บทที่ 434 วิปริตจนฆ่าได้แม้แต่บุตรชาย
กงชิง กะพริบตา มองจนไม่ช่างแวบหนึ่ง ข่าวลือเชื่อ ถือไม่ได้ หวูโยไท่จื่อ เรื่องพวกนี้ท่านก็ไม่รู้หรือ
จุนโม่ช่างสีหน้าไม่น่าดู “แต่คนมีพรสวรรค์อย่างพระ
ชายา ข้าก็ไม่รู้ว่าใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง อันหลิงหยุนทำอะไรไม่ถูกอยากลุกขึ้นมาเตะจนไม่ช่าง
ให้ตาย นางไปทำให้เขาขุ่นเคืองตอนไหนกัน
กงชิงวี่หัวเราะ”ย่อมใช้ประโยชน์ได้เยอะแยะ แต่ข้าก็ ไม่ได้ชอบอะไรพวกนั้น ยิ่งไปกว่านั้นข้าจะชอบอะไรย่อม เป็นเรื่องของข้า หวูโยไท่จื่อไม่ต้องเป็นกังวลไป แต่หวูโย ไท่จื่อ ข้าจะมอบคำพูดหนึ่งให้ท่าน ภัยนั้นออกจากปาก เป็นคนต้องคิดให้รอบคอบ
อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่ รู้สึกเคร่งขรึมเย็นชา
“เหอะ………..ช่างหัวเราะเบาๆหนึ่งเสียง เปิดพัดขึ้นมา พัด โมโหจนเขาอยากจะฆ่าคน
อันหลิงหยุนรีบสังเกตที่พัด คิดอย่างอึดอัดใจว่าหาก ไม่มีตัวอักษรสามตัวนั้นจะดีแค่ไหน
สีหน้ากงชิงวี่ขรึมลงอย่างไม่มีสาเหตุ มองไปทางอัน หลิงหยุนเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “หลิงหยุนที่เจ้าเคยพูด ถึงใช่นี่หรือไม่”
อันหลิงหยุนไม่ได้รู้สึกอาย เรื่องบางเรื่องอธิบายชัดเจนแล้วก็จะไม่รู้สึกผิด
กระซิบที่หูของกงชิงวี่ อันหลิงหยุนพูดเสียงเบาไม่กี่คำ
จุนโม่ช่างเอียงหน้าเบาๆ ตั้งใจฟังว่าหญิงสาวคนนี้จะพูด อะไร กงชิง ยกมือขึ้นปกป้องร่างกายอันหนาหนักของ อันหลิงหยุน เมื่อได้ยินที่อันหลิงหยุนพูดแล้วก็ออกห่าง และก้มหน้า “จริงหรือ”
“แน่นอนว่าจริง”
“เช่นนี้ก็ดี”กงชิงมองไปยังจุนโม่ซ่างและไม่เกรงใจอีก ต่อไป
“หวูโยไท่จื่อ”
“มีเรื่องอะไร”จุนโม่ช่างหันมาถาม รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างที่ ไม่ได้ยินอะไรเลย
“พระชายาอยากถามว่า พัดของท่านได้มาจากที่ใดกัน”
จุนโม่ซ่างก้มหน้ามองพัดในมือของตน “เป็นฝีมือการ
วาดของถังหลง”
ถังหลงรีบเดินไปข้างหน้ากล่าวขึ้นว่า “ข้าน้อยด้อย ความรู้ความสามารถ ขอพระชายาอย่าได้หัวเราะเลย”
อันหลิงหยุนพูดว่า “ท่านถังถ่อมตัวเกินไปแล้ว ในเมื่อ เป็นฝีมือท่านถัง ไม่สู้ท่านถังก็มอบภาพวาดเช่นนี้ให้ข้า หนึ่งชิ้น ข้าอยากมอบให้ท่านอ๋อง”
“เรื่องนี้……ถังหลงลังเล
จุนโม่ช่างเอ่ยขึ้นว่า”ถังหลงเป็นปัญญาชนอันดับหนึ่ง ของหวูโยกั๋ว ภาพวาดและอักษรของเขาถือได้ว่ามีคุณค่า แม้เงินพันตำลึงยังหาซื้อไม่ได้ ท่านช่างมีสายตาแหลมคม จริงๆ”
พูดจบจุนโม่ซ่างก็เหลือกตาให้กับอันหลิงหยุน
อันหลิงหยุนนั้นหน้าค่อนข้างหนา เพื่อกงชิง แล้วเลย โพล่งออกไปว่า
“ท่านถัง เช่นนี้ดีหรือไม่ ข้าเอาภาพเขียนของข้าแลกกับ ของท่าน เป็นอย่างไร
ถังหลงลำบากใจ “เรื่องนี้ต้องให้องค์ชายเห็นด้วย ข้า น้อยจึงจะทําตามได้
อันหลิงหยุนมองไปทางจุนโม่ซ่าง “หวูโยไท่จื่อคิดว่า
อย่างไร”
“หากข้าไม่ยินยอม เกรงว่าจะนำมาซึ่งเสียงวิจารณ์ ว่า แม้แต่ภาพเขียนรูปเดียวก็ไม่อาจจะแลกเปลี่ยนได้ แต่ หากพระชายาสามารถเอาผลงานที่ยอดเยี่ยมมามอบให้ กับถังหลงได้ ข้าก็ไม่ขัด
อันหลิงหยุนยังคิดว่าเรื่องนี้ไม่จริงจังนัก ไม่คิดเลยว่าจุน โม่ช่างจะต่อกรยากขนาดนี้
กงชิงวี่ยังคงสีหน้าขรึม “ในเมื่อหนูโยไท่จื่อไม่อาจจะแลกเปลี่ยนได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องแล้ว”
พูดจบก็ปล่อยขาของอันหลิงหยุนลง ลุกยืนขึ้น”ไปกัน เถอะ พรุ่งนี้ก็กลับกันได้แล้ว ”
อันหลิงหยุนลุกขึ้น “อืม”
ทั้งสองคนไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆ ตรงกลับไปยัง ที่พัก
จุนโม่ซ่างโมโหจนกำพัดในมือแน่น ถังหลงสีหน้าจน ปัญญา
เขานั้นไม่เป็นไร แต่ไม่รู้ทำไมองค์ชายต้องโกรธขนาด นั้นด้วย
พอกลับถึงที่พักอันหลิงหยุนก็พักผ่อน แต่ตอนเย็นก็มี คนมาเคาะประตู กงชิงวี่เรียกให้คนเข้ามา ปรากฏว่าเป็น ถังหลง
ถังหลงคำนับอย่างพินอบพิเทา แล้วเดินเข้าใกล้ก่อน เอ่ยขึ้นว่า“องค์ชายสั่งให้ข้ามาเชิญอ่องเสียนและพระชา ยาเสียนไปพบ ยินดีจะมอบภาพเขียนของข้าให้หนึ่งชิ้น
กงชิงวี่เดิมทีไม่คิดว่าอยากได้ อันหลิงหยุนก็รู้อยู่แล้วว่า เขาไม่ได้พิสวาสอะไร แต่นางมีอีกความคิดหนึ่ง
พอตื่นมาอันหลิงหยุนก็ตามออกไป กงชิงวี่จึงตามไป ด้วย
ในเรือนเตรียมกระดาษหมึกและพู่กันไว้พร้อมแล้ว
อันหลิงหยุนเดินข้างหน้า ถังหลงจึงเริ่มเตรียมการ จุน โม่ช่างเอ่ยว่า “พระชายาเสียน เชิญ”
อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่แวบหนึ่ง เดินไปและดึงแขนเสื้อ
ขึ้น เริ่มวาด อันหลิงหยุนวาดรูปโบตั๋นเบ่งบานลงบนกระดาษแผ่น
หนึ่ง
จุนโม่ซ่างแววตาเปล่งประกาย เขารู้สึกตะลึง อันหลิง หยุนสามารถวาดรูปได้ดีขนาดนี้
ถังหลงเองก็ตกใจไม่น้อย มองภาพวาดของอันหลิงหยุ น อดไม่ได้ที่จะชื่นชม “พระชายาฝีมือไร้ที่ติ ยอดเยี่ยม สมจริงมาก พอที่จะเทียบกับของจริงได้เลย
อันหลิงหยุนไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ภาพเขียนประจำ
ชาตินางก็ฝึกมาแล้ว
กงชงวี่มองทุกอย่างอย่างเฉยชา เหมือนรู้อยู่แล้ว แต่ที่ จริงเขาก็อึ้งเหมือนกัน แม้จะรู้ว่าฝีมือการวาดรูปของอัน หลิงหยุนจะร้ายกาจ แต่ภาพโบตั๋นนี้วาดได้ดียิ่งนัก โดยที่ เขาไม่เคยรู้มาก่อน
ถังหลงนำเอาภาพวาดขุนเขาและสายน้ำมอบให้กับอัน หลิงหยุน “เชิญพระชายา”
อันหลิงหยุนเอ่ยขึ้น “หนูโยไท่จื่อ ท่านสามารถประทับตราของท่านที่นี่ได้หรือไม่”
อันหลิงหยุนชี้ไปยังที่ที่หนึ่ง จุนโม่ช่างไม่ลังเล หยิบตรา ประทับขึ้นมากดลงไปบนนั้น อันหลิงหยุนมองไปทางถัง หลง “ท่านถัง ใช้ตราประทับของท่านได้หรือไม่”
ถังหลงเอาตราประทับมากดลงไป อันหลิงหยุนรู้สึก พอใจมาก
เก็บให้เรียบร้อย นางเอาพู่กันขึ้นมามอบให้กงชิงวี่ “เชิญ ท่านอ๋อง”
กงชิงวี่จุ่มหมึก “เขียนอะไร
“สุดแต่ท่านอ๋อง”
อันหลิงหยุนก็อยากรู้เหมือนกันว่ากงชิงวี่จะเขียนอะไร
ชั่วครู่ กงชิงวี่ก็จรดพู่กัน
ดอกโบตั๋นสีสวยในตอนกลางวันเปรียบเสมือนสาวงาม ที่เมาสุรา
ในตอนกลางคืนกลิ่นหอมของดอกโบตั๋นจะอบอวลไป ทั่วเสื้อผ้า
ดวงอาทิตย์สีแดงกลมจะทำให้ตาพร่าไปทั้งฤดูใบไม้ผลิ
พระจันทร์สว่างขึ้นเหมือนจะถามฉันว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่
อันหลิงหยุนหัวเราะ กลอนนี้เป็นกลอนโบตั๋น นางเคย เขียนให้เขามาก่อน เขาจํามันได้
จุนโม่ช่างรู้สึกอารมณ์เสีย ไม่ชอบกลอนบทนี้ของกงซิง วี่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
แลกเปลี่ยนกันแล้วอันหลิงหยุนพูดว่า “ภาพนี้ก็ถือว่า เป็นใบรับรองการเป็นมิตรที่ดีของทั้งสองประเทศ ข้าจะ ส่งมอบให้ฮ่องเต้ของข้า”
“ข้าก็ไม่ได้จิตใจคับแคบขนาดนั้น แล้วแต่ท่านเถอะ”จุน โม่ซ่างไม่รู้ว่าอันหลิงหยุนวางแผนไว้เช่นนี้ รู้สึกเหมือนถูก วางกับดัก
แต่ทว่ามองภาพโบตั๋นของอันหลิงหยุนแล้ว อารมณ์ ของเขาดีขึ้นไม่น้อย
อันหลิงหยุนกล่าวลาจากไปพร้อมกับกงชิงวิ่
เช้าวันรุ่งขึ้น อันหลิงหยุนและกงชิงวี่นั่งรถม้าออกจาก เมือง ทหารห้าร้อยนายคุ้มกันและไปส่งพวกเขา อันหลิง หยุนมองภาพวาดในมือทั้งสองภาพ รู้สึกแปลกใจ “ท่าน อ๋องท่านเอาภาพโบตั๋นกลับมาได้อย่างไร”
“ข้าย่อมมีวิธี”กงชิงวี่เอาภาพโบตั๋วขึ้นมาพิจารณาอย่าง ละเอียด“หลิงหยุน ทีหลังอย่าวาดภาพให้ใครอีก ”
“ก็แค่ภาพเดียว ท่านอ๋องก็ไม่ยินยอมหรือ
“อืม”กงชิงวี่ไม่ยินยอม
อันหลิงหยุนมองภาพขุนเขาและสายน้ำของถังหลง “ท่านอ๋อง ภาพนี้อยู่ในมือ ตราบใดที่หวูโยไท่จื่อยังมีชีวิต อยู่ก็คงไม่กล้าจะก่อเรื่องอีก เขาเพียงแต่อารมณ์ร้อนชั่ว วูบ รอเขาคิดได้เกรงว่าจะสายไปแล้ว”
“เขาไม่ได้อารมณ์ร้อนชั่ววูบ แต่เพราะเจ้าแลกเปลี่ยน กับเขา มีภาพของหลิงหยุนกับลายมือข้า เขาแน่ใจว่าเรา เองก็คงไม่รุกรานเขา
“แต่ท่านอ๋องเอาภาพกลับมาแล้ว เช่นนี้ก็ยากที่พูด แล้ว”อันหลิงหยุนหัวเราะ คิดมากเกินไปแล้ว
“ไม่มีอะไรยาก หากข้ายังมีชีวิตอยู่ ขอเพียงแค่หวูโยกั วของเขาไม่รุกรานประเทศของข้า ข้าก็จะไม่เอากองทัพ ไปรุกรานหวูโยกั่วเช่นกัน ส่วนภาพวาดนี้ เดิมก็เป็นของ ข้า ไม่ให้เขามาเอาเปรียบเด็ดขาด
“ท่านอ๋อง ท่านไม่รู้สึกใจร้ายไปหน่อยหรือ ตกลงกัน แล้วว่าแลกเปลี่ยน แต่ท่านกลับเอากลับมาเงียบๆ หากจน โม่ซ่างรู้เข้าคงโมโหตาย”
“ตายไปยิ่งดี เกรงว่าข้าจะมองเขาไม่เจริญตา
อันหลิงหยุนนิ่งขรึม คนคนนี้ช่างป่าเถื่อนจริง
รถม้าเข้าสู่ชายแดนเขตประเทศต้าเหลียง อันหลิงหยุน ลงจากรถม้าหันกลับไปมอง มองไม่เห็นจุนโม่ซ่างตั้งนาน แล้ว อันหลิงหยุนสามารถนึกภาพได้ว่า ถ้าเขารู้ว่าภาพ หายไปจะคลุ้มคลั่งแค่ไหน
แม่ทัพอันพาคนมาต้อนรับอันหลิงหยุนและกงชิงวี่ อัน หลิงหยุนมองเห็นหยุนจิ่นที่อุ้มจิ้งจอกหางสั้นไว้แต่ไกล บนไหล่มีเจ้ากายืนอยู่
อันหลิงหยุนทักทายแม่ทัพอันแล้วเดินไปหาหยุนจิ่น หยุ นจิ่นรีบคํานับ “หยุ่นจิ่นคำนับเจ้านาย ”
อันหลิงหยุนไม่เข้าใจ “หยุนจิ่น ทำไมเจ้าเพิ่งมา”
“หยุนจิ่นกำลังรอเพคะ รอให้ฝั่งแม่ทัพอันจัดการให้ดี ก่อน หากจัดการได้ไม่ดี ภายในปั่นป่วนก็จะยังเกิดเรื่อง ขึ้นได้ เช่นนั้นก็คงจะเสียแรงเปล่า แต่ไม่คิดว่าขณะที่ข้า กำลังสำรวจค่ายตอนกลางคืนจะได้พบกับเจ้าจิ้งจอกกับ เจ้าอีกา จึงพาพวกเขาไปด้วย ไม่ได้มาให้ทันเวลา ขอเจ้า นายอภัยด้วย”หยุนจิ่นอธิบายอันหลินหยุนพยักหน้า
“ไม่เป็นไร เจ้าก็คงลําบากแล้ว”
“หยุนจิ่นไม่ลำบากเพคะ”
หยุนจิ่นปล่อยจิ้งจอกหางสั้นลง อันหลิงหยุนรับไปอุ้ม ทุกคนพูดคุยกันอย่างดีใจ และกลับไป
เรื่องชายแดนจัดการเรียบร้อยแล้ว จุนเจิ้นตงสังหาร เลือดเนื้อตัวเอง ฆ่าจุนอีเซี่ยวต่อหน้าทหารสามกองทัพ อันหลิงหยุนได้ยินเรื่องนี้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
คนที่นี่บางทีก็ช่างวิปริตจริงแท้ แม้แต่ลูกในไส้ยังฆ่าได้ลงคอ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ