บทที่ 328 ฮูหยินแก่กลับจวน
กงชิงวี่เลิกคิ้วหันไปมองด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง: “เป็นเพราะ น้ำของที่นึกลึกมาก กว้างใหญ่มาก ข้าจึงต้องการที่จะ ตัดขาดการไหลของน้ำ มิเช่นนั้นช้าเร็วก็จะต้องเกิดการ ต่อต้านขึ้น
หยุนหยุน ข้ารู้ว่าที่ของเจ้า ใครทำผิดคนนั้นรับ
ข้าเองก็คิดเช่นนี้ ถ้าหากข้าเกิดเรื่อง ก็หวังว่าหยุนหยุน จะไม่เป็นอะไร
แต่ถ้าหากปล่อยพวกเขา ก็เท่ากับทิ้งปัญหาให้แก่คนที่ อยู่ข้างหลังข้าในอนาคต
ข้าจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้วิธีเช่นนี้
วิธีเดียวที่ใช้ได้ก็คือต้องถอนรากถอนโคน
ตัดหนทางของพวกเขาให้หมดสิ้น
“ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่ท่านอ๋องไม่ทรงเป็นกังวลเลยแม้สัก นิดจริงๆหรือ?” อันหลิงหยุนยังคงรู้สึกว่าโล่ส่วยแห่งนี้ จิตใจของคนนั้นด้านชาแล้ว จู่ๆตระกูลเฉินก็ถูกประหาร เก้าชั่วโคตร พูดถึงการก่อกบฏชองพวกเขา คนที่นี่ไม่มี ทางที่จะยอมเชื่อ ยิ่งถ้าหากมีคนคอยยุแยงใส่สีตีไข่อยู่ที่ นี่แล้วล่ะก็ ก็คงจะพูดยากแล้ว
หากเป็นเช่นนั้น ที่นี่จะกลายเป็นเช่นไรกัน?
“ข้ามีแผนการที่ข้าคิดไว้ วันนี้ฮูหยินแก่จะกลับมา ผู้ใต้ บังคับบัญชาคนเก่าๆของเฉินกั๋วกงจะต้องมาที่นี่แน่ พวก เขาจะต้องรับช่วงจัดการโล่ส่วยแห่งนี้เสียใหม่ ถึงแม้คน ตระกูลเฉินจะมีใจคิดเป็นอื่น ก็คงไม่กล้าที่จะก่อกบฏขึ้น
เรื่องบางเรื่องต้องใช้เวลา แต่ข้าเชื่อว่า พวกเขาจะต้อง เป็นเหมือนเด็กคนนี้ จะต้องคิดได้ว่า ประเทศต้าเหลียงไม่ ได้ติดค้างอะไรพวกเขา!”
อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่สักพัก: “ท่านอ๋องว่าอย่างไรก็ อย่างนั้น”
นางตรวจดูเด็กทารกเรียบร้อย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหา จึงถามกงชิงวี่: “ท่านอ๋อง เขาชื่ออะไรเพคะ ตั้งชื่อให้หรือ ยัง?”
“ข้ายังคิดไม่ออก ให้หยุนหยุนตั้งให้เถอะ” กงชิงวี่ปล่อย มือที่กุมเด็กทารกลง แล้วมองดูเด็กน้อยอย่างละเอียด
อันหลิงหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “หากตระกูลเฉินต้องการต่อ ต้าน แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาอีกต่อไป ท่านอ๋องฆ่า พวกเขาทั้งหมดแล้ว ก็ถือว่ายุติธรรมแล้ว
ในตอนนั้นเฉินกั๋วกงยินดีที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อเสด็จปู่ เพื่อประเทศต้าเหลียงเขายินดีที่จะต่อสู้อย่างสุดความ สามารถ หรืออาจพูดได้ว่าทำงานอย่างหนักเพื่อสร้าง ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
อันที่จริงแล้ว ถือว่ายังติดค้างพวกเขาอยู่
เด็กคนนี้ให้ชื่อว่าเฉินเองคงจะดี”
กงชิงวี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง: “เช่นนั้นก็ให้ชื่อว่าเฉินเอินก็แล้ว กัน”
“แล้วเขาต้องการดื่มนม ตอนนี้จะให้ทำเช่นไร?” อันหลิง หยุนไม่มีประสบการณ์ในการดูแลเด็ก แต่ว่าเด็กคนนี้ ตั้งแต่เข้ามาก็ยังไม่ร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว
“นี่ก็สายแล้ว พวกเราควรจะไปได้แล้ว หยุนหยุนให้เขา นอนสักพักก่อน รอให้พวกเราจากไปแล้วค่อยให้เขาตื่น ขึ้นมา”
อันหลิงหยุนมองดูเด็กน้อยสักพัก แต่ก็ไม่มีวิธีที่จะ สามารถทำให้เขานอนหลับได้
จึงนำผงยาออกมาเล็กน้อย วางไว้บนนิ้วแล้วป้ายเข้าไป ในปากของเด็กเล็กน้อย เด็กน้อยยื่นลิ้นออกมาเลีย แล้ว
จากนั้นจึงผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
กงชิง ถาม: “ยาชา?”
“ชายาจะใช้กับเด็กได้อย่างไรกัน นี่เรียกว่ายาน้ำหอม อันนี้ข้ายังไม่เคยใช้มาก่อน ช่วงก่อนหน้านี้เพิ่งจะศึกษา ออกมาได้ เดิมทีข้าคิดที่จะใช้กับคนอื่น ของสิ่งนี้สกัด ยากมาก อีกทั้งกินเข้าไปแล้วไม่มีอันตราย ไม่มีสีไม่มี กลิ่น เวลาในการนอนสามารถใช้ขนาดยาในการกำหนด ได้ เมื่อถึงเวลาที่แน่นอน ฤทธิ์ของยาก็จะสบายไป ก็จะ ตื่นขึ้นมา”
“ในเมื่อไม่มีสีไม่มีกลิ่น แล้วทำไมจึงเรียกว่ายา น้ำหอม?” กงชิงวี่พูดด้วยความสงสัย
อันหลิงหยุนยิ้ม: “ของหลายอย่างก็เป็นเช่นนี้ ข้าก้เพียง แค่ตั้งชื่อให้ฟังดูไพเราะเท่านั้น”
กงชิงวี่กวาดสายตามองอันหลิงหยุนหนึ่งครั้ง รู้ดีว่าพูด ไม่ชนะอันหลิงหยุน จึงไม่คิดที่จะพูดอะไรอีก แล้วจึงนำป ผ้าคลุมออกมาคลุมหัวให้เด็กน้อย แล้วจึงหันหลังมองไป ด้านนอก
ทหารกลุ่มนึงกำลังเดินเข้ามา อันหลิงหยุนรู้สึกแปลก ใจ: “เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”
“ไปเถอะ”
กงชิงวี่เดินก้าวไปข้างหน้า อันหลิงหยุนอุ้มตะกร้าขึ้น แล้วเดินตามไป
ในลานมีทหารสองกลุ่มยืนยู่ เมื่อเห็นกงชิงวี่ก็รีบหันไป คุกเข่าให้กงชิงวี่
“ถวายบังคมอ๋องซื่อเจิ้น”
คนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นเสียงดังเหมือนตีกลอง เสียง สะท้อนก้องกังวานอยู่ภายในคฤหาสน์ตระกูลเฉิน
มีคนส่งชุดประจำตำแหน่งอ๋องซื่อเจิ้นให้กงชิงวี่ เขาจึง สวมใส่ในลาน ออกไปข้างนอกก็ยังมีคนคุกเข่าอยู่ที่พื้น เป็นจำนวนมาก ราษฎรเองก็อยู่ด้วย
คนที่เป็นผู้นำสองสามคนคือบรรดาคนเก่าคนแก่ที่อยู่ ในห้องโถงบรรพชนของตระกูลเฉิน ตอนนี้ล้วนเป็นคนแก่ ผมหงอกหมดแล้ว ก็คุกเข่าอยู่ที่พื้นเช่นกัน
กงชิงวี่ออกจากประตูแล้วพูดว่า: “ท่านกั๋วกงตระกูลเฉิน ถือว่าเป็นวีรบุรุษที่ปกป้องประเทศต้าเหลียงของพวกเรา ประเทศต้าเหลียงไม่มีวันลืมวีรบุรุษผู้นี้แน่
สามปีก่อนท่านก๋งกงติดโรคระบาดจนเสียชีวิต ครอบครัวตะกูลเฉินจึงกลับมายังโล่ส่วย
เมื่อเร็วๆนี้ฮูหยินแก่ได้ใช้เวลาเดินทางกว่าสองเดือน เพื่อไปถึงเมืองหลวง ต้องลำบากตรากตรำาเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็ได้เข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้ข้าหา สาเหตุการตายของท่านกั๋วกงให้แน่ชัด ฮูหยินรองของตำ หนักกั๋วกงสมรู้ร่วมคิดกับคนในบ้าน เพื่อเอาชีวิตท่านกั๋ วกง
ฮูหยินแก่กั๋วกงถูกคนฝังเข้ม จนขาทั้งสองข้างพิการ เดินไม่ได้เป็นเวลาสามปี วันนี้ถึงจะได้มีโอกาสออกไป เห็นโลกภายนอก
ข้าได้รับพระบัญชาให้มาที่โล่ส่วย เพื่อกำจัดคนตระกูล
เฉิน
วันนี้ ข้ากลับเมืองหลวง ก็เป็นวันที่ฮูหยินแก่กั๋วกงจะ กลับมายังจวน จึงหวังว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูล เฉินก็ยังคงเป็นตระกูลเฉิน ยังคงเป็นวีรบุรุษที่คอยปกป้อง ประเทศต้าเหลียงต่อไป”
“หม่อมฉันขอประทานอภัยด้วย จะยึดตามคำสอนของ อ๋องชื่อเจิ้นอย่างเคร่งครัด ตระกูลเฉินเต็มใจที่จะจงรัก ภักดีต่อฝ่าบาท จงรักภักดีต่อประเทศต้าเหลียง จนกว่า ชีวิตจะหาไม่”
ในบรรดาคนเหล่านั้นมีเสียงที่ฟังดูมีบารมีดังขึ้นมา อัน หลิงหยุนมองไป ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครแต่คน ที่สามารถทำให้กงชิงวี่เชื่อใจได้นั้น จะต้องไม่ใช่คน ธรรมดาอย่างแน่นอน
กงชิงวี่มองไป แล้วมองไปยังที่ที่อยู่ไม่ไกลมาก
ตอนนี้เองมีทหารม้ากลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ คน ที่ขี่ม้าอยู่ด้านห้าสุดไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นอาหยู่นี่เอง
ด้านหลังของอาหยู่คือรถม้าหนึ่งคัน ที่รถม้ามีม้า ร่างกายก่าย่าสองตัว รถม้าเป็นรถม้าที่ประทับของ ราชวงศ์ แขวนโคมไฟไว้แปดดวง พี่ที่ห้อยรถม้าล้วนแล้ว แต่เป็นสีทอง ด้านบนประดับมุกมังกรและนกกระเรียน งดงามจนไม่อาจมีอะไรเทียบได้!
ด้านนอกรถม้ามีแม่นมสวีและคนจำนวนหนึ่งที่ค่อนข้าง มีอายุแล้วดินตามมา
อันหลิงหยุนดูการแต่งกายของคนเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่ สวมใส่ชุดข้าราชการ อีกทั้งอายุก็ไม่น้อยแล้ว อายุล้วน แล้วแต่เจ็ดแปดสิบปีขึ้นไป ที่อายุน้อยที่สุดก็ประมาณสี่ ห้าสิบปี
เมื่อนึกถึงที่กงชิงวี่พูด อันหลิงหยุนก้พอจะเข้าใจแล้ว
คนเหล่านี้คือเหล่าผู้รับใช้เก่าแก่ของเฉินกั๋วกง กงชิง พูดถึง
รถม้าหยุดลง อาหมู่ลงจากหลังม้า แล้วเดินเข้าไปหากง ชิงวี่ แล้วคุกเข่าลงหนึ่งข้าง: “หม่อมฉันถวายบังคมอ๋อง ซื่อเจิ้น หม่อมฉันได้รับพระบัญชาให้ส่งฮูหยินแก่เฉินกั๋วก งกลับจวนพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญ”
กงชิงวี่รู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก อันหลิงหยุนอุ้มตะกร้า มองเขา
อาหยู่ลุกขึ้น แล้วเดินไปเปิดม่านของรถม้าออก มีคนนำ โกลนมาให้ แม่นมสวีขึ้นไปบนรถม้า ฮูหยินแก่ถูกประคอง ออกมาจากด้านใน เมื่อนางปรากฏตัว คนจำนวนมากก็ เกิดความโกลาหลขึ้น ยิ่งคนในตระกูลเฉินด้วยแล้ว ก็รู้สึก ตกใจเป็นอย่างมาก
“ฮูหยินแก่? ท่านเดินได้?”
วันนี้ฮูหยินแก่สวมใส่ชุดพระราชทานสีแดง บนไหล่มีผ้า คลุมไหล่ที่องค์ไทเฮาเพิ่งจะทรงใช้คลุมอยู่ ด้านบนเป็น รูปนกกระเรียนบินขึ้นสู่ท้องฟ้า นกกระเรียนสีทองสดใส ราวกับมีชีวิต ราวกับว่าสามารถบินออกมาได้ตลอดเวลา
บนศีรษะของฮูหยินแก่เต็มไปด้วยผมขาว ปักปิ่นปักผม ไว้เพียงแค่หนึ่งเล่ม แต่กลับดูสูงส่งจนหาอะไรเปรียบไม่ ได้
ตอนที่ฮูหยินแก่ลงมาก็ค่อยๆก้าวเดิน เมื่อกงชิงวี่เห็นฮู หยินแก่ ก็รีบเดินเข้าไปหาทันที แล้วจึงยื่นมือไปให้ฮูหยิน แก่
ฮูหยินแก่ยิ้มเล็กน้อย แล้วจึงยื่นมือไปให้กงชิงวี่ แล้วพูด ว่า: “ลำบากท่านอ๋องเสียนแล้ว”
“ฮูหยินแก่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้ายังมีเรื่องสำคัญรออยู่ เมื่อส่งฮูหยินแก่เสร็จก็จะกลับแล้ว”
“ขอบระทัยเป็นอย่างมาก”
เมื่อฮูหยินแก่เดินไปถึงประตูของกระกูลเฉิน ก็มองดูคน ที่อยู่บนพื้น นางจับมือของกงชิงวี่แล้วพูดว่า: “ท่านกั๋วกง ถูกฆ่าตาย ส่วนข้าเองก็ถูกทำให้ขยับไม่ได้ หากไม่ใช่ เพราะได้ยินว่าพวกเขาจะก่อกบฏ ก็คงจะไม่ต้องเกิดเรื่อง เช่นนี้ขึ้น คนอายุแปดสิบกว่าปีแล้ว ยังจะต้องเดินทาง อย่างยากลำบากเข้าเมืองหลวงอีก”
โทษของการก่อกบฏ ตระกูลเฉินไม่อาจชดใช้ได้ ต่อ ให้พวกเขาไม่ได้ฆ่าท่านกั๋วกง ท่านกั๋วกงเองก็ไม่มีทางที่ จะทนดูพวกเขาทำเรื่องเช่นนี้ได้ คงจะยอมจัดการญาติพี่ น้องของตนเองเพื่อความถูกต้องอย่างแน่นอน
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลเฉินจะต้องเริ่มต้นใหม่ จะ ต้องทำให้ฮ่องเต้ทรงกลับมาเชื่อถือและไว้ใจอีกครั้งให้ได้ ฮ่องเต้ทรงยกเว้นภาษีให้แก่โล่ส่วยสามปี อีกทั้งทุกปีจะ มีการเลือกข้าราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนเข้าไป ทำงานในเมืองหลวงด้วย
หวังว่าพวกเจ้าจะมีโอกาสนะ”
“ข้าจะเชื่อฟังสิ่งที่ท่านกั๋วกงสั่งสอน”
คนที่อยู่ที่พื้นล้วนรับปาก ฮูหยินแก่หันไปมองกงชิงวี่ : “ขอบคุณมาก”
“เชิญฮูหยินแก่ ข้าจะส่งฮูหยินเข้าไปข้างใน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ