บทที่ 202 การให้ยืมเงินของตำหนักราชครู
“ท่านอ๋อง อ๋องชินหรงคือผู้ใด เป็นคนของท่านอ๋อง หรือไม่เจ้าคะ?” อันหลิงหยุนเอ่ยถึงบุคคลนี้ ด้วยเหตุที่ ว่าอ๋องชินจงพูดถึงเขา เพราะเขาเป็นผู้ที่ออกจากจวน อ๋องเสียนในวันนั้น มีแต่อ๋องชินหรงกับกงชิงซวนที่เคย พูดไว้ว่า เขาจักต้องไปทำเรื่องที่ตำหนักกั๋วกง
ใบหน้าหล่อเหลาของกงชิงวี่ที่ยิ้มอยู่ กลายเป็นจริงจัง ขึ้นมา
“เขาเป็นบุตรในท่านอาอ๋องเจ็ด ตั้งแต่ยังเล็กเขานั้น เชี่ยวชาญทั้งวรรณกรรม และศิลปะการต่อสู้อย่างหา เทียบมิได้ แต่ฮ่องเต้ผู้ล่วงลับองค์ก่อน มิอนุญาตให้ อ๋องทั้งแปดท่านไปแทรกแซงการเมือง ให้อยู่แต่ที่บ้าน เท่านั้น” กงชิงวี่อธิบาย ขณะพาอันหลิงหยุนเดินเข้าไป ยังห้องขัง
เขาชี้ไปที่ชายหนุ่มวัยยี่สิบให้อันหลินหยุนดู: “เขาก็ คืออ๋องหินทรง
อันหลิงหยุนมองดูอย่างสนอกสนใจ: “ช่างดูเป็นผู้มี พรสวรรค์เสียจริง”
“แต่ช่างน่าสงสารนัก”
อันหลิงหยุนงุนงง: “ท่านอ๋อง หมายถึงสิ่งใดหรือเจ้าคะ?”
กงชิง พาอันหลิงหยุนออกมา เขาเดินพร้อมอธิบาย ให้อันหลิงหยุนเข้าใจไปด้วย: “หลิงหยุน เจ้าไม่คิดหรือ ว่าเรื่องเช่นนี้ อ๋องชินหรงอาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง?”
“ยังมีคนอื่นๆ อีกอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?” อันหลิงหยุน เองก็ไม่เข้าใจ นางเป็นแพทย์หลวง เป็นผู้มีความซื่อตรง เป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ การสืบสาวคดีก็ไม่ใช่เรื่อง ที่นางเชี่ยวชาญนัก
“อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จักสังหารอ๋อง ทั้งแปดท่านด้วยเหตุนี้ แต่ข้าจักไม่ปล่อยผู้ใดให้หลุด รอดไปได้ แม้จําต้องเป็นอันตรายก็ตาม
หากพวกเขาจ๊กให้คนออกมาจัดการข้า ก็คอยดูเอา แล้วกัน ว่าข้าจักทำเช่นไร
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านอ๋องต้องการที่จะเคลื่อนไหว บ้าง เพื่อเตือนพวกเขานี่เอง หากมีคนออกตัวยอมรับ ก็ จักปล่อยไป แต่ก็ต้องมีหลักฐานมายืนยัน อ๋องตวนได้ รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ จะแค่ลืมๆมันไปหาได้ไม่
“ถูกแล้วล่ะ”
กงชิงวี่เดินออกมานอกห้องขัง และกล่าวว่า “การ สอบสวนอ๋องชินหรง หากเขาไม่พูด ก็จักต้องโทษขั้น รุนแรง”
“เจ้าค่ะ”
อันหลิงหยุนรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก ในท่าทางการ ออกคำสั่งของกงชิงวี่ เพราะมันดูเข้าท่าเข้าทีเสียเหลือ เกิน
“ท่านอ๋อง หากท่านจักอยู่ที่นี่เพื่อสอบปากคำ เช่น นั้นข้าจักเข้าไปในตัวเมืองก่อน ข้าจำต้องแวะร้านค้า ระหว่างทางกลับไปที่ตำหนัก”
“ไปเถิด เดินทางอย่างระมัดระวัง อาหยู่ เจ้าไปกับ พระชายา”
“ขอรับ”
ทั้งสองแยกทางกัน อันหลิงหยุนเข้าเมืองไปก่อน ถาง เหอที่กำลังรอข่าวคราวจากอันหลิงหยุนนั้น ก็ได้รอที่ ร้านค้าอยู่ก่อนแล้ว
แม้ว่าจักรู้สึกผิด ที่เขาไม่ได้ทำที่ปรึกษาที่ ดี แต่เขาจักต้องไปที่สวนหลังวัง เพื่อสอนหนังสือแก่ เด็กๆให้ได้เล่าเรียน จึงต้องเป็นทั้งอาจารย์สอนเด็กๆ ณ โรงเรียนเปิดสอนส่วนตัว และยังได้รับผิดชอบดูแล จัดการร้านค้าไปด้วย
การดำเนินการค้าขายที่เขาต้องดูแลนั้น เป็นสิ่งที่ ทำให้เขาลำบากใจเป็นอย่างมาก
อันหลิงหยุนมาถึงในเมืองอย่างรวดเร็ว ร้านแรกคือ ร้านที่อันหลิงหยุนเปิดไว้เพื่อผลิตเสื้อผ้า รองเท้าและ หมวก ในตอนนี้ทุกๆอย่างก็พร้อมแล้ว หญิงร้อยผ้าก็มากันแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดทําการได้
ถางเหอรออันหลิงหยุนอยู่ที่ประตูหน้าร้าน อันหลิงหยุ นลงจากรถม้า เพียงทอดสายตามอง ก็สร้างความพึง พอใจแก่นางเป็นอย่างมาก ถางเหอรีบก้าวมาข้างหน้า: “พระชายา”
“เข้ามาก่อนเถิดขอรับ” อันหลิงหยุนเข้ามาดู ในร้านมี หญิงร้อยผ้าและผู้ช่วยรออยู่ด้านใน อันหลิงหยุนเดินดู ไปเรื่อยๆพร้อมถามไถ่ไปทีละคน
ผู้ใดทำได้ก็อยู่ต่อ ผู้ใดทำไม่ได้ จงไปอารักษ์ในจวน เสีย
“ท่านถาง รบกวนท่านแล้วล่ะ”
“มิใช่ปัญหาขอรับ”
ถางเหอไม่คิดว่างานนี้มันยากตรงไหน
อันหลิงหยุนสั่งให้หญิงร้อยผ้า ปักผ้า และนางค่อยๆ ดูไปเรื่อยๆด้วยตัวเอง นางรู้สึกพึงพอใจในฝีมือของ พวกนางเป็นอย่างมาก อีกทั้งในร้าน ยังมีช่างตัดเสื้อผ้า อย่างล้นหลาม ประมาณ 30 คน ลานด้านหน้าและด้าน หลังของร้านก็กว้างขวางมาก
ถางเหอเดินตามอันหลิงหยุนสักพัก ก่อนเอ่ยขึ้นว่า: “พระชายา หม่อมฉันมีเรื่องรบกวน”
“ว่ามา”
อันหลิงหยุนยังต้องไปดูความเรียบร้อยอีกตั้งสองร้าน ทั้งยังต้องหาคนมาทำงานให้อีก แค่นี้ก็ยุ่งมากพอแล้ว
“พระชายา โรงเรียนที่สวนหลังวังเริ่มเปิดการสอน แล้ว หม่อมฉันจ๊กต้องไปสอนพวกเขาอ่านเขียน ไม่ สามารถดูแลจัดการร้านได้เป็นอย่างดี หม่อมฉันไม่ สามารถทำต่อได้จริงๆขอรับ”
“ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ ท่านก็ดูแลจัดการไปก่อน รอ ข้าหาคนมาแทนที่ได้ ร้านทั้งสามจักมีคนอื่นมาดูแล จัดการ ท่านจำต้องกังวลสิ่งใดไม่ เพียงดูแลเด็กๆของ โรงเรียนในสวนหลังหวังก็พอ ข้าจักได้นำพวกเขาไป สอนผู้อื่นต่อไปได้”
“พระชายา หม่อมฉันไม่ใช่ว่าไม่เต็มใจที่จะ..………….
“ข้ารู้ ท่านถางไม่จำเป็นต้องอธิบายสิ่งใด
ข้ารู้ดีว่าผู้คนก็เหมือนกับสิ่งของ เพียงจัดให้อยู่ถูกที่ ถูกทาง เขาจักทำสิ่งนั้นๆได้ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ ท่านถางมีความใฝ่ฝันอันสูงส่ง หาได้อยากเป็นคนใน ตลาดเช่นนี้ไม่”
“พระชายา…” ถางเหอรู้สึกละอายใจจนทำสิ่งใด ต่อไปไม่ถูก ถึงแม้เขาจะคิดเช่นนั้น แต่สิ่งที่อันหลิงหยุ นพูดขึ้นมา ทำให้เขามีความกังวล และสับสนเล็กน้อย ว่าอันหลิงหยุนหมายความเช่นนั้นจริงหรือไม่
“ท่านถาง ท่านอ๋องต้องการท่าน ที่นี่ยังฝากฝังให้คน อื่นดูแลได้ แต่ท่านอ๋องหาได้ไว้ใจผู้ใดไม่ ท่านถางเป็น ดังแขนอีกข้างหนึ่งของพระองค์ ผู้ที่เหมาะสมที่สุดก็มี เพียงท่านถางเท่านั้น หามีผู้ใดแทนที่ได้ไม่
.………….” ถางเหอรู้สึกตื้นตันอย่างมาก อยากจะเอ่ยปาก พูดออกไป แต่ก็จำต้องปิดมันลง
อันหลิงหยุนเดินออกไป และหันกลับมากล่าวว่า: “ท่าน ถาง ท่านจะใช้คำนี้ก็ได้ คำว่าร้านตัดผ้า”
ถางเหอมองไปที่อันหลิงหยุน: “พระชายาต้องการให้ กระหม่อมใช้คำนี้หรือขอรับ?”
“แน่สิ เพราะท่านถางเป็นถึงที่ปรึกษา ข้าเชื่อว่างาน เขียนต้องออกมาอย่างดีเยี่ยม ภาพลักษณ์ของคำเหล่า นี้ ข้าเชื่อในตัวท่าน คำสามคำนี้ต้องออกมาอย่างดีเป็น แน่”
อันหลิงหยุนเตรียมตัวจะเดินไป ทันใดนั้น ถางเหอก็ อยากจะร้องไห้ขึ้นมา
ช่วงนี้ท่านอ๋องไม่ค่อยมอบหมายให้ทำสิ่งใดเลย เขา รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย และไม่เคยคิดเลยว่า พระชายาจัก ปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้
สิ่งที่เขาเคยปฏิบัติต่อพระชายา ทำให้เขารู้สึกผิด
“ใช่แล้ว ร้านตัดผ้าของพวกเรา จำต้องเขียนตราสินค้าสีแดงด้วยพู่กัน สินค้าของเรามักเป็นเสื้อผ้า และ หมวกที่ทํามาจากไหม ไหมทอง ไหมพรมและฝ่าย
อีกทั้ง ช่างตัดเย็บเสื้อผ้ายังแบ่งระดับ เป็นระดับสาม ระดับหก และระดับเก้า โดยมีราคาเป็นชิ้นต่อชิ้น และ ข้ายังสามารถออกแบบให้พวกเขาได้อีกด้วย หากพวก เขาสามารถทํามันได้ และวางขายที่ถนนอันผิน จักท่า เงินได้ไม่น้อย ให้พวกนางตั้งใจทำงานออกมาดีๆ ก็เป็น อันสัมฤทธิ์ผล”
อันหลิงหยุนเดินนำออกไป และกำลังขึ้นจะรถม้ากลับ
ถางเหอเดินตามออกมา หลังจากที่อันหลิงหยุนได้เดิน ดูร้านค้าอีกสองแห่งมาแล้ว โดยนางสรุปไว้ว่า มีร้าน หัตถกรรมที่ทำการค้าอย่างหลากหลาย ค้าขายข้าว ของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ข้าว เกลือ น้ำมัน ชา
หลังจากเดินดูรอบๆแสงอาทิตย์ก็ใกล้ลับขอบฟ้า อันหลิงหยุนกลับไปยังจวนอ๋องเสียน พ่อบ้านที่มีเรื่อง วุ่นวายตั้งแต่หัววัน ก็กำลังดูบัญชีของจวนอ๋องเสียนใน ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
อันหลิงหยุนจิบน้ำพร้อมเดินไปยังที่ที่ดูวุ่นวายนั้น “พ่อบ้านดูไปก่อนนะ รอข้าว่างแล้วค่อยมารายงาน ข้า ต้องไปปรุงยา และค้นคว้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ฉีดยาเสีย หน่อย”
พ่อบ้านหน้าแดงก่ำด้วยความละอาย เขาก็คิดว่าเขาดูดีแล้ว หากแต่ไม่มีเงินเหลือแล้วจริงๆ
“พระชายา ที่จวนอ๋องเสียนขาดแคลนเงินอย่างมาก ขอรับ เดือนนี้ไม่มีเงินมากพอสําหรับจ่ายค่าแรงแล้ว ข้าวก็จําต้องซื้อเพิ่ม
พ่อบ้านโศกเศร้ามาก อันหลิงหยุนหยิบบัญชีแต่ละ ประเภทขึ้นมาดู และก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้
“ไปยืมที่ตำหนักอ๋องตวนมาสักหน่อยเถอะ ให้ผ่าน ช่วงนี้ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
พ่อบ้านตกตะลึง: “พระชายา ท่านจักยืมเงินจริงหรือ ขอรับ?”
“หรือจะไม่ไปยืมที่ตำหนักอ๋องตวน เพราะอ๋องตวนไม่ อยู่ และผู้มีจิตใจคับแคบอย่างพระชายาตวน ก็เกรงว่า คงมิให้ยืมเป็นแน่ ไปที่ตำหนักราชครูเห็นจะดีเสียกว่า ข้าเขียนจดหมายให้ เจ้าก็ไปยืมเงินที่ตำหนักราชครูมา”
อันหลิงหยุนเขียนจดหมายมาให้ ในจดหมายบอกถึง การขอยืมเงิน จำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง
พ่อบ้านมองไปที่จดหมายด้วยความงุนงง “มากขนาด นี้เชียวหรือขอรับ?”
“หากตำหนักราชครูไม่มีเงินมากพอ พวกเขาจักไปหา มาให้เอง ในเพลานี้ พวกเราหาได้มีเงินเพียงพอไม่ อีก ทั้งข้ายังต้องนำเงินไปคืนองค์หญิงใหญ่ หากยืมมาน้อยก็ไม่พอใช้ ยิ่งไปกว่านั้น เราไม่ควรขอยืมพวกเขาบ่อยๆ ด้วยเหตุนั้นจักต้องยืมครั้งเดียวเป็นจำนวนมากไปก่อน
เจ้าจงบอกกับราชครูว่า หากที่ตำหนักเขามีผู้ใดเจ็บ ไข้ได้ป่วย ข้าปรารถนาในการดูแลรักษาพยาบาลพวก เขาเป็นค่าดอกเบี้ย ส่วนคืนเงินให้ได้เมื่อไหร่ จักต้องรอ ให้ทางร้านขายสินค้าได้เสียก่อน ถึงจ่ายคืนให้ได้”
พ่อบ้านยืนถือจดหมายไว้นานสองนาน ไม่ยอมไป เสียที อันหลิงหยุนจึงถามว่า: “ข้ายุ่งมามากแล้ว ยังต้อง ให้ข้าไปเองอีกอย่างนั้นรึ?”
“พระชายา แต่ทางเรากับตำหนักราชครูหาได้มีความ สัมพันธ์อันใดกันไม่ขอรับ จักยืมเงินจำนวนมากเช่นนี้ พวกเขาจะให้หรือขอรับ?” พ่อบ้านยินดีที่จะไป เพียง ต้องการความชัดเจนเท่านั้น ไม่อย่างนั้นไม่ไปเสียจะดี กว่า!
อันหลิงหยุนยิ้มกว้าง: “หามีสิ่งใดต้องกังวลไม่ พวก เขาจักให้ยืมเป็นแน่”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ