ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 481 ช่วยจนเลือดหมดตัวก็ช่วยไว้ไม่ได้



บทที่ 481 ช่วยจนเลือดหมดตัวก็ช่วยไว้ไม่ได้

อันหลิงหยุนเดินออกมาจากด้านในเพื่อไปทําเค้ก ทั้ง สองคนต่างไม่พูดไม่จา ซูมู่หรงทำเพียงแค่มองดูกล่องที่ อยู่ในห้อง แล้วรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

“เด็กๆ ออะไรกันบ้าง?

“ยังไม่ได้ตั้งชื่อ ที่นั่นเขาไม่รีบตั้งชื่อให้เด็กกัน บางคน อายุสองสามขวบแล้วก็ยังไม่มีชื่อ แต่เขาบอกว่าให้รอให้ ครบ 100 วัน”

อันหลิงหยุนทำไปพลางพูดไปพลาง

“ชื่อเล่นล่ะ?”

“เจ้าใหญ่ถึงเจ้าห้า..………

อันหลิงหยุนสองจิตสองใจ: “หัวหน้า ต่อไปคุณเองก็มี ลูกหลายๆคนเหมือนกันสิ เมื่อเป็นพ่อแม่คนแล้ว ถึงจะ เข้าใจถึงความสำคัญของครอบครัว”

ซูมู่หรงทำเพียงแค่นิ่งเงียบไป ที่ที่ขาดคนที่ตัวเองรักไป ไม่ว่าจะให้อะไรแก่เขาก็ไม่มีค่าสำหรับเขาทั้งนั้น

ไม่นานเค้กก็ทำเสร็จ อันหลิงหยุนจุดเทียน ถามซูมู่หรง ว่าอายุเท่าไหร่แล้ว ถึงได้รู้ว่ากลับมาครั้งนี้เขามีอายุเพิ่ม ขึ้นอีกหลายปีแล้ว นั่งสองนั่งลงและพูดคุยกันเล็กน้อย

อันหลิงหยุนรอจนกระทั่งซูมู่หรงหลับนางจึงจากไป
ครั้งนี้เวลาของอันหลังหยุนมีมากพอ นางพยายามคิดที่ จะนําของทุกอย่างกลับไปให้หมด แล้วนางก็กลับไป

อันหลิงหยุนลืมตาขึ้น แล้วจึงลุกขึ้นนั่ง บนพื้นกงชิง วี่กำลังอุ้มลูกอยู่หนึ่งคนแกว่งไปแกว่งมา แกว่งพลาง บ่นพลางว่า: “หยุดร้องได้แล้ว พวกเจ้าออกแรงกับข้ามื ประโยชน์อะไรกัน ข้าไม่ใช่แม่ของพวกเจ้าเสียหน่อย ดูสิ คลอดพวกเจ้าออกมาแล้วแต่กลับไม่สนใจ ทำให้พวกเจ้า คิดถึงนาง แต่นางกลับนอนหลับใหลอยู่ ไม่รู้ว่าไปเที่ยวถึง ไหนกัน ทำให้พ่อโมโหจริงๆ รอให้นางกลับมาก่อนเถอะ เดี่ยวพ่อจะจัดการนางเอง”

อันหลิงหยุนลงมาจากเตียง: “ส่งมาให้หม่อมฉันเถอะ เพคะ”

กงชิง โกรธ: “นี่เจ้า……

ทันทีที่กงชิงวี่เงยหน้าขึ้น ก็เห็นอันหลิงหยุนยืนอยู่ฝั่ง ตรงข้าม เขารู้สึกตกใจมาก กว่าจะรู้สึกตัว อันหลิงหยุนก็ เดินเข้ามาหากงชิงวี่แล้วอุ้มลูกไปเรียบร้อยแล้ว ตบลูก เบาๆพลางพูดว่า: “อย่าไปฟังพ่อของเจ้าพูดเหลวไหล เป็น เพราะหัวใจของแม่ได้รับความเสียหาย มีเลือดไหลเวียน ไม่เพียงพอ ทำให้เหนื่อยจนเป็นลมหมดสติไป จะต้องพัก ฟื้นสักระยะ บวกกับที่ลุงของพวกเจ้า ซึงก็เป็นอาจารย์ ของแม่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ยังไม่ได้รับการรักษา แม่ จึงต้องไปดูสักครั้ง จึงได้กลับมาช้า!”

“ไอ้เลวนั่นตายแล้วหรือ?” พอกงชิงวี่ได้ฟังก็รู้สึกโมโห อันหลิงหยุนมองกงชิงวอย่างไม่สบอารมณ์นัก: “ท่านอ๋อง ไม่มีอย่างอื่นจะพูดหรืออย่างไรเพคะ?”

“ไม่มี”

ในใจของกงชิงกังวลเรื่องที่หัวใจของอันหลิงหยุนได้ รับความเสียหาย แต่เมื่อได้ยินเรื่องของซูมู่หรงก็รู้สึก โมโหขึ้นมา จึงไม่ได้ถาม

อันหลิงหยุนหันมองหนึ่งครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มรู้สึกผิด จึงไม่ได้สนใจเขาอีก จากนั้นจึงพาลูกไปนอนบนเตียง วางลง แล้วค่อยๆทยอยอุ้มคนอื่นขึ้นมาตบเบาๆ ตบเบาๆ แล้วทุกคนต่างก็ดีใจ ไม่ร้องไห้อีกแล้ว เมื่ออันหลิงหยุน หอมแก้มก็ยิ่งดีใจกันเข้าไปอีก จึงอ้าปากเล็กๆแล้วยิ้ม ออกมา

เด็กๆต่างเริ่มเล่นสนุกกันขึ้นมา อันหลิงหยุนจึงได้หัน ไปมองกงชิงวี่แล้วพูดขึ้นมาว่า: “ท่านออกไปดูข้างนอก หน่อยว่า ที่ในลานมีสิ่งของวางอยู่หรือเปล่า ตอนที่หม่อม ฉันกลับมาได้เตรียมของเอาไว้ไม่น้อย ไม่รู้ว่านำกลับมา ด้วยได้หรือไม่ เป็เพราะมีจำนวนมาก หม่อมฉันจึงไม่อาจ พกติดตัวมาได้ ถ้าหากนำกลับมาได้ ท่านช่วยย้ายเข้ามา ไว้ในห้องหน่อยนะเพคะ”

เมื่อกงชิงวี่ได้ยินว่ามีของ ก็รีบหันหลังเดินออกไป

อันหลิงหยุนไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไรดี อยู่ที่นั่นถึงแม้จะพูด ไม่ได้ว่าเป็นของที่ดี แต่เมื่อมาถึงที่นี่ เขากลับสนอกสนใจ เป็นอย่างมาก

เมื่อออกไปถึงด้านนอก กงชิงวี่ก็เห็นกล่องที่หล่นกองรวมกันอยู่ มีทั้งกล่องเล็กกล่องใหญ่รวมๆแล้วประมาณ สิบกว่ากล่อง

จริงๆแล้วในลานก็มีคน เพียงแต่กล่องเหล่านี้ปรากฏขึ้น มาอย่างแปลกประหลาด อีกทั้งเทปที่แปะอยู่ด้านบนก็ดู แปลกตา จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ มีเพียงอาหยู่ที่ได้ยิน ว่ามีเสียงของท่านอ๋องและพระชายาพูดคุยกันในห้อง ก็ รู้สึกดีใจ และไม่ได้เข้าไปรบกวน

ตอนนี้เองกงชิงวี่เดินออกมา อาหยู่จึงได้เข้าไปรายงาน

กงชิง ย้ายกล่องทั้งหมดเข้าไปไว้ในห้อง ดีที่ห้องมี ขนาดใหญ่ จึงสามารถจุได้

เดิมทีอาหยู่ตั้งใจที่จะช่วย แต่ตอนกลางคืนเขาไม่กล้า เข้าไป กงชิงวี่เองก็ไม่อนุญาตให้เขาแตะต้องตามอำเภอ ใจ

ของที่อยู่ในกล่องล้วนเป็นของรักของหวงของกงชิงวี่ เขาแตะต้องได้ ส่วนคนอื่นๆแม้แต่อาหยู่ ก็ไม่สามารถแตะ ต้องตามใจชอบได้

กล่องถูกย้ายมาวางเรียบร้อยแล้ว กงชิงวี่สั่งให้อาหยู่ไป เฝ้าประตูไว้ ในลานก็ให้คนออกไปให้หมด จากนั้นกงชิง วี่จึงได้เดินกลับไปที่กล่องเหล่านั้น แล้วจึงนำมีดมาค่อยๆ เปิดออกทีละกล่องๆ

ในกล่องสองสามกล่องที่อยู่ตรงหน้า ด้านในล้วนบรรจุ ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์เอาไว้ ส่วนที่เหลืออีกสี่ ห้ากล่อง หนึ่งในนั้นมีกล่องขนาดใหญ่อยู่ใบหนึ่ง ด้านในบรรจุสาสน์ที่กราบทูลเอาไว้ เล่มแรกที่กงชิงวี่เห็นคือ สาสน์ที่กราบทูลที่มีชื่อว่าหงโหลวเมิ่ง

จึงได้ลองเปิดอ่านดู แล้วกงชิงวี่ก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่าง มาก

มุมปากเผยอขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

อันหลิงหยุนรู้ว่าเขาสนใจของพวกนี้เป็นอย่างมาก

อันหลิงหยุนจึงเปิดกล่องอีกใบตาม ด้านในกล่องล้วน เป็นของเล่นของเด็กๆ ส่วนที่เหลือก็มีทั้งหมดแล้ว

มีกล่องใบเล็กอยู่ใบหนึ่ง อันหลิงหยุนค่อยๆแตะอย่าง ระมัดระวัง กลัวว่าจะทำให้ของด้านในเสียหาย

เมื่อนําออกมาแล้วก็วางไว้อย่างดี อันหลิงหยุนเปิด กล่องออก ก็มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้น เดิมทีนางกังวลว่า เค้กจะหล่นจนเละเทะ แต่ตอนนี้ยังอยู่ในสภาพดี

อันหลิงหยุนหยิบส้อมมาแล้วพูดว่า: “หม่อมฉันทิ้ง จดหมายอำลาเอาไว้ให้หัวหน้าหนึ่งฉบับ บอกกับเขาไว้ อย่างชัดเจนแล้วว่า ต่อจากนี้ไปจะไม่กลับไปอีก ท่านอ๋อง ทรงวางใจได้แล้วนะเพคะ”

กงชิงวี่ทำสีหน้าเคร่งขรึม แต่ในใจนั้นปีติยินดีอย่างยิ่ง: “จริงหรือ?”

“จริงสิเพคะ นี่คือเค้กที่ทำที่นั่น เวลาคนฉลองวันเกิด จึงจะได้ทำได้กิน หม่อมฉันทำเอาไว้สองลูก ให้หัวหน้าหนึ่งลูก ส่วนลูกนี้หม่อมฉันนำกลับมา ท่านอ๋องลองชิมดูสิ เพคะ”

อันหลิงหยุนตักให้กงชิงวี่หนึ่งคำ กงชิงวี่อ้าปากกิน เข้าไป: “หวานมาก!”

“นี่คือเค้ก ใช้ครีมทำเพคะ ส่วนด้านล่างใช้ไข่ไก่และ แป้งทำ หม่อมฉันจะผลิตออกมา เพื่อให้ประชาชนทั่วไป ได้ซื้อกินกันเพคะ”

“อืม”

กงชิงวี่นำส้อมมา แล้วตักคำเล็กๆยื่นให้อันหลิงหยุน อัน หลิงหยุนกินเค้ก แล้วจึงยกมือขึ้นหยิบมาเล็กน้อย แล้ว ยื่นเข้าปากกงชิงวี่: “ท่านอ๋องลองชิมดูสิเพคะ ว่าแบบนี้ หวานขึ้นไหม?”

กงชิงวี่ยากที่จะอดใจไหว ถึงแม้จะไม่หวาน เขาก็เต็มใจ ที่จะบอกว่าหวาน

กงชิงวี่กุมมือของอันหลิงหยุนไว้แล้วกินเค้ก อันหลิงหยุ นเขย่งปลายเท้าขึ้น แล้วเอามือคล้องคอกงชิงวี่ไว้ แล้ว จูบ

กงชิงวี่ส่ายหัวไปมา แล้วจึงอุ้มอันหลิงหยุนขึ้นเตียง

ตอนนี้เด็กๆที่อยู่บนเตียงทั้งห้าคน ต่างก็ปิดตานอนหลับ ไปหมดแล้ว เหมือนกำลังจะบอกผู้ใหญ่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง พวกเขา ให้แสดงความรักกันให้เต็มที่
เมื่อเสร็จกิจ อันหลิงหยุนก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่นางไม่ ได้ง่วงนอน เพียงแต่อยากให้กงชิงวี่กอดเอาไว้ไม่ต้อง ขยับไปไหนก็เท่านั้น กงชิงวี่ใช้มือโอบเบาๆ แล้วลูบบนตัว ของอันหลิงหยุน ทนไม่ไหวที่จะต้องปล่อยมือ ถึงแม้อัน หลิงหยุนจะมีเหงื่อออก อยากที่จะปลีกตัวออกไป แต่เขา ก็เดินตามราวกับกลัวว่าของอันเป็นที่รักจะหายไป เห็น อยู่ชัดๆว่าเหนื่อยจนตาจะปิดแล้ว ก็ยังอดไม่ได้ที่จะลืมตา ขึ้น แล้วพลิกตัวมามองคนที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ใน อ้อมกอด แล้วจึงรู้สึกมีอารมณ์ขึ้นมาต่อ

อันหลิงหยุนรู้สึกแปลกใจ รู้สึกว่าตรงนั้นมีอะไรผิดปกติ มาตลอด!

“ท่านจะทำอะไร ทำไมถึงได้ลุกขึ้นอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเมื่อ ครู่เพิ่งเสร็จกิจหรอกหรือ?” อันหลิงหยุนเกรงว่าเป็นเพราะ เรื่องนี้จะทำให้ร่างกายของกงชิงวี่ได้รับความเสียหาย จึง รู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย

กงชิงวี่ก้มลงจูบหน้าผากของอันหลิงหยุน เสียงหายใจ หอบเล็กน้อย

“ตอนที่ช่วยคน เอาเลือดให้เขาดื่มแล้วใช่หรือไม่?” เดิมทีกงชิงวี่คิดเอาไว้ว่าจะค่อยพูดในวันพรุ่งนี้ แต่เขาก็ คิดว่าเรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้เช่นกัน

อันหลิงหยุนรู้สึกแปลกใจ: “ท่านอ๋องทรงทราบได้ อย่างไรเพคะ?”

“ตอนที่ข้าอุ้มหยุนหยุนเข้าไปในรถม้า บนข้อมือของหยุ นหยุนมีรอยแผลเกิดขึ้น มีเลือดไหลออกมาจากข้อมือของหยุนหยุน ข้าจึงรีบนำเข้าปากเพื่อดื่ม แต่เลือดพวก นั้นเหมือนน้ำเปล่าก็ไม่ปาน ไม่มีรสชาติเลยแม้แต่น้อย หลังจากดื่มไปแล้วร่างกายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา”

จริงๆแล้วกงชิงวี่รู้สึกสงสัยอยู่ในใจ และนี่ก็คือสิ่งที่เขา รู้สึกเป็นกังวล

ถ้าหากใช้เลือดที่นั่นจริงๆ ร่างกายที่อยู่ที่นี่ก็ได้รับผลก ระทบด้วย ไม่แน่ว่าหากวันนั้นเลือดหมดตัว ก็อาจจะช่วย คนไว้ไม่ได้!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ