ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 482 รักษาคนไว้



บทที่ 482 รักษาคนไว้

อันหลิงหยุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง: “เรื่องนี่หม่อมฉันเองก็ไม่รู้ จริงๆ แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว แสดงว่าทั้งสองด้านยังมีความ เชื่อมโยงกันอย่างแน่นอน ทำไมยังพูดไม่ชัดเจนอีก

ท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ หม่อมฉันพูดกับหัวหน้า ชัดเจนแล้วว่า ไม่ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น หม่อมฉัน จะไม่มีวันกลับไปที่นั่นอีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีทางเกิดเรื่อง แบบนั้นอีกเพคะ”

“ข้าจะลองเชื่อเจ้าดูสักครั้ง แต่ถ้าหากครั้งหน้าหยุนหยุ นกลับคำล่ะก็ ข้าจะเอาหัวชนกำแพงให้ตาย!” อันหลิงหยุ นจะพูดอะไรได้อีก คำก็เอาหัวชนกำแพงตาย สองคำก็ เอาหัวชนก๋าแพงตาย

“รู้แล้วเพคะ!” อันหลิงหยุนอยากจะพักผ่อน กงชิงวี่รวบ เส้นผมของอันหลิงหยุนไปไว้อีกด้านหนึ่ง

“หัวใจที่ได้รับความเสียหายดีขึ้นแล้วหรือ?” กงชิงวี่ยัง รู้สึกเป็นห่วง

“หายดีนานแล้วเพคะ ถ้าหากยังมีอาการอยู่ก็คงจะ ทำเรื่องเช่นนี้กับท่านอ๋องไม่ได้หรอกเพคะ” อันหลิงหยุ นขยับเข้าไปในอ้อมกอดของกงชิงวี่ เมื่อรู้ว่ากงชิงวี่เป็น ห่วง จึงเขยิบเข้าไปในอ้อมกอดของกงชิงวี่เพื่อให้ปลอบ ประโลมนาง

“อืม!” กงชิงวี่นึกกลัว เลือกไม่มีรสชาติเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขาตกใจมาก สิ่งที่ไหลออกมาจากร่างกายของคนคนหนึ่งไม่ใช่เลือด แต่กลายเป็นน้ำที่ไม่มีสีไม่มีรส แล้ว เช่นนี้จะให้เขารับไหวได้อย่างไร?

กงชิงวี่เองก็เหนื่อยแล้ว หลายวันมานี้ไม่ได้พักผ่อนเต็ม ที่ อันหลิงหยุนอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาจึงจะสามารถ นอนหลับสนิทได้

ตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา อันหลิงหยุนก็ได้รับราชโองการ มีคำสั่งเรียกตัวให้อันหลิงหยุนเข้าวัง อันหลิงหยุน ไม่เต็มใจที่จะเข้าวังเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่อาจขัด ราชโองการได้

แม่ทัพอันอยู่บ้านดูแลเด็กๆ เขาบอกกับอันหลิงหยุนว่า ให้นางเข้าวังไปพร้อมกับกงชิงวี่ก็พอแล้ว ส่วนลูกๆเขาจะ ดูแลให้เอง

อันหลิงหยุนนั่งรถม้าเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ในรถม้า อันหลิงหยุนถูกกงชิงวี่กอดเอาไว้ อันหลิงหยุนรู้สึกอึดอัด

“ท่านอ๋องเกรงว่าหม่อมฉันจะหนีไปไหนหรือเพคะ?” อัน หลิงหยุนถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

“ข้าทนไม่ไหวแล้ว” กงชิงวี่พิงเข้าไปในรถม้า แล้วจึง ปล่อยมือลง ตอนนี้เองเขาหรี่ตาลง ใช้มือข้างหนึ่งโอบเอว ของอันหลิงหยุนไว้ ส่วนมืออีกข้างก็เล่นปานจื่อที่อยู่ใน มือ

ในใจกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

อันหลิงหยุนมองเขาหนึ่งครั้ง แล้วจึงพิงเข้าไปหาเอง มือของกงชิวี่ข้างที่ใส่ปานจื่อกอดเบาๆที่หัวของอันหลิงหยุ น แล้วจึงลูบที่ติ่งหูของอันหลิงหยุนเล่นเบาๆ ติ่งหูของอัน หลิงหยุนถูกเขาเล่นจนแดงไปหมด

อันหลิงหยุนกลัวเรื่องแบบนี้ที่สุด ตรงไหนที่ไวต่อความ

รู้สึก เขาก็ชอบที่จะสัมผัสตรงนั้น อยากที่จะยื่นมือออก ไปดึงมือของกงชิงวี่ออก เขาก็ลืมตาขึ้นมามองพอดี

อันหลิงหยุนใช้มือปิดเอาไว้ ไม่อยากให้กงชิงวี่มอง แต่ เขาทนได้เสียที่ไหนกัน เขาดึงมือของอันหลิงหยุนออก แล้วก้มหน้าลงไปดูด

อันหลิงหยุนหน้าแดง อยากที่จะผละตัวออกจากลม หายใจร้อนๆของกงชิงวี่ ทั้งสองกอดรัดกันอยู่ครู่ใหญ่ จน อันหลิงหยุนหมดแรง ร่างกายอ่อนปวกเปียก แล้วจึงพิง เข้าไปในอ้อมแขนของกงชิงวี่

สองสามีภรรยาพิงกันอยู่เช่นนี้ จนกระทั่งรถม้าเคลื่อน เข้าวังไป อันหลิงหยุนจึงผละตัวออกจากกงชิงวี่ กงชิงวี่ ลุกขึ้นเดินลงจากรถม้าก่อน อันหลิงหยุนออกมาจากรถ ม้า แล้วยื่นมือให้กงชิงวี่ วันนี้ทั้งสองคนแต่งตัวค่อนข้าง เป็นทางการ อันหลิงหยุนตั้งใจเตรียมชุดข้าราชการให้กง ชิงวี่ เกรงว่าฮ่องเต้ชิงหยู่จะหาจุดบกพร่องมาเล่นงานได้

ครั้งก่อนยกเรื่องเสื้อผ้าขึ้นมาหาเรื่อง อันหลิงหยุนยังจำ ได้

ส่วนเรื่องที่ฮ่องเต้ชิงหยู่พูดถึงองค์หญิง อันหลิงหยุนเห็น ว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐาน
กงชิงวิยื่นมือให้อันหลังหยุน อันหลังหยุนวางมือลง กง ชิงวิภุมมือเอาไว้ แล้วจึงเขยิบเข้าไป อุ้มอันหลังหยุนลง มาจากรถม้า เมื่อลงมาถึงด้านล่างก็จัดเสื้อผ้าของอันหลัง หมุนให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้นจึงพาอันหลังหยุนเข้าวังไป

ที่ประตูวังมีขันที่ยืนรออยู่ ทั้งสองเดินเข้าประตูไป แล้ว เดินตามไปยังพระตำหนักจรุงจิต

“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงมีอายุยืนหมื่นปี กงชิงวในชุดข้าราชการ มือทั้งสองข้างประสานกันอยู่ ตรงระหว่างคิ้ว แล้วโค้งคำนับ

อันหลิงหยุนเองก็ทำท่าทางถวายความเคารพฮ่องเต้ ชิงหยู่เช่นเดียวกับกงชิงโดยไม่ได้นัดแนะกัน: “ถวาย พระพรฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงมีอายุยืนเป็นหมื่นหมื่นปี

ฮ่องเต้ชิงหยู่ซึ่งนั่งอยู่ด้านบน มองลงมาเห็นทั้งสองพูด โดยพร้อมเพรียงกัน แต่กลับไม่โมโหแม้สักนิด

ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงลุกขึ้นจากบังลังก์ แล้วจึงเดินลงมาหยุ นอยู่ที่ตรงหน้าอันหลิงหยุน มองใบหน้าที่ดูซูบผอมลงเล็ก น้อยของอันหลิงหยุนด้วยความสงสัย

“ข้า….” เดิมทีฮ่องเต้ซิงหยู่คิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่อันหลิงหยุนเอาแต่ก้มหน้าก้มตา กงชิงวี่เองก็อยู่ด้วย ฮ่องเต้ชิงหยู่จึงทำราวกับว่าไม่รู้จะพูดว่าอะไร

“ร่างกายดีขึ้นแล้วหรือ?” ในที่สุดฮ่องเต้ชิงหยู่ก็เอ่ยถาม

“ทูลฝ่าบาท ดีขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ?” ยังไม่ทันจะรอให้อันหลิงหยุนตอบ กงชิงวี่ก็ตอบแทนอันหลิงหยุนเสียแล้ว

ฮ่องเต้ชิงหยู่มีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ: “ข้าถามเจ้าแล้ว อย่างนั้นหรือ?”

“หม่อมฉันมิบังอาจ!” กงชิงวี่เองก็ไม่เงยหน้า รู้สึกไม่ พอใจอย่างมากเช่นกัน

ฮ่องเต้ชิงหยู่จึงตรัสว่า: “วันนี้ใส่เสื้อผ้าดูเป็นทางการ ดี พอแล้ว เงยหน้าขึ้นเถอะ ไม่ได้มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษ หรอก เรื่องของฮองเฮาครั้งก่อน ต้องขอบคุณหยุนหยุ นมากจริงๆ……”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอขัดจังหวะ อย่าทรงทําผิดกฎนะ

พ่ะย่ะค่ะ” กงชิงวีได้ยินฮ่องเต้ชิงหยู่เรียกชื่อของอันหลิง

หยุน ก็รีบพูดขัดขึ้นมาทันที

ฮ่องเต้ชิงหยู่แสดงสีหน้าไม่พอใจ: “ข้าจะเรียกอย่างไร จะต้องให้เจ้ามาคอยเตือนด้วยอย่างนั้นหรือ?”

“หม่อมฉันเกรงว่าจะมีคนนำไปพูดลับหลังพ่ะย่ะค่ะ” กง ชิงวี่ไม่พอใจ แสดงสีหน้าที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย

อันหลิงหยุนเองก็รู้สึกกังวล อยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่ว หน้าขวาน เมื่อถูกเอาเปรียบก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านอีก ตอน นี้อันหลิงหยุนจึงรู้สึกว่า อยู่เงียบๆน่าจะดีกว่า

“ข้าเองยังไม่กลัว แล้วเจ้าจะกลัวอะไร?” ฮ่องเต้ชิงหยู่ มองกงชิง อย่างไม่สบอารมณ์ แล้วจึงหันไปหาอันหลิง หยุน: “ร่างกายจะต้องดูแลให้ดี เมื่อเจ้าคลอดเสร็จก็หมดสติไปหลายวัน คราวนี้เหนื่อยเกินไปทำให้หมดสติไปอีก ครั้ง

เขามาโวยวายกับจ้า ข้ายังจำได้อยู่

ในประเทศต้าเหลียง มีใครกี่คนที่กล้าทำเช่นนี้

อาศัยที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับข้า มาระบายความ โกรธกับข้าเช่นนี้”

” ….…….……..หลงหยุนไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยจริงๆ แต่ตอนนี้ก็ไม่อาจหันไปมองกงชิงวี่ได้ ทางที่ดีที่สุดคือก้ม หน้าก้มตาไม่ต้องพูดอะไร

กงชิงวี่เองก็ไม่ตอบ ฮ่องเต้ชิงหยู่มองใบหน้าที่หยิ่งยโส ของเขา แล้วจึงทำเสียงโมโหขึ้นมา: “ออกไป ข้ามีเรื่องจะ คุยกับพระชายาเสียน”

อันหลิงหยุนใจเต้นตึกตัก ตอนนี้พวกเขาสองคนกำลัง ทะเลาะกันให้ใครดู?

“หยุนหยุนเพิ่งจะตื่นขึ้นมา ร่างกายยังฟื้นฟูไม่เต็ม ที่ หม่อมฉันไม่อาจอยู่ห่างจากนางได้ ขอฝ่าบาททรง ประทานอภัยด้วย” พูดง่ายๆว่าไม่ไปนั่นเอง

ฮ่องเต้ชิงหยู่ทำท่าทางเย็นชา: “เช่นนั้นก็ออกไปเสีย พา พระชายาของเจ้าไปด้วย!”

“หม่อมฉันทูลลา”
กงขิงดึงอันหลิงหยุนออกไป อันหลิงหยุนรีบพูดว่า “หม่อมฉันทูลลา”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ทำเพียงแค่มองคนทั้งสองที่เดินจากไป ไม่ ได้พูอะไรอีก

ออกจากประตู อันหลิงหยุนรีบเดินตามกงชิงวี่ไปอย่าง รวดเร็ว สีหน้าของกงชิงวี่แย่มาก เดินเร็วเหมือนลมพัด

อันหลิงหยุนถาม: “เป็นอะไรไปเพคะ?”

“หุบปาก กลับไปกับข้า” กงชิงวี่รีบตรงไปยังประตูวัง สีหน้าดุดันราวกับจะกินคน

แต่ขณะที่ทั้งสองเดินมาถึงประตูวัง ขันทีน้อยก็วิ่งตาม ออกมา ต้องการให้อันหลิงหยุนรับราชโองการ

กงชิงวี่และอันหลิงหยุนหยุดเดิน ขันทีน้อยรีบกล่าว

ราชโองการ

“มีราชโองการ ฝ่าบาททรงมีคำสั่งลงมา เนื่องด้วย ฮองเฮาทรงมีพระวรกายที่ไม่แข็งแรง ในวังไม่มีวิธีรักษา ให้หายได้ วันนี้พระชายาเสียนผู้ซึ่งมีความสามารถอย่าง มากได้กลับมาแล้ว จึงมีรับสั่งให้ตั้งอยู่ในวังหนึ่งคืน เพื่อที่ จะถวายการรักษาให้แก่ฮองเฮา จบราชโองการ!

“หม่อมฉันรับพระบัญชา” อันหลิงหยุนพูดอย่างขัดไม่ได้

กงชิงวี่ดึงอันหลิงหยุนที่กำลังจะเดินเข้าไปรับ ราชโองการไว้ ทำให้ขันทีน้อยตกใจจนรีบคุกเข่าลง:“หม่อมฉันสมควรตาย อ๋องเสียนทรงไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิต ด้วย……”

อันหลิงหยุนรู้สึกผิดหวัง: “ท่านอ๋อง หรือว่าพวกเราจะรั้ง อยู่ที่นี่สักคืนเพคะ ตอนนี้ก้ไปพักที่ตำหนักเสด็จแม่ดีไหม เพคะ?”

“อืม”

ตอนนี้เองกงชิงวี่จึงยอมปล่อยให้อันหลิงหยุนไปรับ ราชโองการ ขันทีน้อยลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “ฝ่าบาทมีรับสั่ง ทันทีที่อ๋องเสียนออกจากวัง ให้จัดการตามที่เห็นสมควร ได้ทันที กั๋วจิ๋วน้อยจะรออยู่ด้านนอกตลอดเวลาพ่ะย่ะค่ะ”

“อะไรนะ?” สีหน้ากงชิงวี่โมโหเป็นอย่างมาก ทำให้ขันที น้อยตกใจจนตัวสั่น

อันหลิงหยุนมีสีหน้าแปลกใจ: “ท่านอ๋อง ฮ่องเต้ทรงคิด

อะไรอยู่กันแน่เพคะ?”

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?” กงชิงวี่โกรธจัด ขันที่น้อย ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองอย่างระมัดระวัง อยากมองก็ไม่ กล้ามอง จึงก้มหน้าลงไปต่อ

อันหลิงหยุนยังคงสงสัยอยู่ ขันทีน้อยรีบพูดขึ้น: “เชิญ พระชายาเสียน”

“ท่านอ๋อง….” อันหลิงหยุนดึงแขนเสื้อของกงชิงวี่ กง ชิงวี่หันมอง แล้วจึงมองไปยังพระตำหนักจรุงจิตด้วย สีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“รักษาประตูวังไว้ให้ดี อีกหน่อยข้าจะเข้ามาบ่อยๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ