บทที่ 314 เยี่ยมไข้จวนกั๋วจิ๋ว
อันหลิงหยุนเดินไปข้างกายมู่มิง จับข้อมือของนาง เริ่ม ทำการตรวจสอบอาการ ชีพจรนางเต้นแผ่วเบาอ่อนแรง บางเบาเสียจนแทบเอาไปเทียบกับใยแมงมุมได้เลยที เดียว
มู่มิงลืมตาขึ้นมา มองเห็นอันหลิงหยุน จึงส่งยิ้มเหยียด หยามออกมา
อันหลิงหยุนไม่ได้สนใจนาง ถึงอย่างไร นางก็สูญเสีย เพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเองไปแล้ว
หลังจากตรวจอาการแล้ว อันหลิงหยุนหยัดกายลุกขึ้น
ออกใบสั่งยาส่งมอบให้กับพ่อบ้าน สั่งกำชับคำลงไปว่า
หากไม่ดื่มให้กรอกเข้าไป พ่อบ้านจึงสั่งให้คนไปทำตามนั้น อันหลิงหยุนจึงกลับ
ไปพักผ่อน
กลางดึก มีคนมาจากจวนกั๋วจิ๋ว ส่งเสียงดังเอะอะ จน ปลุกให้อันหลิงหยุนและกงชิงวี่ตื่นขึ้นมา
อันหลิงหยุนได้ยินเสียงตะโกนร้องเรียกที่ประตู จึงลุก ขึ้นนั่ง กงชิงวี่สวมเสื้อผ้าแล้วลงจากเตียงไป ขณะคลุม เสื้อคลุมตัวนอกมีคนมาเคาะประตู
“ ท่านอ๋อง ฮูหยินกั๋วจิ๋วป่วยหนักพ่ะย่ะค่ะ” อาหยุ่กล่าว รายงานที่หน้าประตู
กงชิงวถามว่า “มาพบมู่มิงเช่นนั้นหรือ”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งมู่มิงกลับจวน”
กงชิงวออกไป อันหลิงหยุนก็นอนไม่หลับแล้วเช่นกัน จึงลุกขึ้นเริ่มใส่เสื้อผ้า
เมื่อนางออกไปมู่มิงก็จากไปแล้ว จึงเห็นเพียงกงชิงวี่หัน กายเดินกลับมา
อันหลิงหยุนเดินเข้าไปถามว่า “ท่านอ๋อง ฮูหยินกั๋วจิ๋ว มี อาการปวดหัวมาหลายปีแล้วหรือเพคะ?”
“ได้ยินมาว่าสิบกว่าปีได้แล้ว ทั้งหมอจวนและหมอหลวง ก็ล้วนมาตรวจอาการให้แล้ว ไม่อาจวินิจฉัยว่าเป็นอะไร จึงต้องปล่อยให้เป็นเช่นนั้น เห็นว่าเวลาเจ็บปวดจะรู้สึก เหมือนเจียนตาย บางครั้งยังถึงกับพุ่งชนกำแพง มีอยู่ครั้ง หนึ่ง นางเอ่ยออกมาเองเลยว่ามีชีวิตอยู่มาพอแล้ว แต่ ความรักความสัมพันธ์ของนาง กับกั่วจิ๋วใหญ่ยังคงดีอยู่ เสมอมา กั๋วจิ๋วใหญ่จึงไปเชิญหมอที่มีชื่อเสียงมาจาก ทุกหนแห่ง เพียงเพื่อหวังว่าจะสามารถบรรเทาความเจ็บ ปวดให้แก่ฮูหยิน ให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกหลายวัน”
“แต่ความเจ็บปวดเช่นนั้น จะมีสักกี่คนที่สามารถทน แบกรับได้ไหว ”
“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้หน่อยล่ะ เพคะ?” นางยังสามารถไปตรวจดูอาการให้ได้
เมื่อกงชิงวี่มองย้อนไปในช่วงเวลานั้น จึงนึกขึ้นได้ว่า นางมาแล้ว
อันหลิงหยุนเร่งรีบไปยังจวนกั๋วจิ๋วกลางดึก เมื่อไปถึง ประตู เหล่าคนรับใช้ต่างคุกเข่าเรียงรายกันอยู่เต็มพื้นที่ แล้ว กงชิงพาอันหลิงหยุนเข้าไป พ่อบ้านรีบออกมา ต้อนรับด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสะอึกสะอื้นแล้ว
“พระชายาเสียนเชิญทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านเช็ดน้ำตา อันหลิงหยุนถามขึ้นว่า “คนอยู่ ที่ไหน?”
“อยู่ที่หอคอยชมจันทร์ในสวนหลังพ่ะย่ะค่ะ”
“พาพวกเราไป”
อันหลิงหยุนอยากไปตรวจดูอาการให้เร็วขึ้นหน่อย พ่อ บ้านแอบปรายตามองอันหลิงหยุน เขารู้เรื่องของนางอยู่ แล้ว จึงรู้สึกต่อต้านจากก้นบึ้งของหัวใจ อยากจะขับไล่ อันหลิงหยุนผู้นี้ไปให้พ้นๆ
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้า กงชิงวี่ หากพูดสิ่งใดมากไปย่อมจะ ไม่ดีแน่
พ่อบ้านหมุนกาย นำทางอันหลิงหยุนและกงชิงวี่ไปที่ สวนหลัง อันหลิงหยุนเข้าไปในหอคอยชมจันทร์ ที่พื้นมี กลุ่มคนคุกเข่าเรียงรายสลอน
ที่ประตูสวนมีคนคุกเข่าอยู่บางส่วน เมื่อดูจากการแต่งกาย น่าจะเป็นเป็นคนรับใช้ที่คอยรับใช้ภายในสวน ที่ ด้านหน้าล้วนเป็นอ๋องจวิ้นและจวิ้นจู่ของจวนนี้ ในเวลา นี้ต่างพากันร้องไห้ระงม ที่ด้านใน ก็มีคนคุกเข่าอยู่ส่วน หนึ่งด้วยเช่นกัน มีคนผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียง เสียงร้องไห้ ด้านในนั้นดังสนั่น คล้ายว่าคนตายไปแล้ว!
อันหลิงหยุนเร่งฝีเท้า เดินเข้าไปหลายก้าวอย่าง รวดเร็ว: “มาช้าเกินไปแล้วหรือ!?”
ไม่มีเวลาไปคำนึงถึงสิ่งอื่นใดแล้ว อันหลิงหยุนสืบเท้า เข้าใกล้ กงชิงวี่เดินตามมาข้างหลังนาง คนที่เห็นดังนั้น จึงรีบหลบหลีกเป็นธรรมดา
กั๋วจิ๋วใหญ่หลั่งน้ำตาอาบนองใบหน้า จับกุมมือของฮู หยินกั๋วจิ๋วด้วยความทุกข์โศกเสียใจเหลือแสน เมื่อเห็นกง ชิงวี่และอันหลิงหยุนจึงเงยหน้าขึ้นมามองดูพวกเขา
อันหลิงหยุนเดินไปข้างกายฮูหยินกั๋วจิ๋ว จับข้อมือของ นางขึ้นมา เริ่มการสแกนตรวจสอบอาการ
หลังจากตรวจอาการจึงหยิบยาช่วยหัวใจออกมาเม็ด หนึ่ง บีบเปิดปากของฮูหยินกั๋วจิ๋ว แล้วใส่เข้าไปตรงๆ อย่างนั้น
กั๋วจิ๋วใหญ่จ้องอันหลิงหยุนตาเขม็ง อันหลิงหยุนเอ่ยขึ้น ว่า: “รบกวนท่านกั๋วจิ๋วลุกขึ้นเว้นที่ว่างให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ”
ก้ว วค่อยๆลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า อ้นหลิงหยุนนั่งลง ปล่อยข้อมือ แล้วแหวกเปิดเปลือกตา
ฮูหยินกั๋วจิ๋ว ภายในดวงตาปรากฏเส้นเลือดฝอยแดงก่ำ
เมื่อบีบปากเปิดให้อ้าเพื่อดูปรากฏว่ามีฟองสีขาวอยู่ข้าง
ใน
มองดูที่ศีรษะพบว่าถูกชนจนแตก
อันหลิงหยุนหยิบเข็มเงินออกมา และจัดการฝังไว้บน ศีรษะของฮูหยินกั๋วจิ๋ว
กั๋วจิ๋วใหญ่เอ่ยถาม: “คนตายไปแล้ว นี่เจ้าจะทำอะไรกัน แน่?”
อันหลิงหยุนหงุดหงิดเกินทน: “พาเขาลงไป”
สีหน้าของกั๋วจิ๋วใหญ่หนักอึ้งจมดิ่ง: “เจ้ากล้า!?”
“ ท่านลุงใหญ่ เชิญ”
กงชิงวี่ยังนับว่าเกรงใจ ดึงตัวกั๋วจิ๋วใหญ่เดินออกไปอีก ด้านหนึ่ง รอจนกั๋วจิ๋วใหญ่ถูกดึงตัวออกไป นางจึงใช้เข็ม เงินเล่มหนึ่งแทงที่ขมับของฮูหยินกั๋วจิ๋ว เมื่อนางเอามือ ออก ก็มีเลือดไหลออกมาจำนวนหนึ่ง
ฮูหยินถูกทำให้ตื่นตระหนกแทบแย่แล้ว พูดพร่ำทั้ง ร้องไห้ว่า “จวิ้นจู่ก็ถึงแก่กรรมไปแล้ว ข้าจะทนแบกรับ ความทรมานเช่นนี้ต่อไปได้อย่างไรกัน รอให้ข้า….………..
“หุบปาก มิฉะนั้นจะลากออกไปตัดหัวทิ้งเสียเดี๋ยวนี้!” เสียงของกงชิงวี่เย็นชาหาใดเปรียบ เสียงโดยรอบพลันเงียบกริบเป็นเป่าสากทันที แม้กระทั่งเสียงร้องไห้ก็ยัง เบาลงไปด้วย
ลองถามใครในเมืองหลวงก็ได้ มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่า อ๋อง เสียนกุมอำนาจสำคัญไว้ในกำมือมากมายเพียงใด อยู่ ภายใต้คนหนึ่งคนอยู่เหนือคนนับหมื่น หากเขากล่าวว่า จะฆ่าคน ไม่ต้องพูดถึงแค่ฆ่าคนคนเดียว ต่อให้ฆ่าจน หมดสิ้นทั้งตระกูลก็ไม่ใช่เรื่องยาก หมอจวนถึงกับตัวสั่น งันงก กางเกงเปียกโชกไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
อันหลิงหยุนรออยู่ครู่หนึ่ง เลือดก็หยุดไหล ฮูหยินกั๋ว จิ๋วค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า
“เมียจ๊ะ!”
กั๋วจิ๋วใหญ่ตื่นตะลึงไปทั้งใบหน้า เกือบจะโผทะยาน เข้าไปอยู่แล้ว กลับถูกกงชิงวี่หยุดไว้: “ท่านลุงใหญ่ อย่า ได้หุนหันพลันแล่น ใจร้อนไปไม่เกิดประโยชน์!”
ในเวลานี้ไม่ว่าอะไร หวางหวยเต๋อก็ยอมฟังกงชิงวี่หมด เขาพยักหน้ารับรู้จึงค่อยสงบลงมาได้
อันหลิงหยุนปล่อยมือลง นำเข็มออกจากศีรษะฮูหยิน กั๋วจิ๋วทีละเล่มๆ
ฮูหยินกั๋วจิ๋วพยายามเปิดปากเอ่ยคำ: “เจ้าคือพระชายา เสียน?”
อันหลิงหยุนลุกขึ้น มองไปยังทิศทางที่กั๋วจิ๋วใหญ่ยืน อยู่ กั๋วจิ๋วใหญ่ถูกทำให้ตกตะลึงพรึงเพริดไปหมด สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว เขาทะยานไปที่เตียงพลางร้องไห้ อย่างหนัก อันหลิงหยุนปรายตามองไปที่ผู้คนที่คุกเข่า อยู่บนพื้น พวกเขาส่วนใหญ่ตกใจกลัวอย่างมาก นางก็ รู้อยู่ว่า ที่นี่หากเมื่อมีคนตายไปชั่วครู่ แล้วกลับมามีชีวิต อีกครั้ง พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นศพหลอก เป็นร่างศพที่ ฟื้นคืนชีพก่อนจะถูกนำเข้าโลงศพไปโดยปริยาย
ด้วยเหตุนี้ คนเหล่านี้จึงคิดว่าฮูหยินกั๋วจิ๋วนั้นกลายเป็น ศพหลอกไปแล้ว
กงชิงวี่เดินไปข้างกายอันหลิงหยุน มองไปที่นางชั่วครู่ จากนั้นจึงยืนเอามือไพล่หลัง
รอจนกั๋วจิ๋วใหญ่และฮูหยินกั๋วจิ๋วร้องไห้พอแล้ว กั๋วจิ๋ว ใหญ่จึงค่อยปลอบโยนฮูหยินกั๋วจิ๋วให้สงบลง คลุมผ้าห่ม เรียบร้อยจึงมองไปที่อันหลิงหยุน ใบหน้าที่เศร้าโศกโศกา อยู่เมื่อครู่ ในเวลานี้กลับเย็นชาเคร่งขรึม ดูจริงจังขึ้นมา แล้ว
“ทั้งหมดลงไปก่อนเถอะ”
ผู้คนบางส่วนก้าวถอยออกไป เหลือทายาทเพียงไม่กี่ คนในจวน ประตูถูกปิดลง กั๋วจิ๋วใหญ่สั่งให้คนยกเก้าอี้ มา
“อ๋องเสียน พระชายาเสียนเชิญนั่งเถิด” กั๋วจิ๋วใหญ่เชื้อ เชิญให้พวกเขานั่งลง อันหลิงหยุน เหลือบมองกงชิงวิ่ เขาไม่ได้พูดอะไร ทั้งหน้าแสดงออกถึงความหยิ่งผยอง ยโสไม่ยอมให้ใครกล้ำกรายเข้าใกล้ แสดงท่าทีห้ามใคร ล่วงละเมิดเต็มที่
เขาไม่พูด อันหลิงหยุนจึงไม่อาจไม่พูดอะไรออกมาบ้าง จึงเอ่ยขึ้นว่า: “ท่านลุงใหญ่ไม่ต้องมากพิธี ข้าและท่าน อ่องหาใช่คนนอก เรื่องในวันนี้ ข้าเพียงแค่พยายามทำดี ที่สุด เท่าที่ข้าพอจะทำได้เท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ภรรยาของข้ามีอาการปวดหัวมาหลายปีแล้ว ในช่วง สองสามวันมานี้ กลับกระชั้นถี่มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนกลาง คืนนอนไม่หลับ ช่างเป็นเรื่องลำบากอย่างแท้จริง ข้าได้ เชิญหมอที่มีชื่อเสียงมาหลายต่อหลายคนแล้ว แต่ก็ไม่ อาจหาหนทางตรวจพิสูจน์อาการของโรค กระทั่งเป็น โรคอะไรก็ยังไม่อาจรู้ได้
“เมื่อคืนพอรู้สึกปวดขึ้นมาจนไม่อาจทนไหว ใครจะรู้ว่า ยังไม่ทันได้หายใจหายคอนางก็ล้มลงไป ข้ายังคิดว่า…….
เมื่อพูดไปจนถึงจุดที่กระทบความรู้สึก หวางหวยเต๋อ ก็อดรู้สึกโศกเศร้าไม่ได้ เป็นสามีภรรยากันมาหลายปี ย่อมเป็นธรรมดา ที่เขาจะมีใจห่วงใยอยู่หลายส่วน
เมื่อฟังหวางหวยเต๋อพูด ฮูหยินกั๋วจิ๋วก็อดหลั่งน้ำตา ออกมาไม่ได้เช่นกัน
ถึงอย่างไรอันหลิงหยุนก็เป็นหมอ นางไม่กล้าชื่นชมสิ่ง ที่จวิ้นจู่ฉงหยางได้เคยทำมาทั้งหลาย ยิ่งคิดถึงเรื่องของ ฉาวเหม่ยเหริน น้องชายของนางอ๋องชินโก่ผู้นั้น ก็ยิ่ง ทำให้รู้สึกรังเกียจเป็นที่สุด
แต่เรื่องของใครก็เรื่องของใคร ไม่ควรเอามาปนกัน หัวใจของอันหลิงหยุน ยังคงอยู่ในทำนองคลองธรรมอันชื่อตรงดงาม
“อาการปวดหัวไม่ใช่โรคที่รักษาไม่หาย ขอเพียงแค่หา สาเหตุของโรคพบ และใช้ยาให้ตรงกับอาการย่อมต้อง แก้ไขได้” อันหลิงหยุนมองไปที่ฮูหยินกั๋วจิ๋วพลางเอ่ยคำ
กั๋วจิ๋วใหญ่รีบเอ่ยถาม: “ภรรยาของข้าไม่เป็นไรแล้วใช่ หรือไม่?”
” หาเป็นเช่นนั้นไม่ สาเหตุที่ฮูหยินกั๋วจิ๋วมีอาการปวดหัว เป็นเพราะภาวะความบกพร่องมาตั้งแต่กำเนิด ตามความ เห็นของข้าอาการป่วยของนางมีมาตั้งแต่แรกเกิดแล้ว”
ทันทีที่อันหลิงหยุนพูดเช่นนี้ กระทั่งกั๋วจิ๋วใหญ่ก็ตก ตะลึงพรึงเพริศไปแล้ว เขาจ้องไปที่อันหลิงหยุนและถาม ว่า “เพราะอะไรจึงทำให้เจ้าเห็นเป็นเช่นนั้น?”
อันหลิงหยุนจึงอธิบายถึงสิ่งที่นางตรวจพบออกมา ทั้งหมด
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ