บทที่ 429 ถูกลักพาตัวไป
มู่มิง สะพายกล่องยาไว้ ถามว่า “เจ้ามีแผนการอะไร?”
อันหลิงหยุนสบตามู่มิง “แผนการอะไร?”
“จัดการเรื่องที่นี่เสร็จเจ้าก็ต้องกลับไปแล้ว หรือว่าเจ้า ตั้งใจจะอยู่ที่นี่ต่อไป หรือว่าเจ้าอยากจะคลอดลูกที่นี่?”
สีหน้ามู่มิงเต็มไปด้วยความดูแคลน แต่กลับกำลัง
ครุ่นคิดเรื่องอื่นอยู่ พอมู่มิงตักเตือน อันหลิงหยุนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่านางไม่
สามารถอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้
“ใช่ ข้าต้องกลับไป ทว่าเรื่องฝั่งนี้ยังต้องดูว่าท่านอ๋อง จะจัดการอย่างไรอีกที”
“ปกติดูเจ้าเก่งกาจปานนั้น สุดท้ายก็ต้องฟังเขาอยู่ดี” มู่ มิงเหลือบมองอันหลิงหยุนด้วยท่าทางดูแคลน
อันหลิงหยุนไม่ได้สนใจ แค่เพียงลูบลำตัวราชาอีกาและ เดินต่อไป
มู่มิงยื่นมือไปหานำตัวราชาอีกามาอุ้ม “ข้าขออุ้มหน่อย เมื่อถึงที่นั้น ข้ามีเนื้อให้กิน”
อันหลิงหยุนเองก็เริ่มเหนื่อยแล้ว จึงยอมยกราชาอีกาให้ กับมู่มิง
เมื่อกลับถึงกระโจมค่ายทหาร กงชิงวี่ไม่อยู่ พอ สอบถามไป จึงทราบว่าเขาไปที่ห้องคุกเพื่อสอบสวนจุนอี เชี่ยว
พูดถึงจุนอีเซี่ยวอันหลิงหยุนพอจะทราบเรื่องมาบ้าง แล้ว เขาคิดก่อการกบฏและเปลี่ยนฝ่ายไปโดยสิ้น เชิง ทำไมถึงไม่รู้มาก่อน ทว่าเขาได้กลายเป็นคนของ ราชนิกุลไปแล้ว ซึ่งจุดนี้ไม่ต้องสงสัยใดๆเลย
ถึงกระนั้น กงชิงวี่ใช้เวลาสามวันในการสอบสวน ซึ่งเขา ปิดปากเงียบตลอดสามวัน ไม่ยอมเอ่ยปากพูดออกมาสัก
จุนอีเต๋อและจุนอีไทให้การว่า พวกเขาสองคนถูกพี่ชาย ใหญ่นำตัวไปที่ค่ายทหารของศัตรู พอถึงที่นั้น ตอนแรกๆ ก็พยายามพูดจาหว่านล้อมดีๆ พอพวกเขาไม่ยอมเป็น พวกคนขายชาติบ้านเมือง จึงถูกลงโทษทรมานร่างกาย และเพราะเหตุนี้ทำให้พี่น้องต้องบาดหมางกัน ทั้งสองคน เกลียดพี่ชายใหญ่จุนอีเซี่ยวเข้ากระดูกดำ
พอจุนเจิ้นตงทราบเรื่องนี้ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พลัน ลงมือทุบตีจุนอีเซี่ยวไปหนึ่งรอบ ทว่าจุนอีเซี่ยวที่เป็นคน ขายชาติ กลับแข็งข้อดื้อด้าน ต่อให้จะลงโทษทรมาน ร่างกายยังไง เขากลับไม่เกรงกลัวเลย
วันนี้ กงชิงวี่ไปสอบสวนจุนอีเซี่ยวอีกครั้ง
อันหลิงหยุนที่อยู่ว่างๆไม่รู้จะทำอะไร จึงนั่งลงตรวจดู ร่างกายของตัวเอง ลูกในท้องเติบโตเร็วมาก สิ่งที่นาง สามารถยืนยันได้ในตอนนี้ก็คือในท้องไม่ได้มีเด็กแค่คนเดียว ส่วนเรื่องอื่นนางไม่รู้อะไรเลย
นางพยายามตรวจหาว่ามีกี่คน ทว่าก็ไม่สามารถตรวจ เจอได้
อันหลิงหยุนรู้สึกกังวลใจ ถ้าหากครรภ์นี้มีหลายคนจริง ดูจากสถานที่ที่นี่การแพทย์ไม่ได้เจริญรุ่งเรือง หากต้อง เจอเหตุสุดวิสัยคลอดบุตรยาก นางก็จะตายอยู่ที่นี่
อันหลิงหยุนลูบท้องเบาๆแล้วถามว่า “พวกเจ้ามีทั้งหมด กี่คนนะ ทำไมไม่ให้แม่รู้เล่า แม่กังวลใจนะรู้ไหม ท่านพ่อ และท่านตาของพวกเจ้าเอะอะก็ชอบข่มขู่ข้าว่าจะไปชน หัวแตกตาย นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นกันได้”
ลูกในท้องเหมือนจะฟังรู้เรื่องว่าอันหลิงหยุนพูดอะไร ทันใดนั้นขยับไปทีหนึ่ง จนอันหลิงหยุนรู้สึกปวดท้องนิด หน่อย ค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ว่านิดว่าหน่อย พวก ยังไม่พอใจอีก”
พอในท้องสงบลง ได้ยินมีเสียงคนเคลื่อนไหวดังมาจาก นอกกระโจม อันหลิงหยุนนึกว่าเป็นมู่มิงจึงถามไป “ใคร น่ะ?”
“หม่อมฉันได้รับคำสั่งให้เรียนเชิญพระชายาไปที่ห้อง สอบสวน พ่ะย่ะค่ะ”
ห้องสอบสวนเป็นที่ที่ใช้สอบสวนจุนอีเซี่ยวอันหลิงหยุ นพอจะรู้มาบ้าง
อันหลิงหยุนลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ประตู พอเดินออกไปดูคนที่มาเชิญนาง เห็นว่าเป็นทหารคุ้มกันของกงชิงวี่ จึงไม่ได้สงสัยอะไรและยอมเดินตามไปที่ห้องสอบสวน
พออันหลิงหยุนเดินไปได้สักพักสังเกตเห็นความไม่ชอบ มาพากล ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ไปที่ห้องสอบสวน แต่กลับ พาอันหลิงหยุนเดินอ้อมจากห้องสอบสวน
เบื้องหน้ามีรถม้ารออยู่ เห็นชัดเลยว่าไม่ได้ไปห้อง สอบสวน
“เจ้าเป็นใคร ทําไมถึงได้ปลอมตัวเป็นคนของพวกเรา?” อันหลิงหยุนหยุดฝีเท้าลงไม่ยอมเดินต่อ
ฝ่ายตรงข้ามชักดาบออกมา วางทาบที่ต้นคอของอัน หลิงหยุน
อันหลิงหยุนหรี่ตาลงต่ำ มองไปที่ดาบตรงคอ พลัน แหงนหน้ามองไปยังฝ่ายตรงข้าม “เจ้าฆ่าข้าเถอะ”
ฝ่ายตรงข้ามตกตะลึงไปครู่ อันหลิงหยุนยิ้มหยัน “ทำไม? ไม่กล้าลงมือ งั้นข้ามาเอง
ขณะที่พูดอันหลิงหยุนหยิบเข็มเงินออกจากตรงเอว กำลังจะแทงเข้าที่ลำคอตัวเอง ทันใดนั้นมีเสียงคนดังมา จากทางด้านหน้า “พระชายาเสียน ทำไมท่านต้องทำถึง ขนาดนี้ด้วยเล่า ก็แค่ไปเป็นแขกที่ค่ายทหารของข้า มัน ยากขนาดนั้นเชียวรึ? หรือว่าท่านกังวลว่าแม่ทัพอันจะตก อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกงั้นหรือ?”
อันหลิงหยุนเพ่งมองไป แล้วยิ้มหยัน “ในเมื่อเจ้ามารับข้า ทําไมไม่มาต้อนรับด้วยตัวเองล่ะ?”
คนในรถม้านิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง พลันคลี่ผ้าตรงประตูรถ ม้าออกไป มองอันหลิงหยุนจากข้างใน อันหลิงหยุนยืน ห่างจากรถม้าไม่ไกล ทำให้เห็นได้ชัดว่าข้างในเป็นผู้ชาย ที่สวมใส่เสื้อผ้าไหมสีน้ำเงิน อายุราวยี่สิบกว่าปี สายตา คมเข้ม ร่างกายแข็งแกร่ง ไม่ถึงขั้นบึกบึน ให้ความรู้สึก สุภาพอ่อนโยน
อันหลิงหยุนมาที่นี่ก็เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น นางเจอ คนมาก็ไม่หน่อย ทว่ารูปร่างหน้าตาของบุคคลนี้นับได้ว่า เป็นชายชาตรีรูปงามคนหนึ่ง
อันหลิงหยุนลังเลใจอยู่บ้าง “เจ้าเป็นใครกัน?”
“หากข้าบอกว่าตัวเองเป็นใคร เจ้าจะยอมไปกับข้า หรือไม่?” ฝ่ายตรงข้ามกางพัดออกโดยพลัน แล้วสะบัด พัดตรงอกสองสามที ภาพวาดทิวทัศน์สวยงามปรากฏสู่ สายตาของอันหลิงหยุน บนพัดมีอักษรจีนสามตัวกับตรา ประทับประหลาด อันหลิงหยุนถูกอักษรพวกนั้นดึงดูด ความสนใจ
โทษที่นางไม่เก่งกาจเรื่องอักษรโบราณ มิเช่นนั้นคงเดา ได้ว่าเป็นอักษรเกี่ยวกับอะไร
เพราะอักษรเพียงไม่กี่ตัว ทำให้อันหลิงหยุนยอมเดินไป ข้างหน้า ทว่าเพราะท้องของนางใหญ่โตมาก ทำให้เวลา เดินไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ฉะนั้นนางจึงเดินไปหาอย่าง เชื่องช้า ส่วนคนที่อยู่ในรถม้าก็รออย่างไม่เป็นเดือดเป็น ร้อนตั้งนาน
เมื่อเดินไปถึงหน้ารถม้า อันหลิงหยุนเพ่งมองไปที่อักษร สามตัวบนพัด อักษรตัวสุดท้ายนางรู้ว่าเป็นตัวอะไร เป็น ตัวอักษรซ่าง
อันหลิงหยุนถาม “เจ้าชื่ออะไร?”
“จุนโม่ซ่าง” จุนโม่ซ่างกลับเข้าไปในรถม้า มีคนยกเก้าอี้ บันไดมาวางให้อันหลิงหยุน นางเหยียบเท้าขึ้นไปและ ก้าวเข้าไปในรถม้า ถึงแม้จะดูวู่วามไปบ้าง ทว่าอันหลิงหยุ นรู้สึกว่าเป็นเพราะนางใจร้อนไม่ทันคิดให้ดีเสียก่อน ถึง ได้ยอมขึ้นมาบนรถม้า
ชายตรงหน้ากลับดึงดูดความสนใจจากนางได้อย่าง ประหลาด
ผ้าม่านตรงประตูรถม้าถูกปลดลง อันหลิงหยุนนั่ง เรียบร้อย จุนโม่ซ่างออกคำสั่ง “ออกเดินทางได้
อันหลิงหยุนพินิจพิจารณาฝ่ายตรงข้าม “ท่านเป็นอะไร กับหวูโยกั่ว?”
“เรื่องสถานะไม่สะดวกนำเรียน พระชายาเรียกข้าว่า ท่านชายจุนก็พอ”จุนโม่ซ่างหันหน้ามองไปทางอื่น ไม่ได้ มองสบตาอันหลิงหยุน
อันหลิงหยุนรู้สึกได้เลยว่า จุนโม่ช่างคนนี้ไม่ชอบนาง
มาก
ก็ใช่น่ะสิ ตอนนี้นางอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่เพียงแต่อ้วน ตัวบวม แถมท้องใหญ่โต ที่สำคัญคือนางขี้เหร่จนตัวเองยังทนดูไม่ได้เลย อย่าว่าแต่คนอย่างคุณชายหน้าที่มีตา หล่อเหลาเพียบพร้อมเลย
อันหลิงหยุนไม่ได้กังวลเลยว่า ต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไร ขึ้น นางเองก็อยากไปดูค่ายทหารของศัตรูเสียหน่อย แต่ ไม่รู้ว่าถ้ากงชิงวี่รู้ว่านางหายตัวไปจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
ตอนที่รถม้าใกล้ถึงคูน้ำประตูเมืองของหวูโยกั่ว ประตู ใหญ่ถูกเปิดออก รถม้าเคลื่อนตัวเข้าไปในเมืองถ่าถ่าง หวู โยทั่ว
ภายในเมืองเมืองถ่าถ่างมีทหารตั้งแถวต้อนรับ ตอนที่ อันหลิงหยุนลงจากรถ ภายในเมืองมีคนหลายร้อยคนที่ รอดูนางเหมือนกำลังรอดูละครสัตว์
นางต้องเดินลงจากรถม้าเอง ตอนมามีเก้าอี้บันได แต่ ตอนลงกลับไม่มีทำให้เดินลงไปยาก อันหลิงหยุนที่กำลัง ตั้งครรภ์ทำให้ตัวอ้วนขาสั้น ท่าทางตอนเดินลงจึงดูตลก ขบขัน รถม้าก็ไม่เป็นใจ ขยับเขยื้อนจนนางตกอกตกใจ
ทว่าคนที่ยืนดูนางอยู่รอบๆกลับไม่นึกเห็นใจเลยว่านาง เป็นคนท้อง กลับซุบซิบนินทาว่าอันหลิงหยุนเป็นคนขี้เหร่ อ้วนเหมือนหมู อีกทั้งยังว่าร้ายนางใช้อำนาจครอบครอง กงชิงวี่ เพราะว่าพ่อของนางเป็นแม่ทัพใหญ่
ยิ่งพูดยิ่งไม่น่าฟัง อันหลิงหยุนไม่ได้โกรธเลยสักนิด นางมองข้ามเสียงนกเสียงกาพวกนั้นได้ ทว่านางต้องลง จากรถม้าอย่างยากลำบาก สองแข้งขาแกว่งไปมาอยู่บน รถม้าลงไปไม่ได้ เหมือนคางคกตัวใหญ่รูปร่างน่าขบขัน ยิ่งนัก
ส่วนจนไม่ช่าง ลงจากรถม้าอย่างคล่องตัว และแหงน หน้ามองไปหานาง
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ