ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 416 หนทางไปด่านชายแดน



บทที่ 416 หนทางไปด่านชายแดน

สะดุ้งตื่นขึ้นมาคราวนี้อันหลิงหยุนก็ทนรอไม่ไหวอีกต่อ

ไป

นางออกจากห้องมาถามอาหยู่ว่ากงชิงวี่อยู่ที่ใด

“ท่านอ๋องเข้าวังไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“วันนี้มู่มิงได้มาหรือไม่” อันหลิงหยุนอยากไปด่านชาย ด่านแดนจึงจําต้องพาคนไปด้วย

“มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ถูกท่านอ๋องไล่ตะเพิดกลับไปแล้ว” อาหยุ่ยังคงไม่เข้าใจว่าท่านอ๋องจะทำหน้ารังเกียจมู่มิง เช่นนี้ไปถึงเมื่อใดกัน

“เช่นนั้นเจ้าไปเชิญมู่มิงมา” อันหลิงหยุนจะออกนอก เมืองจึงจำต้องพามู่มิงไปด้วย มู่มิงเคยไปร่ำเรียนวิชามา หลายปี พานางไปด้วยย่อมมีประโยชน์แน่

“พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่ออาหยู่ไปแล้วอันหลิงหยุนถึงได้หันไปมองเจ้าจิ้งจอก “ไปหาหยุนโล่ชวน”

ว่าจบเจ้าจิ้งจอกก็หายไปทันทีไม่เห็นแม้แต่ควัน

อันหลิงหยุนมองเจ้าจิ้งจอกจากไป ก่อนจะไปที่ตำหนัก จู๋หยุน
คิดจะไปหาหยุนโล่ชวนนั้นช่างง่ายเสียนี่กระไร

มู่มิงอยู่ที่หน้าประตูแล้ว หยุนโล่ชวนเองก็อยู่แถวนี้พอดี ทั้งสองจึงมาถึงจวนอ๋องเสียนและตรงเข้าไปในตำาหนักจู่ หยุนอย่างรวดเร็ว

ทว่ายามนั้นอันหลิงหยุนก็เหน็ดเหนื่อยนัก จึงเอนหลัง อยู่ในห้องโดยมีหงเถากับลุ่ยหลิวสองคนคอยปรนนิบัติรับ ใช้อยู่ข้างๆ

มู่มิงรู้ว่ากงชิงวี่ไม่อยู่จึงทำราวกับไม่มีคนอยู่ ไม่แม้แต่ จะเคาะประตูก็เข้ามาเลย

อันหลิงหยุนรู้สึกล้านักจึงหลับตาลงพักผ่อน ทว่ากลับ ได้ยินเสียงคนรีบร้อนเดินเข้ามาจึงลืมตาขึ้น

เมื่อเห็นว่าเป็นมู่มิงนางก็ไม่แปลกใจ หากมู่มิงเดินเข้ามา เงียบๆ ต่างหากเล่าถึงจะทำให้นางรู้สึกว่าพิลึกนัก

“วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” มู่มิงนั่งลงข้างๆ มองท้องที่ใหญ่ โตจนชวนให้คนตกใจของอันหลิงหยุน นางเคยเห็นหญิง ตั้งครรภ์มามากนัก ทว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ท้องใหญ่โตเพียง นี้กลับเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

อันหลิงหยุนยิ้มเผื่อนๆ “ก็ยังดี”

“ยังดีหรือ ดูหน้าเจ้าสิ บวมเพียงนี้ น่ากลัวจะตาย” มู่มิง ยื่นมือออกไปหยิกแก้มอันหลิงหยุน ลุ่ยหลิ่วจึงรีบเข้าไป ห้ามไว้
“จวิ้นจู่ขออย่าได้ทำเช่นนี้เลยเพคะ หากท่านอ๋องรู้เข้า จะดึงเอานะเพคะ” ยามนี้ทุกคนในจวนต่างรู้ดีแล้วว่า ท่าน อ๋องนั้นไม่เพียงหึงหวงพระชายากับบุรุษอื่น แต่ยังหึงหวง พระชายากับสตรีด้วย และจวิ้นจี่มู่มิงก็เป็นหนึ่งในนั้น

มู่มิงหันมามองลุ่ยหลิ่วอย่างไม่ยี่หระสักนิด “เขาไม่อยู่

จะกลัวอันใด” ลุ่ยหลิ่วตกใจจนแทบร้องไห้ “จวิ้นจู่ไว้ชีวิตลุ่ยหลิ่วด้วย

เถิดเพคะ”

“เอาเถิด พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับจวิ้นจู่”

“เพคะ” หงเถากับลุ่ยหลิ่วออกไปแล้วอันหลิงหยุนถึงได้ หันมามองมู่มิงแล้วเอ่ยเรื่องไปด่านชายแดน

มู่มิงถึงได้เอ่ยขึ้น “ข้ารู้อยู่แล้วเชียวเจ้าเรียกหาข้าต้อง ไม่ใช่เรื่องดี แล้วก็เป็นเรื่องนี้จริงๆ ด้วย คราวที่แล้วก็ เรื่องนี้ คราวนี้ก็เป็นเรื่องนี้อีก เจ้าไม่คิดจะทำเรื่องอื่นบ้าง หน่อยเลยหรือ จำต้องทรมานตัวเองเรื่องเช่นนี้ให้ได้หรือ อย่างไร”

“ท่านพ่อข้าอยู่ที่ด่านชายแดนไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ท่าน อ๋องเองก็ไม่อาจปลีกตัวได้ หากข้าไม่ไปดูท่านพ่อให้เห็น กับตาข้าคงไม่อาจวางใจ ข้างกายข้าไม่มีผู้ใด หากเจ้า ยอมไปกับข้าก็ไปด้วยกัน แต่หากไม่ก็ช่างเถิด”

“เฮอะ! มีเรื่องดีๆ ไม่มาหาข้าหรอก ทีเรื่องเช่นนี้เจ้ากลับ มาหาข้าได้” มู่มิงนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง นางคร้านจะสนใจอัน หลิงหยุนเต็มที่แล้ว
ทันใดนั้นเองหยุนโล่ชวนก็พลันผลักประตูเข้ามา “ช้า ไป”

หยุนโล่ชวนสวมชุดผ้าต่วนสีม่วงทั้งร่าง เมื่อเข้ามาและ ปิดประตูลงดีแล้วจึงหันไปมองมู่มิงและเดินไปหาอันหลิง หยุน “นางไม่ไป ข้าไป

อันหลิงหยุนพลันลุกขึ้นนั่ง “เช่นนั้นพวกเราไป

“อ๋ย…ข้าพูดเมื่อใดกันว่าไม่ไป” มู่มิงลุกพรวดขึ้น ใบหน้าไม่สบอารมณ์

หยุนโล่ชวนจึงเอ่ยขึ้น “ข้าเตรียมรถม้าไว้แล้วคันหนึ่ง ในเมื่อเจ้าเองก็คิดจะไปด่านชายแดน เช่นนั้นคืนนี้พวก เราออกเดินทางกัน”

“คืนนี้ไม่ได้ เราต้องไปกันเดี๋ยวนี้ อาศัยตอนที่ท่านอ๋อง เข้าวังไม่รู้จะกลับมาเมื่อไรนี่แหละ”

“ก็ดี ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้ ส่วนเจ้าก็ไปเอาของที่ จําเป็นมาเดี๋ยวนี้”

หยุนโล่ชวนหันกายเดินจากไป ท่าเอามู่มิงได้แต่มอง ตาค้าง “คนผู้นี้เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้นะ ท้องเจ้าใหญ่ เพียงนี้หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นเล่า ทั้งยังไม่ได้วางแผน อะไรกันด้วยซ้ำ”

อันหลิงหยุนลงจากเตียงมา “มิงเจ้าก็ไปเตรียมตัวเกิด แล้วเจอกันที่นอกเมือง”
มู่มิงเองก็ขึ้นหลังเสือไปแล้วจะลงมาก็เห็นจะยากเต็มที จึงได้แต่มองท้องของอันหลิงหยุน “เช่นนั้นเจ้าก็ระวัง ด้วย!”

“เจ้าก็เช่นกัน”

มู่มิงหันหลังเดินจากไป อันหลิงหยุนถึงได้เดินไปหาอา หยู่ที่หน้าซีดเผือดอยู่หน้าประตู สีหน้าเขาอึดอัดลำบาก ใจยิ่งนัก “พระชายาอย่าได้ก่อเรื่องเลยพ่ะย่ะค่ะ คิดจะไป ด่านชายแดนเช่นนี้ ทรงไม่รักชีวิตแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ต่อให้รักชีวิตก็ต้องไป หลายวันนี้ข้าไม่ได้ข่าวท่านพ่อ เลยสักนิด ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ข้าจะไปหากเจ้าจะ ไปกับข้าก็ไป หากไม่ไปข้าก็จำต้องทำให้เจ้าเงียบปาก แล้ว”

“แต่ท่านอ๋อง…อย่าก่อเรื่องเลยพ่ะย่ะค่ะ” อาหยู่ตั้งท่าจะ รีบหนีไป อันหลิงหยุนจึงยกมือขึ้น อาหยุ่พลันแข็งที่ไปครู่ หนึ่งก่อนจะสลบลงไปกองอยู่กับพื้น

อันหลิงหยุนมองหงเถากับลุ่ยหลิ่วแวบหนึ่ง “พวกเจ้าไป เก็บของเดี๋ยวนี้ ไปด่านชายแดนกับข้า

“เพคะ” หงเถากับลุ่ยหลิ่วรีบออกไปทันที เมื่อเตรียมตัว แล้วจึงได้พาแม่นมกับท่านหมอจวนโจวท้ายเรือนไปด้วย ก่อนจะแยกย้ายกันออกจากจวนไป

หมอจวนโจวเคยชินกับเรื่องเช่นนี้เสียแล้ว มีพระชายา อยู่ทั้งคน ต่อให้ฟ้าจะถล่มลงมาเขาก็ไม่ประหลาดใจอัน ใดนัก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการออกนอกเมืองไปรักษาคนโดยไม่คิดเงิน

ท่านหมอจวนโจวถูกหงเถาหลอกล่อออกมาโดยไม่ได้ คิดระแวงสงสัยเลยสักนิด เพียงตามหงเถาออกมาแต่โดย

แม่นมหวูก็ตามลุ่ยหลิวมาโดยไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ทว่านาง กลับไม่กลัว ฝากฝังกิจธุระกับคนที่บ้านไว้อย่างดีแล้ว ตามลุ่ยหลิ่วออกมา

ทางด้านอันหลิงหยุนนั้นก็ไม่ได้ไปคนเดียว นางพาคู่ สามีภรรยาผู้เฒ่ากับคนหนุ่มสาวไปด้วย

คนทั้งสามกลุ่มออกจากเมืองหลวงโดยไม่มีผู้ใดสงสัย แม้แต่น้อย อันหลิงหยุนเพียงนำยาจำนวนหนึ่ง กล่องยา กับพิณหลวงเพิ่งไปเท่านั้น

ออกนอกเมืองไปเพียงไม่นานก็เจอคนของหยุนโล่ชวน หยุนโล่ชวนเตรียมรถม้าสำหรับออกท่องเที่ยวเอาไว้ เมื่อ ดูเผินๆ จึงดูคล้ายครอบครัวที่มีทั้งเด็กทั้งคนแก่

ระหว่างทางหยุนโล่ชวนกับมู่มิงปลอมตัวเป็นบุรุษ ปลอมตัวเป็นน้องชายทั้งสองของอันหลิงหยุน ส่วนคน อื่นๆ ก็เป็นเด็กและคนแก่ในครอบครัว

กงชิงวี่กลับมาจากวังหลวงก็พุ่งตรงไปที่ลานโอวหลาน ทันที ทว่าในสวนกลับไม่เหมือนวันอื่นๆ ที่ผ่านมา ว่าง เปล่าไร้ซึ่งผู้ใด

“หลิงหยุน”
กงชิงวี่เข้ามาในห้องแล้วร้องตะโกนเรียก ทว่าไม่มีผู้ใด ขานรับ

เห็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่งวางทิ้งไว้บนโต๊ะ

กงชิง หยิบมาอ่านจบไปรอบหนึ่งก็พลันปวดหัวขึ้นมา ยามนี้นางน่าจะออกจากเมืองหลวงไปด่านชายแดนแล้ว ทั้งยังบอกกับเขาว่าอีกไม่นานก็จะถึงด่านชายแดนแล้ว ให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง

“ท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วง อย่างมากที่สุดก็เพียงไม่กี่วัน เท่านั้น ก็จะถึงที่หมายอย่างปลอดภัยแล้ว ทัพใหญ่ใช้ เวลาแรมเดือน ทว่าพวกเราเดินทางกันเพียงไม่กี่คน ใช้ เวลาไม่กี่วันเท่านั้นเพคะ ท่านอ๋องอยู่ในเมืองหลวงงาน รัดตัว ไม่ต้องห่วงพะวงข้า หลิงหยุนถวายบังคมท่านแล้ว เพคะ”

กงชิงวี่พลันสีหน้าเครียดเคร่งขึ้นมา ก่อนจะออกจาก ประตูไปตามหาอาหยู่รอบหนึ่ง พอหาไม่เจอด้วยอาราม เดือดดาลจึงทุบโต๊ะหินในสวนจนแตกละเอียด ส่งเสียงดัง สนั่นจนคนทั้งจวนสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย หากใครไม่รู้ คงคิดว่าท่านอ๋องจะรื้อจวน

กงชิงวี่ลงโทษคนทั้งจวนสถานหนัก ผู้เป็นพ่อบ้านจึงได้ แต่คุกเขาอยู่กับพื้นไม่กล้าลุกขึ้นมา

อันหลิงหยุนเดินทางไปได้เจ็ดแปดวัน เร่งเดินทางกันท้ง วันทั้งคืน จนเริ่มมองเห็นด่านชายแดนอยู่ตรงหน้า ทำเอา นางปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวจนร่างกายแทบจะรับไม่ไหว
ทว่าทุกคนก็ดูจะยังไม่เป็นอันใด มีเพียงนางเท่านั้นที่ ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว กระทั่งลงจากรถม้าก็ยังไม่ยอม ลงมา

“พวกเราพักกันสักหน่อยเถิด” หยุนโล่ชวนแหวก หน้าต่างรถม้าดูครู่หนึ่ง

“ที่นี่ไม่สู้ดีนัก นกสักตัวยังไม่มีเลย พวกเราพักที่นี่ เห็นจะไม่เหมาะ

มู่มิงลงจากรถม้ามาสำรวจรอบๆ

ทว่าหยุนโล่ชวนส่ายหน้าเพื่อส่งสัญญาณให้มู่มิงหยุด พูดเสีย

อันหลิงหยุนรู้ดีว่าทุกคนตามใจนาง การเดินทางครั้งนี้ ถึงเสียเวลาไปมากนัก

“ไม่ต้องพักแล้ว พวกเราเร่งเดินทางกันต่อเถิด ข้ามที่นี่

ไปก่อนแล้วค่อยไปพักข้างหน้า วันพรุ่งก็น่าจะถึงแล้ว”

อันหลิงหยุนปล่อยผ้าม่านบนรถม้าลง ต่อให้นางทรมาน ยิ่งกว่านี้ก็เห็นจะต้องทนแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ