ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 100 คุ้นเคยกันแล้ว



บทที่ 100 คุ้นเคยกันแล้ว

เมื่อกลับมายังจวนอ๋องเสียนแล้ว กว่าอันหลิงหยุน จะได้พบกับกงชิงวี่ที่เพิ่งกลับจากการออกตรวจก็เมื่อ อาหารเย็น พวกเขาทานอาหารพร้อมกันอันหลิงหยุนจึง เอ่ยถามขึ้น “ตรวจเจออะไรหรือไม่?

“ยังไม่เจอ”

กงชิงวี่นับว่าไม่รีบร้อนอะไร เมื่อกินข้าวเสร็จก็ออกไป ก่อน

เมื่ออันหลิหยุนกินเสร็จจึงกลับออกไป กงชิงวอาบน้ำ เสร็จแล้วและกำลังเตรียมพักผ่อน

อันหลิงหยุนรู้สึกว่าหากนอนด้วยกันต้องอันตรายแน่ๆ อย่างไรก็กลับก่อนดีกว่า

เมื่อนางกลับเข้าห้องตัวเองก็กำลังเตรียมพักผ่อน เหมือนกัน วันนี้เองก็ยุ่งมาทั้งวันแล้ว

กำลังจะล้มตัวลง พลันมีคนมาเคาะประตู

อันหลิงหยุนมองไปยังประตู จำใจลุกมาเปิดอย่างเสีย

ไม่ได้

กงชิงวี่ยืนอยู่ตรงประตูนั่นเอง เมื่อพบหน้ากันกงชิงวี่ก็ ไม่ไว้หน้าแล้ว “เริ่มตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะนอนร่วมกับพระ ชายา”
เมื่อพูดจบกงชิงวี่เดินก้าวเข้ามาในห้องทันที เดินมา ถึงข้างเตียงพลันเลิกผ้าห่มขึ้นล้มตัวลงไปนอนทันที

อันหลิงหยุนไม่อยากทะเลาะกันเรื่องนี้อีกแล้ว

ปิดประตูลงจึงกลับมานอนต่อ

เมื่อดับไฟลง กงชิงวี่จึงเอ่ยถามขึ้น “ช่วงนี้คิดอะไร อยู่? ”

อันหลิงหยุนเงียบไปครู่หนึ่ง กำลังจะหลับแล้วกลับถูก ปลุกขึ้นอีก

“ปิดบังอะไรท่านอ๋องไม่ได้เลย”

อันหลิงหยุนรู้ว่ากงชิงวี่พูดถึงอะไร

“เจ้าทายาพิษไปทั่วตัวก่อนกลับไปจวนแม่ทัพ คิดจะ ล่อเสือออกจากถ้ำ ถ้าข้าดูไม่ออก ไม่นับว่าไร้ประโยชน์ เกินไปหรือ? ”

กงชิงวี่พลิกตัว โอบกอดเอวอันหลิงหยุนไว้ อันหลิงหยุ นยกมือขึ้นกะจะผลักเขาออก กลับได้ยินกงชิงวี่เอ่ยขึ้น “หากข้าไม่กอดไว้ตอนนี้ รอเมื่อนอนหลับไปแล้ว ห้องนี้ เย็นนัก อีกเดี่ยวพระชายาก็พุ่งมาหาข้าอยู่ดี”

อันหลิงหยุนเขินอายยิ่งนัก บุรุษผู้นี้รู้จักหาข้ออ้างดีนัก
“อย่างนั้นท่านก็อย่าจับอะไรล่วงเกิน

อันหลิงหยุนค่อยๆ คลายมือออก ความจริงแล้วนาง เองก็รู้ แม้ตอนนี้แยกกัน แต่เมื่อนอนไปแล้วก็มักจะ เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดกงชิงวี่ทุกทีไป

ห้องนี้เย็นจริงๆ มีไม้สุมไฟเล็กน้อย แต่ก็อยู่ไกลนัก อยู่ใกล้เกินก็กลัวไฟลาม และกลัวกลิ่นควันเสียด้วย

คนโบราณก็ไม่ใช่คนโง่ ก็เคยมีคนได้พิษจากควันอยู่ โดยเฉพาะคนที่มีบ้านหลังใหญ่โตเช่นนี้ ต้องป้องกันเอา ไว้

กิงไฟในห้องนอนอันหลิงหยุนไม่ได้อยู่ใกล้เตียง ยิ่ง เมื่อดึกไฟก็เริ่มมอดลง จะมีประโยชน์อะไร

หากที่นี่ไม่มีอะไรที่สร้างความอบอุ่นได้ เมื่อนอนก็ต้อง เย็นอยู่แล้ว เทียบไม่ได้กับเครื่องทำความร้อนอุ่นๆ ใน ห้องกงชิงวี่

แม้อันหลิงหยุนจะไม่รู้ว่าเอาไว้ทำอะไร ด้านบนวาง โต๊ะ เหมือนกับที่กงชิงวี่ใช้เล่นในเวลาปกติ

แต่เมื่อเทียบกับเตียงที่ฟูกแข็งอย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะดีไป

กว่ากันเท่าไหร่

แต่ก็อยากลองดู

กงชิงวี่ดึงมือเข้าตัว อันหลิงหยุนถูกดึงไปด้วย จนร่างกายอยู่แทบติดกัน

ลมหายใจของกงชิงวี่เป่าอยู่เหนือหัวอันหลิงหยุน ลม หายใจยิ่งมียิ่งร้อน เขาไม่ได้ตอบรับว่าจะจับหรือไม่ มือ ก็ไม่ได้จริงใจจริงๆ

แต่ก็ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญ

“ยาพิษทำร้ายอีกฝั่งหรือยัง? ” กงชิงวี่พูดไปพลางตัว ติดอันหลิงหยุนไปด้วย

อันหลิงหยุนอ้อมแอ้มขึ้น “อืม”

“ยาพิษนั้นฆ่าคนตายได้ไหม?

อันหลิงหยุนสั่นศีรษะ “ไม่ได้ ข้ากลัวจะฆ่าคนปิด ความลับ จึงค่อยๆ ใช้ยา สอง สามวันจะยังดูไม่ออก ต้องใช้เวลา สามสี่วัน

ยานั้นล้างไม่ออก เมื่อแตะโดนก็จะซึมเข้าผิวหนัง เมื่อถึงเวลาจะเกิดบาดแผลที่ผิวหนัง วันสองวันแรกยัง สามารถอดทนอยู่ได้ หลายวันหลังจากนั้นก็จะบาดเจ็บ จนแทบเอาชีวิตไม่รอด และจะไม่ตายเร็ว อย่างน้อย ต้องใช้เวลาสิบถึงครึ่งเดือน หากมากอาจใช้เวลาถึง หนึ่งร้อยวัน”

“ยังมียาโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ” กงชิงวี่ ลูบคลำไปเจอที่ปลดเสื้ออันหลิงหยุน อันหลิงหยุนยัง พอมีสติอยู่บ้าง เมื่อคิดถึงวันนั้นที่โดนทำร้าย กงชิงวีได้ถอดชุดชั้นในของนางออกแล้ว รอจนเมื่อเธอรู้สึกตัว กง ชิงวี่ก็ขึ้นมาประกบปากนางเรียบร้อยแล้ว

อันหลิงหยุนไม่ยอมตามแน่นอน แต่ในครั้งนี้นับว่ากง ชิงวี่เตรียมพร้อมมาพอสมคร ไม่ว่าอันหลิงหยุนจะปัด ป้องเพียงใด อย่างไรก็ถูกกงชิงวี่กดตัวไว้ได้ ดิ้นรนสัก พัก อันหลิงหยุนพลันร้องขึ้น

อาหยู่ที่อยู่นอกประตูตกใจจนตัวสั่น กงชิงวี่เองก็ ตกใจไม่น้อย

เมื่อมองไปเห็นอันหลิงหยุนขดตัวเป็นก้อนกลม เจ็บ จนไม่อาจเคลื่อนไหว

กงชิงวี่เองก็ไม่ดีไปสักเท่าไหร่ เป็นเรื่องที่ทำครั้งแรก ตัวเขาเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน

เดิมทีศึกษาตำราประเภทนี้มาไม่น้อย คิดว่าเตรียม ตัวมาอย่างดีแล้ว แต่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่อ่านเตรียม มามากเพียงไรจะทำได้ ยิ่งเมื่อดูท่าทีอันหลิงหยุนที่เจ็บ ปวดถึงเพียงนี้

กงชิงวี่เองไม่กล้าขยับตัว จนเมื่ออันหลิงหยุนดึงกงชิง วี่ไว้ เขารีบไปหน่อย ไม่ได้ควบคุมตัวเองให้ดี สุดท้าย จึงไม่สำเร็จ

อันหลิงหยุนก็ลืมไป ความอยากในร่างกายเธอ เหมือนกับยังไม่ได้รับการปดปล่อย ความเจ็บปวดนับ เป็นเรื่องธรรมดา
แต่นางไม่กล้าให้กงชิงวี่แตะนางอีก

เอาผ้าห่มคลุมตัวไว้ไม่ออกเสียง

กงชิงวใบหน้ากระสับกระส่ายไปมา จิตใจไม่เป็นสุข ทั้งคืน

แต่อันหลิงหยุนพลันนอนหลับไปแล้ว อยู่ในอ้อมกอด กงชิงวี่ยังไม่อยากออกมา

กงชิงวี่ซ้อนใบหน้าเรียวเล็กของนางขึ้น บีบไปสองที อย่างไม่พอใจ ลุกขึ้นปลุกอารมณ์ใหม่ กุมคางอันหลัง หยุนไว้

อันหลิงหยุนลืมตาขึ้นมาเห็นกงชิงวี่ก็ตกใจจนแทบจะ กระโดดตัวขึ้น กงชิงวี่เอ่ย “ข้าอยากลองดู”

“ไม่…

ยังไม่ทับพูดจบ กงชิงวี่ใช้พลังกาย บังนางให้นอนลง

ไป

อันหลิงหยุนดิ้นรนครู่หนึ่ง แต่ความปรารถนาภายใน ร่างกายกลับมาอีกครั้ง ราวกับจะออกมาอย่างควบคุม ไม่ได้

อันหลิงหยุนรู้สึกไม่สบายจริงๆ ความปรารถนานั้น ราวกับเม็ดยา ที่กำลังแตกออก ละลายออกมาเป็นน้ำ
ทันใดนั้นอันหลิงหยุนลืมตาขึ้น เอ่ยเสียงสั่น “เป็นยา จุ้ยเซียน? ”

“…” กงชิงวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง

“เจ้าพูดอะไร”

ใบหน้าอันหลิงหยุนแดงก่ำ พยายามสำรวจร่างกาย ตอนแรกคิดจะลองดู คิดไม่ถึงว่าตรวจเจอได้

นางค้นพบด้วยความประหลาดใจ ร่างเดิมและกงชิงวี่ ใช้ยาจุ้ยเซียนในคืนวันแต่งงานวันแรก ยังมียานั้นอยู่ใน ตัวอยู่ แม้จะมีเพียงเม็ดเดียว แต่ก็สามารถเอาชีวิตได้ เลยทีเดียว

เมื่อกัดที่ริมฝีปาก อันหลิงหยุนรู้สึกได้ว่ายาจุ้ยเซียน กำลังส่งผลในร่างกาย

นางหอบหายใจกระชั้น จนกงชิงวี่ที่มองดูอยู่เริ่มกลัว

“เป็นอะไรไป?

“ยาจุ้ยเซียนยังมีเหลืออยู่ในร่างกายข้า และกำลัง ออกผล! ” อันหลิงหยุนอดกลั้นจนกล้าแดง เหงื่อผุดทั่ว 11 ร่าง

หากรู้มาก่อนนางคงจะหาวิธีจัดการได้ แต่ตอนนี้จะ จัดการคงเป็นไปไม่ได้แล้ว!
ในเวลานี้ กงชิงวี่เป็นยารักษานางได้อย่างเดียวเท่านั้น “ยาจุ้ยเซียน? ” กงชิงวี่พลันคิดกลับไปถึงคืนวัน

แต่งงาน

“ท่านอ๋อง กลัวอะไร? ”

อันหลิงหยุนดึงกงชิงวี่ไว้ “อย่างนั้นแล้วท่านรีบเร็ว เข้า!

“อาหยู่ ไสหัวไปไกลๆ อย่าให้ใครเข้าใกล้ในร้อย เมตร”

อาหยู่รีบออกไปอารักขานอกลานโอวหลาน ให้มั่นใจ ว่าจะไม่มีใครเข้ามาสักคนเดียว

กงชิงวี่ปิดม่านเตียงลง กลับมายังข้างกายอันหลิงหยุ

“ยอมรับข้าแล้วหรือ? ” กงชิงวี่เข้าใกล้อันหลิงหยุนรี บแนบชิดกายเข้าไป เมื่อยาออกฤทธิ์ อันหลิงหยุนยัง พอมีสติอยู่บ้าง พยักหน้าลง ใบหน้าแดงก่ำ

“ข้าจะค่อยๆ ทำ”

อันหลิงหยุนจำเหตุการณ์หลังจากนั้นไม่ได้แล้ว เมื่อ นางตื่นก็ปาเป็นตอนเช้าวันต่อมา

กงชิงวี่นอนอยู่ข้างกายมือหนึ่งกุมมือนางเอาไว้ เพียงนางเขยิบตัว กงชิงก็ตื่น

แต่ไม่เข้าใกล้

อันหลิงหยุนเจ็บไปทั้งตัว อยากจะพลิกตัวก็พลิกไม่ได้

ทั้งสองอยู่ท่าเดิมไม่ลุกไปไหน นอนอยู่อย่างนั้นจน เย็นวันนั้น อันหลิงหยุนตื่นครั้งนี้จึงรู้สึกดีขึ้น

แต่นางเห็นสายตาที่กงชิงวี่จ้องมาราวกับหมาจิ้งจอก จ้องเหยื่อกระต่าย ไม่ขยับเขยื้อน สายตาไม่พลิกไป ไหน ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ