ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 204 ท่านอ๋อง ข้าก็รักท่านเจ้าค่ะ



บทที่ 204 ท่านอ๋อง ข้าก็รักท่านเจ้าค่ะ

กงชิงวี่เหลือบมององค์หญิงใหญ่: “ท่านป้า ข้าจักออก ไปดูนางเสียหน่อย”

“อืม”

องค์หญิงใหญ่ไม่แยแส กงชิงวี่รีบออกไปหาอันหลิง

หยุน

หลังจากที่ออกมาขึ้นรถม้า อันหลิงหยุนกำลังนั่งนับ เงินอยู่ในนั้น

กงชิงวี่เห็นนางอ้าขาพลางก้มหน้านับเงินในมือ ด้วย ใบหน้าอันเปล่งประกาย หัวใจก็พลางพองโต

ใยเขาจึงชอบมันมากมายถึงเพียงนี้!

เมื่อกงชิงวี่ขึ้นไปนั่งบนรถม้า ก็จุมพิตลงบนใบหน้า ของอันหลิงหยุนถึงสองครั้ง

อันหลิงหยุนกำธนบัตรไว้แน่น และแน่นอนว่านี่เป็น เงินทั้งหมดหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง นางยิ้มออกมาอย่างมี ความสุข

พอเปิดร้านก็ไม่มีเงินในการดำเนินการ เงินหนึ่งหมื่น ห้าพันตำลึงนี้ ก็เพียงพอแล้ว

กงชิงวี่บีบใบหน้าเล็กๆของอันหลิงหยุน ดวงตาอันแสนอ่อนโยนของนางมีน้ำตาซึมออกมา: “มีความสุข มากขนาดนี้เชียวรึ?”

“แน่สิเจ้าค่ะ หลังจากนี้ ร้านของเราจักได้รับการ สนับสนุนจากองค์หญิงใหญ่ ภายในเมืองหลวงแห่งนี้ ไม่ว่าจักเป็นราชวงศ์หรือพวกอันธพาลหน้าไหน ใครจะ กล้ามาสร้างความเดือดร้อนกันล่ะเจ้าคะ?”

ตอนนี้ข้ามีเงินในการดำเนินการแล้ว ภายในสามเดือน ข้าจักต้องทำทุนคืนและทำผลกำไรให้จงได้

มาจนถึงตอนนี้ วันนี้เป็นวันที่อันหลิงหยุนมีความสุข มากที่สุด

มีเงินนี่มันดีจริงๆเลย!

“ข้ารู้สึกภูมิใจกับการที่ข้าแต่งกับพระชายามากขึ้น เรื่อยๆเลยจริงๆ เจ้าไม่ใช่เพียงแต่ดูแลรักษา หรือช่วย ชีวิตผู้คน แต่ยังสามารถหาเงินได้ ไม่เว้นแม้แต่การสืบ สาวคดี

ข้านึกไม่ออกเลยว่า มีสิ่งใดที่พระชายาทำไม่ได้บ้าง”

กงชิงวี่สวมเสื้อคลุมสีดำพร้อมจัดระเบียนมัน พลาง เอนตัวไปกอดอันหลิงหยุนเอาไว้ในอ้อมแขน

อันหลิงหยุนที่ยุ่งวุ่นวายมาทั้งวันก็รู้สึกเหนื่อยล้า นาง เอนตัวไปอยู่ในอ้อมแขนของกงชิงวี่ พลางกล่าวว่า: “ข้า ง่วงแล้ว ท่านอ๋อง เรานอนพักกันสักประเดี๋ยวเถิด คืนนี้จักต้องไปเก็บวัตถุดิบมาปรุงยา อากาศอบอุ่นเช่นนี้ คง หาเก็บได้ยากนัก”

“อืม”

แม้กงชิงวี่ไม่รู้เลยว่า อันหลิงหยุนกำลังมองหาวัตถุดิบ ปรุงยาประเภทใด แต่เขาก็เต็มใจที่จะไปกับนาง

ทั้งสองพักผ่อนในรถม้า ส่วนอาหยู่ก็บังคับรถม้าออก จากเมืองไปในชั่วข้ามคืน

เมื่อถึงเชิงเขานอกเมือง อันหลิงหยุนตื่นขึ้นมา

หลังออกมาจากรถม้า อันหลิงหยุนได้มองหาวัตถุดิบ ปรุงยาอยู่แถวเชิงเขาไปสักพัก แต่ก็หาไม่เจอ จึงกล่าว ขึ้นว่า: “ข้ากำลังมองหาคางคกพิษ”

“อยากจะขึ้นไปหาบนภูเขาหรือไม่?” กงชิงวี่มองไป รอบๆ เพราะหากที่ตรงนี้ไม่มี ก็จำต้องขึ้นไปหาบนภูเขา

อันหลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “อาหยู่ เจ้าจงไปจับ ไก่ฟ้ามา รีบไปเสีย

อาหยู่หันหน้ามาและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับไก่ฟ้าหนึ่งตัว

อันหลิงหยุนนำเอาไก่มาแล่ตามรูที่ลำตัว ด้วยวิธีการ อันโหดเหี้ยม จนไก่ฟ้าไม่สามารถขยับตัวได้ เหลือแต่ เพียงเสียงร้องของมันเท่านั้น
อาหยู่มองไปที่อันหลิงหยุนก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ผู้ หญิงคนหนึ่งใยจึงทำสิ่งเหล่านี้ได้

อันหลิงหยุนไม่ได้ให้ความสนใจกับความคิดของอาห ยู่ สิ่งที่ได้เธอประสบพบเจอในป่าเป็นสิ่งที่อาหมู่มิอาจ คาดฝันถึง

เดิมทีการที่ต้องเอาชีวิตรอดนั้นเป็นสิ่งที่โหดร้าย แต่ การดำรงชีวิตอยู่รอดมาได้ ก็ถือเป็นเรื่องยากมากแล้ว

ใครอยากมัวที่จะคร่ำครวญถึงการผ่านไปของฤดู ใบไม้ผลิ หรือเศร้าโศกกับการมาถึงของฤดูใบไม้ร่วง กันล่ะ!

อันหลิงหยุนก้าวถอยหลังมา ทั้งสามคนกำลังรอบาง อย่าง อันหลิงหยุนที่กำลังจ้องมอง ได้เห็นไก่ฟ้าที่กำลัง จะตาย และและแล้วบริเวณรอบๆ ก็มีเสียงกรอบแกรบ ดังขึ้น จากนั้นพวกมันทั้งหมดก็ลงมาจากภูเขา

อาหยู่กำลังจักกล่าวว่า “อ๋อง….”

ม่านตาของกงชิงวี่กลับเยือกเย็นลง อาหยู่จำต้อง เงียบปากในทันใด

ขณะที่อาหยู่กำลังอ้าปากจะพูด เสียงกรอบแกรบนั้น ก็อันตรธารหายไป

อันหลิงหยุนมองดูรอบๆ ก็หยิบเข็มเงินออกมาจี้ไปที่ คอไก่ฟ้า ไก่ฟ้าจึงส่งเสียงร้องอย่างเกรี้ยวกราด เสียงกรอบแกรบจึงดังขึ้นอีกครั้ง

กงชิงวี่มองไปที่อันหลิงหยุน พลางหยุดนิ่งกลั้นหายใจ และรอดู

ในไม่ช้าก็มีบางอย่างตะคุ่มๆกำลังคลานลงมาจาก บนภูเขา และพวกมันก็หงายตัวออกอย่างรวดเร็ว เมื่อ แสงจันทร์สาดส่อง ก็ได้เห็นเป็นตะขาบยักษ์ที่มีลำตัว ยาวดั่งตะเกียบ แต่ละตัวมีความหนาเท่าหัวแม่มือ

ตะขาบเหล่านี้ไต่ลงมาจากภูเขา พร้อมทั้งยกลำตัว ส่วนหน้าขึ้นครึ่งตัว มันส่ายไปส่ายมาขณะไต่ลงมาด้วย ความเร็วสูง

ตะขาบมาถึงตรงหน้าไก่ฟ้าอย่างรวดเร็ว พวกมันพุ่ง ตัวเข้าไปหาไก่ฟ้าทันที

ใบหน้าของอาหยู่ซีดลงด้วยความหวาดกลัว ตะขาบ เหล่านั้นไต่เข้าไปในตัวของไก่ฟ้า ไก่ฟ้าส่งเสียงกรีด ร้องโหยหวน และแล้วความมืดมนนี้ก็ดำเนินต่อไป

ไม่เพียงแต่เป็นฉากที่โหดเหี้ยมอำมหิตเท่านั้น ยัง ทำให้ผู้คนหวาดผวาได้ด้วยเช่นกัน

อาหมู่ขนลุกซู่ไปทั้งตัว

แต่ดูเหมือนอันหลิงยุนจะไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกัน นาง จ้องมองตะขาบเหล่านั้น พร้อมด้วยเข็มเงินสองสามเล่ม ในมือ เตรียมพร้อมสำหรับเวลาที่เหมาะเจาะ
จู่ๆตะขาบเหล่านั้นก็หยุดเคลื่อนไหว อาหยู่ที่ตัวแข็ง ทื่อ ก็รู้สึกได้ว่าพวกตะขาบตัวแข็งไปแล้วเหมือนกัน

และดูเหมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา อย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น พวกตะขาบก็รีบหนีด้วยการไต่ตามภูเขาไป

อันหลิงหยุนปาเข็มเงินในมือออกไป พวกตะขาบที่อยู่ บนซากไก่ฟ้าก็พากันพลิกตัว ดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเจ็บ ปวด

ไม่นานนัก ก็มีคางคกพิษตัวใหญ่เท่าจานจำนวนหนึ่ง โผล่ออกมา

คางคกยักษ์เปิดฉากด้วยการคว้าพวกตะขาบมา และ ทันทีที่แลบลิ้นนั้น ตะขาบก็ถูกกลืนลงไป

กงชิงวี่กำลังจะเข้าไป แต่อันหลิงหยุนดึงเขาเอาไว้ พลางหยิบเข็มเงินที่เหลือออกมาปาใส่มันทีละเล่ม ทีละ เล่ม

คางคกยักษ์ดิ้นไปดิ้นมาอยู่กับพื้น จนเผยให้เห็นพุง ขาวขนาดมหึมา

บางตัวก็หนีไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังหลงเหลืออยู่อีก หกถึงเจ็ดตัว

อันหลิงหยุนหยิบถุงที่พกไว้ออกมาจากตัวนาง พร้อมสวมถุงมือที่ทำออกมาแบบพิเศษแล้วเดินเข้าไป

“พวกมันมีพิษอันร้ายแรง พวกท่านอย่าได้แตะต้องมัน ข้าสามารถล้างพิษมันเองได้”

อันหลิงหยุนเดินตรงไปที่ตะขาบ พร้อมใช้ตะเกียบ ขนาดใหญ่หยิบมันขึ้นมาหนึ่งตัว และใส่ลงในถุง นางนำ ถุงอีกสองสามถุงออกมา พลางใส่คางคกลงไป และยัง ใส่ตะขาบยักษ์ลงไปในถุงด้วยเช่นกัน

เมื่อเก็บเสร็จเรียบร้อย ก็ส่งให้อาหยู่ ทำเอาอาหยู่ถึง กับขาสั่น หลังจากขึ้นรถม้าแล้ว ก็นำถุงมาห้อยไว้บนรถ ม้า

อันหลิงหยุนนอนหลับระหว่างการเดินทางกลับ กงชิง วี่มองไปยังผู้ที่อยู่บนตักของเขา พลางสัมผัสใบหน้า ของนาง: “หลิงหยุน …

อันหลิงหยุนหลับตาลงไปแล้ว เพราะนางรู้สึกง่วงนอน

นางจึงตอบสนองเพียงแค่: “อื้อ”

“ข้ามีความกังวล” กงชิงวี่นั่งอิงอยู่บนรถม้า อันหลิงหยุ นนอนหนุนตักเขาอยู่ ถึงแม้เขาจะขยับตัวไม่ได้ แต่เขา ก็รู้สึกชอบใจเป็นอย่างมาก

อันหลิงหยุนจึงถามขึ้นว่า: “ท่านมีความกังวลอันใด หรือเจ้าคะ?”
“ข้ากังวลว่าจะมีวันนั้น วันที่หลิงหยุนไม่ต้องการข้า อีกต่อไป” กงชิงวี่จุมพิตลงบนริมฝีปากของอันหลิงหยุ น เขามักจะจุมพิตอันหลิงหยุนแบบนี้อยู่เสมอ นางรู้สึก อึดอัดใจมากกว่าเดิมเมื่อเป็นในที่แบบนี้

ผู้หญิงที่เก่งเกินไปมักทำให้ผู้ชายเป็นกังวล

กงชิงวี่ผละออกอย่างช้าๆสายตาแปรเปลี่ยนเป็น จริงจัง

“ข้ายังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หายไปไหน” อันหลิงหยุนเม้ม ริมฝีปากในแบบที่นางชอบท่า

กงชิงวี่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี: “เช่นนั้นหลิงหยุนกล่าว คำสาบาน ว่าจักไม่ทิ้งข้าไปแห่งหนใด”

อันหลิงหยุนกล่าวว่า: “ข้าสาบานเจ้าค่ะ”

“เราจักอยู่ด้วยกันไปตลอดกาล หากเจ้ากลับคำ ขอ ให้หลิงหยุนรักข้าไปตลอด แม้ในภพชาติต่อ ๆ ไป ก็ตาม”

อันหลิงหยุนเลิกคิ้ว: “ท่านอ๋อง ท่านจักขอให้ข้าทุกข์ ทรมานจนแหลกสลายไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ?”

“ข้าไม่ขอเช่นนั้นหรอก” กงชิงวี่สัมผัสมือของอันหลิง หยุนอย่างทะนุถนอม “ข้าจักอยู่กับหลิงหยุนไปชั่วกัปชั่ว กัลป์”
อันหลิงหยุนพลิกตัว และนอนลงบนตักของกงชิง นางไม่เข้าใจเลยจริงๆว่า ชายชาตรีผู้นี้พูดเช่นนี้เพื่อสิ่ง ใด มันเหมือนกับคนเป็นโรคประสาท

อันหลิงหยุนหลับตาลงพลางผล็อยหลับไป กงชิงวี่ขบ นิ้วของนางเบาๆ: “ในทุกๆครั้งที่ข้าเห็นหลิงหยุนหลับลึก ข้าก็อยากที่จะปลุกหลิงหยุนเหลือเกิน ข้ากลัวว่าหลิง หยุนหลับไปแล้ว จักไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

อันหลิงหยุนลืมตาขึ้นมามอง จากนั้นก็หลับตาลงอีก ครั้ง

“ท่านอ๋อง ข้าก็รักท่านนะเจ้าคะ”

อันหลิงหยุนหันหน้าหนีไปหลังจากพูดจบ กงชิงวี่ ได้ยินไม่ชัดเจนนัก จึงถามนางว่า: “เจ้าพูดสิ่งใด ?”

อันหลิงหยุนโน้มตัวมาข้างหน้า กงชิงวี่พยายามหยุด ความแดงระเรื่อบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา: “หลิง หยุน เจ้ามิต้องโน้มตัวเพิ่มมาอีกแล้วนะ”

อันหลิงหยุนเพิ่งตระหนักได้ นางจึงถอยกรู่กลับไป พลางพลิกตัว และนอนตะแคงไปอีกด้านหนึ่ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ