ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 369 ไทเฮาทรงคิดถึงฮ่องเต้องค์ก่อน



บทที่ 369 ไทเฮาทรงคิดถึงฮ่องเต้องค์ก่อน

“ราชครูจุนคือขุนนางที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงฝากฝังไว้ มีหลายๆ เรื่องในประเทศต้าเหลียงนี้ที่เขาเป็นผู้ควบคุม ดูแล ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงเชื่อใจราชครูจุนผู้นี้นัก กระทั่ง นับเขาเป็นเพื่อนที่รู้ใจคนหนึ่ง ตอนที่ยังดีกันอยู่แม้แต่ สวมกางเกงตัวเดียวกันก็ยังทำได้

เมื่อครั้งราชครูจุนยังหนุ่ม ฮ่องเต้องค์ก่อนยังเคยช่วย เขาเอาไว้ด้วย เขาจึงซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณไม่ เคยลืม”

อันหลิงหยุนพลันกระจ่างขึ้นมา เขาเป็นคนรู้จักบุญคุณ คนนี่เอง

“เสด็จแม่เพคะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดเขาถึงได้เป็น คนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำเอาคนดูไม่ออกว่าเขากำลัง คิดอะไรอยู่ มีเป้าหมายอันใดกันแน่เล่าเพคะ”

หวางฮองไทเฮาขัน “เจ้านี่หนา บางครั้งข้าก็รู้สึกว่าเจ้า ฉลาดเฉลียวนัก แต่บางครั้งกลับรู้สึกว่าเจ้าช่างโง่เขลา เหลือเกิน

หนทางของการเป็นราชานั้นไม่ได้มีเพียงปกครอง ประเทศเท่านั้น หากยังต้องมีกลอุบายในราชสำนักด้วย

คนพวกนี้จะอยู่ฝ่ายเดียวกันมิได้ เช่นท่านพ่อของเจ้า แม่ทัพอัน เขาเป็นคนของฝ่าบาท อันกั๋วกงก็นับเป็นคน ของฝ่าบาท
แต่คนของฝ่าบาทมีหน้าที่ทําอะไรกันเล่า

พวกเขาต้องรักษาความสมดุลเอาไว้ ในยามปกติไม่ จําเป็นต้องเอ่ยปากพูด เพียงอยู่เงียบๆ เหม่อลอยสัก หน่อยเป็นใช้ได้แล้ว

เฉินเฉิงเสี้ยงฝ่ายหนึ่ง ราชครูจุนฝ่ายหนึ่ง สองคนนี้อยู่ คนละฝ่ายก็ไม่นับเป็นคนของฝ่าบาทแล้วงั้นหรือ

ไม่ใช่เช่นนั้น

ก็แค่ว่ายามที่บ้านเมืองสงบสุขดี ฝ่าบาทมองพวกเขา เป็นศัตรูคัดค้านกันได้

แต่ในยามเกิดเรื่อง ฝ่าบาทก็จะทรงแต่งตั้งคนที่ พระองค์ทรงไว้วางพระทัยขึ้นมา

ฝ่าบาททรงให้ความเคารพราชครูจุน ทว่าก็โปรดปราน

ฮองเฮาตระกูลเสินนัก นั่นหมายความว่าอย่างไร

ก็หมายความว่าลึกๆ ในพระทัยของฝ่าบาทเองก็รู้ดี ไม่ ว่าจะเป็นเฉินเฉิงเสี้ยงหรือราชครูจุนก็ล้วนมีจงรักภักดีต่อ พระองค์ทั้งนั้น หากสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการกลับไม่ได้มี เพียงความภักดี

ในบางครั้ง ไม่อาจให้พวกเขาอยู่รวมเป็นฝักฝ่าย เดียวกันได้

ยามที่พวกเขาเป็นศัตรูกัน ฝ่าบาทก็จะเป็นคนที่พวกเขา แย่งกันประจบสอพลอ แต่หากพวกเขาเป็นฝ่ายเดียวกันแล้วล่ะก็ พวกเขาก็รู้สึกเบื่อหน่าย เช่นนั้นพวกเขาจะคิด ทำอะไรเล่า

พวกเขาก็จะหาทางรับมือกับผู้ที่ในยามปกติคอยขึ้น เสียงใส่พวกเขาน่ะสิ คนผู้นั้นก็หาใช่ใครอื่น เป็นฝ่าบาท องค์ปัจจุบันนี้อย่างไรเล่า

คนที่อยู่ข้างกายพวกนี้ เจ้าให้พวกเขากินอิ่มเกินไปก็ใช่ ว่าจะเป็นเรื่องดี ต้องให้พวกเขาหิวสักหน่อย นั่นถึงจะเป็น หลักการ

อันหลิงหยุนพลันมีเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมาท่วมตัว “เสด็จ แม่ตรัสได้ถูกต้องเพคะ”

“รู้หรือไม่ เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่เลือกคนอื่น แต่กลับเลือก ให้จุนเซียวเซียวเข้าวัง” หวางฮองไทเฮาเอ่ยถาม อันหลิง หยุนส่ายหน้า หรือต่อให้นางรู้ก็ไม่กล้าพูด

หวางฮองไทเฮาแย้มสรวล “ใต้หล้านี้เป็นของฝ่าบาท นั้นไม่ผิด แต่ก็มีขุนนางบางคนที่อยากจะอยากหาผล ประโยชน์เข้าตัว อย่างเช่นตระกูลเงินอย่างไรเล่า ตระ กูลเงินแม้เป็นตระกูลบุ๋น แต่กลับมีแม่ทัพถึงสองคน ทั้งยัง ถูกส่งไปยังด่านชายแดนอีกด้วย นั่นไม่ธรรมดาเชียว

เมื่อมีคนตระกูลอยู่จึงอยู่ในวังได้อย่างมีหน้ามีตา

บุตรสาวตระกูลเงินผู้นั้นเลือกแล้วว่าอยากโด่งดังไป ทั่วทั้งใต้หล้า ในเรื่องนี้จุนเซียวเซียวนับว่าฉลาดกว่าจุน ฉูฉู นางให้ความร่วมมือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ของราชครูจุนตั้งแต่แรก
แล้วล่ะก็ พวกเขาก็รู้สึกเบื่อหน่าย เช่นนั้นพวกเขาจะคิด ทำอะไรเล่า

พวกเขาก็จะหาทางรับมือกับผู้ที่ในยามปกติคอยขึ้น เสียงใส่พวกเขาน่ะสิ คนผู้นั้นก็หาใช่ใครอื่น เป็นฝ่าบาท องค์ปัจจุบันนี้อย่างไรเล่า

คนที่อยู่ข้างกายพวกนี้ เจ้าให้พวกเขากินอิ่มเกินไปก็ใช่ ว่าจะเป็นเรื่องดี ต้องให้พวกเขาหิวสักหน่อย นั่นถึงจะเป็น หลักการ

อันหลิงหยุนพลันมีเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมาท่วมตัว “เสด็จ แม่ตรัสได้ถูกต้องเพคะ”

“รู้หรือไม่ เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่เลือกคนอื่น แต่กลับเลือก ให้จุนเซียวเซียวเข้าวัง” หวางฮองไทเฮาเอ่ยถาม อันหลิง หยุนส่ายหน้า หรือต่อให้นางรู้ก็ไม่กล้าพูด

หวางฮองไทเฮาแย้มสรวล “ใต้หล้านี้เป็นของฝ่าบาท นั้นไม่ผิด แต่ก็มีขุนนางบางคนที่อยากจะอยากหาผล ประโยชน์เข้าตัว อย่างเช่นตระกูลเงินอย่างไรเล่า ตระ กูลเงินแม้เป็นตระกูลบุ๋น แต่กลับมีแม่ทัพถึงสองคน ทั้งยัง ถูกส่งไปยังด่านชายแดนอีกด้วย นั่นไม่ธรรมดาเชียว

เมื่อมีคนตระกูลอยู่จึงอยู่ในวังได้อย่างมีหน้ามีตา

บุตรสาวตระกูลเงินผู้นั้นเลือกแล้วว่าอยากโด่งดังไป ทั่วทั้งใต้หล้า ในเรื่องนี้จุนเซียวเซียวนับว่าฉลาดกว่าจุน ฉูฉู นางให้ความร่วมมือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ของราชครูจุนตั้งแต่แรกอะไรกับข้าบ้าง”

อันหลิงหยุนรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย พลันเผลอเงย หน้าขึ้นมอง “หม่อมฉันไม่ทราบ”

“หลายวันก่อนก๊กอู๋ใหญ่เข้าวังมาหาข้า แล้วเอ่ยเรื่องมู่ มิงขึ้นกับข้า เขาบอกกับข้าว่าอยากให้มู่มิงแต่งกับอ๋อง เสียน ขอเพียงเจ้ายินยอมทุกเรื่องล้วนคุยกันได้ ต่อให้ ต้องเป็นอนุก็ย่อมได้

“อ๋า!” อันหลิงหยุนแม้จะตกตะลึง แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจน ตอนนี้มู่มิงจะยังคงคิดถึงกงชิงวี่อยู่อีก

หวางฮองไทเฮานึกขัน “มีอันใดน่าตกใจกัน หรือวี่เอ๋อ ไม่อาจทําได้งั้นหรือ

“เรื่องนี้…” อันหลิงหยุนไม่อาจพูดอะไรได้มากนัก

หวางฮองไทเฮาเอ่ยต่อ “แต่เจ้ากำลังท้อง ข้ากลัวเจ้าจะ เป็นอะไรขึ้นมา จึงได้เรียกวี่เอ๋อมาพูดเรื่องนี้แล้ว เขาถึง ขนาดพูดกับข้าว่าเขาตัดสินใจแล้วว่าชีวิตนี้ไม่ขอมีอนุ เขาอยากครองรักกับเจ้าไปจนแก่เฒ่า

หากมู่มิงยินกรานจะแต่งกับเขาให้ได้ เขาคงทำได้เพียง พาเจ้าหนีไปจนสุดหล้าฟ้าเขียวเท่านั้น

“ท่านอ๋องเพียงล้อเล่นเท่านั้นเองเพคะ มีหรือเขาจะ ตัดใจทิ้งประเทศต้าเหลียง ทิ้งฝ่าบาทกับเสด็จแม่ได้ลง”

“ตัดใจลงหรือไม่นั้นยังไม่รู้ แต่เขาพูดออกมาเช่นนี้ก็พอจะทำให้เห็นถึงความแน่วแน่ของเขาแล้ว”

อันหลิงหยุนนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำใด หวางฮองไทเฮาก้ม ลงคำนับบรรพชน “ข้ายังไม่ได้ตอบปฏิเสธก๊กอู๋ใหญ่แต่ อย่างใด อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนในตระกูลข้า ไม่ว่าจะใน วังหรือนอกวังข้าก็ยังหวังให้มีคนอยู่เคียงข้างข้าอยู่

หากฝ่าบาทกับมู่มิงไม่ยินยอม และนางชอบพออ๋องเสีย น ข้าก็พอจะกรุณานางเรื่องนี้ได้อยู่

เรื่องนี้ไม่นับว่ามีอันใดเสียหาย เจ้าก็น่าจะรู้ ด้วยชาติ กำเนิดของมู่มิงแล้ว ให้นางมาเป็นพี่น้องกับเจ้า เจ้าไม่เสีย เปรียบเลยสักนิด

อันหลิงหยุนคิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจความคิดของหวางฮ องไทเฮา จึงไม่ได้เอ่ยตอบอันใด

เมื่อหวางฮองไทเฮาก้มคำนับเรียบร้อยแล้ว อันหลิงหยุ นก็พยุงนางลุกขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นต่อ “เจ้าไม่เต็มใจ ให้มู่มิงเข้าจวนอ๋องเสียนหรือ”

“ไม่เต็มใจเพคะ” อันหลิงหยุนไม่นึกว่าพอกงชิงวี่ไปแล้ว เรื่องนี้จะถูกยกขึ้นมาพูดอีก

ทว่าหวางฮองไทเฮากลับไม่พิโรธเลยสักนิด “พวกเจ้า ช่างหัวแข็งเหมือนกันเสียจริง บุรุษมีสามภรรยาสื่อนล้วน เป็นเรื่องปกติ เจ้าไม่ยินเขาไม่ยอมเช่นนี้ ข้าล่ะจนปัญญา จริงๆ”

หวางฮองไทเฮาเตรียมจะจากไป “เจ้าวางใจเถิด เขาพูดแล้วว่าเขาบกพร่องเรื่องพรรค์นั้น หากข้าจะบีบ บังคับผลักไสบู่มิงให้เขาเสียให้ได้ เขาจะเอาเรื่องนี้ไป โพนทะนาให้ทั่วเชียว”

“…เสด็จแม่ เขาไม่รู้สึกขายหน้าเรื่องนี้ แต่หม่อมฉัน รู้สึก”

“บังอาจ!” หวางฮองไทเฮาตวาดเสียงดัง อันหลิงหยุนจึง ไม่อาจเอ่ยคำใดอีก

หวางฮองไทเฮากุมมือนางไว้ “แม้เจ้าจะคิดเช่นนั้นก็ ต้องหาเหตุผลที่สง่าผ่าเผยไปปฏิเสธ อย่างเหตุผลของ วี่เอ๋อ แม้จะไม่ใช่เหตุผลที่ปราดเปรื่องนัก แต่ก็ทำให้คน ยอมจำนนได้อย่างไม่มีทางเลือก จะว่าได้หรือ

อันหลิงหยุนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดูไปแล้ว นางก็มีแม่สามีที่ดีเหลือเกิน

“เสด็จแม่สั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว หม่อมฉันผิดไปแล้ว เพคะ”

“รู้ว่าควรทำเช่นไรแล้วหรือ” หวางฮองไทเฮาตรัสถาม

อันหลิงหยุนคิด “เรื่องนี้ไม่ควรแพร่ออกไป ท่านอ๋องเป็น โรคที่ไม่อาจเปิดเผยได้ เพียงหาโอกาสอธิบายกับท่านกั๋ว จิ๋วใหญ่ก็พอแล้วเพคะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ