บทที่ 127 ส่งอาซิว
อันหลิงหยุนลุกขึ้นจากเตียง หลังจากจัดเสื้อผ้าหน้า ผมเรียบร้อยก็ไปเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออกพ่อบ้านก็ ร้องไห้ทั้งน้ำตา อันหลิงหยุนรู้ทันทีว่าอาซิวเกรงว่าจะไม่ ไหวแล้ว
“นำทาง” ไม่พูดพร่ำทำเพลง อันหลิงหยุนหยิบกล่อง ยาจากประตูและเดินตามพ่อบ้านไปยังประตูด้านหลัง ของจวนอ๋องเสียนที่นั่นมีประตูทางออกเล็กๆ บานหนึ่ง อีกทั้งรถม้าก็ยังเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
อันหลิงหยุนฟังโดนคร่าวๆ แต่เดิมอาซิวสุขภาพก็ไม่ดี อยู่แล้ว เขาถูกขังไว้ในคุกใต้ดินอันมืดมิดมานาน ไม่กิน ไม่ดื่ม แค่มองก็รู้ว่าใกล้จะไม่ไหวแล้ว
พ่อบ้านบอกว่าภรรยาคนแรกของเขาไม่มีบุตรชาย มี เพียงบุตรสาวคนเดียวเท่านั้น ลูกชายคนนี้เดินจากการ เลอะเลือนไปชั่วขณะของเขา ต่อมาจึงถูกจวนอ๋องเสีย นรับเลี้ยงดู ท่านอ๋องทรงมองแล้วไม่ขัดลูกตา ดังนั้นจึง รับเอาไว้และหาคนมาสั่งสอนเลี้ยงดูให้ แต่เขาไม่เคย คิดว่ามันจบลงเช่นนี้
อันหลิงหยุนค่อนข้างอารมณ์เสียและหงุดหงิด เขา ร้องไห้ขนาดนี้ทำไมกัน
เมื่อไปที่ประตูเล็กและเห็นรถม้า อันหลิงหยุนก็ถาม พ่อบ้าน “เจ้าไปกับข้าหรือไม่?”
คนขับคือถางเหอ ดูเหมือนว่าถางเหอก็รู้เรื่องเช่นกัน
แต่ถางเหอเองก็สับสนมากเช่นกัน
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้แตกต่างไปจากคนอื่นๆ
ในฐานะที่ปรึกษาของจวนอ๋องเสียน ความใจอ่อนของ เขาจะเป็นอันตรายต่อเขาในที่สุด
ดูเหมือนว่านางจะต้องเป็นผู้แบกรับหม้อดำนี่อีกครั้ง ช่างโชคร้าย
อันหลิงหยุนแทบอยากจะหันกลับไป
เมื่อมองไปที่ท่าทางที่เต็มไปด้วยน้ำตาของพ่อบ้าน จิตใจนางก็ทนไม่ได้
พ่อบ้านตัวสั่น “ท่านอ๋องไม่มีทางให้ข้าออกไป”
มารดาเถอะ!
อันหลิงหยุนอดไม่ได้ที่จะด่า นางก้าวขึ้นไปบนรถม้า และเอ่ย “ข้าอยู่เจ้าจะกลัวอะไร?”
ราวกับว่าพ่อบ้านกำลังรอคำคำนี้อยู่ เมื่อได้ยินอันหลิง หยุนเอ่ย เขาก็รีบเช็ดน้ำตาและขึ้นรถทันที
หมาจิ้งจอกหางสั้นขึ้นรถอย่างรวดเร็วและเข้าไปใน อ้อมแขนของอันหลิงหยุน
อันหลิงหยุนไม่ได้นั่งเข้าไปด้านในรถ แต่กลับหรี่ตา พิงตัวอยู่ข้างๆ รถม้า หมาจิ้งจอกหางสั้นในอ้อมแขน นางหลับไปอีกครั้ง
พ่อบ้านนั่งอยู่ข้างนอก กำลังสะอึกสะอื้น ราวกับว่า
ลูกชายของเขากำลังจะตายแล้วจริงๆ รถม้าออกจากเมืองหลวงไปกว่า 20 ลี้ จนในที่สุดก็มา
ถึงสถานที่ที่อาซิวถูกควบคุมตัว
คุกใต้ดินได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา มองดูแล้ว เหมือนเมืองเล็กๆ บนเชิงเขาอันว่างเปล่า
เกรงว่าคงเพื่อป้องกันไม่ให้นักโทษหลบหนี มีคูน้ำ เป็นกำแพงอยู่รอบๆ ใต้พื้นดิน ในแม่น้ำมีปลาปิรันย่า มากมาย
อันหลิงหยุนลงจากรถม้าและเดินข้ามสะพานโซ่ไม้ เมื่อมองลงไปนางก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นปลาปิรันย่า เหล่านั้น
“นายท่านถาง ที่นี่คือคุกใต้ดินของประเทศต้าเหลี ยงหรือคุกใต้ดินของจวนอ๋องเสียนกัน?” อันหลิงหยุน ติดตามถางเหอ ถ้าเขาไม่มา นางคงเข้าไปไม่ได้แน่
แต่ครั้งนี้อันหลิงหยุนเองก็เหงื่อตกไม่น้อย หากตกลง ไป คนที่โชคร้ายคงจะเป็นตนเอง
แม้ว่ากงชิงวี่จะนับได้ว่าพูดจาด้วยไม่ยาก แต่นางเองก็ไม่เคยทําอะไรที่ไปท้าทายขีดจํากัดของเขา ถ้าหาก นางล้ำเส้นเข้าจริงๆ เกรงว่าคีรนวันที่ดีของนางคงต้อง จบลง
พอคิดดู นางไม่น่ามาที่นี่เลย
ถางเหอเอ่ย “กราบทูลพระชายา ที่นี่ถึงแม้จะเป็น คุกใต้ดินของประเทศต้าเหลียง แต่คุกใต้ดินนั้นอยู่ใน ความดูแลของท่านอ๋อง เรื่องนี้เองข้าน้อยก็ไม่รู้แน่ชัดว่า เพราะเหตุใด แต่นับจากที่ข้าน้อยรับรู้ว่ามีสถานที่แห่ง นี้อยู่ มันก็อยู่ภายใต้การควบคุมของท่านอ๋องมาโดย ตลอด กระไรก็ตามบุคคลที่รับผิดชอบสถานที่แห่งนี้มา จากราชสํานัก ความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องกับเขาเอง ไม่นับว่าดีเท่าไหร่ และไม่มีการไปมาหาสู่ต่อกัน
ข้าน้อยรู้แค่ว่า มีคนมากมายที่ไม่มีป้ายห้อยเอวของที่ นี่ แต่ท่านอ๋องมี”
ถางเหอไม่กล้าพูดไปมากกว่านี้ ถึงแม้เขาจะรู้เขาก็ไม่
กล้า
อันหลิงหยุนไม่ได้ถามต่อ แต่ในใจของนางยังคง หวาดกลัว กงชิงวี่มีความสามารถมากเพียงใดจึง สามารถควบคุมคุกของประเทศต้าเหลียงได้
กล่าวคือ ผู้ที่เข้าไปในคุกใต้ดินก็คือเข้าไปอยู่ในกำมือ ของกงชิงวี่
ถ้าจะบอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้ชิงหยู่และกงชิง ไม่ทุกคนไม่รับรู้ ก็คงจะเป็นกงชิง มีผู้สนับสนุน อันแข็งแกร่งก็คือฮ่องเต้ชิงหยู่
ที่นี่คือคุกใต้ดิน ใครจะรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
คุกแห่งนี้ไม่เล็ก ห่างจากเมืองหลวงไม่เกิน 20ลี้ การที่ จะมีทหาร 20000 นายประจำการจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
อีกทั้งกองทัพนั้นไม่สามารถเข้าสู่เมืองหลวงของประ เทศต้าเหลียงได้ อย่างเช่นบิดานายพลของนาง ถึงแม้ ในมือจะถือตราของนายพลเอาไว้ แต่จำนวนทหารทั้ง ในและนอกจวนนั้นกลับมีน้อยกว่า 1,000 นาย
คนอื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในวังหลวงมีทหารเพียงสอง พันนายที่อยู่เพื่อปกป้อง
หากมีใครสมรู้ร่วมคิดเพื่อแย่งชิงอำนาจ ควบคุม ฮ่องเต้ ไทเฮาและคนอื่นๆ เอาไว้ ก็เป็นเรื่องง่ายอย่างยิ่ง
ที่จะก่อกบฏ
นอกเมืองหลวงมีป้อมปราการ 30 ลี้อยู่ ทหารและม้า รอบเมืองล้วนเป็นของท่านพ่อของนาง แต่เดิมอันหลิง หยุนไม่รู้เรื่องนี้ ภายหลังถึงได้รู้ว่า ห่างจากคูน้ำรอบ เมืองหลวงห่างออกไป 30 ลี้ กลับมีสถานที่แห่งนี้ที่ดู ราวกับกำแพงเมืองจีนอยู่ มีกองทหารประจำการอยู่ 200000 นาย อีกทั้งคนเหล่านี้ล้วนถูกกระจายไปรอบ ๆ
กองกำลังครึ่งหนึ่งจะถูกส่งไปตรวจสอบรอบๆ ส่วนที่ เหลือจะถูกส่งไปเพื่อปกป้องเมืองหลวง
กระไรก็ตาม หากมีอะไรเกิดขึ้นจริงใน 30 ลี้ มันก็ยัง ไม่สามารถมาถึงเร็วขนาดนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ทหารเหล่านั้นเป็นของท่านพ่อของนาง แต่ฮ่องเต้ชิงหยูกลับยังไม่เชื่อใจ และเตรียมสถานที่ แห่งนี้เอาไว้ สถานที่แห่งนี้ห่างจากเมืองหลวงไป 20 ลี้ หากมีความวุ่นวายเกิดขึ้น ทหารก็จะสามารถไปถึงใน ไม่ช้า
อีกทั้งยังป้องกันการแปรพักตร์ตของทหาร หรือ ว่า….ด้านล่างของ 20 ล้ำแห่งนี้ จะยังมีถ้ำอยู่อีกด้วย?
อันหลิงหยุนหยุดลงและมองไปที่ใต้คูเมือง
ถางเหอเอ่ยถาม “พระชายามองอะไรขอรับ”
“ที่นี่มีปลาปิรันย่าเยอะมาก พวกมันกินอะไร? ” อัน หลิงหยุนเลิกคิ้วถาม
ถางเหอส่ายหัว “ปลาที่นี่กินอะไรข้าน้อยก็ไม่ทราบ แน่ชัด แต่เดิมมันก็มีอยู่แล้ว”
“ปกติทานปลาที่นี่หรือไม่?”
“แน่นอนว่าต้องกิน” ถางเหอคิดว่าหมายถึงปลา สามารถกินได้หรือไม่
อันหลิงหยุนส่ายหัว “แต่ถ้าท้องของปลาพวกนี้เต็มไป ด้วยคนตายล่ะ?”
“อันนี้? ”
ถางเหออึ้งไปชั่วขณะ ไม่สามารถพูดต่อได้
หลิงหยุนหันไปเดินไปรอ ๆ และเอ่ย “คุกใต้ดินขนาด ใหญ่ รอบๆ สะอาดสะอ้านอย่างยิ่ง แม้กระทั่งสุสานก็ ยังไม่มี เห็นได้ชัดว่าปลาด้านล่างนี่ไม่ใช่ทานอาหาร มังสวิรัติแน่ แทนที่จะมากินกันเอง เกรงว่าพวกมันคงกิน ศพที่ถูกโยนลงไปมากกว่า”
ถางเหอเช็ดเหงื่อ “สิ่งที่พระชายาพูดนั้นสมเหตุสม ผล”
หลังจากเข้าประตูคุกไป ถางเหอก็นำป้ายห้อยเอวไป บอกคนที่ประตู ชายที่ประตูถามว่า “นางเป็นใคร”
“นี่คือพระชายา” ถางเหอตอบกลับ
อีกฝ่ายมองไปที่อันหลิงหยุนชั่วครู่ “เข้าไปเถอะ”
อันหลิงหยุนถึงค่อยเดินตามเข้าไป และเอ่ยถามกับ ถางเหอว่าป้ายในมือของเขาคืออะไร
ถางเหอเอ่ย “ป้ายนี้อาหยูเป็นคนให้ข้ามา”
” อันหลิงหยุนมองไปที่มันและไม่ได้พูดอะไร
เข้าไปข้างใน นางเดินผ่านทางเดินที่มีการป้องกัน อย่างแน่นหนาเข้าสู่ทางเข้าของคุกใต้ดิน ด้านในเป็นห้องขัง อันหลิงหยุนเห็นว่าภายในห้องขนาดใหญ่ล้วน เต็มไปด้วยเครื่องมือสำหรับทรมาน นางนึกถึงเรื่องหนึ่ง ขึ้นมาได้และถามถางเหอ “เครื่องมือทั้งหมดนี้คงไม่ใช่ ท่านอ๋องเป็นผู้สร้างขึ้นหรอกนะ?”
“แค่บางสิ่งเท่านั้น” ถางเหอตอบตามความเป็นจริง
อันหลิงหยุนพูดกับตัวเองว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ท่าน อ๋องเวลาว่างๆ มักจะเข้าไปในห้องอุปกรณ์ทรมาน ข้า เกือบจะเข้าใจไปว่าเขาป่วยเป็นโรคจิตเสียอีก เห็นทีข้า คงคิดมากไป ก็แค่จัดการเรื่องภายในเท่านั้น”
‘ถางเหอพูดไม่ออก
อะไรคือป่วยเป็นโรคจิต หากท่านอ๋องได้ยินเข้า คง โกรธแทบตายแน่
อันหลิงหยุนต้องการที่จะเข้าไปและถูกถางเหอห้าม
เอาไว้
“พระชายาโปรดช้าลง ที่แห่งนี้เป็นสถานที่คุมขัง มี คนทุกประเภทอยู่ในนั้น เพื่อไม่ให้ชนกับพระชายา จะ ดีกว่าถ้าพระชายาจะไม่เข้าไปข้างในนั้น ข้าน้อยจะ เข้าไปแทนเอง ให้พ่อบ้านอยู่เป็นเพื่อนท่าน ข้าน้อยจะ พาอาซิวออกมา พระชายาดูเขาก็ได้แล้ว”
แส. “อม”
อันหลิงหยุนวางกล่องยาลงเพื่อสังเกตห้องอุปกรณ์ทรมาน ถางเหอพาคนสองคนเข้าไป จากนั้นจึงรีบอุ้มอา ซิวออกจากอย่างรวดเร็ว
อาซิวกำลังจะตาย เมื่อพ่อบ้านเห็นบุตรชายของตัว เองเป็นเช่นนี้ เขาก็พุ่งเข้าไปร้องไห้ทันที
อันหลิงหยุนเปิดกล่องยาก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้น จึงหยิบเม็ดยาออกมาเล็กน้อยและเดินไปที่ตรงหน้า ของอาซิว นางบีบปากของอาซิวเอาไว้และเขาก็ป้อนยา
หลังจากตรวจสอบดูด้วยสายตา นางก็หยิบยาชุด หนึ่งออกมาให้อาซิวกิน
ในนั้นมียาแก้ไข้อยู่ด้วย หลังจากทานไปครึ่งชั่วโมง ก็เห็นผล จากนั้นอันหลิงหยุนจึงหยิบมีดขึ้นมา และให้ ถางเหอวางคนลงบนโต๊ะ นางจุดเทียน จากนั้นจึงเริ่ม ลงมือหั่นเนื้อร้ายบนร่างของอาซิว
สภาพแวดล้อมในคุกใต้ดินไม่ดีนัก แต่เดิมสุขภาพ ของอาซิวเองก็ย่ำแย่ หลังจากมาที่นี่บาดแผลของเขา ก็เน่าเปื่อย บนตัวของเขายังมีตุ่มหนองเกิดขึ้นบางส่วน ในนั้นมีหนอนอยู่ มองแล้วรู้สึกสยดสยองอย่างยิ่ง
พ่อบ้านไม่กลัว ถางเหออดทนไม่ไหวที่จะอาเจียนไป สองครั้งอีกทั้งยังทรงตัวไม่นิ่งอยู่บ้าง กลับเป็นอันหลิง หยุนที่ยังนิ่งสงบตามเดิม ท่าทางของนางเรียบเฉย
ถางเหอเอ่ย “พระชายาท่านช่างน่าทึ่งจริงๆ! ”
อันหลิงหยุนหยิบแหนบไม้ไผ่ขึ้นมาหยิบหนอนออกที ละตัวๆ แล้วใส่ลงในภาชนะนางนึกไปถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้น มา นางจะต้องคิดถึงเรื่องการกลั่นยาและสร้างอุปกรณ์ ทางการแพทย์เช่นหยอดหยดยาและเข็มฉีดยา
“พระชายา.”
ถางเหอเอ่ยเตือน เขามองดูอันหลิงหยุนที่นิ่งเงียบ ด้วยความกังวล
อันหลิงหยุนค่อยเอ่ยขึ้นมา “ข้าได้ยินแล้ว ถางเหอ ยา ที่ข้านำมาไม่เพียงพอ ข้าจะออกใบรายการให้ท่าน ท่าน จงกลับไปยังจวนท่านแม่ทัพและออกใบสั่งยามา ถ้า หากท่านพ่อของข้าสอบถาม จงบอกว่าคลังยาของข้า ไม่มีแล้ว”
“พระชายา จวนอ๋องเสียนไม่มีจริงๆ หรือ?” ถังเหอ แปลกใจ ยาอะไรกันที่จวนอ๋องเสียนถึงไม่มี
“กลับไปในเวลานี้ หากเจอท่านอ๋องเข้า คนที่โชคร้าย ก็คือพวกเจ้า หากพวกเจ้าไม่ยินยอมไปจวนแม่ทัพก็ช่าง เถอะ เงินในจวนแม่ทัพหาใช่ได้มาฟรีๆ รายได้ต่อเดือน ของท่านพ่อน้อยขนาดนั้น ข้าที่เป็นบุตรีที่แต่งออกไป แล้ว ไม่รู้ว่าจะตอบแทนท่านกระไร แต่กลับต้องให้เขา มาช่วยข้า พวกเจ้ามีความเกรงใจ เช่นนี้ข้าเองก็ทนไม่ ได้ ”
” ถางเหอนับถือนางแล้ว นี่มันเวลาไหนกัน กลับ มาพูดเรื่องพวกนี้
“เจ้าไปเถอะ ตอนนี้อาซิวยังไม่ตาย” อันหลิงหยุ นทำความสะอาดบาดแผลบนตัวอาซิวอย่างรวดเร็ว คล่องแคล่ว
นางหยิบผงที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงออกและโรยลงบน บริเวณที่แผลถูกตัดออก อาซิวตัวสั่นด้วยความเจ็บ ปวด แต่เนื่องจากร่างกายของเขาอ่อนแรง เขาพยายาม ลืมตาไปมองอันหลิงหยุน
อันหลิงยุนสวมหน้ากาก เสื้อคลุม และหมวก เอาไว้ ดวงตาขอ จนแทบมองไม่เห็นว่าเป็นใคร
อาซิวมองไปที่นางและถามขึ้น “ท่านเป็นใคร”
อันหลิงหยุนไม่ได้สนใจเขา นางพันผ้าพันแผลอย่าง รวดเร็ว เนื่องจากความเจ็บปวด อาซิวจึงเป็นลมไป
ถางเขารีบกลับมาและต้มยาให้อาซิวทันที หลังจาก บังคับให้เขาดื่มลงไปสำเร็จอันหลิงหยุนก็ไปล้างมือและ ค่อยออกมาอีกครั้ง
เมื่ออันหลิงหยุนออกมา พ่อบ้านก็คุกเข่าลง
“พระชายา ได้โปรดท่าน ได้โปรดท่านช่วยอาซิว
ด้วย”
อันหลิงหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เตรียมรถม้า ที่นี่มีเงิน อยู่จำนวนหนึ่ง ข้าจะเตรียมใบสั่งยาและยาสำหรับใช้ ภายนอกและยาภายในให้เพียงพอ ขอแค่ใช้มันตามที่ข้าสั่ง อีกไม่เกินสองเดือนเขาก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว ส่วน เรื่องบาดแผลบนตัว ข้าเองก็ไร้หนทาง
ตอนนี้พวกเจ้าจงไปหาคนมาส่งอาซิวออกไป บอกไป ว่าข้าเป็นคนสั่ง หากมีเรื่องเกิดขึ้นข้าเป็นคนรับผิดชอบ แต่นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว หากครั้งหน้าอาซิวกลับมาและ ต้องการฆ่าข้า ข้าจะไม่มีทางช่วยเขาอีก
สำหรับครั้งนี้ เป็นเพราะข้าสัญญาไว้กับอาหยู
อันหลิงหยุนเอ่ยเตือน ถึงแม้นางจะไม่เต็มใจ แต่ใคร ใช้ให้นางไปรับปากเอาไว้
พ่อบ้านน้ำตาไหลพราก เขารีบก้มลงคำนับ จากนั้นจึง ดึงถางเหออย่างรวดเร็ว
อันหลิงหยุนเฝ้าดูพวกเขาจากไปด้วยความหดหู่อยู่
ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงนำหมาจิ้งจอกหางสั้นออกไปรอ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ