บทที่ 162 เวรกรรมตามสนอง
ทางนี้กำลังพูดคุยกันอยู่ รถม้าอีกสองคันก็มาถึง อันหลิงหยุนหันมองไปทางนั้น รถม้าสองคันจอดเรียง กัน
แม่ทัพอันลงจากรถม้าอย่างรีบเร่ง เสินเฉิงเสี้ยงก็ลงมา จากรถม้าเช่นกัน อันหลิงหยุนหนักอกหนักใจอย่างมาก ดูเหมือนว่าอันกั๋วกงจะไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าเรื่องนี้ตัดสิน ว่าหยุนโล่ชวนผิดจริงๆ ประเทศต้าเหลียงก็คงจะไม่มั่นคง แล้ว
“ลูกสาวน้อมทักทายท่านพ่อ”
อันหลิงหยุนรีบเดินไปทักทาย แม่ทัพอันผงกศีรษะ มอง เสินเฉิงเสี้ยง: “เชิญเถิด”
เสินเฉิงเลี้ยงผงกศีรษะ: “เชิญแม่ทัพอัน
อันหลิงหยุนจึงถอนสายบัว ฝืนอีกหนหนึ่ง
มาถึงตรงหน้ากงชิงวี่ กงชิงวี่ไปกล่าวทักทายแม่ทัพอัน มองหน้ากันครู่หนึ่ง ทุกคนรออยู่ที่หน้าประตูวัง
อันหลิงหยุนรู้สึกไปเองว่าไม่อยู่ในสายตา ดังนั้นนางจึง ไม่เดินไปข้างหน้า
ประตูวังเปิดออก ราวกับทรงว่าราชกิจ คนกลุ่มหนึ่ง เข้าไป
ไห่กงกงเดินนำหน้า อันหลิงหยุนเดินตามอยู่ข้างหลัง
แม้แต่กงชิงวี่ยังเดินตามหลังอันกั๋วกง
เมื่อถึงข้างนอกวังเฉาเพิ่งของหวางฮองไทเฮา ฮั่ว ไท่เฟยแต่งตัวรอแล้ว ปิ่นหงส์ลูกปัดบนศีรษะไม่ขยับ แม้แต่นิด แม่ว่าคนจะหันมา ไม่เห็นว่าปิ่นหงส์ลูกปัดข้าง บนจะสั่นไหว อาการของนางก็เหมือนกับนิสัยนาง ไม่สั่น คลอน
แม่เมื่อพบอันกั๋วกงและกั๋วกงฮูหยิงแก่ ก็รีบเดินไปตรง หน้าทั้งสองคน รีบโค้งตัวคำนับแสดงความเคารพ: “ข้า ละอายต่อท่านกั๋วกง ละอายใจต่อกั๋วกงฮูหยิน ขอได้ โปรดให้อภัยข้าจากท่านทั้งสอง”
“ไท่เฟยเชิญลุกขึ้น ข้ารับไม่ได้ หวังสาวข้าทำเรื่องเช่น นี้ ปวดใจยิ่งนัก เมื่อพบฮองไทเฮา ข้าจะไม่สนใจอันใดทั้ง สิ้น นอกจากขอโทษ” อันกั๋วกงกล่าวอย่างดุดัน อันหลิง หยุนจึงพบว่า นี่ใช่การร้องเรียนที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่า บีบบังคับให้สละบัลลังก์ ไม่น่าแปลกใจที่กงชิงวี่จะจริงจัง มาก
“อันกั๋วกงจะต้องบังคับข้าให้ตายเลยหรือกระไร อย่าง นั้นข้าคุกเข่าเลยดีกว่า” ฮั่วไท่เฟยเก็บอาการก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับเด็กที่รู้สึกผิด พูดอยู่และจะคุกเข่าลง
“ข้าไม่กล้า”
“ไท่เฟยลุกขึ้นเถิด เรื่องนี้ยังตรวจไม่พบสาเหตุ ตำหนัก กั๋วกงรับไว้ไม่ได้”
กั๋วกงฮูหยินพูดประโยคนี้ ฮั่วไท่เฟยจึงลุกขึ้นกล่าว “ข้าทราบเรื่องก็มาที่นี่ ท่านกั๋วกง กั๋วกงฮูหยินอย่าเพิ่ง วู่วามให้อดทนรอดูเหตุการณ์ไปก่อน เรื่องนี้จะต้องมีคน ใส่ร้ายเป็นแน่ ข้าจะไม่ปล่อยคนที่บงการเบื้องหลังอย่าง แน่นอน”
ฮั่วไท่เฟยพูดคำนี้ออกมา มองไปที่ราชครูจุนด้วยแวว ตาที่แหลมคมโดยไม่ได้ตั้งใจ ราชครูจุนก้มหน้า เงียบ
เวลานี้ ไห่กงกงแจ้งมา เชิญทุกท่านเข้าไปในพระตำ
หนักเฉาเพิ่ง
ในพระตำหนักเฉาเฟิงหวางฮองไทเฮานั่งอยู่บนแท่นอยู่ แล้ว อยู่ในชุดหงส์สีแดง สวมมงกุฎทองคำลายนกเทพนิ ยายจิ่วเฟิงเฉาหมิง สมศักดิ์ศรี แต่กลับมีความโกรธเคือง
ฮ่องเต้ชิงหยู่นั่งอยู่ทางซ้าย ทางด้านขวาคือฮองเฮาเสิน หยุนชู เซียวกุ้ยเฟยจุนเซียวเซียวนั่งเรียงกัน
กั๋วจิ๋วคนโตหวางหวยเต๋อและกั่วจิ๋วคนเล็กหวางหวยอัน กั๋วจิ๋วของราชวงศ์ปัจจุบันทั้งสองนั่งอยู่ข้างล่าง
อันหลิงหยุนตกใจจริงๆ รู้ว่าไปมีเรื่องกับตระกูลขอ งอันกั๋วกงไม่ได้ ถ้าไม่รู้มาก่อนจะคิดว่ากำลังจะเกิดสู้รบ ระหว่างทั้งสองประเทศเสียแล้ว ราวกับว่าจะพูดคุยเรื่อง ต่างๆ และต่อสู้ทำสงคราม
“หม่อมฉัน ถวายบังคมฮองไทเฮา ฮ่องเต้ ฮองเฮา เซียว กุ้ยเฟย!
คนกลุ่มด้านล่างทำความเคารพ อันหลิงหยุนจึงพบว่า ไม่กี่คนที่คุกเข่าลง
“ลุกขึ้นได้”
หวางฮองไทเฮาออกคำสั่ง ลุกขึ้นแล้วทุกคนก้มหน้า
ฮั่วไทเฟยกล่าวขึ้นก่อน: “ท่านพี่ไทเฮา ท่านต้องเป็น พยานให้กับโล่ชวนนะเพคะ!”
พูดอยู่ฮั่วไท่เฟยก็หลั่งน้ำตา และเช็ดน้ำตา
อันหลิงหยุนเคยเห็นมาแล้ว
ปกติดื้อรั้นจะตาย ในยามวิกฤตสนิทราวกับพี่สาวน้อง สาว
ไม่คาดคิดจริงๆ
หวางฮองไทเฮาเย็นชา: “นานแค่ไหนแล้ว ไม่พบอ๋องต วน พระชายาตวน ทำไม? เรื่องนี้ถึงไม่เกี่ยวข้องกับจวน อ๋องตวน?”
“ท่านพี่ไทเฮา หม่อมฉันส่งคนไปแล้ว ไม่รู้ว่าเหตุใดยาม นี้แล้วยังไม่มาเพคะ” ฮั่วไท่เฟยเช็ดน้ำตา ลำบากใจมาก
หวางฮองไทเฮาจับหัวหงส์บนเก้าอี้: “หึ เดิมทีข้าคิดว่า พระชายาตวนศีลธรรมอันสูงส่ง หากได้สมรสกับอ๋องต วน สนับสนุนได้ดีในอนาคต เป็นเรื่องที่ดี คิดไม่ถึง นางจะ ไร้ประโยชน์เช่นนี้
ราชครูจุนเรื่องดีที่เจ้าก่อไว้
หวางฮองไทเฮาพูดจบ ราชครูจุนรีบก้าวออกไป ยกเสื้อ คลุมขึ้นและคุกเข่าลง: “ความผิดหม่อมฉันพ่ะย่ะค่ะ”
“เซียวกุ้ยเฟย!” จุนเซียวเซียวรีบลุกขึ้นเดินไปข้างล่าง ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลง
“นับตั้งแต่วันนี้ เซียวกุ้ยเฟยถูกลดตำแหน่งเป็นเซียวผิน เป็นเวลาหนึ่งปี” หวางฮองไทเฮาหน้านิ่งไร้ความปรานี
“หม่อมฉันขอบพระทัยเสด็จแม่ทรงเมตตา” จุนเซียว เซียวขอบคุณสําหรับความเมตตา
หวางฮองไทเฮาไม่สนใจ จุนเซียวเซียวคุกเข่าอยู่ด้าน ล่าง
ฮองเฮามองแล้ว ทำอันใดไม่ถูก มองไปที่ฮ่องเต้ชิงหยู่
ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็เงียบ
ราชครูจุนที่อยู่ด้านล่างขอบคุณและไม่ลุกขึ้นเช่นกัน
หวางฮองไทเฮามองฮั่วไท่เฟย: “ฮั่วไท่เฟย ข้าเป็นพี่น้อง กับเจ้ามานานหลายปี ข้าไม่อยากลงโทษอย่างรุนแรง ต่อเจ้า แต่เจ้าเป็นเสด็จแม่ของอ๋องตวน เรื่องพรรค์นี้เป็น ที่น่าอับอายต่อตำหนักกั๋วกง ทำให้ข้าก็ขายหน้าไปกับ เจ้า ข้าผ่อนผันให้เจ้าชั่วคราวเป็นเวลาสิบวัน ยังไม่ให้เจ้า ไปเก็บตัวคิดทบทวน แต่ผ่านช่วงเวลานี้ไป เจ้าไปเก็บตัว คิดทบทวนที่พระตำหนักศาลบรรพชนเป็นเวลาครึ่งเดือน พอใจหรือไม่?”
“หม่อมฉันขอบพระทัยความเมตตาของท่านพี่” ฮั่ว ไทเฟยถอนสายบัว
อันหลิงหยุนกลับรู้สึกว่า หวางฮองไทเฮามีเมตตามาก แล้วจริงๆ
ขณะนี้หวางฮองไทเฮาเดินลงจากแท่นด้านบน ฮองเฮา รีบลุกขึ้นพยุงหวางฮองไทเฮา
“เสด็จแม่ระวังเพคะ” เสินหยุนชูก้าวเดินอย่างระวัง
หวางฮองไทเฮาจับมือของเสินหยุนชูอย่างหมดหนทาง เดินลงไปยังด้านล่างตรงหน้าอันกั๋วกงและกั่วกงฮูหยิน ปล่อยมือและโค้งคำนับให้อันกั๋วกง: “ท่านกั๋วกง เป็นความ ผิดของข้า เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะไปเก็บตัว คิดทบทวนที่พระตำหนักศาลบรรพชนเป็นเวลาครึ่งเดือน เพื่อแสดงการรับผิดชอบต่อท่านกั๋วกง”
อันกั๋วกงจึงพูด: “เรื่องนี้ยังไม่ตรวจสอบอย่างชัดเจน ไท เฮาทําเช่นนี้หม่อมฉันมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ตกใจกลัวทําไมกัน เป็นความผิดของข้า ไม่จัดการ เรื่องนี้ให้ดี”
หวางฮองไทเฮามองไปยังประตู: “ไห่กงกง ไปดูทีว่าเหตุ ใดยังไม่มา ถ้ายังไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ไห่กงกงรีบถอยออกไป ไปตามคน
หวางฮองไทเฮามองไปที่กั๋วกงฮูหยิน ดึงมือของกั๋วกงฮู หยิน: “ฮูหยิงแก่เครียดมากแล้วสิ ฮองเฮา ไปเคลื่อนย้าย เก้าอี้มา”
“เพคะ”
เสินหยุนชูหันไปเคลื่อนเก้าอี้ กั๋วกงฮูหยินได้ยินเข้าก็ ลนลาน: “ฮองเฮาช้าก่อนเพคะ ไม่ได้เพคะ ตอนนี้ฮองเฮา กำลังตั้งครรภ์ ให้ฮองเฮาไปเคลื่อนเก้าอี้ได้กระไร ความ หวังดีของไทเฮา หม่อมฉันขอบพระทัยยิ่งนัก ไม่ต้องแล้ว เพคะ”
“ก็ได้ หยุนหยุน เจ้าไป” หวางฮองไทเฮากล่าวออกคำ สั่ง อันหลิงหยุนสะดุ้ง เก้าอี้ตัวนั้นหนาและหนักขนาดนั้น นางไม่กลัวหรือกระไร?
“หม่อมฉันไปเองพ่ะย่ะค่ะ นางโง่ขนาดนั้น หม่อมฉันจะ กล้าใช้งานได้กระไร?” กงชิงวี่พูดจบก็ไปเคลื่อนย้ายเก้า มาแล้ววางลง
หวางฮองไทเฮาก็ไม่ได้พูดอันใด หันกลับมามองอีกครั้ง: “ฮูหยินแก่เชิญนั่ง”
“ไทเฮานั่งเถิดเพคะ” กั๋วกงฮูหยินไม่กล้านั่ง
กงชิงวี่ก็เคลื่อนย้านเก้าอี้มาอีกตัวหนึ่ง: “เชิญเสด็จแม่ พ่ะย่ะค่ะ”
หวางฮองไทเฮาจึงนั่งลง ดึงกั๋วกงฮูหยินนั่งลงด้วย
ทุกคนยืนอยู่อีกฝั่ง หวางฮองไทเฮาจับมือกั๋วกงฮูหยิน เอาไว้แล้วสนทนาเรื่องของหยุนโล่ชวนขึ้น พูดถึงหยุนโล่ ชวนน่ารักไร้เดียงสาตั้งแต่ยังเล็ก เคยคิดอยู่ว่าจะให้เป็น พระชายาเอกของอ๋องเสียน แต่ยังไม่ได้พิจารณาอย่าง รอบคอบก็มีอันหลิงหยุน จึงไม่กล้าพูดเรื่องพระชายารอง
แต่กระไรก็ตามความหมายในความตื้นลึกหนาบางของ คำพูดหยุนโล่ชวนได้รับการยกย่องอย่างมาก ยังบอกอีก ว่าได้รับความชื่นชอบจากฮั่วไท่เฟยอย่างมาก จึงหน้า ด้านไปร้องขอมา
กระไรก็ตาม อันหลิงหยุนเคยเห็นมาก่อนแล้ว หวางฮอง ไทเฮาก็มีเวลาที่จะประจบผู้คนเช่นกัน
ไม่นานที่ประตูก็มีคนรายงานอ๋องตวนและพระชายาต วนมาถึงแล้ว
“แจ้งให้พวกเขาเข้ามา” หวางฮองไทเฮาจึงมองไปยัง ประตูทางเข้าอ๋องตวนและพระชายาตวนทั้งสองเดินเข้า มาพร้อมกัน
เมื่อพบว่ามีผู้คนมากมาย จุนฉูฉูรู้สึกกังวลอย่างมาก
ก็แค่พระชายารองหยุนคนเดียว คนมามากมายขนาดนี้ ตอนที่เกิดเรื่องกับนางมีผู้ใดมาบ้าง?
แต่เสียดาย แม้ว่าจะมาแล้ว พวกเขาไม่มีหลักฐาน ก็ทำ อันใดนางไม่ได้
“หม่อมฉัน ถวายบังคมเสด็จแม่ ถวายบังคมฮ่องเต้ เสด็จแม่ ฮองเฮา”
อ๋องตวนเดินเข้าไปคุกเข่าทันที จุนฉูฉูคุกเข่าตามไป ด้วย
หวางฮองไทเฮามองไปแล้วถาม: “เรื่องพระชายารอง หยุนจะอธิบายกระไร?”
“ทูลตอบเสด็จแม่ หม่อมฉันตรวจสอบอยู่พ่ะย่ะค่ะ” กง
ชิงหยินกล่าวตอบ
“เรื่องหลังวังคิดว่าเจ้าน่าจะยังไม่รู้ พระชายาตวน เจ้ารู้ หรือไม่?” หวางฮองไทเฮาถามสายตามีความเย็นชาเล็ก น้อย
ฮั่วไท่เฟยรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ไม่ว่ากระไร อ๋องตวนก็ คืออ๋อง เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ หวางฮองไทเฮา ควรปฏิบัติต่อเหมือนคลอดออกมาเอง แม้จะเป็นการแสร้ง ทำก็ตาม ก็ควรทำเช่นกัน
สำหรับจุนฉูฉู ไม่ชอบนางอยู่แล้ว นางนอกจากจะสร้าง ความเดือดร้อน ยังทำอันใดเป็นบ้าง
เรื่องในวันนี้ คนรู้เห็นต้องเข้าใจอยู่แล้ว
แต่ถ้าคนตกอยู่ในเงื้อมมือขององค์หญิงใหญ่ ถ้าไม่มี ความจริงของเรื่องนี้อธิบาย เกรงว่าจะไม่ปล่อยไว้แน่
จุนฉูฉูพูดอย่างรีบเร่ง: “ทูลเสด็จแม่ หม่อมฉันก็กังวล มากเช่นกัน แต่ตามที่หม่อมฉันตรวจสอบแล้ว เสียงตะโกนตกใจของพระชายารองหยุนดังมาจากในวังเมื่อ เช้านี้ หม่อมฉันรีบไปดู ก็พบคนรับใช้ฉายฝูมีเสื้อผ้าที่ กระเซิงออกมาจากห้องของพระชายารองหยุน หม่อมฉัน ตกใจมาก
ใครจะรู้ พระชายารองหยุนก็วิ่งออกมา และเสื้อผ้าก็ กระเซิงเช่นกันเพคะ”
“จริงหรือ? อย่างนั้นในเมื่อเป็นเวลาเช้าตรู่ คนใน
จวนอ๋องของเจ้ารู้ก็แล้วไป องค์หญิงใหญ่ไปพบเข้าได้
กระไร?”
หวางฮองไทเฮาพูดแทงใจดำ วาทศิลป์ที่เฉียบคม
จุนฉูฉูก็ไม่แปลกใจ และกล่าว: “เมื่อวานองค์หญิงใหญ่ และหม่อมฉันไปดูละคร เพราะดึกแล้ว จึงค้างคืน พัก อาศัยที่จวน หม่อมฉันไม่คิดว่า เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น องค์ หญิงใหญ่ตื่นขึ้นพอดีเมื่อคนรับใช้ตะโกน จึงตามไปกับ หม่อมฉันเพคะ”
อันหลิงหยุนเป็นกังวลเกี่ยวกับสติปัญญาของจุนฉูฉู จริงๆ เห็นได้ชัดว่ามีความคิดไม่ดีเช่นนี้ นางคิดว่าคนอื่น โง่หรือกระไร?
เห็นได้ชัดว่านางจงใจใส่ร้ายพระชายารองหยุน
อันหลิงหยุนทนไม่ได้มองไปที่อ๋องตวนและกงชิงวี่ นาง ก็แค่อยากรู้ เขาคิดกระไร?
กงชิงหยินก้มหน้า เงียบ ใบหน้าบูดบึ้ง
อันหลิงหยุนดูไม่ออก
เขาเป็นคนที่คลั่งไคล้เอาแต่ใจภรรยา จะปิดหูปิดตาเช่น นี้ไปตลอดหรือ?
“ถ้าเป็นเช่นนี้ข้าไม่มีอันใดจะพูด ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะ ต้องอธิบายให้อันกั๋วกง เข้าใจจริงๆ มาเริ่มกัน!”
หวางฮองไทเฮาลุกขึ้นยืน ทุกคนก้าวถอยหลัง
“พระชายาตวนริษยาไร้คุณธรรม ไม่ควรเป็นพระชายา รอง ควรจะถอดถอนตำแหน่งพระชายา แต่ด้วยเซียวผิน กำลังตั้งครรภ์อยู่ ผ่อนปรนให้ ชะลอการจัดการออกไป”
จุนฉูฉูผงะ ตะลึงครู่หนึ่ง
“หม่อมฉันขอบพระทัยเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องตอนคุกเข่าคำนับขอบคุณ จุนฉูฉูรีบควังไปหาหวา งฮองไทเฮา: “เสด็จแม่ หม่อมฉันไม่ได้ทำเพคะ”
“ทำหรือไม่ใจเจ้ารู้ดี ข้าไม่อยากเสวนากับเจ้าอีก ราชครูจุน ถาม เรื่องนี้ท่านคิดเห็นกระไร?” หวางฮองไทเฮา
ราชครูจุนรีบตอบกลับ: “ปฏิบัติตามคำตัดสินของไทเฮา พ่ะย่ะค่ะ”
จุนฉูฉูได้ยินเข้าร่างกายอ่อนแรง หวางฮองไทเฮามอง ไป: “ลากไปที่ต้าจงเจิ้งย่วน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ไห่กงกงให้คนลากตัวจุนฉูฉูไป จุนฉูฉูนรีบดึงเสื้อของอู๋ องตวนกงชิงหยิน: “อ๋องตวน!”
กงชิงหยินนิ่ง สีหน้าซีดเผือด
จุนฉูฉูถูกลากตัวไปแล้ว หวางฮองไทเฮามองไปยังอัน กั๋วกง: “ท่านกั๋วกง องค์หญิงใหญ่ผู้นี้ แม้แต่ข้ายังมีความ เกรงกลัว ดังนั้นเรื่องนี้จึงยุ่งยากมากต่อข้าเช่นกัน ไม่รู้จะ อธิบายกระไร
นางผู้นี้ สิ่งที่เชื่อที่สุดคือเห็นด้วยตาของตนเอง แม้ว่าข้า จะไปขอร้องนาง นางก็ไม่มีไว้หน้าข้าเช่นกัน
โดยเฉพาะ ไม่มีข้อพิสูจน์ หากไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนใน การหักล้างข้อกล่าวหา ยังทำลายชื่อเสียงของพระชายา รองหยุนด้วย
ดังนั้น พวกท่านคิดว่าควรให้ผู้ใจตรวจสอบเรื่องนี้?”
อันกั๋วกงสีหน้าหม่นหมอง เหลือบมองกั๋วกงฮูหยิน กั๋ วกงฮูหยินมองไปรอบๆ ผู้คนที่อยู่ ชี้ไปที่อันหลิงหยุน: “ให้ นางเถิดเพคะ?”
อันหลิงหยุนตะลึงไปชั่วขณะ นาง?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ