง แล้วพูดว่า: “ช่วงนี้ดูท่าอ๋องเสียนจะ อารมณ์ดี”

สวีกงกงรีบมองตามแล้วพูดว่า: “พระชายาเสียนรู้จัก พูดเกลี้ยกล่อมคน ได้ยินมาว่าเป็นที่โปรดปรานของหวา งฮองไทเฮาอย่างมาก ทรงตกรางวัลเป็นของมีค่าให้ มากมายพ่ะย่ะค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้น เห็นทีข้าเองไม่ตกรางวัลก็ คงไม่ได้”

สวีกงกงสังเกตใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของฮ่องเต้ชิงหยู่ แล้วก้มหน้าก้มตา คาดเดาเจตนาที่แท้จริงไม่ถูก

“ฝ่าบาท หม่อมฉันละอายใจนัก”

“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ตำหนักทั้งสองมีเรื่องน่ายินดี พร้อมกัน กำลังตั้งครรภ์พระโอรสทั้งคู่ ข้าเองรู้สึกดีใจ มาก จึงต้องให้ความสำคัญกับโอรสมาเป็นอันดับแรก จึงเกรงว่าจะกระทบถึงการออกว่าราชการ เช่นนี้ก็จะ เป็นการละอายใจต่อความรักอันยิ่งใหญ่ของประชาชน ประเทศต้าเหลียง ดังนั้น…..…….ให้ติดประกาศแต่งตั้ง อ๋องเสียนขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทน นับตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป เพื่อช่วยข้าแบ่งเบาภาระบ้านเมือง”

“ฝ่าบาท การเป็นผู้สำเร็จราชการแทนนั้นจะต้องดูแล ทั้งหกฝ่าย ฝ่าบาท…….” สวีกงกงรู้ดีว่าไม่สามารถแทรง แซงเรื่องกิจการของรัฐได้ จึงต้องกลืนคำพูดกลับไป

ฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่เห็นด้วย: “ไปเถอะ เขาเป็นน้องชาย ของข้า ข้ารู้ดีว่าอะไรเหมาะสม

“พ่ะย่ะค่ะ”

อันหลิงหยุนยังไม่ทันถึงบ้าน ถางเหอก็มาคุกเข่าอยู่ ที่ด้านนอกแล้ว พระราชโองการถูกส่งมาถึงโดยม้าเร็ว เรียบร้อยแล้ว
อันหลิงหยุนลงจากรถม้า ก็เห็นถางเหอกำลังนั่ง คุกเข่าอยู่บนพื้น ในมือกำลังถือพระราชโองการรออยู่

เมื่อกงชิงวิ่ลงจากรถม้า ถางเหอก็รีบยื่นพระ ราชโองการให้: “อ๋องเสียน นี่เป็นรับสั่งของฝ่าบาท”

กงชิงวุ่นำมาเปิดอ่านดู เมื่อปิดเสร็จก็ยื่นให้อันหลิงหยุ นแล้วเดินกลับเข้าจวนอ๋องเสียนไป

เมื่ออันหลิงหยุนเดินเข้ามาในจวนอ๋องเสียนจึงได้เปิด อ่านดู เข้าใจความหมายที่เขียนไว้ แต่รู้สึกงง

ผู้สำเร็จราชการแทน จะต้องกำกับดูแลเกี่ยวกับ กิจการบ้านเมืองในทุกๆเรื่อง ประกอบไปด้วยหกฝ่าย แบ่งออกเป็น กรมปกครอง กรมพิธีการ กรมทหาร กรมวัง กรมอาญา และกรมโยธาธิการ

เดิมทีอันหลิงหยุนไม่รู้กฎและข้อบังคับของสมัย โบราณ แต่หลังจากที่มาถึงเกรงว่าจะเกิดเรื่อง จึงศึกษา ไว้ไม่น้อย

และเคยได้ยินมาบ้างว่า ทั้งหกฝ่ายนี้ดูแลควบคุม กิจการบ้านเมืองทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ หากได้ ควบคุมทั้งหมด ก็เท่ากับว่าได้ทั้งประเทศมาอยู่ในกำมือ

อันหลิงหยุนรู้สึกใจเต้นตึกตัก อำนาจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ทำไมฮ่องเต๋ชิงหยู่จึงกล้ายกให้รี?

วางราชโองการลง แล้วอันหลิงหยุนจึงเดินเข้าไปกงจง : “ท่านคิดเห็นว่ากระไร?”

กงชิง ดึงนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ให้อันหลิงหยุน นั่งลงบนขาของเขา

“วันเวลาอันสุขสงบของข้าจบลงแล้ว เดิมที่ข้าไม่กล้า เป็นผู้สำเร็จราชการแทน จึงหาเรื่องไปออกรบ มาวันนี้ แผ่นดินทั่วหล้าสุขสงบ ประเทศเพื่อนบ้านก้ไม่มารุกราน ข้าจึงไม่มีข้ออ้างที่จะมาปฏิเสธได้อีก มันเทศร้อนๆหัวนี้ หล่นมาอยู่ในมือของข้าแล้ว คำนวณพลาดไปจริงๆ!”

กงชิงวี่ลูบอันหลิงหยุนเบาๆ ไม่ได้รู้สึกใส่ใจเรื่องนั้น เลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของอันหลิงหยุนเต็มไปด้วย ความเศร้า: “ท่านอ๋อง ที่ท่านพูดมาหมายความว่ากระไร กัน? นี่ท่านยังตั้งตารอคอยที่จะไปออกรบอยู่อีกหรือ?”

“หากรบกันขึ้นมาจริงๆก็ดี จะได้มีอะไรทำ ส่วนเรื่องว่า ราชการแผ่นดินนั้น ช่างน่าเบื่อสิ้นดี ต้องอยู่กับพวกหัว โบราณพวกนั้นทั้งวัน ฟังพวกเขาเล่นเล่ห์เพทุบาย ข้า รู้สึกรำคาญใจจริงๆ”

“เช่นนั้นก็น่าเบื่อจริงๆ” อันหลิงหยุนพอจะนึกภาพ ออก ให้อ๋องเสียนที่ปกติผ่อนคลายสบายใจทั้งวัน ไปนั่ง ฟังคนกลุ่มหนึ่งเล่นเล่ห์เพทุบายกัน เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ หน่ายจริงๆ

“แต่เดิม ข้าเคยผัดผ่อนเรื่องที่จะเป็นผู้สำเร็จราชการ แทนมาครั้งหนึ่งแล้ว ประการแรกเพราะข้าอายุยังไม่ ครบ ประการที่สองข้าเองก็เป็นหนึ่งในรัชทายาท หากเป็นผู้สำเร็จราชการแทนแล้ว ก็จะไม่สามารถเป็น รัชทายาทได้อีก ฮ่องเต้เองก้ไม่ได้บังคับ ประการที่สาม ข้ายังไม่ได้แต่งงาน แต่ประเทศต้าเหลียงมีธรรมเนียม ปฏิบัติมาว่า คนที่ยังไม่ได้แต่งงาน จะไม่สามารถเข้า ราชสำนักได้ ไม่สามารถออกว่าราชการได้

ถึงแม้ว่าตอนนั้นฮ่องเต้จะขึ้นครองราชย์แล้ว แต่ก็ยัง มีไทเฮาคอยว่าราชการอยู่เบื้องหลังอยู่ช่วงระยะหนึ่ง จนกระทั่งฮ่องเต้ทรงอภิเษก แต่งตั้งฮองเฮา จึงสามารถ ว่าราชการด้วยตนเองได้

ตอนนี้มาถึงตาของข้าแล้ว ข้าไม่มีทางละทิ้งข้ออ้าง ทั้งสามข้อนี้เป็นอันขาด แต่ว่าตอนนี้ข้ออ้างทั้งสามข้อนี้ ล้วนใช้การไม่ได้แล้ว ต่อให้ข้าอยากจะปฏิเสธก็ไม่อาจ ปฏิเสธได้อีกต่อไป”

“ถ้าเช่นนั้นในใจของท่านคิดว่ากระไร ตำแหน่งผู้ สำเร็จราชการแทน ท่านชอบหรือว่าไม่ชอบ?”

“ข้าอยู่ที่บ้านดีๆ จะให้ไปว่าราชการทำไมกัน?” กงชิง วี่ไม่ได้รู้สึกพอใจนัก

อันหลิงหยุนจึงถามว่า: “แล้วถ้าหากท่านไม่ทำล่ะ?”

“ไม่มีข้ออ้าง”

“นั่นมันก็ใช่

สามีภรรยาคุยกันอยู่สักพัก อันหลิงหยุนรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างน่าปวดหัวจริงๆ จึงไม่ได้ถามอะไรให้มากความ แล้ว ปลีกตัวไปพักผ่อน

กลางดึกคืนนั้น ประตูใหญ่ของจวนอ๋องเสียนถูกคน ถล่มเข้ามาแล้ว

เดิมทีอันหลิงหยุนคิดที่จะหลบพักผ่อนคลายอยู่ใน ห้อง แต่ด้านนอกมีคนเดินทางเข้ามาแสดงความยินดี อย่างไม่ขาดสาย จึงหลบไม่พ้น

ถางเหอไปเชิญอันหลิงหยุนที่ลานโอวหลานด้วย ตนเอง: “พระชายา ท่านอ๋องมีธุระ ไม่อยู่ในจวน เชิญ พระชายาไปต้อนรับแขกที่หน้าวังเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

อันหลิงหยุนขมวดคิ้วมองถางเหอ: “ท่านอ๋องเพิ่งจะ ออกไป แค่แป๊บเดียวก็ไม่อยู่ในจวนแล้ว นี่มันกี่โมงกี่ ยามแล้ว กลางคืนไม่กลับมานอนบ้านหรือยังไง?”

“ไม่ใช่อย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องมีธุระจึงออกไปก่อน ไม่นานก็กลับเพคะ” ถางเหอรู้เพียงแค่ว่าท่านอ๋องไม่ได้ ไปไหน ยังอยู่ในลาน

อีกทั้งเมื่อแม่ทัพอันมาถึง ก็ตามท่านอ๋องไป ส่วนเรื่องที่ว่าไปทำอะไรนั้น เขาเองก็ไม่รู้แน่ชัด

อันหลิงหยุนโบกมือ: “รู้แล้วๆ ข้าขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“พระชายา คนที่มาวันนี้ไม่เหมือนวันอื่นๆ องค์หญิง จุนจี่ ท่านอ๋อง จุนหวัง ที่ประทับอยู่ในเมืองหลวงล้วนมา กันมากมาย อีกทั้งแขกผู้มีเกียรติอีกจำนวนหนึ่ง พระ ชายาจะต้องทรงแต่งตัวให้ดูสมพระเกียรติมากกว่า ปกตินะพ่ะย่ะค่ะ” ถางเหอเกรงว่านี่จะเป็นการทำให้จวน อ๋องเสียนต้องอับอายขายหน้า จึงได้หันไปเตือนอันหลิง หยุน

อันหลิงหยุนหันมองถางเหอ: “ท่านถางวางใจเถอะ ข้า จะเชื่อฟังท่าน”

“ข้าน้อยมิกล้า”

ถางเหอจึงยอมถอยออกไปยืนรออันหลิงหยุนอยู่ที่

หน้าประตู

อันหลิงหยุนเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาจากในห้อง แต่ง กายด้วยสีแดงและสีเขียวที่ดูเข้ากัน อุ้มหมาจิ้งจอกหาง แดงไว้ในอ้อมกอด เดินไปยังหน้าวังอย่างไม่รีบร้อน

ระหว่างทาง อันหลิงหยุนได้ถามถางเหอว่าถายใน ลานมีใครบ้าง เตรียมตัวไปก่อนก็ถือว่าเป็นเรื่องดี

เรื่องที่กงชิงวี่หลบซ่อนตัวนั้น นางเองก็คิดไม่ถึง คน คนนี้ช่างไม่มีความรับผิดชอบเสียจริงๆ เรื่องแบบนี้มา โยนให้เป็นหน้าที่ของนางเสียได้ ใจแคบนัก

ถางเหอเล่าเหตุการณ์โดยคร่าวๆให้ฟัง ตอนนี้หน้าวัง มีคนอยู่กันอย่างล้นหลาม อีกทั้งของขวัญก็รับกันจนมือเป็นระวิง นักบัญชีเองก็กำลังจดบันทึกอยู่ที่นั่น

อันหลิงหยุนหยุดเดิน: “ใช่แล้ว”

ถางเหอผงะ; “เชิญพระชายาทรงพูดพ่ะย่ะค่ะ”

เรียกอาหมู่มาด้วย ลุ่ยหลิ่วเจ้าก็ไปด้วย สักประเดี๋ยว เมื่อรับของขวัญเหล่านั้นมาแล้วให้นำมาตรวจดู หาก มีอะไรไม่เหมาะสมก็อย่ากระโตกกระตากไป ให้จด บันทึกไว้แล้วนำมาบอกข้า”

ถางเหอู้สึกงง: “พระชายาทรงเกรงว่าของขวัญจะมี ข้อบกพร่องหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ท่านถาง ใจคนหยั่งยาก พวกเราไม่ทำร้ายคนอื่น แต่ ก็ไม่ควรละเลยที่จะระวัง วันนี้จวนอ๋องเสียนของเราเป็น เช่นนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้สึกยินดีด้วย ส่งของขวัญเช่น ไรมา ก็สามารถมองทะลุจิตใจของคนผู้นั้นออก”

“ที่พระชายาทรงตรัสมาก็ถูกต้อง หม่อมฉันจะไป เรียนอาหยู่มาเดี๋ยวนี้ ลุ่ยหลิ่ว ตมข้ามา”

ลุ่ยหลิ่วพยักหน้า แล้วเดินตามถางเหอ เพื่อล่วงหน้า ไปยังหน้าวังก่อน ส่วนอันหลิงหยุนก็เดินตามหลังไปยัง

หน้าวัง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ