บทที่172 เกี่ยวกับระเบิด
จวนอ๋องเสียนตอนนี้ขาดเงินทอง ดูเหมือนว่าจำเป็น ต้องหาอันใดทําเพื่อหาเงินแล้วจริงๆ
พระชายาเสียน พรุ่งนี้พวกข้ายังอยากจะมาอีก เด็ก
น้อยคนหนึ่งพูดกับอันหลิงหยุน
“ถ้าเจ้าชอบก็มาสิ”อันหลิงหยุนก็ไม่สามารถพูดอันใด
ได้ ของกำนัลก็รับไว้แล้ว
“ ถ้าเช่นนั้นพวกข้าพักที่นี่เลยนะ พระกระยาหารของ จวนอ๋องเสียนดีมาก”มีเด็กน้อยคนหนึ่งพูดขึ้นเสียงดัง อัน หลิงหยุนหันไปมอง นี่มันอันใดกัน!
“พระชายาเสียนไม่ยิ้ม”ฮูหยินนั่งลงข้างอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนหันไปชี้แจงกับฮูหยินว่า: “ก่อนหน้านี้ตูฟาง จุ้นรับบริจาคเงิน ต้องโทษตำหนักกั๋วกงของพวกข้าที่ ปรกติแล้วค่าใช้จ่ายเยอะแสวย ทำให้ขาดเงินเล็กน้อย จะเอาประมาณห้าหมื่นออกมาก็ถือว่ายากแล้ว ที่ตำหนัก เลยต้องประหยัดพระกระยาหารการเสวยเล็กน้อย
แต่ก็เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว เดือนหน้าเบี้ยเลี้ยงของพวก ข้าก็จะลงมาแล้ว ถึงเวลานั้นก็คงจะดีขึ้น”
“อ่อ มิน่า! “อันหลิงหยุนก็ไม่รู้ควรพูดอันใดดี ได้แต่ ถามพวกเขาไปอย่างสุภาพว่าถ้าจะอยู่ต่อก็อยู่ต่อเถอะ
ปรากฏว่าฮูหยินก็ไม่ได้เกรงใจเลย ตอนกลับก็ปล่อยให้ เด็กน้อยอยู่ต่อเลย
อันหลิงหยุนกลับไปเพิ่งรู้สึกว่า วิชาของตำหนักกั๋วกง ลึกมากจริงๆ
ที่ที่หยุนโล่ชวนพักอยู่นั้นมีผู้คนมาเยื่นมไม่น้อย อันหลิง หยุนก็จึงไม่เข้าไปพูดคุยด้วยแล้ว
เมื่อเข้าไปในอ่างกำมะถันแล้วเห็นร่างเปลือยของอังชิง วี่แล้วรู้สึกเบื่อหน่าย
“ทำไมหรือ? ” กงชิง ถอดเสื้อผ้าเสร็จแล้วรออันหลิง ยุนไปหาเขา มองไปทเห็นนางสวมเสื้อคลุมอาบน้ำยืนอยู่ ไม่มีท่าทีจะขยับตัว
สิ่งเดียวที่กงชิงวี่ไม่ชอบก็คือเสื้อคลุมอาบน้ำที่นางเย็บ เองนี่แหละ ทุกครั้งจะถูกปกปิดอย่างมิดชิด ไม่สวยเท่า เสื้อแนบกายของพวกเขาเลย
อันหลิงหยุนถาม: “ตามที่เล่าลือกันว่าผู้หญิงของตำ หนักกั๋วกงทนทานแข็งแรง ทำไมฮูหยินที่มาในวันนี้ไม่ เป็นเช่นนั้นเลย? ”
“สับสนแล้ว? ผู้หญิงของตำหนักกั๋วกงที่พูดถึงคือ บรรดาลูกสาวของตำหนักกั๋วกง แต่บรรดาสะใภ้ของตำ หนักกั๋วกงนั้นทั้งหมดไม่ได้มาจากจวนขุนนาง บางคน มาจากตำหนักบุ๋น แต่ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นผู้มีความ อ่อนน้อมและมีความรู้เสียมากกว่า
“มิน่าล่ะ” ตอนนี้อันหลิงหยุนเพิ่งจะลงมาจากคานอ่าง ถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออกแล้วเดินลงไปข้างล่าง
กงชิงวี่รีบเข้าไปรับนาง: “ข้ามารับเอง,
อันหลิงหยุนพยักหน้า รอกงชิงวี่เดินมาทางนี่ แล้วอุ้ม นางลงไป
เมื่อลงไปในน้ำ กงชิงวี่ช่วยอันหลินหยุนถอดกระโปรง
ผ้าไหมออก “พระชายาทำไมต้องสวมเสื้อทีละชั้นๆเยอะขนาดนี้ ที่นี่
ไม่มีคนอื่น หรือไม่อยากให้ข้าดู? ”
“นี่คือเสื้อนอน สวมใส่มันแสดงให้เห็นว่าข้ารักนวล สงวนตัว ไม่เช่นนั้นจะทำให้ติดไฟได้ง่าย ”
“ข้าชอบความสุขเรื่องบนเตียง กลัวอันใดติดไฟง่าย สามีภรรยาต้องรักใคร่กันหน่อย จะดูเห็นว่าข้ากับพระ ชายาความสัมพันธ์ดีต่อกันมากแค่ไหน
“ท่านอ๋องไม่รู้จักอายเลยจริงๆ”
ทั้งสองต่างฝ่ายต่างหยอกล้อพลอดรักกันไปมา กงชิงวี่ อุ้มอันหลิงหยุนไปวางไว้บนหินแล้วพูดว่า : “ข้าแต่งงาน กับพระชายาแล้ว ข้าจะรู้จักอายทำไม? ”
..”อันหลิงหนุนกอดคออังชิงวี่ไว้ เพลิดเพลินไปกับ
ความสุข
วันรุ่งขึ้น อันหลิงหยุนกับกงชิงวี่ไปที่ตูฟางจุ้น ทั้งสอง คนนั่งรถม้าและเดินยี่สิบกว่าโลกว่าจะถึงด้านล่างของตู ฟางจุ้น อันหลิงหยุนเงยหน้ามองสักพักแล้วพูดว่า: “ตูฟางจูนถ้าไม่ซ่อมแซมให้เรียบร้อย ถ้าหน้าฝนมาถึง น้ำ ด้านบนถ้าเพิ่มมากขึ้น ถ้าไหลหลากมาทางนี้ต้องพุ่ง ชนทะลักแหลกลาญทุกอย่างเป็นแน่ ถึงเวลานั้นไม่ว่า เทพอันใดก็ไม่สามารถช่วยได้ และไม่มีทางช่วยเหลือคน ด้านล่างได้อีกด้วย
กงชิงวี่มองไป: “พระชายามีความรู้เกี่ยวกับการสร้าง เขื่อนด้วยหรือ? ” “บ้าง ในที่ของข้านั้นเขื่อนขนาดใหญ่ เช่นนี้และสะพานแบบนี้มีเยอะ เพราะฉะนั้นข้าพอรู้อยู่ บ้าง”อันหลิงหยุนยืนดูสักพัก แล้วขมวดคิ้วเข้ากันแน่น
“ท่านอ๋อง ท่านเคยคิดหรือไม่ หน้าฝนมาถึง ถ้าที่นี่ยัง เป็นแบบนี้อยู่ จะทำกระไรดี? ”
“มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ซือคงเสี้ยงเคยพูด ถ้าไม่รีบ สร้างเขื่อนตูฟางจูนให้เสร็จ กังวลว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ กว่านี้ขึ้น
ช่วงก่อนฟางสร้างเสร็จแล้ว แต่ซือคงเลี้ยงมา สังเกตแล้วหลายครั้ง ก็ยังใช้ไม่ได้ ข้างบนนั้น คือเคยขูด ออกแล้วทําขึ้นมาใหม่ ฉะนั้นเริ่มไม่มีเงินแล้ว
ให้ข้าพาทหารสู้รบศึกอย่างง่ายกว่า จะให้ข้าศึกษาสิ่งนี้ ถึงแม้ข้าจะอยากทำแต่ก็คงทำไม่ได้
นานขนาดนี้แล้วยังสร้างไม่เสร็จ แสดงให้เห็นว่าข้านั้น ไม่มีความสามารถ
เรื่องสร้างเขื่อนกงชิงรู้สึกตำหนิตัวเองเล็กน้อย
ถ้าไม่ใช่เขา คงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
อันหลิงหยุนใช้เวลาครุ่นคิดชั่วขณะ หันกลับไปเริ่ม สังเกตดูรอบๆด้าน
เหมือนนึกอันใดขึ้นได้ อันหลิงหยุนเดินออกไปด้านนอก ส่วนกงชิงวินั้นเดินตามนางไป “เจ้าเดินช้าหน่อย”กังวลอันหลิงหยุนจะเกิดเรื่อง อังชิววี่
ตามติดอย่างใกล้ชิด
อันหลิงหยุนใช้เวลาเดินเกือบหนึ่งชั่วยาม ถึงจะหยุด เดิน
นางยืนอยู่ตรงจุดที่สามารถมองเห็นรอบๆด้านได้ มอง ได้สักพักก็หันกลับเดินขึ้นด้านบน ส่วนกงชิงวี่ก็เดินตาม หลังนางไป
“เจ้าจะไปไหน ให้ข้าแบกให้อุ้มได้ทั้งนั้น แต่อย่าเดิน
เช่นนั้น” กงชิงวี่ไม่ไว้ใจจึงดึงอันหลิงหยุนไว้
“ไม่ต้อง ร่างกายข้าดูแลรักษาได้ดีมากแล้ว ข้าไม่ เป็นไร ท่านอ๋องข้าคิดวิธีที่จะสร้างตูฟางจูนได้แล้ว”
“ใช่หรือ? “กงชิงวี่ยิ้มออกมา ดึงมือของอันหลิงหยุนขึ้ นมาจูบ
“ข้าไม่รู้มีบุญวาสนาแค่ไหน ที่ได้แต่งงานกับหยุนหยุน”
“อย่าล้อเล่นเลย พวกเราขึ้นไปข้างบน ข้าจะไปดูหน่อยท่านเรียกช่างซูซือคงมาที่นี่นะ”
“อาหยู่ ไปบอกซือคงเสี้ยง พวกเราจะคุยเรื่องงานข้าง บน”
“รับทราบ”
อาหยู่หันกลับแล้วเดินออกไป อันหลิงหยุนและกงชิง วี่เดินขึ้นด้านบนไปอย่างรวดเร็ว อันหลิงหยุนยืนอยู่บน เขื่อนแล้วมองลงมารอบด้าน คิดวิธีการเสร็จเรียบร้อยว่า ควรทำยังกระไร
ซือคงเลี้ยงมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว อันหลิงหยุนถือพู่กัน และกระดาษขึ้นมาแล้วเริ่มวาดรูป วาดไปด้วยชี้แจงให้ซือ คงเลี้ยงฟังไปด้วย
“ถ้าใช้แค่ก้อนหิน เขื่อนจะโดนน้ำไหลทะลักแตกอย่าง รวดเร็ว เนื่องจากสูงแสวยไป ถ้าโดนชนแตก จะทำให้คน และสัตว์ด้านล่างได้รับบาดเจ็บและล้มตาย
เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้เป็นปูนซีเมนต์
“อันใดคือปูนซีเมนต์? “กงชิงวี่ไม่เข้าใจ
“ก็คือใช้หินปูน ดินเหนียว ผงแร่เหล็กผสมให้เข้ากัน ใส่เข้าไปตรงกลางระหว่างก้อนหินกับก้อนหิน สามารถ ทำให้ก้อนหินเกาะกันแน่นได้ และทำให้ผนังยิ่งแข็งแรง ทนทานมากขึ้น แต่ต้องดูว่ารอบๆนี้มีหินปูนถึงจะทำได้ ข้าสังเกตการณ์มาแล้ว ที่นี่ไม่มี ข้าจะลองไปหาที่เมือง หลวงดู ของสิ่งนั้นหาไม่ยาก ผงแร่เหล็กกับดินเหนียวยิ่งหาง่าย หลังจากที่ผสมแล้วต้องนำไปเผา ต้องสร้างเตา เผาไว้รอบๆนี้ด้วย
ข้าจะสร้างบ่อปลาใต้เขื่อนยาวกว่าหนึ่งพันเมตรขึ้น ไป เทียบเท่ากับทะเลสาบ และบ่อปลาต้องลึกสองเมตร ถ้าคิดจากอัตราส่วนของเขื่อนที่ใหญ่ขนาดนี้แล้ว แรง กระแทกลงมาต้องสองเมตรครึ่งถึงจะเพียงพอ
ประชาชนที่อยู่รอบด้านต้องรีบทำการขนย้ายออกไป ส่วนที่นาไม่ต้อง
แต่ทุ่งนากับบ่อปลาต้องแยกออกจากกัน ตรงกลางต้อง มีที่ว่างให้น้ำไหลผ่าน ถ้ามีน้ำท่วม จะระบายน้ำให้ไหลไป สู่ที่ทุ่งนา
ส่วนใต้ทุ่งนา ระยะความยาวต่อไปจากทุ่งนาอีกห้าพัน กว่าเมตร สร้างเขื่อนล้อมรอบเพื่อทำคลองกักเก็บน้ำ ถ้าทำอย่างนี้ไม่ว่าน้ำจะท่วมขนาดไหน น้ำไหลไปก็ได้ ทำการกักเก็บน้ำไว้ แน่นอนนี่เป็นขั้นตอนแรกก่อน ใต้ คลองต้องมีทางระบายน้ำพาน้ำไหลเข้า ทางระบายนี้ต้อง นำพาน้ำไหลเข้าไปที่แม่น้ำใหญ่ ฉะนั้นต้องใกล้แม่น้ำ ใหญ่ ถ้าเกิดน้ำท่วมใหญ่ขึ้น ตรงนั้นต้องรีบหาคนเปิด ออก เพื่อให้น้ำผ่านอีกขั้นตอนหนึ่ง ระบายน้ำให้ไหลไปที่ แม่น้ำใหญ่
พระราชสำนักสามารถให้เงินทองได้ สร้างที่เก็บน้ำไว้ ตรงนั้นแหล่งหนึ่ง จัดคนสองสามคนดูแล กำหนดเวลา ลาดตระเวน หน้าหนาวใช้ถุงทรายปิดกั้นน้ำแข็งไว้ เมื่อ ถึงหน้าฝนต้องมีคนเฝ้าดูแลที่นั่น เพราะถ้าเกิดมีน้ำท่วม ขึ้นมา จะได้สะดวกรีบเปิดทางระบายน้ำออก ทางระบายนาทั้งสองข้างยึดติดด้วยไม้ไผ่สาน ตรงกลางวางด้วยถุง ทราย ถ้าเวลาเร่งด่วน ดึงไม้ไผ่ที่ยึดติดออก น้ำที่ไหลแรง ก็สามารถชนออกได้ และถ้าไม่ได้ ข้าก็สามารถคิดทาง อื่นแก้ไขให้ทันเวลาได้
ถ้าพูดถึงเขื่อนใหญ่ ที่ผ่านมามีเขื่อนใหญ่เขื่อนหนึ่ง เรา สร้างสองเขื่อน ให้น้ำในเขื่อนใหญ่ไหลกระแทกลงมา ยัง มีเขื่อนเล็กอีกเขื่อน แบ่งน้ำให้ไหลแยกกัน ก็จะรับรองได้ ว่าการไหลกระแทกของน้ำจะเบาลงได้ ”
เมื่ออันหลิงหยุนวาดเสร็จ ซือคงเสี้ยงไม่เข้าใจแข็งทื่อ เหมือนท่อนไม้
อันหลิงหยุนถามว่า: “ช่างซูซือคง เจ้ามีความคิดอื่น เพิ่มอีกไหม? ”
“ดีมาก ข้าคิดไม่ออกมาตลอด ข้าไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ตรง ไหน แต่ดูตอนนี้ ข้าเข้าใจแล้ว แรงดันของน้ำแรงมาก ข้า สร้างเขื่อนใหญ่ขนาดไหนก็ใช้ไม่ได้ ไม่สามารถต้านทาน แรงของนํ้าได้
แต่ถ้าแบ่งน้ำให้ไหลแยกกัน ก็จะแตกต่างกัน
พระชายา ท่านยอดเยี่ยมมากเลย ข้าขอชื่นชมยอมก้ม หัวกราบแทบพื้นเลย!
…..” นหลิงหยุนรู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย ความจริงแล้ว ตอนนางไปท่องเที่ยว เคยเห็นเขื่อนเป็นแบบนี้ ผู้นำเที่ยว เป็นคนเล่าให้ฟัง นางเลยจำไว้
มาวันนี้สถานที่ทุกอย่างเหมือนกัน นางเลยยืมเอามาใช้
รีบลงมือเลย ข้ารับผิดชอบจัดเตรียมทุกอย่างที่จะใช้ใน การสร้างเขื่อน เขื่อนเก็บน้ำด้านล่าง และปูนซีเมนต์มอบ ให้พระชายาเสียนไปผู้จัดการ ”
ซือคงเลี้ยงพูดจบอันหลิงหยุนเพิ่งรู้ตัวว่า อยู่ดีดีไม่ชอบ ทำไมต้องหาเรื่องวุ่นวายให้ตัวเองด้วย
“ดี พวกเราแบ่งแยกกันทำงาน อาหยู่ เจ้ารีบไปที่จวน แม่ทัพ จัดเตรียมทหารชั้นยอดสามพันนาย บอกว่าข้าจะ ขุดคลอง” กงชิง รีบตัดสินใจทันที
…..” อันหลิงหยุนหมดคำพูด ทำไมมีเรื่องอันใดต้องไป ที่จวนแม่ทัพตลอดด้วย
เมื่อออกจากตูฟางจุ้นอันหลิงหยุนนั่งรถม้ากลับไป ระหว่างทางคิดแต่เรื่องที่จะหาหินปูน กงชิงวี่ถามขึ้น ว่า: “เซ่อไปแล้วหรือ?”
อันหลิงหยุนส่ายหัว: “ถ้าจะใช้หินปูนก็ต้องใช้ดินปืน ผงระเบิดอานุภาพร้ายแรง สามารถทำให้เมืองข้างๆแอบ มองได้ ถ้าเกิดว่ามีคนที่คิดไม่ดีได้มันไป อาจจะทำให้เกิด ภัยพิบัติขึ้นก็ได้
ถึงเวลานั้นหากมีใครต้องการก่อกบฏ ไม่ต้องพูดถึงว่ามี คนสิบหมื่นแปดหมื่นเลย ถึงจะมีหนึ่งร้อยหมื่นก็สามารถ ทําลายได้ในชั่วพริบตา
“ผงระเบิด? “กงชิงวี่รู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย
“ใช่” อันหลิงหยุนเล่าให้กงชิงวี่ฟังหลักการเกี่ยวกับผง ระเบิด กงชิงวี่ฟังแล้วตกตะลึงไม่เบา
“ถ้าเช่นนั้นแสดงว่าหยุนหยุนเจ้าทำผงระเบิดเป็น หรือ? ” กงชิงสีหน้าหนักใจ
อันหลิงหยุนไม่รู้สึกอันใด: “หมอทหารของพวกข้ากับ หมอทหารของพวกเจ้าไม่เหมือนกัน พวกเจ้าดูอาการ เป็นการรักษาเป็นก็ใช้ได้แล้ว แต่พวกข้าต้องต่อสู้เป็น เข้าไปในค่ายศัตรู ยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้ ยังต้องรอบรู้ ด้านต่างๆ ที่สำคัญที่สุดคือต้องทนแบกรับความอัปยศ อดสูให้ได้เพื่อหน้าที่ ถึงแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
อย่างเรื่องทําผงระเบิด ถ้ายังทำไม่เป็น นั้นเท่ากับว่า เป็นเหมือนคนที่ไม่มีประโยชน์ใช้การไม่ได้
วิชาการรักษาสูงส่ง คือเงื่อนไขที่จำเป็น แต่เงื่อนไข อย่างอื่นก็ต้องเก่งด้วยถึงจะเก่งจริง
ความเร็วในการหลบหนีของข้านั้นน่าทึ่งมาก และ ปฏิกิริยาของข้าก็เฉียบคม ถ้ามีใครเข้าใกล้ข้า ข้า สามารถเอาชีวิตอีกฝ่ายได้ก่อนก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าใกล้ นี่คือหมอทหารของพวกข้า”
กงชิงวี่ดึงอันหลิงหยุนเข้ามาในอ้อมแขนของเขา: “ข้า ไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น ขอแค่ให้หยุนหยุนอยู่ข้างกายข้า ก็พอ”
กงชิงวี่ในเวลานี้รู้สึกทุกข์ใจจนพูดอันใดไม่ออก เมื่อ นึกถึงลูกผู้หญิงคนหนึ่ง ทำในสิ่งที่ผู้ชายทำ กงชิงวี่รู้สึกไม่ชอบใจเลย
“ท่านอ๋อง ข้าสามารถทำผงระเบิดได้ แต่ห้ามให้คนอื่นรู้ เด็ดขาด ดูตามฤดูกาลนี้แล้ว ตูฟางจุ้นต้องการปูนซีเมนต์ โดยด่วน ถ้าไม่ทำการระเบิดภูเขา อาจจะไม่ทันการณ์ ก็ได้
แต่ถ้าระเบิดต้องมีคนรู้แน่นอน เพราะฉะนั้นคนรู้ยิ่งน้อย
ยิ่งดี
ท่านอ๋องต้องมั่นใจถึงจะทำได้”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ