บทที่ 159 อ๋องตวนมีตาหามีแววไม่
จากนั้นอันหลิงหยุนได้เรียกหมอที่ตรวจอาการให้ใน ก่อนหน้านั้นมา เพื่อปรึกษาหารือและเตรียมการเอาไว้
พอช่วงบ่ายกงชิงวี่ก็กลับมาจากวัง อันหลิงหยุนเป็นลม ที่ด้านหน้าของเรือนรับแขก เหล่าบรรดาหมอทั้งหลาย ต่างก็รีบมาดูอาการ กงชิงวี่กอดเอาตัวของอันหลิงหยุนไว้ แน่นขนัด สีหน้าซีดเผือด
บรรดาหมอทั้งต่างก็หมอบคลานอยู่กับพื้น อันหลิงหยุ นมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไร้ซึ่งความสามารถ” อันหลิงหยุนนี่ ช่างแสดงได้ดีจริง ๆ เพราะฝ่าบาทและเซียวกุ้ยเฟยต่างก็ เคยเอ่ยปากชม
กงชิงวี่รู้สึกขำแทบจะกลั้นไม่อยู่ และสุดท้ายก็พยายาม ข่มตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมา
“เป็นเพราะข้าที่ไม่ควรมักมาก” กงชิงวี่มองไปยังหมอที่ หมอบอยู่กับพื้น แล้วพูดขึ้นว่า “รีบหน่อยสิ”
“ขอรับ”
จากนั้นหมอที่หมอบอยู่ก็ได้เข้ามาดูอาการของอันหลิง หยุน เมื่อหมอตรวจดูชีพจรของนาง ถึงขั้นตกใจ และรีบ คำนับด้วยการโขกหัวลงพื้น
“ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย”
“นําตัวออกไป โบยสองร้อยไม้
กงชิววี่สีหน้านิ่ง ๆ อาหยู่เมื่อเข้ามาก็ได้นำหมอออกไป หมอก็ได้ร้องขอชีวิตเสียงดังใหญ่ ทำเอาหมอท่านอื่น ๆ เองก็ตกใจไปตาม ๆ กัน
จากนั้นกงชิงวี่เลยอุ้มอันหลิงหยุนออกไปข้างนอก เหล่า นั้นต่างก็ได้แค่มองตามไป
เมื่อกงชิง ออกจากเรือนรับแขกแล้ว หมอเหล่านั้นจึง ได้เงยหน้าขึ้น ในใจก็คิดว่าคงถึงคราวซวยเข้าแล้วจริง ๆ โบยสองร้อยไม้ถึงกับสิ้นพระชนม์ได้เลยนะ
อันหลิงหยุนโดนอุ้มมายังลานโอวหลาน จากนั้นหงเถา และลุ่ยหลิ่วก็รีบปิดประตูลง ทั้งสองคนนั้นร้องไห้อย่าง กับว่าพ่อและแม่ของตัวเองยังไงยังงั้น ทําเอาพ่อบ้านเอง ก็รู้สึกเศร้าตามไปด้วย
น้ำตาของพ่อบ้านเองก็อดที่จะไหลออกมาไม่ได้ แค่ไม่ กี่วันเอง
ท่านอ๋องช่างไม่รู้เรื่องเสียจริง
ถางเหอวันนี้ก็อยู่ เมื่อได้ยินเรื่องนี้เข้า จึงสั่งให้ทุกคนที่รู้ เรื่องนี้และคนที่ไม่รู้เรื่องนี้แล้วได้ทราบภายหลังนั้น ให้ทำ เป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น หากแพร่งพรายออกไปหัวจะ หลุดจากบ่า
คนทั้งจวน เมื่อเห็นหมอที่ถูกโบยจนเกือบสิ้นพระชนม์ และยังโดนโยนให้เข้าไปอยู่ในคุกอีก ใครก็เลยไม่กล้าทุกคนต่างปิดปากเงียบ เรื่องเด็กคนนี้ก็เหมือนกับมีหนึ่ง เล่ม ที่สามารถฆ่าได้ทุกคน
หากมีคนถามถึง หมอเหล่านั้นก็จะมีข้อแก้ต่าง ว่าหมอ ท่านนั้นยังอายุน้อยอยู่ จึงได้ตรวจอาการของพระชายา ผิดไป จนทำให้ท่านอ๋องโกรธเอา
อันหลิงหยุนสบายใจอยู่เจ็ด แปดวัน และเจ็ด แปดวันนี้ กงชิงวี่นอกจากจะไปจัดการภารกิจหลัก ๆ ให้สำเร็จแล้ว ก็ยังกลับมาคอยอยู่เป็นเพื่อนอันหลิงหยุนด้วย
เขาเองก็ติดใจกิจกรรมบนเตียงในโลกอนาคตแล้ว อยากจะเล่นอยู่ตลอดเวลา
พอเดินเข้าประตูมาก็จะถอดเสื้อ พอออกไปข้างนอกสี ทําสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อผ่านไปเจ็ด แปดวัน อันหลิงหยุนเลยใช้โอกาสช่วง แรก ๆ ของฤดูใบไม้ผลิออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง
คนที่รู้ก็ไม่เยอะมาก เมื่อปิดปากหมอเหล่านั้นแล้ว อัน หลิงหยุนเองก็ยังมีความรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ได้โบย หมอคนนั้นไป จากนั้นนางก็เลยไปเยี่ยมอาการของเขา
เมื่อหมอท่านนั้นเห็นอันหลิงหยุนมาถึง ก็รีบลุกขึ้น แต่ ลองคนดูว่าคนที่ถูกโบยเกือบสิ้นพระชนม์ ทำไมถึงยังลุก ขึ้นได้
หมอท่านนั้นร้องไห้ออกมา อันหลิงหยุนเองก็ได้อธิบาย ให้เขาฟัง ปลอบใจเขาอยู่นาน ถึงได้ทำให้หมอท่านนั้นดูสบายใจขึ้น
เมื่อนางยังรู้สึกผิดอยู่ จึงได้เลื่อนขั้นให้หมอคนดังกล่าว เป็นหมอประจำจวนเสีย
ตำาแหน่งที่หมอดังกล่าวได้รับถือว่าเป็นตำแหน่งหมอที่ สูงที่สุดแล้วในจวน เมื่อคุยธุระเสร็จอันหลิงหยุนก็ได้กลับ ไป
หมอคนอื่น ๆ งงกันเป็นแถว ๆ พระชายาคงจะบ้าไปแล้ว ถูกโบยแล้วยังเลื่อนตำแหน่งให้อีก หลังจากวันนั้นเป็นต้น มา หมอทั้งหลายก็พยายามแย่งกันเพื่อที่จะได้ถูกโบย แล้วเลื่อนตำแหน่งบ้าง
เรื่องการตั้งครรภ์นี้ ไม่นานก็เงียบสงบลง อันหลิงหยุนผ่านเดือนที่จะแท้งลูกได้ง่าย ๆ ไปแล้ว
หมอโจวเองก็รักษาตัวอยู่หนึ่งเดือน บาดแผลต่าง ๆ ค่อยดีขึ้นอย่างสนิท และได้รับความไว้ใจจากอันหลิงหยุ นเป็นอย่างมาก
ใบหน้าของอันหลิงหยุนในเดือนนี้ดูสดใสมีน้ำมีนวลขึ้น มาก แก้มทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเนื้อ และผิวพรรณก็ดู ผุดผ่องกว่าเมื่อก่อนอีกด้วย
กงชิงวี่กำลังเสวยข้าวอยู่ มองที่ใบหน้าของอันหลิงหยุน และก็อดที่ไม่ได้ที่จะจูบไปหนึ่งครั้ง
หงเถาเองเมื่อเห็นดังนั้น จึงรีบก้มหน้าแทบไม่ทัน ท่านอ่องเองก็ไม่เห็นจะรู้สึกอายแต่กระไร
อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่ด้วยสีหน้าที่เขินอาย จากนั้นก็ คืบเนื้อป้อนเข้าปากอย่างเบา ๆ
และอันหลิงหยุนก็รู้สึกเป็นกังวล คนอื่นท้อง นางเองก็ ดันมาท้องด้วย คนอื่นชอบเสวยของเปรี้ยว ๆ และไม่เสวย เนื้อที่มีกลิ่นคาว ๆ แต่นางไม่ใช่ ชอบเสวยเนื้อปลา เนื้อ หมู ภายในหนึ่งเดือน นางเสวยจนตัวเองนั้นดูมีน้ำมีนวล ขึ้นมา
“ฝ่าบาทมีคำสั่ง ให้เข้าวังไปตรวจอาการและชีพจรของ สนมทั้งสองตำหนัก สักพักก็จะเข้าวังแล้ว” อันหลิงหยุน ได้รับบัญชาจากฮ่องเต้ชิงหยู่
“ข้าจะเข้าวังเป็นเพื่อนกับพระชายานะ” กงชิงวี่วันนี้ไม่ สนใจงานของตัวเอง เพื่อที่จะเข้าวังไปเป็นเพื่อนจองอัน หลิงหยุน ตอนนี้ท้องของนางยังไม่มีใครดูออกร็ก แต่ว่า เมื่อเขาลูบดูก็จะสัมผัสได้ หากให้นางเข้าวังคนเดียว เขา กลัวว่าเขาจะเป็นห่วงนาง
“เพคะ”
อันหลิงหยุนตอบรับ เมื่อเสวยข้าวเสร็จแล้วทั้งสองคน เลยเข้าวังไปพร้อมกัน
การเข้าวังในครั้งนี้ราบรื่นดี หลังจากที่ไปเข้าเฝ้าฝ่า บาทแล้ว จากนั้นอันหลิงหยุนก็ได้ไปพบสนมทั้งสอง ตำหนักด้วย
กงชิงวี่ถูกเรียกให้ไปเป็นเพื่อนของฮ่องเต้ชิงหยู่ในการ เล่นหมากล้อม วันนี้ช่างบังเอิญ ที่เข้ามานั้น ไม่ใช่แค่อัน หลิงหยุนและกงชิงวี่ แต่ยังมีอ๋องตวนกับพระชายารองหยุ นอีกด้วย
พอกงชิงวี่นั่งเล่นได้สักพัก ก็อยากจะกลับไป แต่กลับ ถูกพระชายารองหยุนขวางเอาไว้ก่อน
เมื่อหยุนโล่ชวนเห็นกงชิงวี่ดวงตาก็ลุกโพลง เมื่อกล่าว น้อมคารวะแก่ฝ่าบาทเสร็จ ก็ได้แต่มองจ้องกงชิง
กงชิงหยินไม่รู้จะกระไร เลยลุกขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า “กลับ เถอะ ในเมื่อน้อมคารวะเสด็จแม่แล้ว งั้นก็กลับเถอะ”
กงชิงหยินเองก็ไม่อยากที่จะอยู่นาน เพราะเกรงว่าจะ ขายหน้าเอาได้
อบรมมาหนึ่งเดือน ที่เป็นผลก็แค่คำพูดที่ไม่เยอะเหมือน เมื่อก่อน แต่กิริยา มารยาทยังไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลงเลย
หากใช่เพราะว่าฉูฉูไม่สะดวกจะเข้าวัง เขาเองก็คงไม่ นำนางเข้ามาด้วยรึก
หยุนโล่ชวนไม่ยอมฟัง “ท่านอ๋อง วันนี้เสด็จแม่ยังชมข้า ว่ากิริยางาม เลยอนุญาตให้ข้าเดินเล่นในวังได้ เพื่อที่จะ ได้เรียนรู้มารยาทให้มากกว่านี้”
กงชิงวี่มองนางแล้วพูดขึ้นว่า “ที่จวนก็สามารถเรียน มารยาทได้ กลับไปเถอะ”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากจะอยู่เรียนรู้มารยาทในวังสัก หน่อย และจะได้ถือโอกาสนี้ไปหาพระชายาเสียนด้วย เพราะว่าข้ากับพระชายาเสียนนั้น แค่เห็นหน้ากันก็สนิท กันแล้ว ข้าชอบนาง”
หยุนโล่ชวนยากนักที่จะได้เจอกับอันหลิงหยุน เพราะ โดยปกติแล้วก็จะโดนจำกัดบริเวณไว้ในจวนอ๋องตวน และมีคนคอยดูอยู่ตลอด แทบจะออกมาข้างนอกไม่ได้ และครั้งนี้เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เจออันหลิงหยุน เลย ไม่อยากปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป
ฮ่องเต้ชิงหยู่หัวเราะขึ้น “อย่างนั้นเจ้าก็รอนางอยู่ที่นี่ แล้วกัน”
“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาท”
หยุนโล่ชวนจึงรีบทำท่าทางทำความเคารพเสียยกใหญ่ กงชิงหยินมีสีหน้าที่ไม่พอใจนัก จึงทำได้แค่กลับไปเป็น เพื่อนฝ่าบาทเดินหมาก
กงชิงวี่มองที่ประตู ก็รู้สึกกังวลใจ
หยุนโล่ชวนนางเป็นวรยุทธ ทำอันใดโผลงผาง หากว่า นางทำอันใดแล้วพลาดกระทบหลิงหยุนเข้าจะทำกระไร
ในขณะที่กงชิงวี่กำลังเป็นกังวลอยู่นั้น อันหลิงหยุนก็ ได้เดินผ่านประตูเข้ามา เมื่อน้อมคารวะต่อฝ่าบาทเสร็จ ก็ เงยหน้ามองที่หยุนโล่ชวน สีหน้าดูกังวล นี่มันอันใดกัน ไม่ อยากเจอกับสิ่งใดก็จะได้กับสิ่งนั้นหรือนี่
“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องที่จะต้องกลับจวนแม่ทัพ ขอตัว ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
อันหลิงหยุนดูมีท่าทีรีบร้อนที่จะกลับ
และกงชิงวี่เองก็ไม่ชักช้า ลุกขึ้นแล้วทูลลาเช่นกัน
หยุนโล่ชวนขมวดคิ้ว แล้วรีบพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท หม่อม ฉันเองก็มีเรื่องที่อยากจะคุยกับพระชายาเสียนเพคะ อย่างนั้น หม่อมฉันเองก็ขอทูลลา ท่านอ๋อง พวกเราก็กลับ เถอะ”
ฮ่องเต้ชิงหยู่มองที่กงชิงหยินแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อมีธุระ กัน ก็กลับเถอะ ข้าเองก็มีเรื่องที่ต้องทำเหมือนกัน”
มองที่อันหลิงหยุน ฮ่องเต้ชิงหยู่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ไม่ได้เจอกันแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ทำไมถึงได้อ้วนขึ้นอย่างนี้
เมื่อฮ่องเต้ชิงหยู่จากไป แล้วทั้งสี่คนก็ได้กลับไปเช่นกัน อันหลิงหยุนมองกงชิงวอย่างหมดหนทาง จากนั้นก็เดิน ออกไปข้างนอก
หยุนโล่ชวนเองก็รีบตามออกไปอย่างติด ๆ “พระชายา เสียนเพคะ”
อันหลิงหยุนใจคอไม่ดี “พระชายารองหยุน”
“คือว่า….….. หยุนโล่ชวนทำตาโต ราวกับเจอเข้ากับของ เล่นชิ้นใหม่
“พระชายาเสียนเพคะ ท่านอ้วนขึ้นมาก”หยุนโล่ชวน จับที่มือของอันหลิงหยุนไว้ แต่กงชิงวี่ก็ดึงมือของหยุนโล่ ชวนออก จากนั้นตัวเองก็จับมืออันหลิงหยุนแทน แล้วก็ เดินหนีไป
หยุนโล่ชวนทำท่าทางเกรงใจ คล้ายกับว่านางรู้ว่าจะ กระทบกับเด็กที่อยู่ในท้อง
หยุนโล่ชวนเองก็รู้สึกไม่ค่อยดี จึงได้วิ่งตามไปอีก รอบ”ทำไมถึงได้อ้วนขึ้นเยอะขนาดนี้ สงสัยที่จวนอ๋อง เสียนคงจะมีแต่ของอร่อย ๆ ให้เสวยหรือเพคะ”
อันหลิงหยุนเลยขำออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ “ดี ดีกว่า จวนแม่ทัพเสียอีก”
วัน ๆ ได้เสวยแต่เนื้อปลา เนื้อหมู ก็เลยอ้วนขึ้นเป็น ธรรมดา
“จวนอ๋องตวนไม่เห็นดีเลย ในแต่ละวันข้าได้เสวยแต่ผัก เหมือนกับให้พระกระยาหารกระต่ายกระไร เมื่อก่อนตอน ที่ยังไม่ได้ออกเรือน ข้าชอบเสวยเนื้อมาก หากมื้อไหนบน โต๊ะพระกระยาหารไม่มีเนื้อ ข้าก็จะไม่เสวยข้าว แล้วใคร จะคิดล่ะว่า จวนอ๋องตวนนั้นจะจนได้ขนาดนี้ ในแต่ละวัน ได้เสวยก็แต่ผักกาดกับแครอท เหมือนกับพระกระยาหาร ของกระต่ายมิปาน ข้าเสวยจนเบื่อแล้ว ตอนนี้เลยผอมลง ไปมาก
พระชายาเสียน มิอย่างนั้น ท่านเลี้ยงข้าสักมื้อ ข้าจะได้ มีข้ออ้างว่าร่างกายของข้านั้นมันต้องการของบำรุง
ท่านย่าของข้าเคยพูดว่า ร่างกายของข้ายังต้องเติบโต ขึ้นได้อีก หากอยู่แต่อย่างนั้นทุกวัน เกรงว่าข้าคงจะไม่โต แล้วเพคะ”
หยุนโล่ชวนยิ่งพูดยิ่งน่าสงสารนาง กงชิงหยินเองก็ ทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว เหมือนกับว่าที่จวนอ๋องเสียนนั้น ดีที่ได้เสวยเนื้อทุกวัน แล้วจวนอ๋องตวนนั้นข้าวปลาพระ กระยาหารไม่ดี
“พูดจาไร้สาระอันใดของเจ้า จวนของข้ามีแต่พระ กระยาหารรสเลิศ จะเสวยกระไรก็เสวยไม่หมด ถึงแม้จะ เทียบกับในวังไม่ได้ ที่ได้จะเสวยแต่ของอร่อยทั่วหล้านั้น แต่ก็ไม่ใช่ผักกาดหรือว่าแครอทที่เอาไว้ให้กระต่ายอย่าง ที่เจ้ากล่าว”กงชิงหยินเองก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ และหยุนโล่ ชวนเองยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่
“ยังจะว่าข้าพูดจาไร้สาระอีก ท่านดูข้าสิ แต่งเข้าจวน อ๋องตวนตั้งนานแล้ว ผอมลงเยอะตั้งเท่าไร จนข้าเองแทบ ไม่กล้าที่จะกลับบ้าน เพราะกลัวว่าคนที่บ้านจะหาว่าข้า นั้นแต่งกับอ๋องจน ๆ ท่านดูพระชายาเสียนสิ อ้วนขึ้นอย่าง กับลูกบอล
….”อันหลิงหยุนรู้สึกเศร้า เมื่อเห็นหยุนโล่ชวนเลยอด ไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า “ถึงแม้อยู่ที่จวนอ๋องตวนจะไม่มีของ อร่อยเสวย พระชายารองหยุนก็อย่าเอาข้าเข้าไปเกี่ยว ด้วยสิ”
แค่อ้วนก็ทำให้อันหลิงหยุนเองรู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว นางยัง จะมาพูดอีกว่าอ้วนอย่างกับลูกบอล อันหลิงหยุนไหนเลย จะทนได้
หยุนโล่ชวนเลยรีบพูดขึ้น “ข้าแค่อิจฉา ไม่ได้มีเจตนา อย่างอื่นนะ ”
“งั้นข้าไม่กวนเวลาถกปัญหาในครอบครัวของอ๋องตวน กับพระชายารองหยุนแล้ว ข้าเองก็มีเรื่องสำคัญต้องกลับ ไปที่จงนแม่ทัพ จึงต้องขอตัวก่อนแล้วกัน” จากนั้นอันหลิง หยุนก็ได้กลับไป หยุนโล่ชวนพอเห็นว่าอันหลิงหยุนจะ กลับ จึงได้เดินตามไป แล้วปล่อยกงชิงหยินไว้อย่างไม่ สนใจ
คนตั้งครรภ์อย่างอันหลิงหยุน เดินก็ช้าอยู่แล้ว
ไม่นานนักหยุนโล่ชวนก็ตามมาทัน
“พระชายาเสียนเพคะ เอาอย่างนี้ไหม กลับไปจวน แม่ทัพ ข้าเองก็ไปทางนั้น งั้นก็ไปด้วยกันเลย” หยุนโล่ ชวนพูดเองเออเองทั้งหมด
อันหลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอันใดดี ในเมื่อไล่ไม่ไป ก็ เอาไปด้วยเสียเลย
เมื่อขึ้นยังบนรถม้าที่อยู่นอกวังแล้ว เมื่อหยุนโล่ชวนขึ้น ไปบนรถแล้ว ก็อยากที่จะจับจิ้งจอกน้อย ทำเอามันตกใจ จนต้องกระโดดไปมาทั่วรถ กงชิงวี่เองก็คอยระวังอันหลิง หยุนอยู่ สีหน้าของเขาดูโกรธจนทำให้คนที่เห็นตกใจได้
กงชิงวี่นั่งอยู่อีกฝั่งบนรถม้า ซึ่งมีสีหน้าที่ผิดปกติมาก
“จิ้งจอกน้อย ในเมื่อพระชายารองหยุนชอบเจ้า งั้นเจ้า ก็ไปอยู่กับนางก่อน”กงชิงวี่ดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก หากเป็นอย่างนี้ต่อไป หลิงหยุนคงต้องโดนลูกหลงเข้าแน่
จิ้งจอกน้อยตัวนั้นขัดขืนไม่ได้ มองอันหลิงหยุนด้วย สายตาละห้อย มันสะบัดหางเบา ๆ แล้วก็เดินไปหาหยุ นโล่ชวน จากนั้นหยุนโล่ชวนก็เลยอุ้มมันเอาไว้ ท่าทางดู ชอบอกชอบใจ จากนั้นพูดขึ้นว่า “ข้าจับเจ้าได้แล้ว”
จิ้งจอกน้อยหมอบลง แล้วหลับตาลงอย่างไม่สนใจ
จากนั้นหยุนโล่ชวนก็ลูบ ๆ คลำ ๆ ที่หางของมัน ดูสงบ และยังนิ่งดี
พอรถม้าวิ่งถึงยังจวนแม่ทัพ กงชิงวี่เลยอุ้มอันหลิงหยุน ลงจากรถม้า
ส่วนหยุนโล่ชวนนั้น นางกระโดดลงมาเอง
กงชิงหยินเองคิดว่าเข้าไปนั่งข้างในจวนแม่ทัพสักพักก็ ดีเหมือนกัน จากนั้นเขาก็เดินลงมา
เมื่ออันหลิงหยุนถูกวางลง ก็หันกลับไปมองกงชิงหยินที่ อยู่ข้างหลังด้วยความสงสัย ทำตัวสงบเสงี่ยมอย่างกับผู้ หญิง ซึ่งแตกต่างกับหยุนโล่ชวนมาก
“ขอบคุณอ๋องตวนและพระชายารองหยุนมากที่ส่งพวก เรากลับมา รถม้ายังรออยู่ข้างหลัง อย่างนั้นคงไม่เชิญ พวกท่านเข้าไปแล้ว”
อันหลิงหยุนอยากจะไล่ให้พวกเขานั้นกลับ ๆ ไป แต่หยุ นโล่ชวนไม่ยอมกลับ
“ข้าไม่อยากกลับจวนอ๋องตวน มีแต่ผักกาดกับแครอท เสวยจนป่านี่เบื่อแล้ว พระชายาเสียนเลี้ยงข้าวสักมื้อ เป็นกระไรเพคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น อันหลิงหยุนเองก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ จึง ได้ตอบตกลงไป “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเถอะ”
หยุนโล่ชวนอุ้มจิ้งจอกน้อยเดินเข้าไปในจวนแม่ทัพ
อย่างไม่เกรงใจ กงชิงหยินเองก็ไม่พอใจ เพราะนี่มัน
เป็นการขายหน้าจวนอ๋องตวนชัด ๆ
ส่วนกงชิงวี่เดินเข้าประตูแล้วูดขึ้นว่า “พี่สองเป็นคน ประหยัดอย่างนี้หรือ ทำไมไม่ให้พระชายารองหยุนได้ เสวยดี ๆ สักมื้อหน่อย
“ที่นั่นคงไม่ให้นางเสวยแล้ว จวนอ๋องตวนไม่รู้จวนอ๋อง เสียนของเจ้ารึก ที่เลี้ยงทั้งพระกระยาหารของพระชายา รองของข้า ข้าเสวยอันใด นางก็เสวยอันนั้น จะไปฟังนาง ทำไม “จากนั้นกงชิงหยินก็เดินเข้าจวนแม่ทัพ กงชิงวี่ จูงมือของอันหลิงหยุน ส่วนอันหลิงหยุนก็รับรู้ได้ทันที
หยุนโล่ชวนไม่ใช่คนที่จะโกหก หากจะโทษก็คงโทษ อ๋องตวนที่มีตาแต่ไม่มีแวว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ