บทที่ 3 หย่า
จ้องตากันสักพัก สายตาของกงชิงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
หาเรื่องไม่ได้ ต้องหลบไปก่อน อย่าพึ่งเผชิญหน้า รอให้ กราบทูลฮ่องเต้เรื่องการหย่าก่อน อันหลินหยุนคิดเช่นนี้ แล้วทำ เป็นมองไม่เห็นแล้วหันหลังเดินจากไป
นึกไม่ถึง อันหลิงหยุนยังไม่ทันได้เดินไป กงชิงก็ได้พูดขึ้น “ทำไมล่ะ เห็นข้าผู้นี้แล้วยังไม่รีบมาคำนับอีกเหรอ หรือว่าแค่ กลับบ้านไปไม่กี่วันก็ลืมกฎระเบียบแล้วเหรอ?”
แม่งเอ่ย…….
ในใจอันหลิงหยุนอยากด่าคนมากๆ หันหลังอดความคิดใน ใจที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น กัดฟันไว้ “อันหลิงหยุนคำนับ ท่านอ๋อง”
แม่ทัพอันเห็นกงชิงวี่แกล้งลูกสาวอันเป็นที่รัก ทันใดนั้นก็โกรธ ขึ้นมาก กงชิง ทำไมเจ้าไม่คำนับข้าล่ะ
“คนที่ข้าจะคำนับ แน่นอนก็ต้องเป็นท่านพ่อตาอยู่แล้ว แต่วันนี้ ข้าได้ปลดอันหลิงหยุน ให้เป็นเมียทาสแล้ว แน่นอนว่าข้าก็ไม่มี ความจําเป็นที่ต้องไปคำนับท่าน
แม่ทันอันสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าขาวซีด
คนรอบข้างก็ซุบซิบกันมากขึ้น
อันหลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำไมถึงชิงต้องกดขี่ข่มเหงกัน ขนาดนี้ แค่ไม่อยากแต่งงานกับนางก็ดี นางก็ไม่อยากแต่งงาน ด้วยเหมือนกัน
อดทนก่อนมันก็จะสงบ ถอยมาก้าวหนึ่งเพื่อความสำเร็จ นี่ยัง ไม่ถึงเวลาต่อกลอนกับกงชิง อันหลิงหยุนยังไม่อยากไปพัวพัน หันหลังแล้วเดินจากไป
“ช้าก่อน” กงชิง ค่อยๆยิ้มเยาะเย้ย “พระชายาของข้าเวลา คำนับข้าไม่จําเป็นต้องคุกเข่า แต่เจ้า…….ไม่ได้” วาจาที่เย้ายวน และน้ำเสียงที่เข้มขรึม แทรกเข้าไปในหูของอันหลิงหยุน เปรียบ ดั่งเสียงมารร้าย
อันหลิงหยุนกัดฟัน “หลิงหยุนถวายบังคมท่านอ๋อง
ต่อหน้าคนมากมาย อันหลิงหยุนคุกเข่าลง
“เจ้าอยู่ต่อหน้าข้าไม่คู่ควรแทนตัวเองว่าหลิงหยุน เจ้าต้องพูด ข้าน้อย”
กงชิงวีรูปร่างเปล่งประกายกับใบหน้าที่เยื่อหยิ่ง
อันหลิงหยุนยืนตรง แล้วพูดอีกครั้ง “ข้าน้อยขอถวายบังคม ท่านอ๋อง”
ณ ตอนนี้แม่ทัพอันแทบล้มทั้งยืน โมโหจนเกือบร้องไห้ออกมา
“ลูกข้า……
แต่แรกอ๋องเสียนก็ไม่คิดที่จะปล่อยอันหลิงหยุนง่ายๆ พูด เสียดสีต่อ “ถวายบังคมก็ต้องมีท่าของมัน ต้องคุกเข่าก้มหัวถึงจะถูก”
อันหลิงหยุนในใจได้ว่าบรรพบุรุษทั้ง 18 รุ่นของกงชิง ท้าย ที่สุดก็สองมือแนบพื้น ก้มหัวคำนับ
“ทำไมนางแพศยาคนนี้ถึงเปลี่ยนไป ?
กงชิงนึกไม่ถึงว่านิสัยที่หยิ่งผยองของคุณหนูอัน ทำไมวันนี้ เชื่อมได้เหมือนลูกแมวน้อย
รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตนของนาง แล้วได้ถอนหายใจอย่างเย็นชา ก้าวข้ามผ่านตัวของอันหลิงหยุน
ก้าวไปไม่กี่ก้าว อ๋องเสียนก็ได้พูดขึ้น
“เป็นแค่เมียทาส ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไป วันนี้ลงโทษเจ้าให้ไปนอน ที่ห้องเก็บฟืน ถ้ากล้าออกมา ข้าจะมีขาหมาเจ้าจนกว่าจะหัก!”
พูดจบผู้คนรอบๆต่างหัวเราะกันใหญ่ แม่ทัพอันกระดิกตัว ทน ไม่ไหวอีกแล้ว ได้ค่า ใหญ่ “เจ้ากงชิง กลั่นแกล้งคนอื่น เจ้าคิด ว่าขาตายไปแล้วเหรอ”
แม่ทัพอันรู้สึกว่าไม่คุ้มกับลูกสาว โกรธจนหน้าแดง แล้วอัน หลิงหยุนก็ได้ลุกขึ้นจากพื้น ปัดๆเสื้อผ้าที่มีขน แต่ก็ไม่รู้สึกโกรธ เท่าไหร่
กงชิงเจ้าก็เป็นได้แค่นี้ ทำได้แค่กลั่นแกล้งผู้หญิงตัวเล็ก ดี เราค่อยมาดูกันต่อไป
“ท่านพ่อ เป็นเพราะลูกไม่ดีเอง เลยทำให้ท่านพ่อรู้สึกโดนเหยียดหยาม ท่านใจเย็นๆก่อน จากวันนี้เป็นต้นไปลูกจะไม่ให้ ท่านพ่อต้องมาเหนื่อยแล้วกังวลอีกต่อไป
อันหลิงหยุนพยุงตัวแม่ทัพอัน แม่ทัพอันรู้สึกตกตะลึงกับเรื่องที่ ได้ยิน ดวงตากลมโต
มองดูลูกสาวด้วยความงุนงง นี่เป็นลูกสาวของข้าจริงเหรอ ? อันหลิงหยุนพูด “ท่านพ่อ พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
“แต่มัน……”
แม่ทัพอันโกรธจนแทบกระอักเลือด ชี้ไปทางกงชิง
อันหลิงหยุนกลับพูดว่า “ท่านพ่อ เพราะลูกโดนปลดเป็นเมีย ทาสก็จะเข้าไปไม่ได้เหรอ? แม้ว่าลูกจะเป็นเมียทาสต้องฟังคำสั่ง ของเขา แต่ลูกก็เป็นลูกของท่านพ่อ ท่านพ่อคือแม่ทัพใหญ่ วันนี้ ฮ่องเต้และฮองเฮาไม่ได้เชิญแค่ฮ่องเสียน แต่ก็เชิญท่านด้วยนะ ลูกมากับท่านพ่อ”
อันหลิงหยุนรู้อยู่แล้ว แม่ทัพอันไม่ได้คิดอะไรมาก แต่นาง ต้องการย้ำเตือนคนรอบข้างได้รู้ว่า ถึงแม้เมื่ออยู่ต่อหน้ากงชิง จะดูไร้ค่า แต่นางก็ยังเป็นถึงลูกสาวของแม่ทัพใหญ่
แม่ทัพอันนึกย้อนกลับมา สิ่งที่ลูกสาวพูดก็ถูก ในทางกลับกัน ก็ปลอบใจอันหลิงหยุน “ลูกข้าอย่ากลัว มีพ่ออยู่ตรงนี้ คำเชิญ ของฮ่องเต้แม้แต่วังสวรรค์ก็ไปได้”
พ่อลูกควรที่จะรีบเข้าวังให้เร็วกว่านี้ แต่อันหลิงหยุนยืดเวลา ให้ทุกคนเข้าไปก่อน ขันที่ขานร้องฮ่องเต้ฮองเฮาเสด็จแล้ว นางค่อยเดินเข้าพร้อมอันลือชาน
หลังจากที่เข้าไปแล้ว อันหลิงหยุนได้คุกเข่าลง “หม่อมฉัน สมควรตาย ขอให้ฮ่องเต้ฮองเฮาทรงไว้ชีวิต!
อันหลิงหยุนพูดจบก็คุกเข่าก้มคำนับ
ณ เวลานี้ในห้องโถงมีบรรยากาศแปลกๆ ฮ่องเต้และฮองเฮา มองหน้ากัน ก็ไม่รู้มันคือเรื่องอะไร
“ลุกขึ้นมาเถอะ มีอะไรค่อยพูด ฮองเฮาและฮ่องเต้จะเป็นคน ตัดสิน” ฮ่องเต้ชิงหยู่ส่งสัญญาณ
อันหลิงหยุนปฏิเสธ
อันจือซานมองดูลูก ก็ยิ่งทุกข์ใจ แล้วคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้ชิงหยูเริ่มทำไรไม่ถูก ชี้ไป “ฮองเฮา เจ้ายังงงอะไรอยู่เห ” รอ?
เงินหยุนซูลุกขึ้นและลงมาจากที่สูง แล้วรีบพยุงอันจือซานขึ้น มา “จือซานนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ มีอะไรค่อยๆพูด หลิงหยุนก็รีบ ลุกขึ้นเถอะ เดี๋ยวจะเสียสุขภาพ
เงินหยุนชูพูดแบบนี้ อันจือซานหันหลังกับไปดูอันหลินหยุน ณ ตอนนี้อันหลิงหยุนยังคุกเข่าอยู่
มาแบบนี้อีกแล้ว ?
กงชิงยืนข้างๆอย่างไม่แยแส รู้สึกไม่พอใจ ไม่รู้ว่าพ่อลูกคู่นี้ จะมีแผนอะไร
แต่งก็ได้แต่งเข้าจวนอ๋องเสียนแล้ว ยังอยากจะแสดงละคร อะไรอีก แล้วยังต้องการอะไรอีก ?
กงชิงมองดูหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าเครียด พึ่งรู้สึกว่าอันหลิงหยุน ในวันนี้ดูแปลกไป นางใส่ชุดขนสีขาว
ไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่อง แม้แต่ผมก็ไม่ค่อยมีเครื่องประดับ แต่เมื่อก่อน อันหลิงหยุนชอบการแต่งกายแบบอลังการ แต่ละ ชุดมีแต่สีสันมากมาย มองไปช่างสะดุดตา
“หลิงหยุน เจ้าลุกขึ้นมาพูด ข้าจะเป็นคนตัดสินเองให้เจ้าเอง
อันหลินหยุนค่อยๆเงยหน้าขึ้น หน้าผากตอนโขกกับพื้นแรงไป หน่อย ทำให้หน้าผากบวมแดงเลือดไหล หน้าที่ไม่ได้แต่งกับ สีหน้าที่ขาวซีด ดูแล้วน่าสงสาร
ฮ่องเต้ชิงหยู่แปลกใจ ทำไมเหมือนกำลังป่วยหนัก
“ฮ่องเต้ หม่อมฉันมีเรื่องขอร้อง”
อันหลิงหยุนเห็นบรรยากาศแล้ว ขอร้องด้วยเสียงอันเศร้าโศก ณ ตอนนี้อันจือซานกังวลมาก มองเห็นหน้าผากลูกสาวแล้ว
เจ็บปวดใจ
“ฮ่องเต้ หม่อมฉันของหย่า”
คำพูดที่ออกมา ทำให้ตกตะลึงไปทั้งห้องโถง
อันหลินหยุนจะหย่ากับท่านอ๋องหรอ?
กงชิงได้ยินคำพูดนี้ ก็มองไปที่อันหลินหยุน “นางโง่คนนี้ ยัง
รู้จักหาโอกาสให้เป็นประโยชน์ ฮ่องเต้ชิงหยู่รู้สึกงงกับเหตุการณ์ ลือกันว่านางเพื่อที่จะได้ซึ่ง กงชิง อันหลิงหยุนทำได้ทุกอย่าง ทำไมจึงแต่งานก็คิดที่จะหย่า
แล้ว ?
ฮองเฮาเงินหยุนซูรู้สึกทำอะไรไม่ถูก แล้วมองหน้าน้องสาวเงิน หยุนเอ่อ
เงินหยุนเอ๋อก้มหน้าไม่รู้จะทำอย่างไร วันนี้อันหลิงหยุนมีอะไร ผิดปกติ นางรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น?
ฮ่องเต้ชิงหยู่มองดูทุกคน เหมือนกับว่าทุกคนมีท่าทางผิดปกติ แล้วพูดด้วยความอึกอัด “ทุกๆคนออกไปก่อน วันนี้ข้าจะจัดการ เรื่องในครองครัวก่อน”
เสนาบดีทั้งหลายก็ได้ถอยออกไป ฮ่องเต้ชิงหยูก็ลุกขึ้น “กลับ วังเพิ่งหยี”
วังเพิ่งหยีเป็นตำหนักของฮองเฮาเงินหยุนซู เงินหยุนซูก็ต้อง เชิญอันหลิงหยุนไปอยู่แล้ว
ตลอดทางไม่พูดอะไรสักคำ กงชิงรู้สึกแปลกๆเมื่อเดินผ่าน นาง
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ