ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 63 จูบสักหน่อย



บทที่ 63 จูบสักหน่อย

อันหลิงหยุนไปหยิบพู่กันหมึกและกระดาษ เดิมนาง คิดว่ามีหนังสือเพียงไม่กี่เล่ม แต่เมื่อนางกลับไปที่ห้อง ของกงชิงวี่ นางก็เห็นกล่องใบใหญ่สองกล่องที่ถูกเปิด อยู่ ในนั้นล้วนเต็มไปด้วยหนังสือ แค่เห็นอันหลิงหยุนก็ แทบอยากจะโชกศีรษะตาย กับดัก นี่ต้องเป็นกับดัก แน่ๆ

กงชิงวี่นั่งอยู่ที่โต๊ะอย่างสงบ และกำลังดื่มชา

อันหลิงหยุนเดินไปที่กล่องสองกล่องนั้น ในนั้นมี หนังสือจำนวนมากที่มีอายุอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าพอเปิดออก แล้วจะกลายเป็นผุยผงไปแทนหรือไม่

อันหลิงหยุนถือปากกาหมึกและกระดาษไว้ในอ้อม แขน ท่าทางเศร้าโศกอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นหุ่นยนต์ก็ยัง ต้องคัดจนพังแน่

แต่นางรับปากไปแล้ว ดังนั้นอันหลิงหยุนจึงได้แต่ กัดฟันทำ

หลังจากวางของลง อันหลิงหยุนก็หยิบหนังสือขึ้นมา จากนั้นจึงวางมันให้ดี และเริ่มลงมือคัดลอก

อาซิวยังคงแขวนอยู่ในนั้น คัดเสร็จให้เร็วอาซิวถึงจะ สามารถออกมาได้

อันหลิงหยุนค้ดหนังสืออย่างตั้งใจ กงชิงมองดูนางอย่างแปลกประหลาดเงียบๆ แต่กลับไม่รบกวน

หลังจากคัดลอกหนังสือตลอดทั้งบ่าย มือทั้งสองของ อันหลิงหยุนก็เริ่มปวดเมื่อย

จู่ๆ กงชิงวี่ก็พบว่า เมื่อมือขวาของอันหลิงหยุนเริ่มคัด จนเมื่อ นางก็ใช้มือซ้ายคัดลอกต่อ ซ้ำความเร็วยังสูง อย่างยิ่ง เบื่อหน่ายลายมือก็เรียบร้อยมากเช่นกัน

เขามองจากด้านข้างอยู่สักครู่ ลายมือค่อนข้างแตก ต่างจากก่อนหน้านี้อย่างมาก ไม่ใช่ลายมือของคนๆ เดียวกัน ราวกับว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาเป็นคนอีกคน

ก่อนหน้านี้ เขายังเคยเห็นลายมือเหมือนไก่เขี่ยเหล่า นั้นของอันหลิงหยุน แทบจะเรียกได้ว่าต่างหันราวฟ้ากับ เหว

กงชิงวี่คิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ของอันหลิงหยุน มันเกิดขึ้นนับตั้งแต่วันหลังแต่งงาน?

แต่ถึงบุคลิกจะเปลี่ยนไป แต่เรื่องลายมือเปลี่ยนได้ อย่างไร?

ดวงตาสีดำสนิทของเขามองดูอันหลิงหยุนที่ไม่ สามารถคัดต่อไปได้แล้ว

“ท่านอ๋อง ท่านช่วยปล่อยอาซิวออกมาก่อนได้หรือไม่ ข้าจะค่อยๆ คัด” อันหลิงหยุนเหนื่อยมากจริงๆ มือของ นางขยับไม่ได้แล้ว
ความเร็วในการคัดลอกของนางรวดเร็วกว่าการอ่าน ไปแล้ว แต่ก็ยังคงต้องคัดลอกต่ออีกสองสามวัน ถ้าเป็น แบบนี้ตอนนางคัดลอกเสร็จ อาชีวก็คงอดตายไปแล้ว เช่นกัน

กงชิงวี่หันหลัง “ถางเหอ”

“ท่านอ๋อง”

ถางเหอ อยู่ที่นั่น

“ปล่อยอาซิว”

“ขอรับ”

ถางเหอผละจากอันหลิงหยุนและไปที่ประตูเพื่อสั่ง ให้คนเตรียมอาหารเย็น พ่อบ้านสั่งคนให้ส่งอาหารมาที่ ภายในห้อง หลังทานข้าวเสร็จ อันหลิงหยุนก็คัดลอกต่อ ไป

พ่อบ้านมองอย่างระมัดระวัง เขามองไม่ออกถึงสาเหตุ คิดว่าเป็นท่านอ๋องที่สั่งลงโทษให้อันหลิงหยุนคัด หนังสือ นั่นเป็นเพราะท่านอ๋องแค่คิดจะแกล้งคนเท่านั้น ไม่ได้ใส่ใจอะไร

แต่เรื่องที่ท่านอ๋องปล่อยตัวอาซิวไปนี้ เป็นเพราะอัน หลิงหยุนที่ไปร้องของั้นหรือ?

พ่อบ้านยากที่จะเชื่อ!
อันหลิงหยุนคัดลอกหนังสือตลอดทั้งคืน

หนังสือสองกล่อง เหลืออีกหนึ่งครึ่ง

เมื่อกงชิงวี่ตื่นขึ้นมาในตอนกลางดึก อันหลิงหยุนก็ยัง คงคัดลอกหนังสืออยู่

ยามเช้า อันหลิงหยุนไปล้างหน้าและพักผ่อนเล็กน้อย นางนั่งหลับไปบนเก้าอี้

กงชิงวี่นั่งอยู่ตรงข้ามกับอันหลิงหยุน จ้องมองไปที่ใบ หน้าหลับใหลของนาง

ขณะที่กำลังจ้องมองดูสีหน้าขมวดคิ้วของนาง ปาก ของอันหลิงหยุนก็พึมพำขึ้น “มู่หรง…”

ใบหน้าของกงชิงวี่บึ้งตึงขึ้นมาทันที เขาหันหลังกลับ และใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะเสียงดัง ทำให้อันหลิงหยุน ตกใจตื่นขึ้นมา นางตื่นจากฝันในทันที

ใบหน้าของอันหลิงหยุนดูสับสน นางจ้องมองไปที่กง ชิงวี่ที่อยู่ตรงข้ามด้วยความงุนงง

“คัดต่อ”

พูดจบอย่างเย็นชา กงชิงวี่ก็สวมเสื้อคลุมขนสัตว์และ เดินออกไป เกิดเป็นเสียงประตูกระแทกดัง

อันหลิงหยุนแปลกใจ อารมณ์เสียตั้งแต่เช้าแบบนี้ กินยาผิดมาหรือยังไงกัน

แม้ว่าจะไม่พอใจ แต่อันหลิงหยุนก็ยังคงคัดลอกต่อไป

ในตอนท้ายของวัน นอกจากการรับประทานอาหาร แล้ว เวลาอื่นๆ ก็คือการคัดลอกหนังสือ

กงชิงวี่กลับมาหลังจากออกไปทั้งวัน ตกค่ำคนทั้งคู่ถึง ได้เจอหน้ากัน

อันหลิงหยุนหลังรับประทานอาหารไปก็ง่วงนอน นาง ฟุบหลังลงบนโต๊ะอย่างสะลึมสะลือ กงชิงวี่เข้ามาก็เห็น ว่านางกำลังฟุบหลับอยู่จึงเดินเข้าไปดู

จากนั้นจึงถอดเสื้อคลุมขนสัตว์บนตัวคลุมไว้ให้นาง

อันหลิงหยุนขยับตัว จากนั้นจึงลืมตามองเขา

กงชิงวี่ทำสีหน้าเยาะเย้ย “ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าคงรอให้ เจ้าเป็นอิสระต่อไปไม่ไหว

อันหลิงหยุนขยี้ตา นางเหยียดมือทั้งสองข้าง และหาว “ข้าง่วงแล้ว จะกลับไปพักผ่อน แล้วมาอีกครั้งตอนกลาง คืน”

คำพูดของเขา อันหลิงหยุนไม่ใส่ใจแต่อย่างใด กงชิง วี่กำลังจะเอะอะ อันหลิงหยุนจู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนขึ้นมาแต่ขา ของนางกลับมาจนขยับไม่ไหวและล้มลงไปกับพื้น
ดวงตาและมือของกงชิงวี่นั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง เขาดึง อันหลิงหยุนที่ยังไม่ทันได้ล้มลงไปเข้ามา เขาบ่นเสียง ต่า “ยังไม่ปล่อยข้าอีก?”

หากอันหลิงหยุนปล่อยเขานางก็จะล้มลง นางจะ ปล่อยได้อย่างไร เสียงดังโครมคราม โต๊ะและเก้าอี้รอบๆ ถูกแยกออก

กงชิงวี่ที่ใช้กำลังภายในปกป้องคนเอาไว้ล้มลงไปกับ

พื้น

อันหลิงหยุนเบิ่งตากว้าง ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มประทับ ลงบนริมฝีปากของนาง ในชั่วพริบตา อันหลิงหยุนล้มลง กระแทกพื้นราวกับลูกบอลอย่างรุนแรง นางรีบกระโดด ลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงก้าวถอยหลังไปสองก้าวอย่าง รวดเร็ว ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีซีด

“ข้า!”

ฉันพูดไม่ออก ลำคอของนางดูเหมือนจะถูกมัดเอาไว้ จนไม่สามารถพูดออกมาได้

กงชิงวี่ลุกขึ้นนั่ง ดวงตาเยียบเย็นของเขาเต็มไปด้วย

ไฟสังหาร

อันหลิงหยุนไม่ได้กลัวเขา แต่ที่นางโมโหคือการจูบ กับกงชิง

“ที่แท้ก็คิดไม่ดี กล้ามาหลู่เกียรติของข้า ข้าว่าเห็นทีเจ้าคงไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว?”

กงชิงวี่กัดฟัน ในขณะที่เขายืนขึ้นก็รุกคืบเข้าไปหา นาง อันหลิงหยุนมีหรือที่จะอยู่รอความซวย นางรีบวิ่ง หนีไปทันที

กงชิงวีตะลึง แค่พริบตา อันหลิงหยุนก็ได้พังประตู ออกไปแล้วเรียบร้อย เขามองไปที่อันหลิงหยุนที่อยู่ นอกประตู จู่ๆ ก็มีความไม่พอใจที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้น มาในใจ

การแสดงออกของนางคืออะไร?

รังเกียจ?

กงชิงวี่ออกมาจากห้อง และมองไปที่ประตูห้องของอัน หลิงหยุน ประตูเพิ่งจะปิดลง เขาตามไปติดๆ

เดินไปที่ประตูและมองเข้าไปยังรอยแยกของประตู ที่ยังปิดไม่สนิทดี อันหลิงหยุนกำลังใช้น้ำเช็ดปากของ นางอย่างแรงและในไม่ช้าบางส่วนก็แดงและบวมขึ้นมา

ในขณะที่เช็ดนางก็ก่นด่าเขาไปด้วย “กงชิงวี่สมควร ตาย สกปรก สกปรกจะแย่แล้ว! ”

อันหลิงหยุนทั้งโกรธทั้งโมโห นางจูบกับเขาได้ยังไง กัน

แม้ว่าร่างกายนี้จะถูกครอบครองโดยนาง แต่ตอนนี้มันเป็นของนางแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเพิกเฉยได้

กงชิงวี่กัดฟัน เขากำหมัดแน่น ผู้หญิงสมควรตาย กล้ารังเกียจเขา

ในขณะที่กำลังคิดจะผลักประตูเข้าไปสั่งสอนนาง ก็ มีเสียงดังมาจากข้างหลังเขา กงชิงวี่หันกลับไป สีหน้า แปรเปลี่ยนกลับเป็นปกติดังเดิม

“ท่านอ๋อง อาซิวอยู่ข้างนอก”

พ่อบ้านเดินมารายงาน กงชิงวี่เอ่ยขึ้น “ให้เขาไปที่ ด้านหลังสวนรอฟังคำสั่ง”

“อาซิวกำลังคุกเข่าอยู่ข้างนอก เขาอยากพบท่านอ๋อง” พ่อบ้านก็บอกไปแล้วเช่นกัน แต่อาซิวกลับไม่ยอมไป

“เขาอยากจะคุกเข่าก็ให้คุกเข่าไป

กงชิงวี่กลับไปที่ห้อง พ่อบ้านจึงได้แต่นำความไปบอก อาซิว

ผลก็คืออาซิวคุกเข่าไปตลอดทั้งคืน และเป็นลมไป เพราะความหนาวเย็น ดังนั้นพ่อบ้านจึงเรียกคนมาให้พา ตัวเขาไป

อันหลิงหยุนไม่ได้นอนทั้งคืน พอเช้ามาเมื่อมองดูหน้า ของตน ก็เห็นว่าปากของนางนั้นบวมเป่งราวกับไส้กรอก สองอัน แทบและต่อให้นางใส่ยาแก้ปวดบวม แต่มันก็ไม่สามารถหายได้อย่างรวดเร็วอยู่ดี

อันหลิงหยุนไม่ได้ออกมาทานอาหารเช้า กงชิงวี่ที่นั่ง ทานอยู่คนเดียวเมื่อคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน เข้าก็รู้สึกไม่ สบอารมณ์ขึ้นมา

“ไปเชิญพระชายามา บอกว่าข้าเรียกนางมาคัด หนังสือ หากนางคัดไม่เสร็จก็ต้องส่งอาซิวกลับไป” กง ชิงวี่มองดูลายมือของอันหลิงหยุน น้ำเสียงของเขาเย็น

พ่อบ้านรีบไปเชิญอันหลิงหยุนทันที ในขณะที่อันหลิง หยุนเดินเข้ามาจากประตูด้านนอก กงชิงวี่ก็เงยหน้าขึ้น และรู้สึกประหลาดใจ

อันหลิงหยุนกำลังมีของบางอย่างปิดใบหน้าไว้ครึ่ง หนึ่ง หูทั้งสองข้างของนางมีบางสิ่งแขวนไว้ สิ่งนั้น บอบบางอย่างยิ่ง ดูแล้วเหมือนหน้ากาก แต่ของนางนั้น มีดอกท้อปักอยู่ เป็นผ้าไหมคุณภาพเยี่ยม

อันหลิงหยุนเดินเข้าประตูมาและนั่งลง จากนั้นจึงหยิบ พู่กันขึ้นมาเริ่มคัดหนังสือ

กงชิงวี่อยู่ไม่ไหลจากนาง กลิ่นหอมของสมุนไพร บนร่างกายของนางโชยมาที่เขา กงชิงวี่เอ่ยถาม “ยา สมุนไพรอะไรถึงได้มีกลิ่นหอมเช่นนี้?”

อันลิงยุนมีอาการเจ็บปาก วันนี้นางไม่ต้องการพูดคุยใดๆ
พู่กันในมือของนางเขียนคำสองสามคำลงบนกระดาษ เปล่า โรสแมรี่!

“คืออะไร?”

“โรสแมรี่เป็นยาที่ให้ความรู้สึกสงบและสดชื่น มันเพิ่ง ถูกใช้ ติดเชื้อเข้าให้แล้ว” อันหลิงหยุนคัดหนังสือต่อ กง ชิงวีดมกลิ่นอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงนั่งลงเงียบๆ เพื่อ ดูตัวอักษรที่อันหลิงหยุนคัด ห้องทั้งห้องจึงแปรเปลี่ยน เป็นเงียบสงบขึ้นมาด้วยเช่นกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ