บทที่ 414 หยุนจั่นล่วงหน้าไปก่อน
กงชิง ไปเข้าเฝ้าในวังใกล้จะกลับมาแล้ว ตกเย็นจึงเริ่ม เตรียมตัว หยุนจิ่นแต่งกายเป็นบุรุษมาถวายพระพรอัน หลิงหยุนเพียงลำพัง ทั้งยังแต่งตัวเป็นพ่อค้าอีกด้วย
เมื่อเห็นหยุนจิ่นแต่งกายเช่นนั้น อันหลิงหยุนจึงรู้ได้ใน ทันทีว่านางคิดสิ่งใดอยู่
“เจ้าคิดจะปลอมตัวเป็นพ่อค้าไปขนส่งเสบียงอย่างนั้น
หรือ”
“เรื่องนี้ข้ายังต้องหารือกับท่านอ๋องอีก ข้านําเสบียงไป ไม่พอ แต่เตรียมเงินไปพอ ข้าจะคอยทยอยสั่งให้คนล่วง หน้าไปรับเสบียงแล้วแยกกันขนส่งตลอดทาง เช่นนี้ก็ จะประหยัดกำลังคน ทั้งยังสามารถคุ้มกันเสบียงได้ตาม จำนวนอีกด้วย
ก่อนแม่ทัพอันจะออกทัพ เมืองหลวงได้ส่งคนไประดม เสบียงแล้ว ทว่าในเวลาอันสั้นไม่อาจหาเสบียงได้มาก ถึงเพียงนั้น ที่ข้านำไปส่วนมากก็เป็นยากับเสื้อนวมไว้ใส่ ยามหน้าหนาว ทว่ากว่าข้าจะไปถึงเสบียงก็คงจัดเตรียม ได้พร้อมสรรพพอดี”
อันหลิงหยุนถูกหยุนจิ่นพูดจนพลอยเคลิ้มตามไปด้วย ข้างกายนางมีคนเช่นนี้อยู่ด้วย นางกลับไม่รู้เลย
“หยุนจิ่น ทุกอย่างก็เอาตามที่เจ้าว่าเถิด มอบเรื่องนี้ให้ เจ้าจัดการข้าก็วางใจ จะอย่างไรเสียเจ้าก็คอยติดตามอยู่ ข้างกายข้ามาหลายปี ท่านพ่อข้าก็เชื่อใจเจ้า หากเป็นเจ้าไปข้าก้วางใจ เพียงแต่ไปครั้งนี้อันตรายมากนัก เจ้าต้อง ระวังให้จงหนัก
ไม่ว่าจะเกิดอะไร ชีวิตสำคัญที่สุด ข้าเพียงหวังให้เจ้า ปลอดภัยกลับมา หากเจ้าเป็นอะไรไปข้าคงกินไม่ได้นอน ไม่หลับไปทั้งชีวิต
ส่วนเรื่องอื่น ท่านอ๋องตรัสว่าจะส่งคนไปกับเจ้าด้วย หากข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด
“เจ้านาย ท่านอ๋องกล่าวได้ถูกต้องนัก หยุนจั่นเพียง หวังว่าคนที่จะไปด้วยผู้นี้ จะเพียงมองหยุนจิ่นฉยๆ หาก ไม่ใช่เข้ามาแทรกแซงการทำงานของหยุนจิ่น ทั้งยัง พร้อมจะเอาชีวิตหยุนจิ่นได้ทุกเมื่อด้วย เช่นนั้นถึงจะรับ ประกันได้ว่าเสบียงจะไม่ถึงช้ากว่ากำหนด”
“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ ข้าย่อมมีวิธีแน่”
อันหลิงหยุนยังไม่ทันได้ตอบกงชิงวี่ก็ผลักประตูเข้ามา อันหลิงหยุนพลันลุกขึ้น ขณะที่หยุนจิ๋นเองก็รีบตั้งท่าจะ ไปคารวะ “หยุนจิ่นคารวะท่านอ๋อง”
กงชิงวี่โบกไม้โบกมือ “ลุกขึ้นเถิด”
หยุนจิ่นลุกขึ้นแล้วเงยหน้ามองกงชิงวี่
กงชิงวี่แววตาราบเรียบ “ข้าเชื่อว่าแม่ทัพที่ดีย่อมต้องมี ทหารกล้าเป็นบริวาร ในเมื่อพระชายารับเจ้ามารับใช้ข้าง กาย ข้าย่อมต้องยอมรับความสามารถของเจ้าแน่
เพียงแต่เจ้าไปคราวนี้ ข้าก็มีจุดที่ไม่วางใจอยู่
หากก็เป็นไปตามที่เจ้าพูดว่าคนผู้นี้จะเพียงมองดูเท่านั้น และพร้อมจะเอาจะเอาชีวิตเจ้าได้ทุกเมื่อ แต่คนผู้นี้ก็ พร้อมจะปกป้องเจ้าได้ทุกเมื่อเช่นกัน
ปู้เหวิน?
“พ่ะย่ะค่ะ”
ปู้เหวิน เข้ามาคุกเข่าลงกับพื้น แล้วก้มหน้าคำนับ
กงชิงวี่เอ่ย “วันนี้ ปู้เหวิน ทั้งห้าคนจะไปพร้อมกับเจ้า ด้วย เพื่ออารักขาความปลอดภัย”
“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ หยุนจิ่นเองก็คิดเช่น เดียวกัน มีปู้เหวิน ไปกันตั้งหลายคน หยุนจิ่นก็วางใจแล้ว เพคะ นอกจากนี้หยุนจิ่นยังพาคนไปด้วยอีกหลายคน แต่ ขอท่านอ๋องได้โปรดดูให้แน่ใจด้วยว่าเขามีจุดประสงค์ เช่นไรกันแน่ หยุนจิ๋นได้พิษกู่จูซินราคาแพงมา วันนี้หยุ นจิ่นจึงจะให้พวกเขากินมันเข้าไป ส่วนแมลงตัวเมียที่ใช้ ควบคุมหยุนจิ่นจะให้เป็นท่านอ๋องเก็บรักษาไว้ หากพวก เขาเลี้ยงไม่เชื่องจะได้ตายด้วยน้ำมือท่านอ๋องไปซะ
เพียงท่านอ๋องโยนแมลงตัวเมียนั้นเข้ากองไฟ พวกเขาก็ จะตาย
หยุนจิ่นหยิบกล่องฉาบเคลือบทองชั้นดีใบเล็กๆ ที่ด้าน บนบุช่องเอาไว้ออกมาถือไว้ในมือ ก่อนจะน้อมประเคนให้ ส่ง
อันหลิงหยุนเอื้อมมือไปหยิบมา ตัวกล่องพลันเริ่มสั่น สะเทือน อันหลิงหยุนจึงเกิดนึกขันขึ้นมา “ดูแล้วไม่ใช่แค่ ของมีพิษเท่านั้นที่กลัวข้า แม้แต่หนอนพิษกู่ก็ยังกลัวข้า ด้วย”
เมื่อเปิดกล่องออกอันหลิงหยุนถึงได้มองเข้าไปข้างใน แวบหนึ่ง ก่อนจะเห็นแมลงตัวเมียกำลังคลานยั้วเยี้ยออก มา อันหลิงหยุนจึงปิดฝากล่องแล้วส่งให้กงชิงวี่ เมื่อถึงมือ กิงชิงวี่หนอนพิษกู่ถึงได้สงบลง
ทันใดนั้นเอง คนอีกกลุ่มหนึ่งจึงได้ลงจากหลังคามา พวกเขาล้วนเป็นยังหนุ่มยังแน่น ทั้งเมื่อมองเผินๆ แล้วยัง ดูคล้ายคนธรรมดาทั่วไปอีกด้วย
“นี่เจ้านาย พวกเจ้ารีบเข้ามาคารวะเจ้านายทั้งสองเสีย
คนทั้งหกคนจึงก้าวเข้ามาคารวะ “พวกเราคารวะเจ้า
นาย”
กงชิงวีนัยน์ตาสงบนิ่งไม่ไหวติง เพียงหันไปพิจารณา คนทั้งหลายนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเห็นว่าพวก เขาล้วนรูปร่างสัณฐานดี ล้วนเป็นคนฝึกยุทธที่มีความ สามารถ
“พวกเจ้ายอมกินหนอนพิษกู่หรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็กินเถิด”
ทันทีที่กงชิง ออกคําสั่ง พวกเขาก็หยิบเม็ดสีทองเล็กๆ ออกมาแล้วตั้งท่าจะกินเข้าไป
ทว่าอันหลิงหยุนกลับตะโกนห้ามเอาไว้เสียก่อน “พวก เจ้าไม่จําเป็นต้องทำเช่นนี้ ท่านอ๋องไม่ได้คิดจะให้พวกเจ้า กินมันเข้าไปจริงๆ เสียหน่อย ก็แค่ลองใจพวกเจ้าเท่านั้น
ของพวกนี้เตรียมไว้พวกศัตรู ช่างเถิด”
หยุนจิ่นเองก็มองอันหลิงหยุนอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบ เมล็ดถั่วทอง ออกมาจากอกเสื้อ แล้วจับใส่ปากกลืนลง ไปทันที
คนทั้งหกคนเองก็กลืนลงไปแล้วเช่นกัน อันหลิงหยุนจึง รีบเดินเข้าไปหาหยุนจิ่นทันที “คายออกมา
หยุนจิ่นกลืนลงไปเรียบร้อยแล้ว นางเพียงมองอันหลิง หยุน “เจ้านาย นี่ไม่ใช่ยาพิษอะไร กว่าพวกเราจะกลับ แมลงตัวเมียก็หมดฤดูผสมพันธุ์ไปแล้ว หนอนพิษกู่ฉงก็ จะออกมาเอง ตอนนี้ขอเพียงเจ้านายดูแลแมลงตัวเมียนั้น ให้ดีก็พอ นี่ถือเป็นการรับประกันของหยุนจั่น”
อันหลิงหยุนจนใจ “เหตุใดเจ้าถึงได้โง่เช่นนี้”
“เจ้านาย ท่านเป็นผู้ให้ชีวิตของหยุนจิ่น วันนั้นหยุนจิ่นอ ยู่ข้างถนนไม่มีผู้ใดสนใจ หากไม่มีเจ้านายหยุนจั่นคงตาย ไปแล้ว”
“หยุนจิ่น เจ้าช่างโง่นัก”
อันหลิงหยุนปาดน้ำตา ก่อนจะถลึงตามองกงชิงอย่าง
กงชิงวี่จึงไม่พอใจขึ้นมา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเสีย หน่อย”
“ช่างปัดความรับผิดชอบได้ดีแท้” อันหลิงหยุนมองกง ชิงอย่างไม่สบอารมณ์นัก แล้วหันกลับไปมองหยุนจิ่น
“หยุนจิ่นข้าคงไม่อาจไปส่งเจ้าได้แล้ว เจ้าเดินทางต้อง
ระวังให้มาก”
“หยุนจิ่นต้องระวังและกลับมาอย่างปลอดภัยแน่เจ้าค่ะ ท่านดูแลเหล่าเจ้านายน้อยให้ดีเถิด”
“อืม”
อันหลิงหยุนมองคนทั้งหกที่หยุนจิ่นพามาด้วย “พวกเจ้า ไปอย่างวางใจเถิด แมลงตัวเมียนี้ข้าจะดูแลอย่างดี และ หวังว่าพวกเจ้าจะปกป้องคุ้มครองหยุนจิ้นเป็นอย่างดีเช่น กัน”
“พวกกระหม่อมรับทราบ
เมื่อมอบหมายเรียบร้อยหยุนจิ่นจึงพาคนทั้งสิบเอ็ดคน จากไป อันหลิงหยุนเองก็แอบตามไปส่งพวกเขาถึงนอก เมืองด้วย
หยุนจิ่นพลิกตัวขึ้นหลังมานำคนสิบกว่าคนควบม้าเร่ง ออกเดินทาง บนหลังม้ายังบรรทุกของหลายอย่างไปด้วย
นางหันหลังกลับมามองครู่หนึ่ง ก่อนจะควบม้าห้อตะบึง จากไป
อันหลิงหยุนเดินออกมาจากในมุมมืด “หยุนจิ่นขี่ม้าเป็น ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“เกรงว่าจะขี่เป็นตั้งนานแล้ว” กงชิงวี่นำคนหันหลังจาก ไป อันหลิงหยุนก็ได้แต่หันหลังกลับไปมอง ยังคงคิดไม่ ตกว่าหยุนจิ่นทำไปเพราะใครกันแน่
ณ วังจิ่งซิ่ว
จุนเซียวเซียวยืนอยู่นอกวังจิ่งซิ่วพลางมองออกไปด้าน นอก ทันใดนั้นเองสาวใช้ก็นำเสื้อคลุมเข้ามาให้ “พระนาง เพคะ ทรงยืนเช่นนี้มาเจ็ดแปดวันแล้ว เสด็จกลับเถิด เพคะ”
“ยืนต่ออีกหน่อยไม่เป็นไรหรอก เจ้ากลับไปก่อนเถิด” จุนเซียวเซียวขยับเสื้อคลุมบนบ่าให้กระชับขึ้นก่อนจะ เดินออกไป
สาวใช้จึงรีบวิ่งตามไปด้วย “พระนางเพคะ จะทรง…?”
“ข้าจะไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ด้านหลังหน่อย เจ้ากลับ ไปก่อน”
“ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนพระนางด้วยเพคะ” สาวใช้คิดจะ ติดตามไปด้วย จุนเซียวเซียวจึงผละออกจากนางแล้วเดิน จากไป
เมื่อเดินมาถึงสวนดอกไม้ด้านหลังจุนเซียวเซียวก็หยุด ยืนอยู่หน้าต้นโบตั๋นสีขาวต้นหนึ่ง นางใจลอยจ้องมอง ดอกโบตั๋นสีขาวนั้น กระทั่งมีเสียงฝีเท้าดังแว่วมาทางด้าน หลัง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของสวีกงกง “ฝ่าบาทเสด็จ เซ๊ยวกุ้ยเฟยรับเสด็จ
จุนเซียวเซียวหันไปคุกเข่าลง “หม่อมฉันถวายบังคมฝ่า บาท
“ลุกขึ้นเถิด ข้าแค่เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย กุ้ยเฟยเองก็อยู่
ที่นี่ด้วยหรือ”
“หม่อมฉันคิดถึงฝ่าบาทเพคะ จึงตั้งใจมารอฝ่าบาทที่ นี่ ได้ยินว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาชมดอกไม้ทุกวันจึงได้มา เพคะ”
จุนเซียวเซียวคุกเข่าอยู่กับพื้นไม่ได้ลุกขึ้นมา
ฮ่องเต้ชิงหยู่กลับไม่ได้โทษนาง เพียงมองนางครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวลงไปพยุงจุนเซียวเซียวขึ้นมา ทว่าก็ไม่ ได้เอ่ยอันใดอีก เพียงเดินกลับวังจิ่งซิ่วกับจุนเซียวเซียว เท่านั้น
เรื่องนี้ดังไปถึงหูของฮองเฮาเสินหยุนชูอย่างรวดเร็ว ทว่านางกลับเพียงขยับวางกำยานแล้วยิ้มออกมาเท่านั้น
ในคืนนั้นฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงรั้งอยู่ที่วังจิ่งซิ่ว ไม่ได้ไปไหน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ