ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 160 เกิดเรื่องกับหยุนโล่ชวน



บทที่ 160 เกิดเรื่องกับหยุนโล่ชวน

แม่ทัพอันเลยสั่งการให้คนใช้จัดเตรียมพระกระยาหาร และเหล้าไว้ แต่แม่ทัพอันนั้นได้ออกจากจวนไปตั้งแต่แรก แล้ว

เมื่อแม่ทัพอันเห็นกงชิงหยินเข้ารู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก

หากตัวเองอยู่ที่นี่เดี๋ยวเก็บอารมณ์ไม่อยู่ จึงออกไปข้าง เสียเลย

ทั้งสี่คนเสวยข้าวด้วยกัน แต่อันหลิงหยุนนั้นจะเลือก เสวยเป็นพิเศษ เพราะว่าชินแล้วกับการเลือกสิ่งของที่จะ มาบำรุง และในแต่ละวันที่เสวยนั้น นางก็มักจะเลือกเสวย อีกอย่างฝีมือของพ่อครัวของจวนอ๋องเสียนนั่นดีกว่าจวน แม่ทัพเป็นไหน ๆ จึงทำให้อันหลิงหยุนชอบเสวยกับข้าว ของจวนอ๋องเสียนเป็นพิเศษ

แต่หยุนโล่ชวน เสวยอย่างจุใจ แถมยังเสวยได้เยอะอีก ด้วย เหมือนกับว่าไม่เคยเสวยมาก่อนกระไรอันหลิงหยุ นเสวยไปแล้วก็ดูหยุนโล่ชวนเสวย “พระชายารองหยุน จริงหรือที่จวนอ๋องตวนนั้นไม่มีเนื้อให้เสวย”

หยุนโล่ชวนแทบจะไม่เสวยผักอยู่แล้ว นางชอบเสวย เฉพาะเนื้อ

เพราะนางเกิดให้ครอบครัวทหาร ซึ่งปกติแล้วคงจะไม่ ขาดเนื้อแน่บรรทม เมื่อดูสภาพของนางในตอนนี้ เหมือน กับคนที่ไม่เคยเสวยข้าวอิ่มมาก่อน
หยุนโล่ชวนเสวยเนื้อ แล้วพูดขึ้นว่า “พระชายาเสียนยัง ไม่รู้ ตั้งแต่ที่แต่งเข้าไป สามวันแรกได้เสวยเนื้อก็จริงอยู่ ก็ไม่รู้ว่านั้นจัดเตรียมไว้ให้อ๋องตวนหรือเปล่า พอเขาไม่ อยู่พระกระยาหารทั้งหลายก็จะมีแต่ผัก ”

ตอนแรกข้าก็ได้เสวยดีอยู่ดี แต่เมื่อเข้าพิธีเสกสมรส แล้ว ก็ไม่ปรากฏพระกระยาหารที่มีเนื้อเลย

ซึ่งปกติแล้วท่านอ๋องก็ไม่ไปค้างที่เรือนของข้ารึก จึงไม่ ได้เสวยพระกระยาหารที่มีเนื้อเลย พอเมื่อเขามา ข้าถึง จะได้เสวย

ข้าเองก็ถามพ่อบ้านนะ พ่อบ้านบอกว่านี่มันคือกฎของ จวนนี้ มีแค่ท่านอ๋องเท่านั้นที่จะสามารถเสวยเนื้อได้

“เจ้าพูดอันใดของเจ้า”

สีหน้าของกงชิงหยินดูแย่ลง ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อในคำ พูดของหยุนโลชวน แต่เมื่อได้สัมผัสกับนางเยอะขึ้น จึง พอได้รู้ ว่านางนั้นไม่ได้โกหก

นางชอบเสวยเนื้อแบบนี้ แต่กลับผอมลงมาก กงชิงหยิน เลยเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอันใดขึ้น

ในเวลานี้นางบอกว่า เป็นพ่อบ้านที่เป็นคนพูดอย่างนั้น กงชิงหยินเลยรู้สึกโกรธ

หยุนโล่ชวนมอง แล้วพูดขึ้น “ท่านจะโมโหขนาดนี้ ทำไมกัน ท่านก็ไม่เห็นต้องรับผิดชอบเรื่องสำคัญ ๆ อัน ใด ไม่เหมือนกับอ๋องเสียนที่เป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มีเสวยไม่เท่าพวกเขาซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติออก ..”อ้นหลิงหยุนจึงรู้สึกเศร้า ๆ จวนอ๋องตวนควรจะมี

สมบัติมากกว่าพวกเขาสิถึงจะใช่

กงชิงหยินลุกขึ้น “กลับเถอะ ข้าเสวยอิ่มแล้ว

หยุนโล่ชวนมองกงชิงหยินด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดี เท่าไร ลุกขึ้น แล้วเช็ดปาก มองยังไก่อบน้ำผึ้งที่วาง อยู่บนโต๊ะพระกระยาหารด้วยสายตาและท่าทางทียัง เสียดายอยู่ จากนั้นนางก็เดินตามออกไป

เมื่อทั้งสองคนนั้นกลับไป อันหลิงหยุนเลยรู้สึกหายใจ คล่องขึ้นหน่อย “ไปได้เสียที”

“ใช่ หลิงหยุน วันนี้พวกเราจะกลับไหม”กงชิงวี่เห็นว่า ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว อีกอย่างก็รู้สึกเหนื่อยด้วย

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ประทับที่นี่ วันรุ่งค่อยเสด็จกลับ”

เมื่อกงชิงหยินพาหยุนโล่ชวนกลับถึงจวน ก็ได้ไปหา พ่อบ้าน พอเข้าไปในประตูก็ถีบไปหนึ่งที “ไอ้บ่าวสารเลว กล้าลบหลู่เบื้องสูง เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ”

หยุนโล่ชวนเองก็ยังงง ๆ ทำไมเขาถึงได้ดูโกรธขนาดนี้

ด้วย

แต่ทว่า……

ดูไม่ออกเลยว่า อ๋องตวนนั้นเป็นคนอารมณ์ร้ายเหมือนกัน

สายตาของหยุนโล่ชวนแฝงเอาไว้ด้วยความพอใจ แบบ นี้สิถึงจะเหมือนกับผู้ชายหน่อย

พ่อบ้านตกใจคุกเข่าลงหมอบกับพื้น จากนั้นก็เอาหัว โขกที่พื้นแล้วยอมรับผิด

กงชิงหยินยืนเอามือไขว่หลังไว้ สีหน้าดุดัน แล้วพูดขึ้น “ข้ารู้ ว่าพวกเจ้าคอยรับใช้และติดตามข้ามาเป็นเวลานาน

แล้ว จนสามารถที่จะทำอันใดก็ตามได้ตามอำเภอใจก็ได้

ตอนแรกข้าเองก็ไม่อยากที่จะยุ่งรึก ขอเพียงแค่ไม่ได้ เกิดเหตุร้ายแรงอันใด ข้านั้นก็จะไม่ถือสา

แต่ที่ทําให้ข้าคิดไม่ถึงคือ พวกเจ้าบังอาจที่ขาดตก บกพร่องเรื่องข้าวปลาพระกระยาหารของพระชายารอง

ใครใช้ให้เจ้าทำอย่างนี้ ใครเป็นนาย ใครเป็นบ่าว เจ้า แยกไม่ออกหรือกระไร”

กงชิงหยินโกรธมาก ทำเอาพ่อบ้านถึงกับพูดไม่ออก

“ข้าถามเจ้าหน่อย ใครให้เจ้าดูแลข้าวปลาพระ กระยาหารของพระชายารองแบบนี้”

พ่อบ้านได้แต่โขกหัวลงที่พื้น “ท่านอ๋อง เป็นความผิด ของบ่าวเอง บ่าวไม่กล้าอีกแล้ว”

กงชิงหยินจึงถีบไปอีกรอบ “ข้าว่าเจ้าคงไม่กล้าทำรึก”
พ่อบ้านบรรทมหมอบอยู่กับพื้น แล้วก็รีบคลานกลับมา โขกหัวลงที่พื้นต่อ

หยุนโล่ชวนทนดูต่อไม่ไหว จึงได้ดึงกงชิงหยินออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ข้าเองก็ยังอยู่ดี ๆ ไม่ใช่หรือ ไม่ ได้เป็นอันใดสักหน่อย ท่านอ๋องจะโกรธขนาดนี้ทำไม เดี๋ยวจะเสียสุขภาพเอาได้ เป็นข้าเองที่ทำไม่ถูก ข้าว่าพอ แค่น้เถอะ พ่อบ้านอาจจะทําไปเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายใน จวน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเปลือง”

กงชิงหยินมอง แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สายตาดูเย็นลง หน่อย “เจ้านี่ช่างใจกว้างเสียจริง”

” …”‘หยุนโล่ชวนเองก็ไม่รู้จะทำกระไร นอกจากทำปาก ยื่น “แล้วจะมีวิธีไหนล่ะ เขาอยู่ใต้ชายคานี้ ไม่ฟังคำสั่งก็ ไม่ได้”

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พระชายารองต้องการที่จะเสวย อันใด ก็เตรียมสิ่งนั้นไว้ หากพระชายารองยังผอมอีกอยู่ หากคนที่จวนกั๋วกงมาหาข้า ข้าจะส่งเจ้าไปให้พวกเขา” กงชิงหยินพูดขึ้นด้วยความโกรธ

พ่อบ้านรีบรับคำสั่ง และก็ไม่กล้าจะทำเรื่องแบบนี้อีก แล้ว

กงชิงหยินเลยพาหยุนโล่ชวนเดินจากไป

พวกเขาไปที่เรือนของหยุนโล่ชวน ในขณะเดินไปนั้น กงชิงหยินพูดขึ้นว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากมีเรื่องอัน ใดให้มาหาข้า เจ้าไม่พูด ข้าไหนเลยจะรู้
“แล้วข้าจะรู้ได้กระไรล่ะว่า ทุกคนในจวนนั้นต่างก็ได้ เสวยเนื้อ ข้าเองได้เสวยแค่ผัก จนทําให้ข้าคิดว่า ท่าน อ๋องไม่มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเลยไม่ได้เงินเดือนเสีย อีก” หยุนโล่ชวนเองก็ไม่รู้จักทำกระไร ก็เลยนึกว่าตัวเอง นั้นแต่งกับคนจนเสียอีก ที่จริงแล้วเป็นพวกบ่าวนั้นคอย กลั้นแกล้งนี่เอง

กงชิงหยินรู้สึกโกรธไม่เบา “ข้าเองไม่ใช่ไม่มีภาระงาน แต่เป็นเพราะไม่อยากที่จะทำมากกว่า”

“ทำไมล่ะ เป็นลูกผู้ชาย ต่อให้ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณ ประเทศชาติ แต่ก็ต้องเลี้ยงดูคนในครอบครัวไม่ใช่หรือ หรือว่าท่านอ๋องไม่รู้หลักการนี้” หยุนโล่ชวนยิ่งพูดยิ่ง ทําให้เข้าโกรธ โกรธจนกงชิงหยินมีสีหน้าที่ซีดไป

นางเป็นแค่เด็กผู้หญิง พูดกับนางมากไป นางก็ไม่เข้าใจก

กงชิงหยินเองอยากจะอบรมนางสักหน่อย แต่ดูสภาพ แล้ว เลยปล่อยไปก่อนดีกว่า

หยุนโล่ชวนกลับถึงเรือนแล้ว จึงรีบทำท่าทางแสดง ความเคารพ และมีสีหน้าที่ดูสนิทสนม จากนั้นนางก็พูด ขึ้น “ท่านอ๋อง ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ เชิญท่านอ๋องกลับไป ก่อนเถอะ”

เพราะรู้ว่ากงชิงหยินไม่ชอบที่จะมายังเรือนของนาง หยุ นโล่ชวนเองก็ไม่อยากจะบังคับ ทำท่าทางทำความเคารพ เพื่อบอกให้เขากลับไป
กงชิงหยินดูภายในเรือน อาวุธสงครามมีหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ดาบ ธนู และกระบอง เมื่อเห็นดังนั้นแล้วก็ไม่ ชอบ หันหลังกลับแล้วเดินจากไป

เมื่อกลับไปถึงยังเรือนของจุนฉูฉู กงชิงหยินจึงหยุดสัก พัก จากนั้นค่อยเข้าไปหาจุนฉูฉู เมื่อจุนฉูฉูได้รับข่าวว่าท่านอ๋องจะมา ก็ได้เตรียมตัวรอ

กงชิงหยินอยู่นานแล้ว เมื่อทั้งสองเจอกัน จุนฉูฉูเลยพูด

ขึ้นว่า “ท่านอ๋อง หม่อนฉันผิดเอง เชิญท่านอ๋องลงโทษได้เลยเพคะ”

จุนฉูฉูทำท่าทางแสดงความเคารพ จากนั้นก็ลุกขึ้น และ กงชิงหยินเองก็ประคองจุนฉูฉูลุกขึ้นด้วย “เรื่องอันใด ทำไมถึงจริงจังขนาดนี้ สุขภาพยิ่งจะไม่ค่อยดีอยู่

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันด฿แลจัดการได้ไม่ทั่วถึง จนทำให้ พ่อบ้านนั้นละเลยต่อหน้าที่ เชิญท่านอ๋องลงโทษ “จุนฉู ฉูดูมีท่าทีที่รู้สึกผิด น้ำตานองเบ้าตา

กงชิงหยินเลยดึงตัวนางเข้ามากอดไว้ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฉูฉู เป็นความผิดของพ่อบ้าน ต่างหาก ข้าเองก็ได้ตำหนิไปแล้ว อย่างน้อยก็เป็นคนที่ ติดตามข้ามานาน ฉูฉูอย่าได้คิดอันใดไปมากกว่านี้เลย สุขภาพนั้นสำคัญกว่า

ดวงตาของจุนฉูฉูหรี่เล็กลงคมราวกับคมดาบ หยุนโล่ ชวน ข้าเองประเมินเจ้าไว้ต่ำไป

ในวันถัดมา
หยุนโล่ชวนโดนจุนฉูฉูเรียกให้ไปพบ

“น้อมคารวะพระชายา” หยุนโล่ชวนเองก็ไม่ได้ชอบจุน ฉูฉู แค่ทำท่าทางแสดงความเคารพนางไปอย่างนั้นเอง

จุนฉูฉูมองหยุนโล่ชวนอยู่พักหนึ่ง ก็เลยพูดขึ้น “ได้ยิน มาว่า เจ้าตัดพ้อเรื่องพระกระยาหารการเสวยที่จวนหรือ

หยุนโล่ชวนพูดขึ้น “ไม่ได้ตัดพ้อ แต่เป็นการเสนอขึ้นมา

ต่างหาก”

“ในขณะที่พูดกับข้านั้น ระวังกิริยามารยาทด้วย หาก เจ้ายังไม่รู้จักมารยาทอยู่แบบนี้ ข้าจะได้ให้คนมาอบรม เจ้า เพื่อเป็นการป้องกัน เมื่อเจ้าออกไปข้างนอกจะได้ไม่ ต้องทำให้ท่านอ๋องนั้นขายหน้า”

“ไม่ต้องรึก มารยาทข้าพอจะรู้”หยุนโล่ชวนแทบจะไม่ ได้สนใจจุนฉูฉู จากนั้นนางก็หันหลังเดินกลับไปยังเรือน ของนาง

เมื่อเข้าไปข้างในแล้ว ก็หยิบดาบขึ้นมา จากนั้นก็ฝึก เพลงกระบี่อยู่ในลานของเรือน

สาวรับใช้อย่างตงเอ๋อเห็นว่านางอารมณ์ไม่ค่อยดี จึงได้ เตือน ๆ นางไว้ จากนั้น หยุนโ นโล่ชวนก็โยนดาบทิ้งลงพื้น

“จวิ้นจู่ พระชายาหาเรื่องท่านอีกแล้วใช่หรือไม่” ตงเอ๋อ

ถามขึ้น หยุนโล่ชวนเองก็ไม่รู้จะทำกระไร อ๋องตวนดูเป็นคนที่ใช้ได้เลยทีเดียว ถึงแม้ว่าฝีมือจะแย่ไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็ ยังมีมาดความเป็นผู้ชายอยู่มาก แล้วทำไมถึงได้ชอบคน ตีสองหน้าอย่างจุนฉูฉูได้

“จวิ้นจู่ นางทำให้ท่านลำบากใจอีกแล้วหรือ

“นางจะหาคนมาสอนมารบาทให้แก่ข้า นางคิดว่านาง เป็นใคร ถึงได้กล้าพูดอย่างนี้ออกมา ข้าไม่รู้จักมารยาท ตรงไหน แล้วทำให้อ่องตวนขายหน้าตอนไหน

นางคิดว่านางนั้นฉลาด ข้าเองก็ไม่ได้โง่ ที่พ่อบ้านให้ พระกระยาหารแบบนั้นแก่ข้าเสวย เบื้องหลังก็เป็นนั่น แหละที่คอยบงการอยู่

ตัวข้าเองก็รู้ ว่าอ๋องตวนนั้นชอบนาง ต่อให้นางจะก่อ เรื่องอันใด นางก็ไม่มีความผิดเก

แต่ว่า ข้านั้นเกลียดนิสัยที่เป็นแบบนี้ของนางนัก ข้าทน

ไม่ได้จริง ๆ ”

“จวิ้นจู่ งั้นพวกเรากลับจวนกั๋วกงดีกว่า กลับไปรายงาน แก่ฮูหยิน นางต้องหาวิธีช่วยจวิ้นจู่เป็นแน่”ตงเอ๋อยิ่งคิดยิ่ง รู้สึกโกรธ

หยุนโล่ชวนส่ายหน้า “ช่างเถอะ กลับไปก็ไม่ดี เดี๋ยวจะ มีผลกระทบต่อท่านอ๋องอีก เมื่อก่อนที่ท่านอ๋องกลับไป กับข้า คนในจวนก็แทบจะไม่มีใครต้อนรับ ข้าเองก็คงไม่มี วาสนาแล้ว”

“จวิ้นจู่ ท่านเป็นห่วงท่านอ๋องหรือ”
“พูดจาอันใดของเจ้า”หยุนโล่ชวนหน้าเริ่มมีสีแดง

กงชิงหยินเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร ถึงแม้นหยุนโล่ ชวนจะดื้อไปหน่อย แต่นางกระไรก็เป็นชายารอง ซึ่งพระ ชายามีอำนาจที่จะสั่งสอน และอบรมได้ แต่กลับอบรม นางไม่ได้สะงั้น การอบรมเป็นเรื่องของจวนกั๋วกง ถึงว่า ทำไมหยุนโล่ชวนจึงได้รู้สึกโกรธ

เมื่อกลับถึงเรือน กงชิงหยินก็ไปหาจุนฉูฉู ลังเลอยู่สัก พัก จึงได้พูดถึงเรื่องของหยุนโล่ชวน

“ท่านอ๋องหมายถึง ไม่ให้หม่อมฉันยุ่งกับนางหรือ” จุน ฉูฉูเองก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร แต่สีหน้ายังคงดูปกติ อยู่

“ในเมื่อนางมีนิสัยที่อบรมและสั่งสอนได้ยาก แล้วทำไม พระชายายังต้องอบรมนางด้วยเล่า ปล่อยให้นางเป็นไป ตามธรรมชาติของนางเถอะ”กงชิงหยินพูดแล้วก็มองไป ยังจุนฉูฉู“นางเข้าวังไปกับข้า หากพูดอันใด แล้วข้าจะ บอกกับเสด็จแม่กระไร

จุนฉูฉูหัวเราะขึ้น “หม่อมฉันเข้าใจแล้ว”

“อืม”

หลายวันมานี้อันหลิงหยุนเองก็อยู่อย่างสุขสบาย แต่ก็ ยังมีเรื่องที่สำคัญให้ทำนั้นก็คือ การหลอมทำเข็มฉีดยา

ถึงแม้นว่าจะยังขาดอันใดไป แต่ก็เป็นแค่วัสดุที่เป็น เหล็ก ซึ่งนางเองก็พอใจอยู่ไม่น้อย ไม่เพียงเท่านั้น นางได้ทดลองแล้ว สรุปว่า สามารถใช้งานได้

แต่นางยังอยากได้โลหะเงิน เพราะว่ามันฆ่าเชื้อได้ และ สามารถใช้เข็มฉีดยาสอดเข้าไปในนั้นได้ด้วย เหมาะแก่ การหลอมทำเป็นเข็มฉีดยาเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าคุณสมบัติ ของโลหะเงินนั้นมันอ่อน หากผสมกับโลหะชนิดอื่นได้ ก็ จะสามารถหลอมทำเข็มฉีดยาได้ทันที

เมื่อลองฉีดยาให้แก่สุนัข อันหลิงหยุนพบว่าไม่สามารถ ใช้ไซลิงก์นี้ได้อีกแล้ว เพราะมันมีสนิมขึ้น จึงเลยทิ้งมันไป

เมื่อออกมาจากห้องทดลอง อันหลิงหยุนกำลังจะไปพัก ผ่อน มองเห็นอาหยู่กำลังเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ และเมื่อ เจอกับอันหลิงหยุนแล้ว จึงรายงานต่อนางไปว่า “พระ ชายา เกิดเรื่องแล้ว”

“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ ทำไมถึงได้ดูตื่นเต้นอย่างนี้” อัน หลิงหยุนเองก็รู้สึกแปลกใจ

“จวนอ๋องตวนเกิดเรื่องแล้ว” อาหยู่เดินมาหาอันหลิง หยุน “พระชายารองลักลอบเป็นชู้กับคนในจวนอ๋องตวน แล้วทีนี่โดนจับได้

“อันใดนะ” อันหลิงหยุนยังไม่เชื่อที่หูตัวเองได้ยิน คนซื่อ ๆ อย่างหยุนโล่ชวนแบบนั้นน่ะหรือ ตีข้าให้สิ้นพระชนม์ ข้าก็ไม่เชื่อรึกว่าจะลักลอบเป็นชู้กับคนอื่น

อันหลิงหยุนส่ายหน้า ต่อให้จะเก่งกาจสักเพียงใด ก็คง ยังไม่ใช่คู่ต่อกรกับจุนฉูฉูรึก นางเล่นแบบนี้ ข้าเองก็ยอม แล้วจริง ๆ
นางไม่กลัวอ๋องตวนขายหน้ารึก นางแค่ห่วงว่าตัวเองจะ เสียประโยชน์ก็เท่านั้น

อันหลิงหยุนถาม “ท่านอ๋องรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง”

“ท่านอ๋องยังไม่กลับมา ข้าเองก็ได้ยินข่าวนี้มาจากที่ เขาลือกันตามท้องถนน แล้วจึงรีบมารายงานกับพระ ชายา”

อันหลิงหยุนมองอาหยู่แล้วพูดขึ้นว่า “มาบอกข้าทำไม เรื่องภายในของจวนอ๋องตวน ข้าเองไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง อยู่แล้ว”

“ก็จริงของท่าน อาหยู่เองก็เห็นด้วย

อันหลิงหยุนส่ายหน้า “หาวิธีไปรายงานกับท่านอ๋อง ไป”

“ขอรับ”

จากนั้นอันหลิงหยุนก็ออกจากจวนไป ลองเดินไปบน ถนน จะกระไรนางก็ยังเป็นห่วงหยุนโล่ชวนอยู่ เด็กคนนั้น ออกจะน่ารัก

ที่ประตูด้านหน้าของจวนอ๋องตวน หยุนโล่ชวนกำลัง โดนมัดให้ขึ้นไปบนรถม้า นางนั่งอยู่บนรถม้า กอดตัวเอง เอาไว้แน่น ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยน้ำตา

อันหลิงหยุนเห็นนางจากไกล ๆ ก็รู้สึกสงสารนางมาก

ที่ประตูของจวนอ๋องตวน อ๋องตวนเห็นหยุนโล่ชวนโดนจับไป สีหน้าดูร้อนรนเป็นอย่างมาก

อันหลิงหยุนเองก็เลยอยากรู้ว่าอ๋องตวนจะซื่อบื้อไปถึง เมื่อไหร่กัน

เมื่อรถม้าไกลออกไป กงชิงหยินเองก็ไม่ได้ห้ามไว้แต่

อย่างใด อันหลิงหยุนเองก็หมดหวังลงเหมือนกัน เมื่อหันหลังเตรียมตัวจะกลับ ก็เห็นกงชิงวี่ยืนอยู่ข้างหลังของนาง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ