บทที่ 473 ไม่สบายใจ
“แน่นอนว่าชอบฮองเฮา”จู่ๆกงชิงวี่กล่าวขัดจังหวะอัน หลิงหยูนขึ้นมา
“ย่อมต้องชอบฮองเฮาแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็มิใช่ทั้งหมด เรื่องจริงคือเพื่อให้ฮองเฮาได้มีอิสระ และได้ในสิ่งที่นาง ต้องการ ผูกมัดสตรีผู้หนึ่งไว้ด้วยความรู้สึกอบอุ่นและรัก ใคร่มาครึ่งค่อนชีวิต ในตอนท้ายกลับไปอยู่กับสตรีอื่น ขอถามท่านอ๋อง นี่กล่าวได้ว่ารักตนเองหรือรักผู้อื่น?
ช่วงเวลาที่เขาก้าวเข้าสู่ความลุ่มหลง เขาจะยังจดจํา สตรีผู้ที่เคยมีตำแหน่งอยู่ในใจได้ ผู้ที่มอบความหวังให้คือ เขา ไหนเลยผู้ที่ทำให้ความหวังแตกเป็นเสี่ยงๆจะมิใช่เขา เล่า?
เหตุผลใดที่จักต้องทำลายให้สิ้นซาก ?
มิใช่เพราะจิตใจที่สับสนกระวนกระวายหรอกหรือ ?
สาวงามดั่งไม้ใกล้ฝั่ง ที่สุดท้ายต้องแก่ตัวลง เมื่อถึง เวลานั้น ! ท่านอ๋องอาจไม่ชอบข้า อย่างไรเสียสตรีที่แก่ ตัวลงย่อมไม่มีผู้ใดอยากได้เป็นภรรยา เมื่อมองดูก็จะไม่มี ความรู้สึกใดๆแล้ว
ด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของหม่อมฉัน เกรงว่าอาจทำให้ ท่านอ๋องแหนงหน่ายก็เป็นได้
ครั้นอดีตจนบัดนี้ บุรุษผู้มีจิตใจซื่อสัตย์แน่วแน่เหล่า นั้น หลังจากมีชื่อเสียง ก็มิใช่ว่าแต่งภรรยาหรือสนมเพื่อเพิ่มจำนวนลูกหลานหรอกหรือ? หรืออันที่จริงไม่มีวิธีอื่น แล้ว? ”
อันหลิงหยุนยังกล่าวว่า กงชิงวี่เป็นคนดุร้าย ไม่ว่า อย่างไรก็ต้องกวาดเขามารวมกันแล้วส่งไปให้คนเหล่า นั้น
เนื่องจากหาข้อโต้แย้งไม่ได้ จึงออกแรงดึงอันหลิงหยุ น และหมุนกายเดินออกไป อีกทั้งยิ่งเดินยิ่งความเร็วมาก ขึ้น เดินไปก็พลางโกรธไป “ความหวังดีของข้าถูกเจ้า ทำให้สับสนวุ่นวายแล้ว ข้ารักและเอ็นดูเจ้ามากเกินไป แล้ว คอยดูว่ากลับไปข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร ! ”
กงชิงวี่เดินไปข้างหน้าอย่างโกรธเคืองและรู้สึกไม่เป็น ธรรม ส่วนอันหลิงหยุนกลับเดินตามหลังอย่างมีความสุข
อีกคนอยู่ด้านหน้าอีกคนอยู่ด้านหลัง เมื่อเดินมาถึง ประตูพระราชวังอารมณ์โกรธของกงชิงวี่ก็ได้บรรเทาลง
อันหลิงหยุนที่หมุนกายอย่างไม่ระมัดระวังจึงได้ชนเข้า กงชิง ได้กอดนางไว้อย่างเต็มอ้อมแขน และหัวเราะอย่าง อิ่มอกอิ่มใจ
อันหลิงหยุนมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านเป็นอะไร คิดจะหมุนกายก็หมุนในทันที? ·
“ข้าคิดถึงหยุนหยุน อยากมองเจ้า ผู้ใดใช้ให้เจ้ารีบร้อน เดินกันเล่า “กงชิงวี่คลายมือออกขณะที่ความโกรธก็ได้ บรรเทาลง จึงได้ดึงอันหลิงหยุนจากไป
อันหลิงหยุนหลังออกจากพระราชวังก็ได้ขึ้นรถม้า นาง เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก พอขึ้นรถม้าอันหลิงหยุนก้ หลับไปจนถึงจวนแม่ทัพ
รถม้าหยุดลง กงชิงวี่ได้อุ้มอันหลิงหยุนเข้าไปในจวน แม่ทัพ หยุนจิ่นออกมาจากลานด้านหลังจวนแม่ทัพ มองไปยัง
คนสองคนก็คารวะในทันที หลังจากนั้นก็ตามเข้าไปทันที
“เหตุใดร่างกายเจ้านายถึงเต็มไปด้วยเลือดเช่นนี้? “
อันหลิงหยุนได้ตื่นขึ้นแล้ว ฟังที่หยุนจิ่นกล่าวเสร็จใน ใจก็พลันรู้สึกสับสนวุ่นวาย มองไปที่หยุนจิ่น “ไม่มีอะไร เพียงแค่โดนสาดกระเด็นใส่
อันหลิงหยุนไม่อยากให้หยุนจิ่นเป็นกังวล กลับคาดไม่ ถึงว่าดวงตาของหยุนจิ๋นกลับชุ่มชื้นขึ้นแล้ว
“เจ้านาย แน่ชัดว่านี่คือ…”หยุนจิ่นอยากร้องไห้ อันหลิง หยุนรีบใช้แววตา ส่งสัญญาณบ่งบอกให้หยุนจิ่นระมัด ระวังคำพูด เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้บิดาผู้เป็นแม่ทัพได้ยิน เขา จะทวีความกังวล
หยุนจิ่นรีบเช็ดน้ำตาในทันที กล่าว“ไปที่ห้องข้าดีหรือ ไม่เจ้าคะ? ”
ห้องตรงกลางเป็นห้องของแม่ทัพอัน ถัดมาข้างกันเป็น ห้องของอันหลิงหยุน บิดาและบุตรสาวเดิมทีก็อยู่ร่วมกัน เพียงเดินออกนอกประตูก็พบหน้ากันแล้ว ด้วยเหตุนี้ไม่ ว่าจักไปที่ใดล้วนแต่ไม่สะดวก จะมีเพียงแต่ไปที่ห้องของหยุนจิ่นเท่านั้น
อันหลิงหยุนพยักหน้า กงชิงวี่ก็ได้อุ้มอันหลิงหยุนไปที่ ห้องของหยุนจีน
เข้าประตูไปหยุนจิ่นก็ได้รีบเก็บกวาด ไม่กล้าที่จะไป ห้องของอันหลิงหยุน ด้วยเกรงว่าจะทำให้แม่ทัพอันตื่น ตระหนกตกใจ จึงนำเสื้อผ้าที่นางยังไม่เคยใส่ออกมาตระ เตรียมไว้ จากนั้นได้กําชับคนสองสามคนเพื่อเตรียมอ่าง ไว้ให้อันหลิงหยุนใช้สำหรับชำระล้างร่างกาย
อันหลิงหยุนนั่งรอหยุนจิ่นที่เก้าอี้ ในใจนั้นพลันรู้สึกแห้ง เหี่ยว
ตลอดชีวิตไม่รู้ว่าทำเรื่องดีไว้มากเพียงใด ชีวิตนี้ถึงได้ พบเจอหยุนจิ่นผู้นี้
ขณะที่อันหลิงหยุนนั่งรอจึงถือโอกาสถามกงชิงวี่ “ท่าน
อ๋อง ท่านไม่ไปจับกุมคนหรือ?”
“นานเช่นนี้ ไม่รู้ว่าทะลุไปถึงที่ใดแล้ว แม้จะจับกุมก็มิ อาจจับได้ มิสู้อยู่ที่จวนกับหยุนหยุนยังดีเสียกว่า”
กงชิงวี่ลุกขึ้นเริ่มปลดอาภรณ์ออก อันหลิงหยุนเห็นเขา ไม่มีความกระดากอาย จึงได้เดินไปที่ประตูถ่ายทอดคำ ไม่กี่ประโยค ให้หยุนจิ่นคอยจับตาดู
“ท่านอ๋องเชิญอาบก่อนเพคะ เสื้อผ้าที่เตรียมไว้กำลัง มา
หยุนจิ่นไปจัดการ ส่วนอันหลิงหยุนคอยอยู่ที่ประตู กระ ทั่งหยุนจิ่นนำชุดมาส่ง อันหลิงหยุนจึงได้กลับเข้าห้องไป อาบน้ำกับกงชิง อาบน้ำ
ทั้งคู่อยู่ที่ห้องของหยุนจิ่น ไม่กล้าทำอะไรตามอำเภอใจ ประการแรกคือเวลามีไม่มาก ประการที่สองคือกลัวขาย หน้า
กลับเป็นกงชิงวี่ที่ต้องการ แต่อันหลิงหยุนไม่ยินยอม !
หยุนจิ่นออกมาจากห้องทั้งคู่ก็ได้เปลี่ยนเป็นชุดที่ สะอาดสะอ้านเรียบร้อย อันหลิงหยุนมองไปที่หยุนจิ่น “จากนี้หากร่างกายข้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดเจ้าอย่า ได้ตกอกตกใจไป จำไว้ว่า แมวมีเก้าชีวิต แต่ข้านั้นมี มากกว่าพันชีวิต เพราะข้าไม่ใช่แมว ข้าคือปีศาจสุนัข จิ้งจอก!
” ..”อันหลิงหยุนกล่าวจบก็ไปดูเด็ก หยุนจิ่นที่ยืนอยู่ ด้านหลังใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง
กงชิงวี่เดินตามอันหลิงหยุนไปที่ห้องกลางในทันที จาก นั้นผลักประตูและอันหลิงหยุนก็เดินเข้าไป แม่ทัพอันลุก ขึ้นมองไปยังอันหลิงหยุน อายุปูนนี้แล้ว แต่แม่ทัพอันยัง คงมีสายตาที่หลักแหลม
เห็นบุตรสาวไม่เป็นอันใดก็ลอบถอนหายใจ กล่าวอย่าง เข้มงวดว่า “ลำบากพวกเจ้าแล้ว ไม่เป็นอันใดก็ดีแล้ว ไป พักผ่อนเถิด พ่อจักเข้าวังไปดูเสียหน่อย”
แม่ทัพอันวางเด็กลงและเดินออกไป อันหลิงหยุนหมุนกายไปมอง ก็รู้ได้ว่าท่านพ่อของนางเป็นห่วงเป็นใย ฮ่องเต้ ในวังเกิดเรื่องราวเช่นนี้จักไม่มีท่านพ่อไปปกป้อง ฮ่องเต้ได้อย่างไร
แต่บัดนี้มีบุตรแล้ว อันที่จริงมิอาจแยกร่างไปทำอย่าง อื่นได้
คอยพวกเขากลับมา ท่านพ่อก็รีบไปคุ้มครองฮ่องเต้ ไม่ทันแล้ว
อันหลิงหยุนกลับมาอยู่ข้างเด็กๆ เด็กเหล่านี้ตื่นกันหมด แล้ว และกำลังหัวเราะร่วนมองอันหลิงหยุน มือเท้าที่เล็ก เตะไปเตะมา
ระหว่างทางที่กลับมาอันหลิงหยุนยังคงรู้สึกกลัดกลุ้ม ผู้คนในวังต่างก็มิได้สนใจใยดี ในใจของนางนั้นอยากที่ จะเข้าวังไปคุ้มครองฮ่องเต้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีใคร เป็นห่วงว่านางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ทุกคนต่างออก อุบายเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ของตน
อันหลิงหยุนถือว่าได้มองอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว วัง หลวงเป็นที่ที่นางมิอาจไปถึงได้
แต่พอหันกลับมามองเด็กๆ ภายใจของนางก็พลันรู้สึกดี ขึ้น และความทุกข์ที่เกิดจากผู้คนในวังก็ได้บรรเทาลงไป
พอคิดอย่างถี่ถ้วนก็ถือเป็นเรื่องปกติ หากมิใช่บิดา มารดาที่แท้จริงจงอย่าได้คาดหวังถึงความซื่อสัตย์ด้วยใจ จริง
อันหลิงหยุนจูบเด็กๆไปทีละคน และขึ้นไปนอนบนเตียง พลางมองไปที่กงชิงวี่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก็หลับไป แล้ว เขาเล่า?
กงชิง หันหลับมามอง อยากที่จะลงไปนอนทว่ามีงาน อีกหลายอย่างรอเขาอยู่ เขาไม่ได้นอนแต่ก็ไม่อยากที่จะ ไป
กงชิงวี่สองจิตสองใจ เดินไปจูบอันหลิงหยุนที่อยู่ด้าน ข้าง แม้ว่าเขาจะอาลัยอาวรณ์ แต่เขาก็จําเป็นต้องไป
เหตุผลที่กลับมาเพียงเพราะ เป็นกังวลว่าระหว่างทาง อันหลิงหยุนจะถูกลอบสังหาร แม้ว่าคนก็มาถึงจวนแม่ทัพ อย่างปลอดภัย แต่ก็แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น
กงชิง มองไปที่เหล่าบุตรชาย พลันหมุนกายเดินออก จากประตูไป
หยุนจิ่นคอยที่ประตูอยู่ก่อนแล้ว กงชิงวี่ออกมาก็ได้
กำชับ “เพิ่มกำลังคนคุ้มครองหยุนหยุน”
“เพคะ”
หลังจากกงชิงวี่ออกไปหยุนจิ่นจึงได้นำนกหวีดขนาด เล็กออกมาเป่าอยู่ครู่หนึ่ง สักพักรอบข้างก็มีคนตกลงมา จากหลังคา ส่วนนกกาก็ตกลงมาบนหลังคาอีกที
หมาจิ้งจอกหางสั้นทะลุออกมาจากห้องอย่างหมดอาลัย ตายอยาก ไปหมอบลงบนพรมขนสัตว์ที่หยุนจิ๋นได้ เตรียมไว้ให้อยู่หน้าประตู
อันหลิงหยุนหลับไปสักพัก ขณะหลับก็ได้ฝันว่าเกิด เรื่องขึ้นกับซูมู่หรง โดยที่ถูกคนบังคับให้ไปที่ขอบหน้าผา ไม่มีทางไปทำได้เพียงแต่กระโดดลงมา
หลังจากตื่นขึ้นมาทั้งร่างของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ มอง ไปที่เด็กๆ ถึงได้รู้สึกว่าลมหายใจกลับมาเป็นปกติ เมื่อออกมาจากห้องหยุนจิ่นก็ได้เตรียมอาหารเช้าไว้
สำหรับอันหลิงหยุนเรียบร้อย หลังทานอาหารเช้าอันหลิง
หยุนก็เดินไปที่ประตู
หยุนจั่นยืนอยู่ข้างอันหลิงหยุนที่หน้าประตู มองนางที่ กำลังมองไปยังทิศทางที่ตั้งของวังหลวง และเอ่ยปาก ถามนาง เจ้านาย ท่านเป็นห่วงท่านอ๋องหรือเจ้าคะ?
“กังวลเป็นแน่ อย่างไรเสียเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่ ที่ข้ากังวลคือต่อจากนี้จะเกิดเหตุการณ์สังหารนองเลือด ขึ้น”
หยุนจิ่นไม่เข้าใจ พลางมองไปที่อันหลิงหยุน “ความ หมายของเจ้านายคืออันใดเจ้าคะ? ”
“กบฏจักต้องโทษตัดหัว แม้ท่านอ๋องจะฆ่าผู้คนเหล่า นั้น แต่ก็เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนชีวิตของผู้คนมากมายกับ ชีวิตของคนเหล่านั้น นั่นถือว่าสมควรแล้ว! ทว่าคนเหล่า นั้นไม่เพียงแต่ไม่เลิกรา กลับบีบบังคับให้สละราชบัลลังก์ ทำให้ทั้งสองพระราชวังต่างหวาดหลัว ทั้งยังข่มขู่ฮ่องเต้ ข้ากล่าวหานี้มิใช่เรื่องเล็ก แต่เกี่ยวพันถึงผู้คนหลายร้อย คน กระทั่งหลายพันคน
บัดนี้ ผู้ใดก็มิอาจช่วยเหลือพวกเขาได้
ข้าเป็นหมอ มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ที่ใกล้ตายและรักษา ผู้บาดเจ็บ กลับพบเจอกับผู้คนมากมายต้องมาตายต่อ หน้าต่อตา จึงหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่ทำให้จิตใจไม่สงบไป มิได้!
“เจ้านาย เป็นเรื่องที่จนปัญญาเจ้าค่ะ”หยุนจิ้นกล่าวได้ เพียงเท่านี้
อันหลิงหยุนพยักหน้า “ข้ารู้ดี เข้าไปเถิด สองวันนี้ไม่ว่า ภายนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้น ล้วนแต่ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับ จวนอ๋องเสียน”
“เจ้าค่ะ”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ