ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 471 ฮองเฮาช่วยเหลือฮ่องเต้สำเร็จ



บทที่ 471 ฮองเฮาช่วยเหลือฮ่องเต้สำเร็จ

“เจ้าฟื้นแล้ว? “อันหลิงหยุนกล่าวเสียงราบเรียบ ส่วนม มิงได้มองไปทางอันหลิงหยุนอย่างไม่แยแส และโบกมือ เพื่อส่งสัญญาณว่าให้ผู้คนรอบข้างออกไป จากนั้นก็ไม่ ได้กล่าวอะไรกับอันหลิงหยุนพลางเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ ยื่นมือออกมาวางไว้บนโต๊ะ

อันหลิงหยุนนับได้ว่าเป็นหมอหลวงไม่กี่คนที่อยู่ในวัง เรื่องนี้มู่มึงต่างรู้ดี นางเองก็มาด้วยเหตุผลนี้

อันหลิงหยุนไม่ได้กล่าวอะไรมาก ด้วยเป็นเพื่อนกันมา พักหนึ่ง พวกนางมิจำเป็นต้องกล่าวอะไรให้มาก

ขณะที่นั่งลงอันหลิงหยุนก็ได้วางมือลงไป กดลงไป ที่ข้อมือของมู่มิงเพื่อเริ่มตรวจสอบ อันที่จริงมู่มิงไม่ได้มี ปัญหาอะไรร้ายแรงเพียงแค่เป็นลมไปเท่านั้น จึงได้นำยา ออกมาส่งให้มู่มิง

“นี่คือยากระตุ้นสมอง เจ้ากินไปหนึ่งเม็ดก่อน ก็จะดีขึ้น เพียงแต่ยานี้มิอาจกินมากเกินไป หากเจ้ากินมากไปจะ นอนไม่หลับเอาได้ ขวดยาเอาไว้นี่ ภายหน้าเจ้าอาจได้ ใช้ประโยชน์”

อันหลิงหยุนลุกขึ้นและกล่าวลา

มู่มิงได้นำขวดยาเล็กๆขึ้นมาดู และไม่ได้สนใจอันหลิง หยุน อันหลิงหยุนกล่าวลาและจากไป

ขณะที่นางเพิ่งออกไป สาวใช้ข้างกายของมู่มิงเดินมาข้างนางและกล่าว “พระนางเพคะ ยานี้มอบให้แก่ข้าน้อย ให้ข้าน้อยทดสอบดูก่อนเพคะ”

เดิมทีใบหน้าของมู่มิงไร้อารมณ์ ค่อยๆหันไปมองสาว ใช้ที่อยู่ด้านข้าง “เจ้ายิ่งอยู่ยิ่งมีความกล้ามากขึ้น ผู้ใดให้ ความกล้านี้แก่เจ้ากัน ถึงขั้นได้กล้ามาสั่งข้า

“ข้าน้อย ข้าน้อยมิกล้าเพคะ! ”

สาวใช้รีบไปคุกเข่าต่อหน้ามูมิง เพียงชั่วครู่ไม่รู้ว่าเกิด เรื่องอะไรขึ้น ปกติแล้วเรื่องในวังล้วนแล้วแต่มีนางเป็น คนจัดการดูแล นางเป็นผู้ที่ฮูหยินกั๋วจิ๋วคัดเลือกมาอย่าง พิถีพิถัน สำหรับจวิ้นจี่มู่มิงแล้วนางก็ถือเป็นผู้ที่จงรักภักดี เช่นกัน แล้ววันนี้เกิดอันใดขึ้นเล่า?

สาวใช้ตกใจกลัวจนโขกหัวอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า มู่มิงมอง ชั่วครู่ “ ใครก็ได้ เอามันไปโบยสามสิบไม้ และโยนเข้าไป ในห้องสะอาด (ห้องส้วมยุคแรกในพระราชวัง) ไม่มีค่า สั่งของข้าก็มิอาจออกมาได้ จงให้นางแก่และตายในนั้น เถิด

“ ไว้ชีวิต พระนางโปรดไว้ชีวิต ข้าน้อย…ข้าน้อยเป็นคน ของฮูหยินกั๋วจิ๋วนะเพคะ! “สาวใช้กรีดร้องกล่าว มุ่งมิง เพียงแค่มองไปที่นางด้วยสายตาเย็นชา ไม่กล่าวอะไร แม้แต่คำเดียว การแสดงออกของนางทำให้เหล่านางสนม ต่างก็กลัวจนตัวสั่น

“ลากออกไป”มู่มิงออกคำสั่ง ก็มีขันทีสองคนเข้ามาลาก คนออกไป จากนั้นภายนอกของสุสานก็มีเสียงร้องอย่า น่าสงสารดังออกมา มู่มิงลุกขึ้นหยิบขวดยาและเดินออกไปมองสาวใช้ที่แทบจะถูกตีตายอยู่ด้านนอก

สาวใช้ที่ถูกตีไปไม่กี่ครั้งทนไม่ไหวก็หมดสติไป ขันที มองมู่มิงที่อยู่หน้าประตู เพื่อรอคำสั่งจากมู่มิง อย่างไรคน ผู้นี้เต๋อเฟยก็เป็นผู้พามาจากนอกวัง หากเกิดเรื่องอันใด ขึ้นมา พวกเขาใครก็มิอาจรับผิดชอบได้

“ตีครบหรือยัง? “มู่มิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ นำขวดยามา วางในมือแล้วถือไว้ด้านหลัง ขันทีน้อยที่กำลังลงโทษอยู่ รีบตอบกลับมามู่มิง ยังตีไม่ครบ

“ในเมื่อยังไม่ครบ เช่นนั้นก็ตีต่อไป ตีเสร็จแล้วก็นํ ออกไป อย่าให้ที ทําให้สายตาข้าสกปรก

ขันทีน้อยรับคำสั่ง ตีต่อไป จนครบสามสิบไม้ จึงได้นำ คนส่งไปที่ห้องสะอาด

สาวใช้ถูกนำตัวไปแล้วมู่มิงถึงได้กินยาที่อันหลิงหยุนม

อบให้ไปหนึ่งเม็ด

คนในวังที่มีสายตาแหลมคมต่างก็รีบเข้าไปปรนนิบัติรับ ใช้ ในใจนั้นรู้ดี เต๋อกุ้ยเฟยดูคล้ายจะไม่สนิทสนมกับพระ ชายาอ๋องเสียน ทว่าแท้จริงแล้วกลับเชื่อใจพระชายาอ๋อง เสียนเป็นอย่างมาก ควรระมัดระวังเรื่องนี้เสียหน่อย จึงจะ รักษาศีรษะเอาไว้ได้

เต๋อเฟยไม่ยอมแม้แต่ผู้ที่พามาจากนอกพระราชวัง มิ ต้องกล่าวถึงพวกนางเหล่านี้ที่ถูกคนในวังคัดเลือกมาให้

อันหลิงหยุนออกมาจากวังซ่งเต๋อก็ได้ไปต่อที่วังจิ่งซิ่วกงชิง ไม่กล่าวอะไรแม้แต่คําเดียว ทว่าอันหลิงหยุนกลับ เดินไปบนถนนอย่างสบายใจ และนางก็ไม่ได้กล่าวอันใด ออกมาเช่นกัน

กงชิงวี่เดินจูงมืออันหลิงหยุนมาจนถึงวังจิ่งซิ่ว อันหลิง หยุนเข้าไปในวังส่วนกงชิงวี่รออยู่ด้านนอกคอยนาง

“ถวายบังคมพระนางเพคะ”อันหลิงหยุนเตรียมตัวคารา วะ จุนเซียวเซียวจึงรีบพยุงอันหลิงหยุนขึ้นมา

“เจ้าและข้าระหว่างพวกเราไหนเลยจะต้องทำเช่นนี้ พวกเจ้าออกไปเถิด ข้าอยากคุยกับพระชายาอ๋องเสียน เสียหน่อย”จุนเซียวเซียวสั่งให้คนออกไป จากนั้นจูงมือ อันหลิงหยุนเดินไปด้านหน้า และดึงอันหลิงหยุนนั่งลง ด้วยกัน

อันหลิงหยุนกล่าว “หม่อมฉันได้รับคำสั่งให้มาตรวจ ชีพจรพระนาง เชิญพระนางเพคะ”

จูนเซียวเซียววางมือลงไป “เจ้าและข้ายังต้องเกรงใจอัน ใด ว่าไปแล้วเป็นเจ้าที่ดูแลข้าเป็นอย่างดี ข้าไม่ได้ถือว่า เจ้าเป็นคนนอกอีกต่อไปแล้ว

อันหลิงหยุนหมุนตัวเพื่อเริ่มตรวจสอบ อันที่จริงร่างกาย ของจุนเซียวเซียวไม่ได้เป็นอันใด อันหลิงหยุนจึงคลาย มือออกและนำยาออกมาให้จุนเซียวเซียวไปหนึ่งเม็ด

จุนเซียวเซียวรับยามา พลางกล่าวขอบคุณไปหนึ่ง ประโยค
อันหลิงหยุนจึงได้ลุกขึ้นเตรียมตัวจากไป “หม่อมฉันทูล ลา”

อันหลิงหยุนไม่คิดอยากจะกล่าวอันใด ไม่ว่าจะเรื่อง ภายในวังหรือผู้คนต่างก็ไม่อยากกล่าว

ส่วนมู่มิงกับตนนั้นไม่เหมือนกัน พวกนางรู้จักกันมาก่อน

แล้วนอกวัง

“ช้าก่อน”ขณะอันหลิงหยุนจะจากไปจุนเซียวเซียวก็

รู้สึกค่อนข้างร้อนใจ อันหลิงหยุนจึงไม่ได้จากไปในทันที

อันหลิงหยุนหยุดลงและก้มหน้ากล่าว “พระนางเชิญ กล่าวเพคะ”

จุนเซียวเซียวถอนหายใจไปหนึ่งครั้ง มองไปยังประตู ถึงได้เริ่มกล่าวกับอันหลิงหยุน

“ข้ารู้ว่าระหว่างเจ้ากับข้ามีความบาดหมางต่อกันอยู่ ถึงแม้เจ้ามองข้าว่าเป็นคนของวังหลวง แต่ก็สามารถคุย กันเป็นเพื่อนได้มิใช่หรือ อันที่จริงข้าอยู่ในวังหลวงไม่มี แม้แต่เพื่อน นิสัยของเจ้าเย็นชา ข้าก็ใช่ว่าจะเป็นคน กระตือรือร้น เจ้ามีความสุขุมของเจ้า ข้าก็มีแผนการของ ข้า ทว่าข้ามิใช่ผู้ที่ก่อกรรมทำชั่ว ข้าเพียงแค่ไม่อยากจะ ตายในวังนี้ พอมองย้อนไปข้าไหนเลยจะไม่หวาดหลัว แม้นข้าเป็นกุ้ยเฟยฐานะสูงส่ง แต่คนของตระกูลจุนแต่ ไหนแต่ไรกลับไม่เคยเห็นข้าในสายตา พี่สาวได้รับความ ชื่นชอบจากครอบครัวมาตั้งแต่เล็ก ท่านพ่อท่านแม่ดูแล นางราวกับไข่มุกที่งดงามบนฝ่ามือ แต่ข้าเข้าใจ เช่นนั้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นางตายตั้งแต่เยาว์วัย ดังนั้นข้าเลยมิได้คาดหวังว่าจะสามารถได้รับการโปรดปรานเช่นนั้น หลังจากเข้าวังข้าได้ถือว่าเป็นคนของฮ่องเต้แล้ว สตรีผู้ มีคุณธรรม ย่อมเดินในใต้หล้าด้วยคุณธรรม แม้ข้าไม่มี ความสามารถ ก็ยังหวังไว้ว่าจะไม่ทิ้งความอัปยศไว้ภาย หลัง อยู่ที่บ้านต้องเชื่อฟังบิดาออกจากบ้านต้องเชื่อฟัง สามี นั่นคือคุณธรรมที่สตรีพึงมี ! ข้าอยู่ในวังล้วนแต่ ลำบากทุกย่างก้าว จะมีใจทำร้ายผู้อื่นได้อย่างไร? ”

คําพูดของจุนเซียวเซียว เรียกได้ว่าสะเทือนฟ้าสะเทือน ดิน โดยเฉพาะเวลาที่กระบอกตาของนางแดงก่ำนั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับอันหลิงหยุนที่จะเข้าใจความยาก ลำบากของสตรีในวัง เพียงแต่นางไม่ต้องการสนใจเรื่อง ของชาวบ้าน

อันหลิงหยุนกล่าว “พระนางอย่าทำเช่นนี้เพคะ หม่อม ฉันเพียงแค่ผู้ดูแลอาการป่วยของพระนาง สำหรับอย่าง อื่นพระนางก็อย่าได้กังวลไปเพคะ ร่างกายจะได้ไม่เจ็บ ไข้ได้ป่วยเพคะ! ”

“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น เจ้ายังพูดเช่นนี้ ความเชื่อใจระหว่างข้าและเจ้าเป็นเช่นนี้หรอกหรือ?

จุนเซียวเซียวร่ำไห้อย่างรุนแรง!

อันหลิงหยุนมองไปที่จุนเซียวเซียวที่น้ำตาไหลจึงกล่าว “พระนางไม่มีอันใดให้เสียใจแล้วเพคะ ร้องไห้เช่นนี้ อาจ ทำให้แพ้ท้องได้นะเพคะ! ”

“ข้าขอร้องเจ้า ชี้ทางสว่างให้ข้าทีเถิด”จุนเซียวเซียว กำลังจะคุกเข่าลง อันหลิงหยุนจับแขนของจุนเซียวเซียวเพื่อประคองขึ้นมา

“พระนางอย่าได้ทำเช่นนี้ พระนาง…”อันหลิงหยุนก้ม หน้า จุนเซียวเซียวฟังอย่างตั้งใจ “ฮองเฮาช่วยเหลือ ฮ่องเต้สำเร็จเพคะ”

จุนเซียวเซียวนิ่งอึ้งไป เงยหน้าทั้งร่างแข็งที่อราวกับ ท่อนไม้ อันหลิงหยุนมองนางที่ตะลึงงันไปทั้งร่าง สุดท้าย ก็ไม่ได้กล่าวอันใดออกมาแม้แต่ประโยคเดียว

อันหลิงหยุนประคองจุนเซียวเซียวให้ลุกขึ้น มิใช่ว่า สงสารจุนเซียวเซียว แต่กลับสงสารเด็กที่อยู่ในท้องของ นางเสียมากกว่า

ชีวิตที่อยู่ในพระราชวังที่ใหญ่โต แม้ว่าสตรีผู้นั้นมิได้ โศกเศร้า แต่ทว่าจุนเซียวเซียวก็มีชีวิตอยู่ดีมิใช่หรือ

เมื่อเทียบกันกับคนที่ไม่มีฐานะไม่มีตำแหน่งหลังจาก เข้าวังเหล่านั้น นางถือได้ว่าตำแหน่งสูงและมากด้วย อ๋านาจทีเดียว

เมื่อเทียบกับผู้ที่มิอาจตั้งครรภ์ ก็ยังถือได้ว่านางโชคดี

นอกเสียจากว่าเด็กในท้องของจุนเซียวเซียวเกิดปัญหา นางก็มิอาจปัดความรับผิดชอบไปได้

อันหลิงหยุนนำยาบำรุงครรภ์ออกมามอบให้แก่จุนเซียว เซียว “เมื่อครู่คือยาบำรุงร่างกาย ส่วนนี่คือยาที่ทำให้เด็ก ปลอดภัย อย่าตื่นเต้นจนเกินไป จึงจะบำรุงรักษาร่างกาย ไว้ได้ พระนางโปรดถนอมพระวรกายเพคะ”
ขณะอันหลิงหยุนหมุนตัวเดินไปยังประตู จุนเซียวเซียว กล่าวถาม “เหตุใดเป็นเช่นนี้? ”

อันหลิงหยุนไม่อยากที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของผู้อื่น จึง ไม่ได้กล่าวคำใดออกไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ