ยอดหมอยาของอ่องเสียน

บทที่ 422 อย่าคิดโกหกพ่อ



บทที่ 422 อย่าคิดโกหกพ่อ

อันหลิงหยุนยังคงรู้สึกคับข้องใจ พอเอนกายนอนลง อัน หลิงหยุนเห็นว่ายังไงก็ควรพูดให้แม่ทัพอันได้ฟัง

“ท่านพ่อ”

อันหลิงหยุนดึงผ้ามาห่ม แม่ทัพอันนั่งลง “เจ้านอนเถอะ พ่อจะเฝ้าอยู่ตรงนี้ ท้องเจ้าโตขนาดนี้แล้ว พ่อเป็นห่วงนะ”

“ท่านพ่อ มีเรื่องหนึ่งที่ลูกอยากจะพูดกับท่านตั้งนาน แล้ว แต่ไม่ยอมพูดออกมาสักที นั่นเป็นเพราะว่าข้าอด เสียดายที่ท่านดีต่อข้าไม่ได้ แต่ว่าใจข้ากลับรู้สึกผิดยิ่ง นัก”

ปลายหางตาของอันหลิงหยุนเปียกชุ่ม อยากร้องไห้ ออกมาเหลือเกิน

แม่ทัพอันพูดกับนางว่า “ดึกป่านนี้ ไม่ต้องพูดแล้ว นอน เถอะ”

“ท่านพ่อ ให้ข้าพูดเถอะ มิเช่นนั้นในใจข้าคงรู้สึกผิด มาก”

พ่อลูกเข้าสู่ความเงียบขรึม แม่ทัพอันอยากจะจากไป อันหลิงหยุนกลับจับมือแม่ทัพอันไว้ “ท่านพ่อ ข้าเป็นเด็ก กำพร้าที่ไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ข้าไม่เคยได้รับความรัก จากพ่อหรือครอบครัว ข้านับว่าท่านเป็นพ่อแท้ๆของข้า” เมื่ออันหลิงหยุนพูดจบก็ปล่อยโฮร้องไห้ออกมา
น้ำตาไหลอาบแก้มของแม่ทัพอันเช่นกัน พร้อมเสียง ถอนหายใจยาว “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

อันหลิงหยุนสูดจมูกฟีดฟัด เล่าเรื่องราวความเป็นมา ของนาง แม่ทัพอันมองดูอันหลิงหยุนราวกับว่าฝันไป เขา ลูบใบหน้าของอันหลิงหยุน “เจ้าเป็นวิญญาณเข้าสิงร่าง หรือ?”

“ท่านพ่อ จะพูดแบบนั้นก็ได้ แต่ว่าข้าไม่ใช่ ความจริง ข้าเป็นคนที่มาจากอีกโลกหนึ่ง ซึ่งข้าไม่แน่ใจว่าลูกสาว ของท่านไปเกิดใหม่แล้ว หรือไปที่โลกของข้า สรุปก็คือ ร่างกายนี้เป็นของลูกสาวท่าน แต่วิญญาณเป็นของอีก คนหนึ่ง

“ตอนที่ข้าทําการทดลอง ไม่ทันระวังจนถึงแก่ชีวิต ตอน ที่ข้าตื่นมาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ที่ผ่านมาไม่ได้พูด เป็นเพราะ ข้าไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ข้าเองก็มีความเห็นส่วนตัว อยากให้ท่านดูแลปกป้องและเป็นพ่อของข้าตลอดไป แต่ ตอนนี้ นับวันข้ายิ่งอดใจโกหกท่านไม่ได้ ต่อให้ท่านจะ เกลียดข้า ไม่ชอบข้า ข้าก็ต้องพูดออกมาให้ได้

พออันหลิงหยุนพูดจบก็พลิกตัวกลับไปนอนแล้วดึงผ้า มาห่ม นางรู้สึกสับสนวุ่นวายและเสียใจมาก

นางรู้สึกว่าต่อไปแม่ทัพอันคงจะไม่รักและเอ็นดูนาง เหมือนเคยแล้ว การสูญเสียความรักของพ่อไป มันเสียใจ ยิ่งกว่าการสูญเสียชีวิตเสียอีก

แม่ทัพอันนั่งอยู่สักพักแล้วเดินจากไป หลังจากที่เดิน ออกไปก็ไม่กลับมาอีกเลย
ตลอดทั้งคืนอันหลิงหยุนก็ไม่ได้หลับสนิท เพราะมัวแต่ เศร้าเสียใจ จนกระทั่งฟ้าสว่างค่อยผลอยหลับไป แล้ว ฝันว่าแม่ทัพอันจากไปแล้ว และทิ้งนางไว้ท่ามกลางทะเล ทรายอันกว้างใหญ่ พร้อมควบม้าจากไป ไม่กลับมาอีก เลย

อันหลิงหยุนร้องไห้จนสะดุ้งตื่น

เมื่อลืมตาขึ้นมาไม่เห็นแม่ทัพอันแล้ว ความเศร้าสลด ทะลักออกมาจากก้นบึงหัวใจ นางเสียใจที่เล่าความจริง กับแม่ทัพอัน ได้แต่นั่งเสียใจและไม่รู้จะทำอย่างไรดี

นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์แปรปรวนของคนท้องหรือ เปล่าที่ทำให้ควบคุมอารมณ์ยาก หรือว่านางเคยชินกับ การที่มีกงชิงวี่อยู่ข้างๆให้นางได้พักพิง จู่ๆก็หายไปไม่มี ใครอยู่ข้างๆแบบนี้ นางจึงอดไม่ได้ที่จะเศร้าเสียใจ

ขณะที่อันหลิงหยุนเศร้าเสียใจ ด้านนอกประตูมีเสียง ของแม่ทัพอันลอยผ่านมา “พวกเจ้าทั้งสองตื่นแล้วหรือ?”

“คารวะท่านแม่ทัพอัน”

“คารวะท่านแม่ทัพอัน!”

หงเถากับลุ่ยหลิ่วรีบทำการคารวะท่านแม่ทัพอัน แม่ทัพ อันถือซุปตับหมูหนึ่งชาม กับข้าวสองอย่าง และหมั่นโถว สองสามลูก เดินยิ้มแย้มเข้ามาจากด้านนอกกระโจม

อันหลิงหยุนจ้องมองแม่ทัพอันที่เดินเข้ามาทางประตู และร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหลเต็มหน้า
แม่ทัพอันที่เห็นอันหลิงหยุนร้องไห้หนักมาก จึงรีบวาง อาหารในมือลง จิตใจเป็นกังวลขึ้นมาทันที

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

แม่ทัพอันตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก อันหลิง หยุนปล่อยโฮร้องไห้หนัก “ท่านพ่อ ข้าคิดว่าท่านไม่รักลูก คนนี้แล้ว”

“แม่ทัพอันตกตะลึงไปครู่ รีบพยุงกอดอันหลิงหยุนไว้ “ลูกคนนี้นี่ พ่อจะไม่รักลูกได้อย่างไรเล่า?”

อันหลิงหยุนร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของแม่ทัพอัน จน แม่ทัพอันก็ร้องไห้ตามไปด้วย ทั้งพ่อและลูกกอดกัน ร้องไห้อยู่แบบนั้น จนหงเถากับลุ่ยหลิ่วเปิดประตูเข้ามาดู จากนั้นก็ถอยห่างออกไป

นึกไปเองว่าแม่ทัพอันร้องไห้ก่อน พระชายาเสียนจึง ร้องไห้ตาม

หงเถาอดสงสารไม่ได้ “เจ้าว่าทำไมนายท่านถึงชอบ ร้องไห้นัก เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เชียวนะ ร้องไห้ตามปกติ ก็แล้วไป แต่นี้ร้องไห้จนไม่คิดเผื่ออะไรเลย ทำเอาข้า อยากจะร้องตามไปด้วย

ลุ่ยหลิ่วเช็ดน้ำตาโดยพลัน “ไม่มีอะไรน่าร้องไห้หรอก พระชายาเสียนท้องโตขนาดนี้ ยอมข้ามน้ำข้ามภูเขามา หา คงจะสงสารนางจนร้องไห้”

เสียงซุบซิบด้านนอกรบกวนอันหลิงหยุน นางรีบดึงสติจากความซาบซึ้งใจ พร้อมเช็ดน้ำตาโดยพลัน จากนั้น มองไปทางแม่ทัพอัน“ท่านพ่อ ท่านไม่โกรธหรือ?”

“หยุนหยุน เรื่องที่เจ้าพูดเมื่อคืนเจ้าแต่งเรื่องขึ้นมา ขู่ให้พ่อกลัวล่ะซิ?” แม่ทัพอันแสดงสีหน้าจะเป็นไปได้ อย่างไร?

อันหลิงหยุนนิ่งอึ้งไป “ท่านพ่อ ท่านว่าข้าโกหกท่าน?”

“หยุนหยุน เจ้ามักจะมีนิสัยกลั่นแกล้งพ่อ มันจะเป็น ไปได้อย่างไรว่าเจ้าไม่ใช่ลูกพ่อ พ่อไปสืบมาแล้ว เรื่อง วิญญาณเข้าสิงมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ไม่มีคนที่ สามารถมีลูกได้และอุณหภูมิตัวจะไม่ร้อน แต่ว่าเจ้ามีทั้ง สองอย่างนี้ เจ้าลองคิดดูดีๆ

แม่ทัพอันเดินไปหยิบตะเกียงมา แล้วใช้ลำตัวครึ่งหนึ่ง บังอันหลิงหยุนและบังแสงสว่างไว้ โดยที่ตะเกียงวางอยู่ อีกด้านหนึ่ง เงาของสองพ่อลูกล้วนปรากฏออกมา อัน หลิงหยุนแหงนหน้ามองไปทางแม่ทัพอันอย่างจริงจัง “ท่านพ่อทำอะไร?”

“นี่คืออะไร?” แม่ทัพอันถามพร้อมชี้นิ้วไปที่เงาบนพื้น

อันหลิงหยุนมองตาม “เงา”

“ก็ใช่น่ะสิ เจ้ายังจะโกหกพ่ออีก คนมีเงา ผีดิบไม่มีเงา” แม่ทัพอันพูดอย่างคนมีเหตุผลถูกต้องและวาทะเต็มไป ด้วยสัจธรรม อันหลิงหยุนงงเป็นไก่ตาแตก จ้องมองพ่อ ของตัวเองอยู่ตั้งนานจากนั้นค่อยดึงสติกลับมา
“ท่านพ่อ ท่านว่าข้าโกหกท่านงั้นหรือ?” อันหลิงหยุน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรรู้สึกว่าก้อนหินในใจได้ถูกยกออก ไปแล้ว ตอนนี้กลับรู้สึกอยากขำขึ้นมา แต่นางก็ยังรู้สึก เป็นกังวลพลันจ้องมองแม่ทัพอัน เพราะพ่อของนางเป็น คนฉลาดหลักแหลมมาก

“หม เจ้าอย่าคิดว่าพ่อจะตกหลุมพราง” แม่ทัพอันทำ หน้ามุ่ยใส่

“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงคิดว่าข้าโกหกท่านล่ะ นับตั้งแต่ ข้าแต่งงานไป ข้ามีเปลี่ยนแปลงไปมากเลยนะ”

“เจ้าเปลี่ยนหรือไม่ข้าจะไม่รู้ได้ไง เจ้าอยากไปช่วย ราชาอีกา จึงสร้างเรื่องโกหกพ่อ ก็เพื่อจะไปช่วยราชา อีกาไม่ใช่หรือ?”

“หา?” อันหลิงหยุนมึนงงไปหมด

แม่ทัพอันปล่อยมือออกจากลูกสาว แล้วยกอาหารมาให้ อันหลิงหยุน พร้อมพูดกําชับว่า “เจ้าอย่าคิดว่าเจ้ามีเลือด ที่แก้พิษได้ร้อยพิษแล้วคิดจะหลอกลวงพ่อเชียวนะ ตอน ที่ป่ายสู้สู้ตายกับเรื่องที่เคยทำเอาไว้ พ่อยังจำได้เสมอ”

เจ้าลูกคนนี้ ตั้งแต่แต่งงานกับอ๋องจอมเจ้าเล่ห์นั้น ยิ่งอยู่ ยิ่งซุกซนประหลาดพิกล

ทว่าพ่อรู้ว่าเจ้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ครั้งนี้เจ้าอยากจะ โกหกพ่อ แล้วค่อยไปช่วยราชาอีกา พ่อจะบอกเจ้าให้รู้ไว้ แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้ามันยังรับรู้ความรู้สึกของคนได้ อย่า ว่าแต่ราชาอีกาเลย พ่อเข้าใจความคิดของเจ้าดี เจ้าร้อนใจอยากไปช่วยราชาอีกาออกมาให้ได้ แต่เรื่องนี้ใครจะ ไปก็ไปพ่อไม่สน แต่หากเจ้าจะไป ต่อให้ต้องมัดหัวเจ้าติด กับตัว พ่อก็ไม่ให้เจ้าไปเด็ดขาด

แม่ทัพอันลั่นวาจาอย่างทรงพลัง จนอ้นหลิงหยุนเกิด ความรู้สึกสับสนที่พูดออกมาไม่ได้ พอผ่านไปสักพักค่อย ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างมือให้สะอาด

แม่ทัพอันจ้องมองไป “ทําไม เจ้าคิดจะทําอะไรอีก?”

อันหลิงหยุนหมุนตัว “ท่านพ่อ ท่านล้างมือหรือยัง?”

แม่ทัพอันมองตาขวางใส่ “พ่อล้างมือตั้งนานแล้ว หมั่ว โถวขาวอันนี้พ่อเป็นคนเอามาเองแหละ”

“งั้นก็กินเถอะ แล้วซุปตับหมูล่ะ?” อันหลิงหยุนทรมาน ใจไปหนึ่งคืน ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นเยอะมาก และมองดู แม่ทัพอันที่หัวเราะชอบใจยิ่งนัก จนอันหลิงหยุนต้อง หัวเราะตาม

“เจ้าอย่าคิดโกหกพ่อเพื่อไปค่ายทหารของศัตรู ไม่ต้อง พูดถึงท้องเจ้าที่กำลังใหญ่โต ต่อให้ไม่ท้องก็ไม่ให้ไป แม่ทัพอันยกชามซุปตับหมูมาให้อันหลิงหยุน แสร้งทำที ตักเตือนอันหลิงหยุนอย่างเคร่งขรึม

อันหลิงหยุนดีอกดีใจพลันกินข้าวไปด้วย กินหมั่นโถว ไปด้วย คำแล้วคำเล่า พร้อมซดดื่มน้ำซุปตับหมูอย่าง เอร็ดอร่อย

พอกินอิ่ม แล้วถามว่า “ท่านพ่อ ทำไมที่นี่ถึงมีตับหมูล่ะ?”

รู้ว่าแม่ทัพอันเอ็นดูนาง เห็นว่านางมีเลือดไหลออกมา นิดหน่อย คงวิ่งไปหาตับหมูให้ทั่ว แต่ว่าภายในค่ายทหาร ไม่เห็นมีคนฆ่าหมู แล้วทำไมถึงมีตับหมูได้?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ