ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 282 ทั้งร่างของนางเต็มไปด้วยกลิ่นยาพิษ



บทที่ 282 ทั้งร่างของนางเต็มไปด้วยกลิ่นยาพิษ

ในสายตาของนาง ดูคล้ายว่าจะมีความโล่งใจ นาง กำลังรอคอย รอคอยเพื่อจะได้พบมู่มิง แต่ก่อนหน้านี้ไม่ ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม นางไม่เคยได้พบเฉกเช่นที่ได้ พบกันในวันนี้เลย

นางสามารถจากไปอย่างไร้กังวลได้แล้ว

อันหลิงหยุนรู้สึกกังวลใจเสียแล้ว จึงพูดขึ้นมาว่า “อีก ไม่นานมู่มิงก็จะแต่งงานแล้ว”

แววตาของพระชายาเสี้ยวเดิมที สงบราวน้ำนิ่งใสไร้ คลื่นอารมณ์ใดๆ เกิดเปลี่ยนแปลงสั่นไหวไปโดยทันที นางหันขวับไปมองอันหลิงหยุน: “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

เพื่อให้พระชายาเสี้ยวยังมีชีวิตต่อไป อันหลิงหยุน โกหกคำโต: “นางกำลังจะแต่งงานในไม่ช้า ที่มาในวันนี้ เป็นเพราะนางต้องการบอกเจ้าเรื่องนี้นั่นล่ะ”

พระชายาเสี้ยวรู้สึกเหมือนตัวเองฟังไม่เข้าใจสิ่งที่ได้ยิน แต่นางก็ยังคงถามว่า “แต่งให้ใคร?”

พระชายาเสี้ยวหลุบดวงตาลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “ก่อน หน้านี้ เคยได้ยินเรื่องแต่งให้กับอ๋องเสียนในฐานะพระ ชายารองมาก่อน หรือว่าจะเป็นอ๋องเสียน?”

“ไม่ใช่ เป็นอ๋องตวน”

‘มือของพระชายาเสี้ยวสั่นระริก สีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน

อันหลิงหยุนมองออกว่า พระชายาเสี้ยวกลัวมู่มิงจะแต่ง ให้กับอ๋องตวน นางจึงพูดต่อ: “อันที่จริงไม่เห็นจะเป็นไร เลย แม้ว่าจวนอ่องตวนจะมีพระชายารองแล้ว แต่ข้าเอง ก็รู้จักพระชายารองหยุน หากเอ่ยปากเจรจากับนางย่อม พูดกันได้ราบรื่นมาก ค่อนข้างจะเข้ากันได้ง่ายอยู่ หาก แต่งให้อองตวน นางก็จะได้เป็นพระชายารองเช่นกัน ย่อมจะมีความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่งมากมายใน ภายหลัง ”

“ พระชายาเสียน ที่เจ้าพูดมาคือความจริงจากใจของ เจ้าแล้วหรือ?” พระชายาเสี้ยวเอ่ยถามอันหลิงหยุน แวว ตาสงบราวน้ำนิ่งใสไร้คลื่นอารมณ์ ชั่วขณะหนึ่ง กลับ ถูกเจือปนด้วยความเย็นเยือกสายหนึ่ง

ในทางกลับกัน อันหลิงหยุน รู้สึกแปลกใจสงสัยอย่าง ยิ่งว่าอะไรทำให้สตรีที่ชาญฉลาดเช่นนี้ ถึงกับคิดอยาก ตายได้

“ข้าย่อมต้องพูดจากใจจริงเป็นธรรมดา หรือว่าอ๋องต วนไม่ดี? แม้ว่าเจ้าไม่เคยพบอ๋องตวน ไม่เคยรู้จักชิดใกล้ ไปมาหาสู่กันก็จริง แต่เจ้าก็คงพอรู้ว่าอ๋องตวนปฎิบัติต่อผู้ อื่นเช่นไร ภายนอกเล่าลือว่า อ๋องตวนเป็นคนซื่อสัตย์มี ความสุจริตใจ แต่งให้เขาไม่ดีหรอกหรือ?” อันหลิงหยุ นพูดอย่างจริงจังชัดถ้อยชัดคำ

ทว่าพระชายาเสี้ยวกลับยิ้ม: “เจ้าพูดถึงเพียงอ๋องตวน เท่านั้น แต่เจ้าไม่ได้พูดถึงพระชายาตวนสักคำเจ้าพูดถูก ที่ว่า พระชายารองหยุนเป็นคนที่คุยด้วยง่ายมาก แต่มีข่าวลือภายนอกอีกมากน้อยเพียงใด ที่เจ้าไม่ได้บอกข้า พระชายาตวนกระหายอยากกำจัดพระชายารองหยุน เพียงนั้น นางยังจะยอมปล่อยมู่มิงไปเชียวหรือ?

พระชายารองหยุนกำลังตั้งครรภ์ ต้องไปอาศัยอยู่ใน จวนกั๋วกงไม่กล้ากลับไป หากตอนนี้มู่มิงแต่งให้อ๋อง

ตวนจริง นางยังจะมีวันได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขอยู่อีกหรือ?

พระชายาตวนทำเรื่องไว้ตั้งมากมาย นางยังสามารถ หลีกพ้นความผิดได้ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่นางเก็บซ่อนเร้นทำ อย่างเป็นความลับ นั่นต้องยิ่งทำให้คนตกตะลึงขวัญผวา กว่าแน่นอน คนเถรตรงอย่างมู่มิงจะเป็นคู่มือของนางได้ อย่างไร?”

“ เหตุใดเจ้าจึงไม่เชื่อว่าแต่งให้อ๋องตวนแล้วจะดีล่ะ?”

“ เชื่อไม่ลง อีกทั้งไม่อยากเชื่อด้วย”

พระชายาเสี้ยวหลุบสายตาหันหน้าหนี มองไปเห็นมู่มิง จู่ๆนางก็เงียบลง นางถามขึ้นว่า: “นี่เป็นเรื่องจริงหรือพระ ชายาเสียนแค่แกล้งพูดหลอกข้า เหตุใดข้าไม่เคยได้ยิน ท่านอ๋องจวิ้นพูดถึงเรื่องนี้?”

“อ๋องจวิ้นไม่พูด นั่นเป็นเพราะเขาไม่รู้เรื่องนี้ คนที่รู้เรื่อง นี้มีไม่มาก แต่อ๋องเสียนรู้ อ๋องตวนก็รู้”

“ตอนนี้ข้ากำลังรอให้มู่มิงพยักหน้า ส่วนข้าก็ทำหน้าที่ เป็นนักพูดเจรจาให้พอดีเหมาะเหม็ง! ”
อันหลิงหยุนมีวาทศิลป์เป็นเลิศ ไม่ต้องพูดถึงพระชายา เสี้ยว แม้แต่ตัวนางเองก็ยังเชื่อเลย ที่ต้องกังวลคือ เรื่อง นี้ถ้าไปต่อจนจบ นางจะหาทางกลับอย่างไรดีล่ะ?

สีหน้าของพระชายาเสี้ยว เริ่มจะดูไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆแล้ว แต่หลังจากที่ดูไม่ได้จนผ่านระดับหนึ่งไป นางก็กลับ มาสงบลงดังเดิม

“ พระชายาเสียนอาศัยเพียงคำพูดปากเปล่าไม่มีหลัก ” ฐาน เจ้าพูดเช่นนี้ ข้าย่อมไม่เชื่อเป็นธรรมดา”

อันหลิงหยุนเองก็ไม่ได้เอามาใส่ใจเช่นกัน: “ข้าเพียง หลุดปากพูดออกไปชั่วขณะ ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ข้าก็ตาม มันก็ไม่สำคัญ”

ในขณะนั้นเริ่มมีบางคนไปที่อื่น และมีผู้คนบางส่วนก็ ออกจากที่นี่เพื่อไปที่อื่นกันแล้ว

อันหลิงหยุนรู้ดีว่า ในงานชุมนุมยังมีอีกหนึ่งรายการ สำคัญ ทุกคนจะมารวมตัวกัน กินอาหารท่องบทกวี เขียนกาพย์กลอน หรือไม่ก็รวมตัวกันเต้นรำ สร้างความ สนุกสนานครื้นเครง

ในเวลานี้ผู้คนจำนวนมาก กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ แห่งหนึ่ง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จากไป

อันหลิงหยุนยังรอต่ออีกครู่: “คนที่เจ้าว่ายังไม่มาเลย?” พระชายาเสี้ยวตอบว่า “คงใกล้แล้วกระมัง”
“ข้าเองก็ไม่รีบร้อนไปไหน เช่นนั้นก็รออยู่ที่นี่สักครู่ เถอะ”

พระชายาเสี้ยวมองไปยังอันหลิงหยุน: “เหตุใดพระชา ยาเสียน จึงได้ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อความสุขถึงเพียงนี้ กัน?”

“ไม่ได้เกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อความสุขเสีย ทั้งหมด ประเด็นคือข้าชอบชมเรื่องสนุกเป็นหลัก โดย ทั่วไป ข้าขอบชมความสนุกตื่นเต้นของชาวบ้านร้าน ตลาดบนท้องถนน ต่อมาเมื่อข้าได้เข้าจวนอ๋องเสียน ถูกเขาตามใจจนเสียคน ข้าในตอนนี้เลยชอบชมเรื่อง สนุกของท่านอ๋องแทน”

พระชายาเสี้ยวมองไปยังอันหลิงหยุนราวตกอยู่ใน ภวังค์ครู่หนึ่ง : “แต่ท่านหมอใจดีมาก”

อันหลิงหยุนแปลกใจที่พระชายาเสี้ยวรู้ว่านางเป็นหมอ?

หลังจากรอต่อไปอีกครู่ อาหยู่ก็นำรถม้ามาถึง เมื่อลง รถอาหยู่เดินตรงเข้ามาหา กระทั่งเข้าไปใกล้ อันหลิงหยุ นจึงทำท่าโบกไม้โบกมือ ส่งสัญญาณให้อาหยู่ไปรออยู่ อีกด้าน

สุดท้ายรอจนถึงยามค่ำโคมไฟจุดสว่างไสว อ๋องจน เสี้ยวก็ไม่ปรากฏตัว

พระชายาเสี้ยวมองไปยังมู่มิง นางยังไม่ได้จากไป ยัง ยืนอยู่เช่นนั้นทั้งวัน นางเดินไปมาเป็นระยะ ๆ แต่ไม่ได้ จากไป
เสินหยุนเอ่อรีบร้อนตามคนอื่นเพื่อจะได้อยู่กับทุกคน นางจึงจากไปก่อนแล้ว

กลับเป็นเงินหยุนเจ๋ ที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ได้จากไป

เมื่ออันหลิงหยุนมองไปที่พวกเขา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด คิดว่าถ้าทั้งสองคน สามารถอยู่ด้วยกันได้ก็คงจะดี

“พระชายาเสี้ยว คนที่เจ้ารอยังไม่มาอีกหรือ?” อันหลัง หยุนเห็นว่าท้องฟ้ามืดแล้ว น่าจะได้เวลาไปเสียที จึงเอ่ย ถาม

พระชายาเสี้ยวจึงกล่าวขึ้นว่า: “ต้องรบกวนพระชายา เสียนไปส่งขากลับแล้ว”

“ เช่นนั้นข้าช่วยพยุงเจ้าเอง”

อันหลิงหยุนช่วยพยุงพระชายาเสี้ยวลุกขึ้นจากก้อนหิน เดินไปได้ไม่กี่ก้าว อันหลิงหยุนได้กลิ่นบางอย่าง: “พระ ชายาเสี้ยว เจ้าเป็นหมอหรือ?”

พระชายาเสี้ยวยิ้มอยู่ครู่ใหญ่: “เหมือนว่า พระชา ยาเสียนจะยังไม่เชี่ยวชาญพอ เมื่อเจ้าปรากฏตัวขึ้นข้า สามารถได้กลิ่นยาพิษทุกชนิดบนร่างกายของเจ้า แต่ เจ้ากลับใช้เวลานานขนาดนี้ กว่าจะได้กลิ่นสมุนไพรบน ร่างกายของข้า”

อันหลิงหยุนยังคงสงสัย แต่ก็ยังช่วยพยุงพระชายา เสี้ยวไปที่รถม้า
“กลิ่นบนร่างกายของข้าไม่ได้เป็นยาพิษทั้งหมด เพียง แต่ในช่วงวันสองวันมานี้ ข้าได้ทำการวิจัยยาพิษอยู่ ตลอด เจ้าจึงได้กลิ่นยาพิษ แต่โดยปกติคนทั่วไป ไม่ อาจจําแนกแยกย่อยออกมาได้ว่า เป็นยาพิษหรือยา อะไร เจ้าสามารถแยกแยะได้เช่นนี้ ช่างเหนือความคาด หมายของข้ายิ่งนัก”

“ ข้าเกิดในตระกูลหมอเทวดาตั้งแต่ยังเด็ก ข้าเป็นคุณ หนูที่เกิดจากเมียหลวงในตระกูล แม้ว่ามารดาของข้าจะ จากไปก่อนเวลาอันควร แต่สิ่งที่ข้ารับถ่ายทอดมา ก็ไม่ ได้น้อยไปกว่าคนอื่นเลย”

อันหลิงหยุนไม่คาดคิดมาก่อน ว่าพระชายาเสี้ยวจะ เป็นคุณหนูจากตระกูลหมอระดับอัจฉริยะ

“พูดเช่นนี้ เจ้าสามารถจำแนกพิษบนร่างข้าได้หรือไม่?” อันหลิงหยุนรู้สึกเหมือนว่า ได้พบของล้ำค่าเข้าให้แล้ว

เมื่อทั้งสองเข้าไปในรถม้า พระชายาเสี้ยวกล่าวว่า “ เรียกข้าว่าสู้สู้เถอะ ข้าแซ่ป่าย”

“ เช่นนั้นเจ้าเรียกข้าว่าหยุนหมุนเถอะ หลังหยุนก็ได้

“หยุนหยุนเถอะนะ ข้ามักรู้สึกว่าเจ้าแข็งแกร่งอยู่เสมอ เป็นหยุนหยุนเหมือนจะเข้าหาได้ง่ายขึ้นหน่อย เราสอง คนได้มาพบกัน นับเป็นโชคชะตาลิขิต ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ ได้เป็นศัตรูกับมู่มิง และเพราะว่าไม่ใช่ศัตรูจึงนับได้ว่า

เป็นสหาย” เป็นเรื่องยากสำหรับอันหลิงหยุน ที่จะได้พบกับผู้ที่มองคนได้ทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ อีกทั้งไม่เสแสร้ง เพื่อแสดง ความจริงใจ นางรีบตัดสินใจบอกเรื่องที่โกหกออกไป เสียก่อน

ป่ายสู้สู้ยิ้ม: “ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าหาข้า เพราะมีจุด ประสงค์บางอย่าง แต่เจ้าก็อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนข้าได้ จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็เป็นผู้ที่มองคนได้ทะลุ ปรุโปร่งเช่นกัน อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ลืมๆไป ช่างมัน เถอะ”

“ขอเพียงวันนี้ข้าช่วยเจ้า ในวันข้างหน้าข้าหวังว่าเจ้าจะ สามารถช่วยมู่มิงได้

“ข้ารู้ว่าสตรีไม่มีอิสระ ล้วนไม่อาจทำได้ดังใจต้องการ ข้าหวังว่าวันนี้ข้าช่วยเจ้า เมื่อถึงวันข้างหน้าเจ้าจะช่วยมู่ มิง ”

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะช่วยนางได้”

“ข้ามีความรู้สึกว่าเจ้าทำได้” ป่ายสู้สู้เหลือบมองไปนอก รถม้า: “จริงๆแล้วข้าคิดว่ามันคงเป็นเรื่องดีถ้าหากมู่มิง สามารถแต่งให้กับเสิ่นหยุนเจ๋ได้ ไม่รู้ว่าเจ้าจะยินยอมไป ช่วยเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ได้หรือไม่ หากเจ้ายินยอม ข้า จะทุ่มเทแรงกายแรงใจทำทุกอย่างเพื่อช่วยเจ้า ตกลง ไหม?”

กลับเป็นอันหลิงหยุนต้องสูดลมหายใจเอาอากาศ เย็นๆ เข้าไปเฮือกใหญ่แทน ดูไม่ออกจริงๆ ว่าป่ายสู้สู้จะ ร้ายกาจขนาดนี้!
นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่า จะมองความคิดอ่านของนางได้ ทะลุปรุโปร่งถึงเพียงนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ