ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 423 พ่อตากับลูกเขยทำเรื่องขายหน้า



บทที่ 423 พ่อตากับลูกเขยทำเรื่องขายหน้า

แม่ทัพอันพูดอย่างภาคภูมิใจ “ตอนที่พ่อเดินทางมา ได้ เดินผ่านชาวบ้านที่เลี้ยงหมูไว้หลายตัว และอยู่ห่างจาก เราไม่ไกลนัก พอพ่อนึกขึ้นได้ก็รีบไปซื้อมาตั้งแต่เช้า ตรู่ ฆ่าวันละหนึ่งตัว ส่วนที่เป็นตับหมูเก็บไว้ให้เจ้าบำรุง ร่างกาย ส่วนที่เหลือแจกจ่ายให้คนอื่นๆกินเสีย

“คนเยอะขนาดนี้หมูหนึ่งตัวพอกินหรือ?” อันหลิงหยุน ไม่เข้าใจ

“พอน่ะไม่พอหรอก แต่ว่าภายในค่ายก็มีพ่อครัวที่ ออกไปซื้ออาหาร ทำให้เนื้อยังพอกินสำหรับทุกวัน เขต ชายแดนเทียบไม่ได้กับสถานที่ที่พอเคยไปสู้รบเมื่อครั้น ก่อน พ่อพอมีฝีมือการเลี้ยงหมูอยู่บ้าง การที่ต้องปกป้อง ดูแลเขตชายแดน ต้องรู้จักพึ่งพาตัวเอง จะมาเฝ้ารอแต่ ฮ่องเต้ ไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงปีไหนเดือนไหน

“ความสามารถของพ่อเป็นเลิศ” อันหลิงหยุนมีสีหน้าพึง พอใจ อย่างไรเสียพ่อของนางก็เก่งที่สุดอยู่แล้ว

แม่ทัพอันทำหน้ามุ่ยใส่ทันที “ต่อให้เจ้าจะพูดยกยอแค่ ไหน พ่อก็ไม่อนุญาตให้เจ้าไป

อันหลิงหยุนรู้สึกสับสน ผ่านไปสักครู่ถึงจะเข้าใจ พ่อ ของนางยังคิดถึงแต่เรื่องที่จะไปช่วยราชาอีกาอยู่เลย

อันหลิงหยุนจึงพูดหยอกเล่นกับพ่ออย่างตรงไปตรงมา เพื่อขู่ให้แม่ทัพอันกลัวเอาเล่นๆ
อันหลิงหยุนจงใจออดอ้อนใส่ “ท่านพ่อ ราชาอีกามี พระคุณต่อข้า จะให้ข้าไม่สนใจเขาได้อย่างไร”

“งั้นเจ้าให้คนอื่นไป” แม่ทัพอันปฏิเสธอย่างแน่วแน่

“หิ้ม งั้นข้าจะแอบหนีไป

“พ่อจะเฝ้าเจ้าไว้ ดูสิว่าเจ้าจะไปยังไง?”

พอกินเสร็จแล้ว สองพ่อลูกทะเลาะเถียงกันเสียงดัง ภายในกระโจม ตอนที่พวกหยุนโล่ชวนมาถึง อันหลิงหยุน ยังคงเถียงไม่ยอมหยุด

จนกระทั่งมีคนพูดรายงาน อันหลิงหยุนถึงจะยอมหยุด

อันหลิงหยุนนั่งอยู่กับที่ หยุนโล่ชวนกลับมองว่ามัน แปลกๆ ทั้งๆที่ตอนเดินเข้ามาได้ยินเสียงเถียงกันของสอง พ่อลูก แต่ตอนนี้ดูท่าทางพระชายาเสียนเหมือนมีความ สุขมาก หน้าตายิ้มแย้มเชียว

ส่วนแม่ทัพอันพูดไม่ถูกเลย เขานั่งอยู่ตรงนั้นทำ หน้าราวกับว่าฟ้าจะถล่มลงมาเสียอย่างนั้น สีหน้าแลดู เคร่งเครียดเหมือนจะเกิดเรื่องใหญ่อันใด น่ากลัวจริงๆ

“พระชายาเสียน เรื่องที่ท่านพี่พูดว่าจะไปช่วยราชา อีกาเมื่อคืนท่านพี่คิดแผนการได้อย่างไรบ้างแล้ว ท่านพี่ จะส่งตัวใครไปดี?”

หยุนโล่ชวนแม้นจะเป็นผู้มีความสามารถด้านการทหาร และมีประสบการณ์ด้านการคุมทหารออกรบ อีกทั้งยังเป็นหญิงสาวที่รู้เท่าทันเหตุการณ์ เมื่อนางอยู่ตรงหน้า กระโจมของแม่ทัพอัน แน่นอนว่าต้องทำตามคำสั่งของ สองพ่อลูกตระกูลอัน

อันหลิงหยุนเหลือบตามองแม่ทัพอันทีหนึ่ง โดยตั้งใจพูด ว่า “พวกท่านล้วนไม่สามารถสื่อสารกับราชาอีกาได้ ข้า ว่าให้ข้าไปเถอะ”

“เจ้าลูดคนนี้ จะให้ข้าโมโหจนตายหรือไง พูดดีๆแล้วก็ ไม่ฟัง ไม่ให้ไป ถ้าเจ้าไป พ่อจะตายให้ดู” แม่ทัพอันโมโห ใหญ่ โกรธจนกระทืบเท้า พอเขาตะโกนเสียงดัง คนทั้ง ค่ายนิ่งตะลึงทันที

แม่ทัพอันจะไปตาย?

เมื่ออันหลิงหยุนเห็นว่าพ่อนางโกรธจริงๆ จึงแสร้งพูด อย่างเป็นห่วง พร้อมลุกขึ้นยืนเพื่อพูดปลอบประโลมว่า “งั้นข้าไม่ไปก็ได้ แบบนี้ได้ไหมล่ะ?”

อันหลิงหยุนรู้สึกแกล้งจนพอใจแล้ว จะมาแกล้งพ่อแล้ว ดีใจเองแบบนี้เห็นคงไม่เหมาะ

แม่ทัพอันยังคงไม่หายโกรธ เหลือบมองลูกสาวทีหนึ่ง “พูดแล้วนะว่าไม่ไป เกี่ยวก้อยกันก่อน” แม่ทัพอันยกมือ แข็งแกร่งขึ้นมา คนทั้งกลุ่มจ้องมองแม่ทัพอันตาโต จน เกือบเซล้มทั้งยืน

ภายในจิตใจของอันหลิงหยุนมีเพียงแต่ความซาบซึ้งใจ นางยกมือขึ้นมาแล้วยื่นไปทางแม่ทัพอัน “เกี่ยวก้อยสัญญา ข้าไม่ไป

“ห้ามผิดสัญญาหนึ่งร้อยปี” แม่ทัพอันเกี่ยวก้อยแกว่งไป มา แล้วยกหัวแม่โป้งประทับติดกับหัวแม่โป้งของอันหลิง หยุน รู้สึกค่อยโล่งอกไปที

เขาไม่กลัวว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะ ทันใดนั้น สีหน้าของ เขาเปลี่ยนเป็นโหมดเคร่งขรึมทันที

“ในเมื่อหยุนหยุนไม่ไป ถ้าอย่างนั้นก็เลือกคนจาก ท่ามกลางพวกเจ้าสักสองสามคนไปเถอะ”

เมื่อประโยคนี้ของแม่ทัพอันพูดออกไป ทุกคนกลับรู้สึก ว่าแม่ทัพอันไร้มนุษยธรรม เขาไม่ยอมให้ลูกสาวตัวเองไป เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย แต่กลับยอมเลือกคน อื่นไปช่วยราชาอีกาที่ค่ายทหารของศัตรูแทน

ไร้มนุษยธรรม ไร้มนุษยธรรมจริง

ทว่าต่อให้แม่ทัพอันจะไร้มนุษยธรรมมากเพียงใด ก็ยังมี คนลุกขึ้นมายอมไปแทน

“ท่านแม่ทัพ ข้ายอมไป”เงินหยุนเจ๋ยอมเสนอตัวเป็น หนังหน้าไฟ

แม่ทัพอันดูเหมือนลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าสู้รบได้ แค่ หุนหันพลันแล่นไปบ้าง ความหนักแน่นยังไม่พอ

อันหลิงหยุนในเวลานี้แลดูเป็นทางการขึ้นมาบ้าง นาง รู้สึกว่าสายตาของพ่อเฉียบคมยิ่งนัก สามารถชี้จุดบกพร่องของเงินหยุนเจ๋ได้อย่างตรงจุด

อันหลิงหยุนก็เห็นด้วยเช่นกัน เสินหยุนเจ๋คนนี้บางทีก็มี ความวู่วามอยู่บ้าง แต่หากได้รับการฝึกฝนดีๆ จะเป็นคน ที่เก่งกาจแน่นอน

เสินหยุนเจ่พยักหน้าเบาๆ “ถ้าให้คนอื่นไปข้าไม่ไว้ วางใจ”

“พูดจาเหลวไหล ถ้าข้าไปเองล่ะ เจ้าก็ไม่วางใจงั้น

หรือ?”

“.….…….ท่านแม่ทัพ” เสินหยุนเจ๋ตกตะลึง

อันหลิงหยุนก็ตกใจเช่นกัน “ท่านพ่อ ท่านอย่าล้อเล่น เลยนะ ถ้าท่านไปข้าก็ไปด้วย”

“พ่อไม่ได้ล้อเล่น เรื่องนี้พ่อต้องไป.…….…….

“ท่านแม่ทัพ มีคนขอพบ ขอรับ” คนที่อยู่นอกกระโจม พูดรายงาน แม่ทัพอันยกคิ้วขึ้นสูงแล้วมองตามไป

“ใคร?”

“เขาบอกว่าเขานามสกุลถาง ชื่อเหอ”

“ถางเหอ?” อันหลิงหยุนประหลาดใจ

แม่ทัพอันเหลือบมองลูกสาวทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “มีป้าย ห้อยเอวไหม?”“ไม่มีขอรับ มีเพียงจดหมายหนึ่งฉบับ”

“เอามา”

คนที่อยู่นอกกระโจมเดินเข้ามา นำจดหมายมามอบให้

แม่ทัพอันเปิดออกแล้วส่งต่อให้อันหลิงหยุน อันหลิงหยุ นใจลอยไปบ้าง “เชิญเขาเข้ามา” เพียงไม่นาน คนที่ขอ เข้าพบก็เดินเข้ามา อันหลิงหยุนลุกขึ้นยืนแล้วมองไปทาง คนที่เดินเข้ามา ใช่ใบหน้าของถางเหอ แต่ส่วนสูงเห็นชัด ว่าไม่ใช่

“ท่านอ๋อง?”

กงชิง ฉีกหน้ากากบนใบหน้าออกไป แล้วเดินไปทาง อันหลิงหยุนโดยพลัน พร้อมโอบกอดนางไว้อย่างแนบ แน่น

อันหลิงหยุนรู้สึกเสียใจ “ท่านอ๋องมาได้อย่างไร?”

“หยุนหยุนสร้างเรื่องก่อกวนเช่นนี้ หากข้าไม่มาเองคง ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น” กงชิงวี่ผลักตัวนางออกไป อย่างโมโห พร้อมใช้มือเสยใบหน้าที่อวบบวมของนางเข้า มาจูบเพื่อคลายความคิดถึง โดยที่ไม่สนใจคนอื่นๆเลย

อันหลิงหยุนกลืนน้ำลายลงคอ ทั้งรู้สึกเสียใจและ ลำบากใจ

“ข้าฝันว่าท่านพ่อถูกคนไล่ตามฆ่าตลอดทั้งคืน และกิน ไม่ได้นอนไม่หลับ ข้าไม่กล้าให้ท่านรู้ จึงแอบหนีมา ”
“ข้าพูดแล้วว่า ท่านพ่อไม่เป็นไร เจ้าก็ไม่ยอมเชื่อ เจ้า ตั้งใจทําให้ข้าตกใจกลัว เมื่อข้ากลับไปจะล่ามโซ่งเจ้า ไว้เลย หากเจ้ายังคิดหนีอีก ข้าจะวิ่งชนกำแพงให้หัวแตก ตายไปเลย”

กงชิง พูดจาตัดพ้อเสียงดุ จนคนทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นหิน สลัก

ทุกคนตกตะลึงกับพ่อตาและลูกเขยคู่นี้ คนหนึ่งเป็น หนึ่งแม่ทัพใหญ่ที่ปกป้องดูแลประเทศ อีกคนหนึ่งเป็นถึง อ๋องชื่อเจิ้น ทั้งสองกลับใช้คำข่มขู่ภรรยาหรือลูกสาวว่า จะไปตายให้ดู? พูดออกไปคงอายใครเขา

อันหลิงหยุนจ้องมองกงชิงวี่ครู่หนึ่ง รู้ว่าที่เขาพูดแบบนั้น เพราะเป็นห่วง จึงพูดกลับไปว่า“ครั้งต่อไปข้าจะไม่ทำอีก แล้ว”

“ท่านพ่อ ท่านได้ยินแล้วใช่ไหม?” กงชิงวี่รีบหาคนมา เป็นพยานรับรู้

แม่ทัพอันเหลือบมองลูกสาว ด้วยความรู้ที่ว่าเสียใจที่ เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า “ได้ยินแล้ว หากนางยังกล้าหนี ออกมาแบบนี้อีก เจ้าล่ามโซ่ขังนางไว้ได้เลย หากยังเอา ไม่อยู่อีก เจ้าชนหัวแตกตายได้เลย”

ทุกคนมองอ้าปากค้าง นี่คือโกรธแล้วหรือ?

แต่ว่ากงชิงวี่พยักหน้าตอบรับอย่างตั้งใจ “ข้าจำไว้แล้ว ขอรับ”
อันหลิงหยุนจ้องมองไป ยังรู้สึกขมขื่นใจ “พวกท่าน รวมหัวกันแกล้งข้า บ้านแม่ข้าก็กลับไปไม่ได้ บ้านแม่ยาย ก็ไม่ต้อนรับ อีกหน่อยหากข้าเป็นอะไรไป พวกท่านจะทน ได้หรือ?”

ทั้งสามคนล้วนไม่ใช่คนที่จะต่อกรได้ง่ายๆ เจ้ามีแผน

หนึ่งข้ามีแผนสอง ไม่มีใครยอมใคร สีหน้าของกงชิงวี่และแม่ทัพอันแลดูเคร่งขรึมขึ้นมา

ทันที ดวงตาทั้งสองคู่จ้องมองไปที่ใบหน้าของอันหลิงหยุ

“อย่าพูดจาไร้สาระ”

“พูดจาไร้สาระ”

แม่ทัพอันพูดก่อน ตามมาด้วยกงชิงวี่ แค่ได้ยินคำว่าเป็น อะไรไป ทั้งพ่อตาและลูกเขยพูดออกมาเป็นเสียงเดียว

อันหลิงหยุนจึงยอมนั่งลงไปอย่างช้าๆ รู้ว่าทำผิด ก็ต้อง มีท่าทางสำนึกผิด พร้อมพูดจาขอโทษว่า “ข้าพูดผิดเอง”

“ท่านพ่อ หยุนหยุนสำนึกผิดแล้ว” กงชิงวี่ตั้งใจพูด หยอกเล่น

แม่ทัพอันพูด “เจ้าก็ได้ยินเช่นกันหรือ?”

“ขอรับ”

ทุกคนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ครอบครัวนี้กำลังทำอะไรอยู่ต่างคนต่างจ้องหน้ากัน แล้วหัวเราะออกมา

ทว่าในใจของเสินหยุยเจ๋กลับรู้สึกเสียใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ