ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 271 นั่นคือใคร



บทที่ 271 นั่นคือใคร

หลังจากพูดทุกอย่างจบ กงชิงวี่ก็เอ่ยถามขึ้นว่า: “มี อะไรอีกหรือไม่?”

อันหลิงหยุนมองใบหน้าของเขาที่ไม่แสดงออกถึงความ แปลกใจเลยแม้แต่น้อย ครู่ใหญ่จึงดึงสติกลับมา: “ท่านรู้ เรื่องทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?”

ตอนนี้เองกงชิงวี่ถึงจะจัดแต่งเสื้อผ้า และลุกจากรถม้า ขึ้นมานั่ง มองอันหลิงหยุนอย่างไม่ได้ตั้งใจนัก แล้วพูดว่า: “ข้าเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนอยู่ในวัง หากมีเรื่องสงสัยก็ ต้องสืบให้รู้แน่”

“ท่านสะกดรอยตามข้า?”

“ปกป้องหยุนหยุนต่างหาก ถ้าหากข้าไม่ใส่ใจ ข้าก็คง ไม่สนใจ และคงไม่สืบหาความจริงแล้ว

แต่ตั้งแต่หยุนหยุนยกเรื่องที่ฮองเฮาวางยาพิษขึ้นมาพูด ข้าก็เริ่มสืบหาความจริงแล้ว สืบไปสืบมาก็ได้รู้หลายสิ่ง ถือเป็นเรื่องปกติ”

อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่ก็รู้สึกนึกกลัวขึ้นมา ไม่เคยเจอ คนที่จัดการได้ยากเช่นนี้มาก่อนเลย ไม่มีเรื่องที่เขาไม่รู้ เลยจริงๆ

อันหลิงหยุนถาม: “ท่านมั่นใจตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าข้าไม่ใช่ อันหลิงหยุน?”
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน นอกจากเรื่องนี้ เรื่องอื่น ข้ารู้ทั้งหมด” กงชิง เอามือซ้อนคางของอันหลิงหยุนขึ้น

“ข้าชอบเวลาหยุนหยุนทำหน้าตาเบื่อหน่าย มองข้าแบบ ทำอะไรไม่ถูก ทำให้ข้ารู้สึกถึงความสำเร็จ”

“เช่นนั้น ท่านก็รู้ว่าฮองเฮาในท้องของฮองเฮา ไม่ได้มี เด็กจริงๆเช่นนั้นหรือ?” อันหลิงหยุนรู้สึกสับสนในจุดนี้ ที่สุดว่าเขารู้ได้อย่างไร?

กงชิงวี่แสยะยิ้ม: “ทราบ”

อันหลิงหยุนรู้สึกอึดอัดใจเป็นที่สุด ไม่มีอะไรจะพูดอีก

อันหลิงหยุนไม่สามารถรู้สึกดีใจได้อีก

เมื่อปลีกตัวออกมาจากกงชิงวี่ อันหลิงหยุนนอนลง มี ท่าทีที่ค่อนข้างไร้ยางอายแบบเด็กๆ กงชิงวี่ให้นางนอน ลงบนตัก เช่นนี้เขาเองก็รู้สึกสบาย

ทั้งสองไม่พูดไม่จา มองสบตากันเป็นครั้งคราว

อันหลิงหยุนถามอย่างหดหู่: “ในเมื่อท่านรู้ทุกอย่าง แล้ว ทำไมจึงไม่ระวัง?”

“ข้ารู้ก็เพียงแต่เรื่องที่ข้าเห็นอยู่ตรงหน้าเท่านั้น ส่วนคน ที่คอยหลบอยู่เบื้องหลังเหล่านั้น ข้าไม่ค่อยชัดเจนนัก ดัง นั้นข้าจึงอยากให้หยุนหยุนคิด

“มิน่าล่ะ เช่นนั้นท่านอ๋องทรงสงสัยอ๋องทั้งแปดท่านหรือไม่เพคะ?”

“เสียดายที่ไม่นานข้าก็ต้องลงจากตำแหน่งแล้ว มิเช่น นั้น ก็ยังพอจะจับอีกหลายคนมาสอบถามได้”

“จะจับคนเพิ่มอีกหรือ?”

“วิธีการของข้าก็คือจับ หากไม่จับจะสอบสวนได้ อย่างไร?”

อันหลิงหยุนหมดคำจะพูดแล้ว ค่อยๆพิงตัวลงแล้วหลับ

ไป

กงชิงวี่เห็นว่านางหลับแล้ว จึงพิงในรถม้าเพื่อพักผ่อน

ตอนนี้อ่องตวนกำลังพาจุนฉูฉูเข้าไปเยี่ยมหยุนโล่ชวนที่ กำลังนอนรักษาตัวอยู่ในตำหนักกั๋วกง

ตั้งแต่ที่หยุนโล่ชวนกินยาอาการแพ้ทองเข้าไป ร่างกาย ก็ดีขึ้นมาก สามารถกินได้ทุกอย่าง โดยไม่อาเจียนแล้ว

แม่นมเว่ยดีใจเป็นอย่างมาก ถือว่าแก้ไขเรื่องใหญ่ไปได้ เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

และเป็นเพราะเรื่องนี้ หลายวันมานี้ฮั่วไท่เฟยจึงปฏิบัติ ต่อจุนฉูฉูค่อนข้างดี

โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่จุนฉูฉูเป็นผู้ก่อขึ้น ก็ได้กล่าวชมเชยจุนฉูฉูไปหลายคํา
“ที่ผ่านมาเป็นเพราะพี่ไม่ดีเอง ข้าว่าเจ้ากลับไปเถอะ แล้วพี่จะดูแลเจ้าเป็นอย่างดีแน่นอน เรื่องเช่นนั้นจะไม่มี ทางเกิดขึ้นอีก พระชายารองให้โอกาส ได้ชดเชยอีก ครั้งเถิด”

แม่นมเว่ยยืนเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ เหมือนกับเสือที่ยืนเฝ้า อยู่หน้าเตียง อย่าว่าแต่จุนฉูฉู่เลย แม้แต่หยุนโล่ชวนเองก็ กลัว

“แม่นม ท่านเห็นว่าอย่างไร?” หยุนโล่ชวนเองก็ไม่กล้า ตัดสินใจ ร่างกายของนางจำเป็นต้องมีคนดูแล แม่นมเว่ย เป็นผู้จัดการเรื่องทุกอย่างให้นางทั้งหมด ตอนนี้แม้แต่มี คนมาเยี่ยมก็ต้องได้รับอนุญาตจากนางก่อน นางจะพูด อะไรก็ต้องคอยถามแม่นมเว่ยก่อน

แม่นมเว่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “เรื่องนี้ต้องได้รับความเห็น ชอบจากไท่เฟย แต่ว่าอันที่จริงแล้ว ตำหนักกั๋วกงเองก็ไม่ ค่อยสะดวกนักเพคะ”

“เช่นนั้นลองไปถามเสด็จแม่ก่อนแล้วค่อยมาใหม่เถอะ เพคะ”

อ๋องตวนมองดูหยุนโล่ชวนที่ดูมีน้ำมีนวลและมีเนื้อมีหนัง ขึ้นมาเล็กน้อย ถือว่าความพยายามของทุกคนไม่ได้เสีย เปล่า

แล้วจึงหันไปมองจุนฉูฉูที่ยืนอยู่ข้างๆ: “พวกเรากลับ กันเถอะ รอพรุ่งนี้เข้าวังไปทูลถามเสด็จแม่ก่อนแล้วค่อย วางแผนกัน”
ฮั่วไท่เฟยเองก็ทรงกำลังคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ อยู่ ลูกสะใภ้ที่ปกติไม่สามารถออกจากบ้านได้ แล้วยัง ต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านตัวเองอีก ถึงฮ่องเต้จะไม่ทรงตรัส อะไร แต่คนภายนอกก็จะต้องนำไปพูดกันสนุกปากอย่าง แน่นอน

เมื่อพิจารณาซ้ำไปซ้ำมา ฮั่วไท่เฟยจึงทรงรับปากเรื่อง ที่ให้หยุนโล่ชวนกลับไปอยู่จวนอ๋องตวน แต่ก็กำชับว่า ถ้าหากหยุนโล่ชวนกับลูกเป็นอะไรขึ้นมา จุนฉูฉูก็ไม่ต้อง เป็นพระชายาของจวนอ๋องตวนอีกต่อไป

จุนฉูฉูออกจากวังหลวงแล้วรับตัวหยุนโล่ชวนกลับมา ตำหนักกั๋วกงมีบทเรียนจากในอดีตจึงรู้สึกไม่วางใจเล็ก น้อย ฮูหยินแก่ของจวนอันกั๋วจึงตั้งใจส่งสาวใช้สองสาม คนไปอยู่เป็นเพื่อนหยุนโล่ชวนที่จวนอ๋องตวนเป็นพิเศษ อีกทั้งเมื่อถึงจวนอ๋องตวน ก็ได้ตรวจสอบลานด้านหลัง ของหยุนโล่ชวนหนึ่งรอบ อะไรที่ดูขัดหูขัดตาก็จัดเก็บ ด้วยตนเอง แม้กระทั่งอาหาร คนในตำหนักกั๋วกงก็จะเป็น ผู้นำมาส่งให้ อีกทั้งทุกวันก็จะต้องส่งของที่สดใหม่ให้

มีเตาอยู่ภายในลาน จะใช้อะไรกินอะไรก็สะดวกไป หมด แม้แต่พ่อครัวก็เป็นคนของตำหนักกั๋วกงเอง

ถึงแม้จุนฉูฉูจะวิงวอนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถ เปลี่ยนความตั้งใจของตำหนักกั๋วกงได้ จึงได้แต่ทำไป ตามนั้น

กลับเป็นอ๋องตวนที่เมื่อเห็นเรื่องพวกนี้ทั้งหมด ก็รู้สึก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หากไม่ใช่เพราะจวนอ๋องจวนทำรุนแรงเกินไป ก็คงไม่ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

อันหลิงหยุนพักผ่อนสองสามวัน ทางราชสำนักก็มีคำสั่ง ลงมา กงชิงวี่กระทําการเด็ดเดี่ยว ฆ่าคนอย่างเลือดเย็น ฮ่องเต้จึงขอสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่อ๋องซือเจิ้นไว้หนึ่งปี เพื่อให้เขาได้พิจารณาตัวเอง

อันหลิหยุนอ่านคำสั่ง: “นี่คือสิ่งที่ท่านอ๋องต้องการอย่าง นั้นหรือ?”

“อืม” กงชิง สีหน้าเรียบเฉย แล้วหันไปมองท้องของ อันหลิงหยุน อันหลิงหยุนเองก็รู้สึกเป็นห่วงมาก คนพวก นี้หลายครรภ์ของทั้งสองตำหนักก่อน ไม่ว่าจะมีจุด ประสงค์อะไร พวกเขาสามารถให้ฮองเฮาทำงานให้พวก เขาได้ เหมือนกับที่ในตอนนั้น ที่สามารถควบคุมนางสนม ในวังหลังของฮ่องเต้องค์ก่อนได้

อีกทั้งที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงฆ่ายุ่กุ้นเฟยและฉีกกุ้ยเฟย จริงๆแล้วเป็นเพราะต้องการส่งสัญญาณเตือนคนที่อยู่ เบื้องหลัง ถึงแม้จะเป็นคนใกล้ชิด ก็สามารถคิดกบฏได้ เหมือนกัน

พวกเขาใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายมาหลายปี เช่นนี้ ตอนนี้ก็เท่ากับว่าสำเร็จแล้วครึ่งหนึ่ง แล้วจะยอม ปล่อยเด็กที่อยู่ในท้องของนางได้อย่างไร

ขอเพียงแค่ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงประกาศว่าจะไม่ทรงแต่ง ตั้งพระสนมอีก คนเหล่านั้นก็จะหันมาสนใจนางและหยุ นโล่ชวนแทน หลังจากนั้น…….
ขอแค่ฮ่องเต้ไม่ทรงมีทายาท พวกเขาก็จะมีโอกาส และ สิ่งที่ขวางทางพวกเขาอยู่เพียงอย่างเดียวก็คือจวนอ๋องต วนและจวนอ๋องเสียน

ไม่ให้อ๋องทั้งแปดท่านยุ่งเกี่ยวการเมือง ก็เท่ากับว่าตัด ช่องทางของพวกเขา

พวกเขาไม่เต็มใจ ดังนั้นต่อให้ต้องเสี่ยงก็ยอม

ถ้าหากฮ่องเต้ชิงหยู่ อ๋องเสียน อ๋องตวน ทั้งสามคนไร้ ซึ่งทายาท เช่นนั้นตำแหน่งฮ่องเต้นี้ ก็จะต้องตกเป็นของ ลูกหลานของพวกเขา

ในเมื่อสามารถทำถึงขนาดทำลายทารกในครรภ์ของ ตำหนักทั้งสองได้แล้ว แล้วมีอะไรที่ไม่สามารถทำได้อีก

ฮ่องเต้ชิงหยู่เองก็อายุห้าสิบกว่าชันษาแล้ว ฮองเฮาไม่ สามารถทรงพระครรภ์ได้อีกคือเรื่องจริง ส่วนพระสนม เซียวถึงแม้จะยังพอมีโอกาส ก็ต้องอาศัยโชคของนาง ช่วย

ดังนั้นจึงเหลือเพียงหนทางเดียว คือแต่งตั้งพระสนม

แต่ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงแสดงออกชัดเจนแล้วว่าไม่เต็มใจ แต่ก็เกรงว่าจะไม่ทรงทำเช่นนั้น

สิ่งเดียวที่อันหลิงหยุนไม่เข้าใจก็คือ จริงๆแล้วฮองเฮา ทรงฟังคำแนะนำจากใคร

ทำไมจึงได้ตัดสินใจทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้
“ท่านอ๋อง พวกเราจะทำเช่นไรดีเพคะ? หรือจะต้องรอ ให้พวกเขามาหาหรือ?” อันหลิงหยุนรู้สึกเศร้าโศก จะให้ นั่งรออยู่แบบนี้ก็คงไม่ได้

“ไม่ได้แน่นอน ข้าวางแผนเอาไว้แล้ว แต่สองสามวันนี้ หยุนหยุนห้ามออกไปไหนเด็ดขาด ให้อยู่ศึกษาสมุนไพร อยู่ในจวนก็พอแล้ว ส่วนข้าจะลองไปสังเกตการณ์ด้าน นอกดูสักหน่อย”

“ท่านอ๋องทรงมีเป้าหมายหรือเพคะ?”

“ไม่มีเป้าหมายอะไรหรอก แต่คนเหล่านี้คงจะไม่ได้คิด ลงมือกับข้าก่อนหรอก พวกเขาควรจะลงมือกับอ๋องตวน ก่อนถึงจะถูก เรียงตามลำดับอาวุโส

ในราชสำนักเมื่อเห็นว่าทั้งสองตำหนักเกิดเรื่องขึ้น ก็ เริ่มมีการเสนอให้ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งพระสนม แต่ฮ่องเต้ไม่ ทรงยอม เช่นนั้นพวกเขาก็คงบังคับให้ฮ่องเต้ทรงเห็นแก่ ชาติบ้านเมืองเป็นสําคัญ

เหล่าขุนนางคงจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรมากมาย ส่วนมาก เพียงแค่ต้องการหาคนมาพึ่งพิง ถึงเวลานั้นกลัวแค่ว่าจะ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเหล่าขุนนางได้

แต่ฮ่องเต้ทรงตัดสินพระทัยแล้ว เขาจะต้องแต่งตั้งคน มาสืบทอดบัลลังก์ต่ออย่างแน่นอน และคนคนนี้คงไม่ใช่ ข้าแน่ๆ”

“ถ้าเช่นนั้นก็คืออ๋องตวนหรือ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ