บทที่ 140 ไม่ใช่การตั้งครรภ์
“ท่านพ่อ เราไปดูกันเถอะ” อันหลิงหยุนอยากช่วยเรื่อง นี้ แต่ยังต้องคิดหาวิธี
ราชครูจุนไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยง่ายๆ แต่เห็นท่าทาง ของท่านพ่อนางแล้ว หากนางไม่ช่วย คงต้องล้มป่วยแน่
ออกจากประตูพ่อลูกเตรียมตัวออกไป กงชิงหยินมอง ดูพ่อลูกคู่นี้ออกไปพร้อมกัน กล่าวเตือนกงชิงวี่ “พระ ชายาของเจ้าไปแล้ว”
กงชิงหยินมองไปที่ประตูครู่หนึ่ง น่าแปลก “เวลานี้ ออก จากจวนไปทำอันใด?”
“ถ้าเจ้าอยากรู้ ไม่ลองตามไปดูล่ะ” กงชิงหยินพูดไป อย่างนั้น กงชิงวี่กลับคิดจริงจัง
“ในเมื่อพี่รองพูดแบบนี้ งั้นข้าก็จะตามไปดู พี่รอง ถ้า ท่านอยากไป ก็ไปกันเถอะ ท่านดื่มเหล้ามา เดินยืดเส้น ยืดหน่อยก็ดี ทางผ่าน ข้าจะได้ส่งท่านกลับจวนด้วย”
“เจ้าคิดจะไล่ให้ข้ากลับแล้วหรือ?” กงชิงหยินก็อยากจะ กลับแล้ว หากว่ายังไม่กลับไปอีก คงดูไม่ดี
เดินเดินไป ระบายกลิ่นเหล้า
ทั้งสองออกมาเดินตามแม่ทัพอันกับอันหลิงหยุนไป
อันหลิงหยุนกับแม่ทัพอันไปที่จวนซ่างซูหลี่พร้อมกัน ระหว่างทางอันหลิงหยุนเพิ่งจะรู้ว่าซ่างซูหลี่ควบตำแหน่ง ลี่ปู้(กรมข้าราชการพลเรือน) ซึ่งก็คือการจัดการแต่งตั้ง และถอดถอนเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ ตรวจสอบ เลื่อนหรือ ลด โยกย้ายต่างๆ
อันหลิงหยุนหดหู่ ราชครูจุนช่างเก่งนัก ลี่ปู้คือกรมที่ โยกย้ายคน ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะอยู่ในตำแหน่งนาน และมั่นคง
ควบคุมลี่ปู้ไว้ได้ ขุนนางใหญ่น้อยทุกคนต้องผ่าน ราชครูจุน พวกที่อยากเป็นขุนนางเลื่อนยศ ก็ต้องไปหา เขา
ระยะทางจากจวนแม่ทัพถึงจวนซ่างซูของลี่ปู้ซ่างซูใช้ เวลาธูปก้านเดียว หากพ่อลูกเดินไปคงเดินจนฟ้ามืดกว่า จะถึงที่หมาย
อาหยู่รู้นานแล้วว่ากงชิงหยินกันกงชิงวี่ตามอยู่ข้างหลัง แต่เขาแค่เดินตามต่อไปอย่างเงียบๆ
มาถึงหน้าประตูจวนซ่างซูของช่างซูหลี่ อันหลิงหยุน เงยหน้าขึ้นมองก็ยังรู้สึกหดหู่อยู่ดี ช่วงนี้เผชิญหน้ากับคน ของจวนซ่างซู เพิ่งจะมีเรื่องกับกงป๊ช่างซู(เสนาบดีกรม โยธาธิการ) ตอนนี้ก็มาถึงจวนลี่ปู่ซู่ซ่างอีก
เดินเข้าไปใกล้ๆ อันหลิงหยุนเดินไปดูรอบๆ ไม่เห็นมีคน อยู่แปลกใจ “ไหนบอกว่าคุกเข่าอยู่หน้าประตู
อันหลิงหยุนรู้ว่าในยุคสมัยนี้ก็เป็นอย่างนี้ ผู้หญิงถ้า กระทำความผิด ก็ต้องเจอกับการลงโทษที่โหดร้าย ทารุณ เทียบไม่ได้กับผู้ชายที่คบชู้กับเมียชาวบ้านทำเจ้า เช้าชู้เข้าโรงคณิกา ไม่มีคนรู้ก็ดีไป หากให้คนรู้เข้า ดีไม่ดี อาจพาคนกลับเข้าบ้านไปอย่างถูกต้องเชิดหน้าชูตาอีก
แม่ทัพอันถอนหายใจไปเฮือกหนึ่ง “อยู่ทางนั้น”
แม่ทัพอันชี้ไปทางอีกฝั่งของสิงโตหิน อันหลิงหยุนเดิน อ้อมไปดู อดสะดุ้งตกใจไม่ได้
อยู่ที่อีกด้านหนึ่งของสิงโตหิน ผู้หญิงคนหนึ่งถูกมัด ไว้ทั้งตัวเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยคุกเข่าอยู่ตรงนั้น คุกเข่าอยู่ อย่างนั้นเหมือนฉินกุ้ย
ร่างกายท่อนบนของหญิงสาวถูกตีจนเนื้อแตก ช่วง ล่างยังดีหน่อย อย่างน้อยกางเกงก็ยังอยู่
ผมสีดำยุ่งเหยิงเหมือนกับรังนก ปิดบังใบหน้าเอาไว้ ดู ไม่ออกเลยว่าเป็นคนสวยหรือขี้เหร่
แต่ในเมื่อชื่อก็สวยขนาดนั้นแล้ว อันหลิงหยุนรู้สึกว่า คงจะไม่ขี้เหร่เท่าไหร่หรอก
สายตาอันหลิงหยุนหยุดมองไปที่ท้องของฉาวเหม่ยเห ริน มันโตเหมือนแตงโมลูกใหญ่ เสื้อผ้าก็ขาด ที่ท้องก็โดน ตีจนมีรอยเลือดสีแดง มองดูน่ากลัวนัก
อันหลิงหยุนตกใจจนหน้าซีดเผือก “เห็นชีวิตคนเป็น ผักปลาหรือยังอันใด ถึงแม้จะทำความผิดใหญ่หลวงอัน ใดมา ก็ปฏิบัติกับนางแบบนี้ไม่ได้ แถมนางยังตั้งครรภ์ อีก”
อันหลิงหยุนไม่สนใจตัวที่สกปรกของฉาวเหม่ยเหริน นางถูกคนทอดทิ้ง บนตัวยังมีของเสียของร่างกาย อัน หลิงหยุนใช้มือเช็ดให้นางโดยตรง อีกทั้งยังถอดเสื้อของ นางมาคลุมให้ฉาวเหม่ยเหริน ป้องกันไม่ให้นางหนาว
กงชิงหยินกันกงชิงดื่มองอยู่ไกลๆ สีหน้าตื้นตัน
“บางครั้ง ไม่รู้จริงๆว่านางคิดอันใดอยู่ แต่รู้สึกว่านาง เปลี่ยนไปเยอะ” กงชิงหยินพูดเองเออเอง
กงชิงวี่กล่าวว่า “นางเป็นคนโง่”
เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก ไม่ใช่เรื่องที่นางจะสามารถแก้ไข ได้ นางฉลาดขนาดนั้นมีหรือจะไม่รู้ แต่ก็ยังจะยื่นมือ เข้าไปยุ่ง ไม่ใช่โง่แล้วเป็นอันใด?
แม่ทัพอันหมดหนทาง “นางไปไม่ได้หรอก”
“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน ข้าจะช่วยปลดเชือกให้เจ้า” อันหลิง หยุนเดินไปด้านหลังเพื่อปลดเชือกให้ฉาวเหม่ยเหริน เพิ่ง จะเห็นว่ามือของนางถูกโซ่เหล็กตรวนล็อกอยู่ที่มือ ข้าง หลังโซ่เหล็กเชื่อมต่ออยู่กับกำแพง ที่กำแพงยังมีเหล็ก ล็อกอยู่ โดยมีโซ่เชื่อมต่ออยู่
อันหลิงหยุนจับโซ่เอาไว้ มือของนางหนาเกินไป นี่ หมายจะเอาชีวิตคนชัดๆ
“แบบนี้นางจะกินข้าวยังอันใด?” อันหลิงหยุนโกรธมาก ลุกขึ้นถามแม่ทัพอัน
แม่ทัพอันชำเลืองมองไปที่ชามข้าวบนพื้น อาหารข้าง ในเป็นของเหลือทั้งนั้น เริ่มเน่าเหม็นแล้ว
อันหลิงหยุนโกรธมาก เตะชามข้าวบนพื้นทิ้ง “รังแกคน มากเกินไปแล้ว”
“หยุนหยุน ตามพ่อกลับไปเถอะ” เรื่องนี้แม่ทัพอันก็ไม่ อาจจะช่วยอันใดได้ มีคนตาย ท้องก็โตขนาดนี้แล้ว ใครก็ ไม่อาจจะช่วยอันใดได้
ช่างซูหลี่มีเหตุผลมากพอ เขาก็ช่วยอันใดไม่ได้จริงๆ
อันหลิงหยุนโกรธมาก มองไปรอบๆ บนพื้นมีหลักฐาน มากมาย ดูเหมือนเมื่อกลางวันจะมีคนจำนวนมากรวมตัว กัน สร้างความวุ่นวายกันที่นี่
สมองของอันหลิวหยินปรากฏภาพของโต้วเอ่อขึ้นมา ที่นี่เป็นสถานที่ที่คนกินคนจริงๆ
“ท่านพ่อ นางเป็นคน ไม่สมควรถูกทารุณแบบนี้ จะ ลงโทษหรือจะประหารชีวิตก็มีฮ่องเต้อยู่ มีกฎหมาย จะใช้ การประชาทัณฑ์ได้กระไร นางยังตั้งครรภ์อยู่ ถึงแม้นาง จะทำเรื่องอัปยศก็จริง แต่ก็ไม่ควรทำกับนางเช่นนี้” อัน หลิงหยุนโกรธจนหน้าซีด
ผู้หญิงที่อยู่ที่นี่ช่างน่าสังเวช ผู้ชายพวกนั้นอยู่ข้าง นอกกินดื่มสนุกสนานไม่มีใครว่า
แม่ทัพอันก็รู้สึกหมดหนทาง “พ่อก็ไม่รู้จะทำกระไรแล้ว ไม่สามารถไปหาฝ่าบาทให้เดือดร้อนใจ เรื่องนี้ผิดที่คน ฝ่ายเรา”
ลูกชายของช่างซูหลี่เสียชีวิต ลูกสะใภ้ก็ทำเรื่องแบบนี้ ก็ไม่แปลกที่ซ่างซูหลี่จะทำแบบนี้
“นางจะตายแล้วนะ” อันหลิงหยุนหันไปนั่งยองๆมองดู ฉาวเหม่ยเหริน ประคองไหล่ฉาวเหม่ยเหรินไว้ดูหน้านาง หน้าของฉาวเหม่ยเหรินเสียโฉมไปแล้ว ในตอนนี้มองไม่เห็นความงามที่นางเคยมี มีแต่รอยแผลเป็นที่น่ากลัว อัน หลิงหยุนตกใจ เกือบจะล้มลง
น้ำตาฉาวเหม่ยเหรินไหลออกมา จ้องมองไปที่อันหลิง หยุน น้ำเสียงแหบแห้งคล้ายคนแก่ “ไม่ต้องสนใจข้า ขอบคุณพวกท่านมาก ช่วยพี่ใหญ่ของข้าเถอะ”
อันหลิงหยุนสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ มองฉาวเหม่ยเห รินอย่างละเอียด
“พ่อของลูกเจ้าเป็นใคร บอกกับข้า ข้าจะไปหาเขา” อันหลิงหยุนไม่เคยโกรธเพราะเรื่องของคนอื่น เพราะยัง อันใดคนเราก็มีความปรารถนาของตนเองไม่ควรมีใครถูก บังคับ เรื่องต่างๆมากมายบางครั้งก็ไม่สามารถอธิบายให้ ชัดเจนได้ แต่ตอนนี้นางโกรธเกลียดพ่อของลูกในท้อง ฉาวเหม่ยเหริน
ทำไมชายคนนั้นถึงได้ซ่อนตัวไว้ ตอนที่เขาทำความผิด เขาไม่เคยคิดหรือว่าเขาที่ทำแบบนี้เป็นการทำร้ายฉาว เหม่ยเหริน
ฉาวเหม่ยเหรินได้ยินคำพูดของอันหลิงหยุนก็ร้องไห้ ออกมา ยิ่งร้องไห้รอยแผลบนหน้าก็ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้น แต่ดวงตาคู่สวยของนางกลับบอกกับอันหลิงหยุน ว่านาง ถูกปรักปรํา
“เจ้าบอกข้าเถอะ ข้าจะไปหาเขา” อันกงหลิงหยุนยังไม่ ตายใจ
ฉาวเหม่ยเหรินร้องไห้ไปกล่าวไปว่า “ข้าไม่ได้คบชู้ ข้า ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงตั้งครรภ์ได้
อันหลิงหยุนตะลึงไป จ้องมองฉาวเหม่ยเหริน “เจ้าไม่
ได้คบชู้ แต่เจ้าตั้งครรภ์
ฉาวเหม่ยเหรินพยักหน้ารับ “ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์ได้ กระไร แต่ว่าข้าไม่ได้คบชู้จริงๆ”
ฉาวเหม่ยเหรินไม่ได้โกหก อันหลิงหยุนรู้สึกได้
อันหลิงหยุนลุกเดินไปข้างหลังฉาวเหม่ยเหริน ฝืนจับ มือฉาวเหม่ยเหรินสแกนให้นาง สแกนเริ่มต้นขึ้นอันหลิง หยุนก็ตกตะลึง
สีหน้าอันหลิงหยุนไม่มีชีวิตชีวา แม่ทัพอันก็ห่วงว่าจะ เกิดเรื่องกับเด็กในท้อง ไม่ว่าเด็กจะเป็นลูกของใคร ยังอัน ใดก็เป็นผู้บริสุทธิ์
“หยุนหยุน เป็นยังอันใดบ้าง?”
แม่ทัพอันถามนาง อันหลิงหยุนลุกขึ้นจากไป
“ท่านพ่อ ข้าอยากจะช่วยนาง ท่านเชื่อข้าหรือไม่?” อัน หลิงหยุนถามแม่ทัพอัน แม่ทัพอันพยักหน้าตอบ
“พ่อเชื่อ” ถึงแม้แม่ทัพอันจะไม่เชื่อ แต่ถ้าอันหลิงหยุ นพูดเขาก็เชื่อ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าที่อันหลิงหยุนพูดมันคืออัน ใด
อันหลิงหยุนกล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้าจะช่วยฉาวเหม่ยเห ริน ท่านช่วยข้าปล่อยนางก่อน จากนั้นท่านต้องรีบเข้า วังเพื่อเข้าเฝ้าทันที ข้าจะเขียนจดหมายให้ท่านฉบับหนึ่ง ท่านต้องช่วยข้านำมันไปให้ฝ่าบาท ต้องมอบให้ฝ่าบาท ด้วยตัวท่านเอง”
แม่ทัพอันมองฉาวเหม่ยเหรินครู่หนึ่ง กล่าวว่า “หยุนหยุ น พ่อรู้ว่าตั้งแต่เจ้าแต่งงานกับอ๋องเสียน เจ้าเติบโตและ เลิกก่อเรื่องแล้ว แต่เรื่องนี้ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ ฝ่าบาท ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ซ่างซูหลี่เป็นเพื่อน ร่วมเรียนฝ่าบาท ถึงความสัมพันธ์พวกเขาอาจจะสู้พ่อกับ ฝ่าบาทไม่ได้ แต่ฝ่าบาทไม่ใช่ฮ่องเต้ที่จะเห็นแก่หน้าใคร ได้ เรื่องนี้เจ้าต้องคิดรอบคอบให้ดี”
“ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าต้องทำยังอันใด ท่านเพียงแค่นำ จดหมายของข้าไปมอบให้ฝ่าบาทโดยเร็ว ข้าจะรออยู่ ตรงนี้”
แม่ทัพอันเห็นอันหลิงหยุนมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว คนเป็น พ่อก็มีแต่จะคอยตามใจลูกสาวจริงๆ ถึงแม้จะรู้ว่า เรื่องนี้ จะทำเกินไปหน่อย ก็ยังพยักหน้เห็นด้วย
“ตกลง พ่อจะไปเดี๋ยวนี้แหละ เจ้ารีบเขียนจดหมาย เถอะ” แม่ทัพอันชี้ไปที่อันหลิงหยุน
อันหลิงหยุนมองไปทางอาหยู่ “อาหยี่ กระดาษพู่กัน”
อาหยู่หันหลังไปหากระดาษพู่กันมาอย่างรวดเร็ว อัน หลิงหยุนรับมาคิดสักครู่ รวบแขนเสื้อขึ้น เตรียมตัวเขียน จดหมาย
ไม่มีโต๊ะอาหยู่ก้มตัวลง อันหลิงหยุนนำกระดาษกางบน หลัง
เขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งพับใส่ซองแล้วมอบให้ แม่ทัพอัน “ท่านพ่อ จะต้องมอบให้ฝ่าบาทด้วยตัวเอง แล้ว ก็ยิ่งเร็วยิ่งดี”
แม่ทัพอันรับมาเก็บไว้ ใบหน้าเยือกเย็น น้ำเสียงเต็มไป ด้วยอำนาจและพลังสังหาร แค่เดี๋ยวเดียวก็ไม่ใช่พ่อที่ใจดีคนนั้นแล้ว แต่ดูเหมือนเทพสังหารที่ฆ่าคนได้อย่าง เด็ดขาด “อาหมู่ หยุยหยุนมอบให้เจ้าดูแล หากว่ามีใคร กล้ามาทำร้ายนาง เจ้าจัดการได้ทันที ข้าจะรับผิดชอบ เอง
“ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ หม่อมฉันจะพยายามสุดความ สามารถเพื่อปกป้องพระชายา ไม่ให้พระชายาโดน ทำร้ายแม้แต่น้อย”
อาหยู่รับประกันแล้ว แม่ทัพอันถึงหันหลังจากไป หยุด รถม้าบนถนนแล้วตรงเข้าวังไป
อันหลิงหยุนรอให้คนไปแล้ว หันหน้าไปมองฉาวเหม่ยเห ริน “ข้าไม่สนใจว่าคนอื่นจะเชื่อเจ้าหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเจ้า เจ้าไม่ได้คบชู้
ฉาวเหม่ยเหริงตะลึงไป เงยหน้ามองอันหลิงหยุนร้องไห้ จนน้ำตาแห้ง
“ช่วยท่านพี่ข้าด้วยเถอะ” ฉาวเหม่ยเหรินพูดถึงแม่ทัพ รองฉาวก็ร้องไห้ออกมาอีก
อันหลิงหยุนคิดสักพัก “วางใจเถอะ ข้าจะช่วยพวกเจ้า เอง”
ให้นางเห็นชีวิตคนเป็นผักปลานางทำไม่เป็น นางทำ เป็นแค่ช่วยชีวิตผู้อื่น ดูแลคนที่บาดเจ็บเท่านั้น
อาหยู่มองห่างออกไป ท่านอ๋องอยู่ แต่ไม่ได้หยุดเอาไว้
อนุญาตเงียบๆหรือ?
ไม่นานคนในจวนซางซูหลี่ก็ออกมา เห็นอันหลิงหยุน เลยถามขึ้นว่า “เจ้าเป็นสะใภ้บ้านไหน มาก่อกวนที่นี่”
อันหลิงหยุนมองคนรับใช้ตัวเล็กของจวนซ่างซูหลี่อย่าง ไม่สบอารมณ์ “ข้าคือพระชายาอ๋องเสียน อันหลิงหยุน”
คนรับใช้ตัวเล็กตะลึงไปครู่หนึ่ง เคยได้ยินเรื่องอันหลิง
หยุน
“พระชายาเสียนอยู่ที่นี่มีธุระอันใดงั้นหรือ?” คนรับใช้ ตัวเล็กไม่ได้รู้สึกกลัวอันหลิงหยุน ยังมีเจตนาดูถูกอันหลิง หยุนด้วยซ้ำ
ในเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้ว่าอันหลิงหยุนเป็นคนแบบ ไหน จวนซ่างซูของพวกเขาไม่ให้ความสำคัญกับนาง หรอก
อันหลิงหยุนไม่ถือสาหาความคนรับใช้ตัวเล็ก ยืนอยู่ข้างหนึ่งกล่าวว่า “ข้ามองคนๆนี้คุกเข่าอยู่ตรงนี้ คิดว่าคง ไม่ได้รบกวนอันใดจวนซ่างซูหรอกนะ”
คนรับใช้ตัวเล็กมองไปยังฉาวเหม่ยเหริงที่นั่งอยู่บนพื้น ฮ็ออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม “นางเป็นนังแพศยา พระ ชายาเสียนชอบมอง ก็มองไปเถอะ”
“ขอบพระทัย”
อันหลิงหยุนเงียบอย่างใจเย็น คนรับใช้ตัวเล็กคิดว่านาง ยังไม่แก้นิสัยเดิม ไม่ได้สนใจอันใดมากนัก หันหลังกลับ เข้าไปในจวนซ่างซู
อันหลิงหยุนมองฉาวเหม่ยเหริงครู่หนึ่ง กล่าวว่า “เจ้า วางใจเถอะ ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง”
“ได้โปรดช่วยท่านพี่ข้าด้วย” ฉาวเหม่ยเหริง” ร้องไห้ อยู่อย่างนั้น ในใจคิดแต่จะช่วยพี่ชาย
“วางใจเถอะ” อันหลิงหยุนก็ไม่รู้จะพูดอันใด ในยุคสมัย นี้การแพทย์ล้าหลังมาก ถ้าไม่ใช่ว่านางมีความสามารถ พิเศษ นางก็คิดว่าตังครรภ์เหมือนกัน
แต่ฉาวเหม่ยเหรินไม่ใช่
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ